CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown



    เจ้าสาวทาส ตอน 7

    ทำลิ้งค์ก่อน

    ตอน 1
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2732063/W2732063.html#2

    ตอน 2
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2744691/W2744691.html

    ตอน 3
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2762405/W2762405.html

    ตอน 4
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2780226/W2780226.html

    ตอน 5
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2794746/W2794746.html

    ตอน 6
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2814828/W2814828.html

    ตอน  7

    ภาพในฝันที่มีหมอกควันจางๆลอยประปรายเต็มไปหมด    เธอรู้สึกไม่คุ้นเลยแล้วคนอื่นล่ะไปอยู่ที่ไหนกัน  ทำไมถึงทิ้งให้เราอยู่คนเดียว
    “ที่ไหนกันนะ    ทำไมมันถึงเงียบอย่างนี้”หญิงสาวมองภาพรอบกายและเอ่ยออกมาด้วยความกลัวจับใจ  พร้อมกับร้องไห้ไปด้วย

    “พี่เวช  อยู่ไหนคะ  อรกลัว”พิชอรวิ่งไปมารอบๆเพื่อหาคนคุ้นเคยที่เธอรู้จัก  แต่ก็หามีเสียงตอบรับกลับมาไม่
    “คุณพ่อ  คุณแม่ขา  อยู่ที่ไหนคะ  พี่เวช  “ร่างบางร้องเรียกและวิ่งๆไปโดยไม่รู้ทิศทางและหกล้มลงไปนั่ง

    “อร  พี่กับคุณพ่อคุณแม่อยู่ทางนี้”เสียงเรียกชื่อของเธอทำให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ในกลุ่มหมอกควัน    เงยหน้าขึ้นมาพบกับบุคคลในครอบครัวที่คอยโอบอุ้มตัวเธอมาเสมอ  พิชอรรู้สึกดีใจที่ได้เจอหน้าของทุกคนพร้อมหน้า

    หญิงสาวรีบลุกขึ้นจากที่เดิม  วิ่งตรงเข้าไปกอดพี่ชายและบุพการีทั้งสอง  แต่เธอกอดได้แต่พี่ชายคนเดียว  และพิชอรก็เห็นภาพของท่านทั้งสองค่อยๆจางลงไปแผ่วๆและลอยออกไปไกลจากเธอไกลขึ้นๆ  ไม่สามารถคว้าร่างของบุคคลทั้งคู่ได้
    “คุณพ่อ  คุณแม่”พิชอรร้องเรียกและวิ่งตามเงาทั้งสอง  ใช้มือไขว่คว้าออกไปข้างหน้า  ก็ดูเหมือนว่าร่างของบิดาและมารดาของเธอจะไกลห่างและลอยหายไปจนหญิงสาวเอื้อมไปไม่ถึง

    “คุณพ่อ  คุณแม่ขา”  พิชอรลืมตาตกใจตื่นขึ้นมา  สภาพรอบกายไม่เหมือนกับเมื่อครู่ที่เธอฝันเห็น  หญิงสาวกลับมาสู่สภาพความเป็นจริงที่ต้องรับรู้ว่าบุพการีทั้งสองของตนได้จากเธอไปแล้ว  เหลือเพียงรูปถ่ายและวีซีดีที่มีความหมายกับตัวเองเท่านั้นร่างบางล้มตัวลงนอนกอดหมอนข้าง  ที่ชุ่มชื้นไปด้วยหยดน้ำที่ไหลรินจากดวงตาคู่สวยที่ดูเศร้าหมอง

    วันนั้นเธอกลับจากไปซื้อของข้างนอกมาด้วยความสดชื่นเมื่อรู้ว่าบิดาและมารดาของหญิงสาวกำลังจะกลับจากต่างประเทศภายในวันนี้แล้ว  เมื่อสองคืนก่อนคุณแม่เป็นคนโทรกลับมาหาเธอ
    “อรเหรอลูก    พ่อกับแม่คิดถึงลูกๆมากเลย  รู้มั้ยจ๊ะ”
    “อรกับพี่เวชก็คิดถึงคุณพ่อคุณแม่เหมือนกันค่ะ  เมื่อไหร่คุณแม่กับคุณพ่อจะกลับล่ะคะ  อรอยากกอดคุณแม่ค่ะ”

