CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown



    “THE KISS WITH THE CIN(DERELLA)” ตอน 3-4 *~ *~ ลั๊ลลา...(เรื่องสั้นๆยาวๆ)

    ไม่พูดพล่ามทำเพลงละนะคะ  ขอแปะเลยแล้วกัน


          หลังออกจากห้องพัก  โยสุเกะพาซินเดอเรลล่าของเขา
    เดินไปยังห้องฟังดนตรี  นอกจากเครื่องเสียงชุดใหญ่โต
    มโหฬารกับลำโพงหลากขนาด  ยังมีโซฟาบุนวมสีครีมยาว  
    มีเก้าอี้นอนริมหน้าต่างสำหรับเอนหลังรับรสของดนตรีขณะ
    เพลินวิวทะเลสาบ  ผนังเป็นเยื่อไม้ทำพิเศษสำหรับเก็บและ
    ช่วยสะท้อนเสียง  ทั้งสองเรียกเครื่องดื่มมาเรียกน้ำย่อยก่อน
    จะกินอาหารเย็น  เป็นพันช์ผลไม้  มีกลิ่นเหล้าเชอรี่หอมจางๆ
          เลือกมุมนั่งได้  เธอรู้สึกว่าบ้านหลังนี้ไม่ว่าตรงไหน  จะ
    มองเห็นทะเลสาบ  ทิวสน  รอบๆตัวสวยงาม  สดชื่นจนผู้คน
    ที่นี่น่าจะรื่นรมย์กับชีวิต  และอารมณ์ดีพอที่จะถามอะไรได้…
          "คุณอายุเท่าไหร่แล้ว  ยัง…ยังเล่นเป็นเด็กอยู่ได้..."
          "สามสิบเอ็ด"
          "หา..."
          เธอจ้องหน้าที่มีผิวขาวละเอียด  กับริมฝีปากเต็มอิ่มที่
    ดูนุ่มแดงใสอย่างตะลึง  ตาไม่มีรอยย่นแถวหางตานอกจาก
    รีได้รูปสวย  ขนตางอนยาว  แก้มใส  บอกว่า...ยี่สิบห้า  ยัง
    ไม่อยากเชื่อ  ความลืมตัวทำให้เผลอแผดเสียง  นึกว่าผู้ชาย
    ข้างหน้าเป็นนายอ้นหลานชาย      
          "โกหก..."
          "ผมไม่ได้โกหก  ผมจบตรีด้าน  ประวัติศาสตร์ศิลป์
    กับสถาปัตยกรรม  (History of Art and Architecture)  
    โทสาขาเดียวกันจากฮาร์วาร์ดตอนอายุยี่สิบสี่  เล่นหุ้นอยู่
    ระยะหนึ่งก็เลิก  จับงานเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ และศิลปะ
    ประมูลมาห้าปี   ห้าปีนี่ผมทำเงินได้กว่าสามร้อยล้านดอลล่าร์  
    เยนไม่นับ  ซื้อบ้านหลังนี้ราคายี่สิบแปดล้านดอลล่าร์เมื่อ
    หกปีที่แล้ว  เริ่มค้นหาซินเดอเรลล่ามาหกเหมือนกัน  แต่เป็น
    หกเดือน  คิดว่าผมควรจะอายุเท่าไหร่…”
          เธอพูดไม่ออก  เพราะเขาบรรยายยืดยาวดุจจะยืนยัน
    อายุและฐานะที่ขัดกับใบหน้า  ตบท้ายด้วย  
          “คุณมีอะไรสงสัยอีกไหม"
          ท่าทางมั่นใจของเขาทำให้สราลีพยักหน้าอย่างหมั่นไส้  
    เบรคหน้าตาเฉย
          "มี...คุณไปพบจิตแพทย์มาแล้วกี่หน"
          ชายหนุ่มมองเธอทำหน้าเหมือนฟังคำตอบจากตัว
    ประหลาด  แต่แล้วแปรเป็นยิ้ม  จนดวงตาสุกปลั่งเป็น
    ประกายขบขันดูราวทารก  ก่อนจะกุมท้อง  งอตัว  พร้อม
    ระเบิดเสียงหัวเราะลั่นห้อง  ผนังไม้พิเศษทำให้เสียงก้อง
    ไปทั่วอย่างไพเราะ
          "คุณเป็นคนแรกนะ  ที่พูดกับผมแบบนี้  ผมยังไม่บ้านะ
    ฮะ ฮะ ...แต่...โอเค  ความคิดของคุณมัน...ใช่...ใช่…ตรง
    จริงๆ  ไม่ว่าใครมาเจอผมคงอยากถามแบบนี้  แต่ไม่เคยมี
    ใครกล้าเหมือนคุณ"
          ชายหนุ่มพยักหน้าช้าๆ  พิจารณาผู้หญิงที่ยืนตรงหน้า
    อย่างใคร่ครวญก่อนจะเอ่ยขึ้น  
          “คุณคงเป็นซินเดอเรลล่าที่ตลกน่าดู  เพราะคุณทำให้
    ผมหัวเราะได้หลายหนแล้วนะวันนี้  ผมไม่ได้หัวเราะเต็มเสียง
    แบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วไม่รู้…”
          เขาหันมาคว้ามือเธอ
          “ไปเถอะ…อาหารค่ำรอเราอยู่  ผมคงกินได้มากกว่า
    ที่เคยแน่เลยวันนี้…”

