CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown



    10ปี ที่ไม่พบกัน กับฉันที่หยุดเวลาไว้เพื่อเธอ

    นี่... พ่อตัวดี เธอรู้มั้ยว่าเธอทำให้ฉันสะดุ้งแทบตกเก้าอี้ เพราะเห็นข้อความเธอเข้ามาใน inbox หลังจากไม่ได้คุยกันมานานมาก จนฉันเองก็ลืมไปแล้วว่า ครั้งสุดท้ายที่เราคุยกัน มันเมื่อไหร่?

    ก็เมื่อกลางวันนี้ฉันเพิ่งจะนั่งนึกถึงเธออยู่นี่เองแหละ ... นึกถึงวันเก่าๆ  นึกถึงสิ่งที่เราเคยทำด้วยกันมา  ... เผลอแผล่บเดียว มันผ่านไปร่วม 10 ปี ไวเหมือนโกหกเลยนะ

    เมื่อก่อนฉันไม่คิดหรอกว่าจะชอบเธอ จำได้มั้ย เราเรียนด้วยกันตอนประถม เธอก็สูงโย่งระดับท้ายแถว ฉันก็เก้งก้างเกินเด็กผู้หญิง จึงไปเจอเธอที่ท้ายแถวเหมือนกัน แล้วจะเพราะว่าเรามันหัวสูงหรือยังไงก็ไม่รู้สิเนอะ เราเลยต้องมานั่งด้วยกันหลังห้อง ... ที่เธอแอบลอกข้อสอบฉันน่ะ ทำไมฉันจะจำไม่ได้ยะ

    ตอนนั้นพวกเราต้องรีบกันแทบแย่เพื่อมาเข้าแถวให้ทันเคารพธงชาติ เพราะไม่งั้นเราต้องไปต่อแถวสำหรับคนมาสาย ต้องร้องเพลงเองโดยไม่มีดนตรีประกอบ สวดมนต์เองให้เสียงมันดังทั้งๆที่คนอื่นเค้าเข้าห้องเรียนกันหมดแล้ว แถมยังจะต้องถูกตีซักทีสองทีอีก  ... ฉันล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆนะ ... ทุ่มเทไปทั้งกายและใจขนาดนั้น ไหงอาจารย์ยังต้องมีของแถมปิดท้ายอีก ... แต่วันที่เธอโดน ฉันก็หัวเราะเธอนะ ก็มันขำดีนี่

    เข้ากลุ่มด้วยกัน เธอหัวช้า ฉันหัวไว ข้อสอบกี่วิชา ฉันทำคะแนนเกินหน้าเธอหมด ภูมิใจซะเหลือหลาย แต่เธอก็ไม่เคยโวยวายอะไร ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีที่นั่งอยู่กับฉันมาได้ตลอดปีการศึกษา นอกจากนั้นเราก็ยังมีเพื่อนคนอื่นเพิ่มขึ้นด้วย ล้วนแล้วแต่เป็นคนท้ายแถวทั้งนั้น เราจึงกลายเป็น "สภาคนหัวสูง" ไปซะนี่

    แล้วอยู่ๆฉันก็ต้องไปเรียนเมืองนอก ... พูดกันตรงๆนะ ฉันลืมเธอไปเลยเหมือนกัน เพราะเรายังเพิ่งสิบขวบเองนี่นา ตอนสิบขวบฉันไม่คิดอะไรกับเธอหรอก ฉันคิดกับหัวหน้าห้องนู่นแน่ะ แหม... ก็เขาเรียนดี กิจกรรมก็เด่น แถมเป็นคนดัง ทำไมฉันจะไม่ชอบล่ะ แต่ฉันก็ได้ยินมาแว่วๆเหมือนกันว่าหัวหน้าห้องคนดังมักจะชอบแคะขี้มูกแล้วแปะทิ้งไว้เป็นหลักฐานใต้โต๊ะตัวเอง ไม่รู้ทำไม... แต่ก็คงดีกว่าเธอที่แอบลอกข้อสอบคนอื่นแล้วโดนเหยียบเท้าเข้าเต็มเปา แหม...ภาพพจน์น่ะมีอิทธิพลสูงนะจ๊ะ

    พอหกปีให้หลัง ฉันก็กลับมา ... เด็กผู้ชายคนนั้น ที่เคยไม่ได้เรื่อง ตัวผอมเก้งก้าง ผิวก็คล้ำยังกับน้ำหมึก ก็กลายเป็นเด็กหนุ่มตัวสูงบึกบึน ยิ้มร่าเหมือนเด็กเล็กๆ ยื่นมือมาจับมือฉันแล้วบอกว่า "คิดถึง! อยู่ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง?!"  .... ฉันก็ตะลึง ไม่รู้จะตอบเธอว่ายังไง ทั้งๆที่อยากบอกว่า..ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนไป แต่เธอก็ยังดำเหมือนเดิม....