    “อีกไม่นานหรอกลูก  เร็วๆนี้เราก็จะได้เจอกันแล้ว”มารดาของหญิงสาวบอกกับเธอ
    “จริงเหรอคะ  เมื่อไหร่คะ  อรกับพี่เวชจะได้เตรียมตัวไปรับที่สนามบินค่ะ”
    “ได้เลยจ๊ะ  ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมตัวไปรับพ่อกับแม่ได้เลยนะ  ไม่เกินมะรืนนี้ก็จะกลับแล้วจ๊ะ

    “ดีใจจังเลยค่ะ  พวกเราจะได้กลับมาทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน”
    “พ่อกับแม่ก็ดีใจนะที่จะได้กลับไปเจอลูกๆทั้งสองคน”
    “ค่ะ  หนูรักคุณพ่อคุณแม่ที่สุดเลยค่ะ”หญิงสาวบอกความรู้สึกของตนเองให้ท่านรับรู้
    “จ๊ะ  พ่อกับแม่ก็รักลูกเหมือนกัน  แล้วจะซื้อของชอบไปฝากเยอะๆนะลูก  แล้วเจอกันจ๊ะ”มารดาของเธอพูดกับหญิงสาวเพียงไม่นานก็วางสายไป

    พิชอรเตรียมทำกับข้าวต้อนรับการกลับมาของท่านทั้งสองพร้อมกับป้านุ่ม  เหมือนจัดงานเลี้ยงฉลองใหญ่โต  เพราะเธอลงมือทำกับข้าวมากมายเพื่อต้อนรับการกลับมาของบุคคลที่รักยิ่งด้วยใจจดจ่อ  และรอให้พี่ชายแต่งตัวเสร็จเพื่อจะไปรับท่านด้วยกัน  หลังจากเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว  พิชอรก็ขึ้นไปตามพี่ชายทันที

    “พี่เวชแต่งตัวเสร็จรึยัง  อรอยากไปรับคุณพ่อคุณแม่เร็วๆน่ะ”
    “จะเสร็จแล้ว  รอแป๊บนึง”พัชเวชตะโกนออกมาจากในห้อง  หญิงสาวเลยเดินลงมาข้างล่าง  เปิดโทรทัศน์นั่งดูไปพลางๆก่อน

    แล้วอยู่ๆโฆษณาทางหน้าจอก็หายไปตัดกลับมาที่ภาพข่าวเครื่องบินตก
    “มีข่าวด่วนแจ้งเข้ามาว่า    ได้เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตกในขณะที่เครื่องกำลังร่อนลงสู่พื้น  แรงกระแทกทำให้ผู้โดยสารเสียชีวิตในทันทีเกือบทั้งลำ    ขณะนี้ยังไม่รู้ชื่อผู้เสียชีวิต  คาดว่าไม่เกินวันนี้ทางเราคงได้รายชื่อทั้งหมด

    เหตุเกิดจาก  เครื่องบินลำที่บินตรงมาจากอเมริกากำลังจะลงสู่พื้น  ได้เกิดเหตุขัดข้องจนกัปตันไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ทำให้เครื่องบินลำดังกล่าว  พุ่งดิ่งลงสู่ข้างล่างด้วยความรุนแรง  ผลความคืบหน้าจะเป็นอย่างไร  เราจะกลับมารายงานให้ทราบอีกครั้งค่ะ”

    พิชอรนั่งตะลึงตาค้างอยู่กับที่  น้ำตารินไหลออกมาด้วยความตกใจ  รีโมทที่ถืออยู่ในมือล่วงลงสู่พื้น  พร้อมกับที่มือของพัชเวชก็ปัดโดนรูปของครอบครัวล่วงลงมาแตกที่พื้น