          หากดูไม่ออกว่า “มากกว่าที่เคย”  มันแค่ไหน  เพราะเขา
    กินยากอย่างเหลือเชื่อ  เจ้าอกเป็ดอบที่ถูกตักออกจากะทะ  
    เป็นชิ้นดูสวย  พอง ดูนุ่ม ฉ่ำไปด้วยรสของซอส  ส่งกลิ่นหอม  
    จนเธอน้ำลายสอ   แต่เจ้าบ้านหนุ่มแค่เฉือนชิ้นบางๆมาดม  
    ใส่ปาก  เคี้ยวนิดหนึ่ง  ก่อนจะคายใส่ผ้าเช็ดปาก  แล้วเป็ดที่
    พ่อครัวบรรจงปรุงจานนั้นก็ถูกอัญเชิญออกจากโต๊ะ
          พ่อครัวกลับมีสีหน้าเอาอกเอาใจ  เปลี่ยนเป็นเนื้อสัตว์อีก
    ชนิด  แดงๆ  ไม่รู้อะไร  ซอสก็เปลี่ยน  หลังผ่านสารพัดกรรม
    วิธี  ที่ทั้งว่องไวและสรรประดิษฐ์  มันก็มาเป็นอะไรที่น่ากิน
    มากๆในสายตาของหญิงสาวจนเขามองออก
          "อยากชิมเหรอ"
          "อะไรน่ะ…คะ"
          "นกยูง...ฟิเลย์นกยูง  ชิมซักคำไหม"
          สราลีตาโต  นกยูง...ไอ้ตัวสวยๆที่เดินพล่านบนสนาม
    น่ะเหรอ  โอย...ไม่  แต่ก็อยากลอง  เอาวะ...สักหนในชีวิต
    ที่จะกินไอ้สวยนั่น  ขอสักคำ...เธอเลยพยักหน้า
          "ขอนิดเดียวนะคะ  ไม่ต้องทำใหม่หรอก"
          ผู้ชายจากอีกด้านของโต๊ะ  ตัดเป็นชิ้นเล็ก  คนเดินโต๊ะ
    นำจานเล็กมาเทียบ  ให้เขาใส่เนื้อนกยูง ก่อนจะนำไปให้
    พ่อครัวราดซอสลงไปเพิ่ม  ประดับด้วยเปลือกส้มสไลด์  
    แล้วเดินอกตั้งมาให้เธอซึ่งอยู่อีกด้านของโต๊ะกินข้าว มัน
    อลังการงานเสริฟจนหญิงสาวรู้สึกว่าสมค่า...ที่ไอ้นกสวยๆ
    นั่นตาย  มันตายอย่างมีเกียรติ...
          อร่อยอีกด้วย...
          หลังอาหารคาวยังมีของหวานเป็นเครปผลไม้ปรุง
    สดใหม่  ก่อนเสริฟจุดไฟลุกท่วมกะทะเรียกน้ำย่อย  
    ระหว่างมื้อมีไวน์รสเยี่ยม  หญิงสาวรู้สึกว่าท้องตึง  ถ้า
    อาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นการทรมานกระเพาะ  วันนี้เป็นวัน
    ขึ้นสวรรค์ชัดๆ  ชักง่วงละ…อยากรู้ว่าเจ้าเตียงที่นอน
    ขนเป็ดนั่นจะนุ่มสักขนาดไหน  คืนนี้ขอนอนผจญภัยแบบ
    ไฮโซสักวันเถอะนะ  สราลีบอกตัวเอง  เขาเดินตามมาส่ง
    แบบสุภาพบุรุษ  พอถึงห้องก็เปิดประตูให้  นิ้วยาวๆแตะที่
    แก้มเธอก่อนจะก้มหน้าลงมา
          สราลีพลิกหลบถอยไปด้านข้างแบบฉิวเฉียด
          “จะทำอะไรน่ะ”
          “จูบราตรีสวัสดิ์”
          หญิงสาวทำตาโต  แต่พอเขาขยับเข้ามา  เธอรีบจูบ
    ปลายนิ้วตัวเอง  ก่อนจะเป่าให้ “รอยจูบ” ลอยตามลมไปให้  
    พร้อมแลบลิ้นส่งท้ายเป็นของแถม  ขณะที่คนรอจุมพิตร้องประท้วง
          “ขี้โกง”
          ไม่ทันแล้ว  ประตูห้องถูกปิดลง  ล๊อคเรียบร้อย  ปลอด
    ภัยหลังประตูมั่นคง  หญิงสาวนึกดีใจที่ไม่ได้เลือกห้องหนังสือ
          …