    “เพล้ง”  ชายหนุ่มรู้สึกตกใจเล็กน้อยที่เผลอทำรูปของพ่อแม่และน้องหล่นลงมา  เขาเก็บขึ้นมาวางที่เดิม  คิดว่าหลังจากไปรับบิดาและมารดาแล้วจะนำรูปนี้ไปเปลี่ยนกระจกที่ร้าน  แล้วพัชเวชก็เดินลงมาข้างล่าง  พบว่าน้องสาวนั่งนิ่งร้องไห้ไม่ยอมพูดยอมจากับใคร  เขาเดินเข้าไปหาเธอทันที

    “อร  เป็นอะไรร้องไห้ทำไม  เกิดอะไรขึ้น”  พิชอรหันหน้ากลับมาตอบคำถามของชายหนุ่มด้วยใบหน้านองน้ำตา  วิ่งเข้ามากอดร่างของชายหนุ่มซุกซบไปที่บ่าของเขาร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    “พี่เวช  ………เครื่องบินตกค่ะ”
    “ที่ไหนอร”ชายหนุ่มซักน้องสาวต่อ  หญิงสาวชี้ไปที่จอโทรทัศน์โดยที่ใบหน้ายังไม่เงยขึ้นมาจากบ่าของชายหนุ่ม
    “ข่าวเขาบอกว่าเครื่องบินที่มาจากอเมริกาตกค่ะ  อรไม่รู้ว่าจะใช่ลำเดียวกับที่คุณพ่อคุณแม่ของเรามาด้วยรึเปล่า”

    "อาจไม่ใช่ลำเดียวกันก็ได้ อย่าเพิ่งคิดในแง่ร้ายสิ
    "อรก็หวังให้เป็นอย่างนั้นค่ะพี่เวช

    ทั้งคู่พากันไปรอรับบิดามารดาที่สนามบิน รออยู่นานก็ไม่มีวี่แววที่จะเห็นท่านทั้งสอง เดินออกมาจนพัชเวชเอะใจ เดินเข้าไปด้านในให้ทางสายการบินเช็คชื่อบุพการีทั้งสองของเขา

    "เครื่องบินมาจากประเทศไหนคะ" พนักงานถามชายหนุ่ม
    "อเมริกาครับ"
    "ไม่แน่ใจนะคะว่าจะใช่ลำเดียวกับที่เป็นข่าวรึเปล่า"

    พัชเวชบอกชื่อของบิดาและมารดาออกไปเพื่อให้พนักงานคีย์คอมพิวเตอร์หาให้ว่าท่านทั้งสองมาเครื่องบินไฟล์ทไหน และเขาก็ต้องตกใจกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อพนักงานสาวคนเดิมบอกออกมา
    "รายชื่อที่คุณบอก  ได้มากับเครื่องบินลำที่เิกิดอุบัติเหตุ ดิชั้นเสียใจด้วยนะคะ"

    เหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุน ทุกอย่างดูมืดมิดไปหมดสำหรับเขา ชายหนุ่มและน้องสาวได้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักของเขาไปแล้ว

    พัชเวชนิ่งไปทันทีเมื่อนึกถึงภาพครอบครัวที่เขาทำตกเมื่อครู่  น้ำตาของลูกผู้ชายก็รินไหลออกมา  นี่โชคชะตาจะสร้างความเสียใจให้เขาไม่หยุดหย่อนเลยเหรอ    พรากคนที่ตนรักจากไปทั้งสามคนในเวลาที่ไม่ห่างกัน  เมื่อ  2  ปีก่อนก็ฉุดชีวิตของคนรักชายหนุ่มไป  มาปีนี้ก็มาพรากบุพการีคนสำคัญของเขาไปอีก  แล้วต่อไปจะมาพรากใครไปอีกล่ะ
    ++++++++++
    ภายในงานศพของบิดาและมารดาของเขาทั้งคู่  แขกเหรื่อที่รู้จักต่างพากันมาแสดงความเสียใจกับชายหนุ่มและหญิงสาวทั้งสอง  มีเพียงพัชเวชและอัคนินทร์เท่านั้นที่เป็นฝ่ายรับแขกหน้างาน    เพราะพิชอรไม่ยอมออกมาห่างจากร่างของบุคคลอันเป็นที่รักที่อยู่ในกล่องสี่เหลี่ยมสีขาวเลย