          เตียง “ไฮโซ”  นุ่มสบายจนหลับสนิท  สราลีจึงรู้สึก
    พลังเต็มเปี่ยมทีเดียวเมื่อตื่นมาตอนเช้า  แดดเริ่มทอแสงเห็น
    ลอดไรๆตามทิวสน  อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเปิดประตูออกมา  ก็
    เจอเข้ากับสาวใช้ที่ยืนรออยู่แล้ว  มารอนำเธอไปยังห้องอาหาร
         “ห้องอาหารเช้าอยู่ชั้นสามปีกตะวันออกค่ะ”
          โต๊ะอาหารเช้าน่าตื่นตา  เป็นโต๊ะกลมจัดบนระเบียง
    ชั้นสามของตัวบ้านด้านข้าง  มองเห็นทิวสนกับยอดเขาไกล
    ออกไป  ให้ความรู้สึกโลกกว้างใหญ่น่าผจญภัยเพิ่มขึ้นอีกทวีคูณ  
    แดดเช้าส่องต้องดอกเดซี่สีเหลืองดอกเล็กๆที่ปลูกในกระบะวาง
    เรียงรายโดยรอบ  เสริมความสว่างสดใส  ข้างๆเป็นรถเข็น
    ขนาดกลาง  บรรจุสารพัดขนมปัง  เนย  แยม  ผลไม้  และของ
    เย็นพวกแฮม  ไก่เย็น  สลัด  พ่อครัวในชุดขาวอีกคนยืนรอพร้อม
    ปรุงอาหารพวกเบคอน  แพนเค้ก  ไข่  ให้แบบสดๆร้อนๆตาม
    ต้องการ  ยังมีโต๊ะวางของหวานเป็นทาร์ตชิ้นพอคำหลากหน้า
    ทั้งผลไม้และครีมต่างๆ  ในที่วางทำด้วยเงินสูงสามชั้น  กับถาด
    ใหญ่บรรจุผลไม้สารพัด
          ‘…นี่…มันโรงแรมระดับห้าดาวหรือไงวะ…’  สราลีรำพึง
    ในใจเมื่อนั่งลง  แน่นอน  มีคนคอยเลื่อนเก้าอี้ไห้  คลี่ผ้าเช็ด
    ปากปูบนตักให้ด้วย  พ่อบ้านของโยสุเกะเดินเข้ามาในชุด
    สุภาพเป็นงานเป็นการ  พร้อมถุงมือขาวเหมือนเคย…
          "คุณโยสุเกะละคะเฟร็ด"
          "ท่านยังไม่ตื่นครับ เมื่อคืนมีพายุ  ชา…หรือกาแฟ
    ดีครับ"
          "ชาค่ะ…  เมื่อคืน…พายุที่ไหน  มีฝนตกนิดเดียว
    เอง...ทำไมล่ะ"
          พ่อบ้านของเขากลับไม่ตอบ  ยิ้มนิดๆ  ก่อนจะรินน้ำชา