    หญิงสาวเอาแต่นั่งร้องไห้และเสียใจไม่หยุดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่ทันตั้งตัว  ดวงตาทั้งสองของเธอบวมช้ำเหมือนคนที่ผ่านการร้องไห้มาไม่หยุด
    “คุณพ่อ  คุณแม่ขา  ทำไมต้องทิ้งอรไป”พิชอรร้องไห้ต่อหน้าแท่นดอกไม้ที่จัดไว้อย่างสวยงาม  

    อัคนินทร์เห็นสภาพร่างบางที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นตัวโยนก็รู้สึกสงสาร  เป็นใครก็คงทำใจไม่ทัน  ที่บุคคลซึ่งหวังจะได้มาพบกันพร้อมหน้าต้องมาจากไปอย่างกะทันหัน  ชายหนุ่มหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวส่งให้กับเธออีกครั้งตรงหน้าพิชอร

    หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามองอัคนินทร์  ใบหน้าของเธอตอนนี้เริ่มแดงและเปื้อนน้ำตาดวงตาของพิชอรเหมือนคนหมดสิ้นความหวัง  เขาเห็นแววตาที่โศกเศร้า  เลื่อนลอยของเธอก็อดปลอบใจไม่ได้

    “ท่านไปสบายแล้วนะอร    แต่พี่ว่าคุณพ่อคุณแม่ของน้องอรก็คงไม่ไปไหนไกลหรอก  ยังคงวงเวียนอยู่ใกล้ๆน้องอรนั่นล่ะ  พี่เสียใจด้วยนะที่เกิดเหตุการณ์ร้ายๆกับครอบครัวหลายครั้ง”  พิชอรพยักหน้าทำท่าเข้าใจ  อัคนินทร์ดึงร่างบางเข้ามากอดไว้เพราะรู้สึกสงสารหญิงสาวตรงหน้าที่มาเจอเหตุการณ์เศร้า  

    “อรไม่คิดว่าท่านทั้งสองจะมาด่วนจากไปเร็วอย่างนี้ค่ะ  อรยังทำใจไม่ได้  คิดว่าท่านยังอยู่กับเราตลอดเวลา”
    อัคนินทร์หยิบผ้าเช็ดหน้าในมือมาปลอบเช็ดน้ำตาให้เธอด้วยความอ่อนโยน  เหมือนพี่ชายปลอบน้องสาวตามปกติ    แต่เขาไม่รู้เลยว่าการดูแลอย่างเอาใจใส่และอ่อนโยนของเขาจะทำให้ดวงใจที่กำลังต้องการที่พึ่งคิดกับชายหนุ่มไปไกลมากกว่านั้น
    +++++++++++
    ใช่ว่าพิชอรจะเป็นฝ่ายคิดถึงบิดาและมารดาฝ่ายเดียว  พัชเวชซึ่งอยู่ในห้องทำงานก็กำลังนึกถึงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน  ชายหนุ่มวางเอกสารเกี่ยวกับสินค้าตัวใหม่  ที่จะวางตลาดภายในเดือนหน้าไว้ข้างกาย  เขานั่งนึกถึงวันที่ต้องขาดท่านทั้งสองที่เป็นที่รักแบบชั่วกัปชั่วกัลป์  จนทำให้ชายหนุ่มต้องเข้าไปจัดการและบริหารกิจการต่อจากท่านทั้งสองพัชเวชจำภาพวันนั้นได้ดีที่มีน้องสาวสะอื้นตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดของเขา

    ภาพควันที่พวยพุ่งขึ้นไปด้านบน  พิชอรและพัชเวชได้แต่ยืนมองกลุ่มควันที่ลอยขึ้นไปบนฟ้าด้วยหัวใจที่หมองหม่น  ต่อไปนี้เขาทั้งสองไม่มีแล้ว  พ่อและแม่ที่จะคอยปลอบขวัญยามเมื่อตนมีทุกข์  หรือมีปัญหาก็ไม่มีบุคคลที่รักมาคอยพูดแนะนำและปรึกษาอย่างเมื่อวันวานอีก

    พัชเวชกอดร่างของพิชอรไว้      ในอนาคตเขาต้องเป็นผู้นำเป็นตัวแทนของบิดาและมารดาให้น้องสาวอันเป็นที่รัก  จะปกป้องคุ้มครองเธอทุกอย่างแทนท่านทั้งสอง  ชายหนุ่มจะเป็นคนที่เข้มแข็งและไม่อ่อนแอ  อีกต่อไป

    พัชเวชต้องก้าวเข้าไปบริหารและดูแลกิจการของครอบครัว  ถึงแม้ว่าจะถูกคนรุ่นก่อนที่เป็นหุ้นส่วนในบริษัทของบิดาดูถูกฝีมือว่า  เด็กหนุ่มด้อยประสบการณ์อย่างเขาจะไม่สามารถพาบริษัทให้เจริญก้าวหน้าได้เท่าพ่อของเขา  พัชเวชก็ไม่ท้อ    เพราะในวันนี้สิ่งที่มีค่าที่สุดกับเขามากก็คือน้องสาวคนเล็กที่ขาดบุพการีคอยคุ้มครอง  เขาจะชดเชยสิ่งนั้นให้พิชอรด้วยตัวเองให้ได้

    ชายหนุ่มค่อยๆเรียนรู้และศึกษาการทำงานในบริษัทไปเรื่อยๆ  และส่งน้องสาวคนเดียวเรียนมหาวิทยาลัยไปด้วย  โดยมีอัคนินทร์เข้ามามีส่วนร่วมในบริษัทที่ใหญ่โต    เป็นทั้งผู้ให้กำลังใจ  และคอยดูแลเขาทุกอย่างรวมทั้งปลอบใจพัชเวชไม่ให้ท้อแท้กับอุปสรรคที่ผ่านเข้ามา    คำๆนี้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกแกร่งมากกว่าเดิม  และยินดีฟังความคิดเห็นของบุคคลอื่นเพื่อนำมาปรับปรุงและแก้ไขให้ตนเองลบคำสบประมาทของผู้อื่นได้

    จนเขาสามารถผ่านพ้นคำพูดดูถูกและสามารถพาบริษัทให้ก้าวหน้าและเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป  คนอื่นที่เคยดุถูกเขาไว้  ต่างพากันยอมรับในฝีมือของชายหนุ่มทั้งสองว่าเป็นนักธุรกิจที่ไฟแรงและฉลาด

    พัชเวชปิดแฟ้มที่อยู่ข้างกายลง    ปิดไฟเดินออกมาจากห้องเตรียมตัวขึ้นข้างบนไปนอน    มันดึกมากแล้วจวนจะได้เวลาตี  3     ชายหนุ่มเดินขึ้นชั้นบนและเข้าห้องของตนเองไป


    ฮือ ๆๆๆ เศร้าอีกแล้ว ทำไมบ้านนี้รันทัดเหลือเกิน

    แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 47 09:03:27

    แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 47 08:59:16

    แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 47 17:52:14

    แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 47 17:38:36

    แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 47 15:55:39

    จากคุณ : tonkho-w - [ 21 พ.ค. 47 15:40:11 ]