    ให้  แล้วถอยไปยืนระวังใกล้ๆ  ท่าทางสุภาพจนเธอไม่กล้า
    ชวนคุยต่อ  ไม่ตอบก็ไม่ตอบสิกินดีกว่า ออมเล็ตแบบฝรั่งเศส
    อร่อยนุ่ม  หอมเนย  มีเห็ดปนในเนื้อไข่ตามด้วยไส้กรอก  เอาวะ
    ...กินมันเผื่อต้องไปหิวอาทิตย์หน้า  เธอฟาดทั้งนม  ชา  กลั้ว
    เบคอนทอดจนกรอบอีกหลายชิ้น  แถมน้ำผลไม้  ครัวซองท์
    อบใหม่ๆ  ตบท้ายด้วยคอร์นเฟล็กใส่นมกับฟรุตสลัด
          เฮ้อ…อิ่มจนท้องตึงเหมือนเมื่อคืน  เจ้าของบ้านยังไม่มี
    วี่แววว่าจะลงมา  ในรถเข็นของเช้ายังมีอีกหลายอย่างที่เธอยัง
    ไม่ได้แตะต้อง  ทั้งเค้กก้อนเล็กๆ  ขนมปังอีกหลายชนิดทั้งก้อน
    กลม  แผ่นแบน  ใส่สารพัดธัญพืช   แฮมสไลด์แผ่นหนาเป็นตั้ง  
    ผลไม้ในถาดดูสดใหม่น่ากิน  
          พ่อบ้านของโยสุเกะยังยืนระวังคอยดูแล  แต่ไม่ได้จ้อง
    ตรงๆอย่างมีมารยาท  นอกจากเห็นว่าชาหมดจึงจะถามอย่าง
    สุภาพก่อนเติมเท่านั้น  สราลีพับผ้าเช็ดปากวางข้างจานก่อน
    จะถาม
          "แล้ว…คุณโยสุเกะจะกินอะไรตอนเช้า"
          "ตามแต่ท่านจะต้องการครับ ส่วนใหญ่เสริฟในห้องนอน  
    ปกติคุณโยสุเกะจะตื่นราวเจ็ดโมงครึ่ง  ทานอาหารเช้าที่ห้อง
    ราวแปดโมงตรง"
          "งั้น...แปลว่า  ของในรถนี่  ก็ไม่จำเป็นสำหรับเขา"
          พ่อบ้านของผู้ชายบ้านิทานพยักหน้า  สราลีพลิกข้อมือ
    ดูนาฬิกา  จะแปดโมงแล้ว  ทิวเขาข้างหน้ายั่วใจจนอยากจะ
    กระโดดออกไปท้าทายมัน
          "งั้น...เฟร็ดคะ  ฉันอยากได้ถุง  หรือกล่องใส่อาหาร  
    กระติกน้ำด้วย แล้วก็...จักรยาน..."

    ยังมีต่อจ้า...

    แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 47 00:33:33

    จากคุณ : ป้าหนอน - [ 24 พ.ค. 47 00:22:36 ]