    หลังจากนั้น ใครเป็นคนโทร.หาใครก่อนนะ ฉันหรือเธอ? แต่ทำไมเราต้องคุยมาราธอนตั้งแต่ สองทุ่มยันตีสี่ ฉันก็ไม่เข้าใจ  ทุกวันนี้ฉันก็ยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงทำไปได้? นอนคุยจนหาวแล้วหาวอีก เธอก็ยังไม่วาง แล้วดูแต่ละเรื่องที่เธอคุยกับฉันสิ มันหาสาระไม่มีเลยนี่นา ... ดีนะ สมัยนั้นเราไม่มีมือถือใช้กัน ขืนคุยกันแบบนั้น ทุกคืนเหมือนตอนนั้น มันจะเป็นเงินซักกี่ตังค์ฉันก็ยังเดาไม่ออกเลย

    เออ...แล้วคืนที่เพื่อนในกลุ่มเรามาบอกฉันว่า เค้าจะสารภาพรักกับเธอไปคืนนึงเนี่ย มันเกิดอะไรขึ้น เธอก็ไม่เคยเล่าให้ฉันฟังเลย ตัวดำแล้วยังใจดำอีกนะ แล้วฉันจะไปถามเธอให้เล่าได้ยังไง ในเมื่อในใจฉันอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ ฉันเหมือนจะหายใจไม่ออก แล้วก้อเจ็บจี๊ดๆในใจตลอดเวลาเลย เธอไม่เล่าแล้วยังหายเงียบไปอีก บางวันเธอถึงจะโทร.มาบอกฉันว่า "ติดสายนู้นอยู่"  นั่นล่ะฉันถึงได้รู้ว่า เวลากลางคืนมันช่างยาวนานเสียเหลือเกินถ้าไม่ได้คุยกับเธอ

    แล้ววันนึงเธอก็มาชวนให้ฉันไปดูเธอเล่นไอซ์ฮ๊อคกี้ ฉันอยากไปนะ แต่ฉันไปไม่ได้ ยังดีที่เธอออกมากินข้าวกับเพื่อนๆในกลุ่มได้เราจึงได้เจอกันอีก ... แล้วจะมาเล่นผมฉันทำไมล่ะเธอนี่! ผมฉันมันก็เส้นหนาแล้วก็เยอะยังงี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แล้วมันก็ดำสนิทปิ๊ดปี๋ไม่มีความอ่อนโยนอย่างผมออกโทนน้ำตาลเข้มของคนอื่นเค้าหรอก .... เธอจับผมหางม้าฉันแท้ๆ แต่ดันบอกฉันว่า "เปิดหน้าผากได้แล้วนะ"  มันเรื่องเดียวกันรึเปล่าจ๊ะ?

    แล้วเราก็นั่งดูไพ่ยิปซีด้วยกัน หมอดูก็ว่า เธอเป็นประเภท แก้วข้างหลังแตก ก็เศร้าโศกเสียใจ ลืมดูข้างหน้าไปเลยว่ายังมีแก้วเหลืออยู่อีกมากมาย พอดูฉัน หมอดูบอกว่า "มีคนแอบชอบคุณอยู่"  คืนนั้นเราก็นอนคุยกันอีกเหมือนเดิมล่ะมั้ง ไม่รู้ว่าตกลงเธอคุยกับใครกี่คนในแต่ละคืน แต่พอถามวา ชอบใครอยู่รึเปล่า กลับตอบว่า "ยังไม่แน่.."

    เวลาหมด ฉันกลับเมืองนอกอีกแล้ว แต่ไม่มีแก่ใจจะเรียนเลย ... ฉันโดดเรียนครั้งยิ่งใหญ่ แล้วก็มี จ.ม จากเธอด้วยว่า "โดดเรียนรึเปล่า ไม่เอานะ ไม่ดี ไปเรียนเถอะ" แต่ทำไมลายมือเธออ่านยากจัง แค่ไม่กี่ประโยค ฉันต้องส่องอ่านทุกคืนตลอดเดือนเลย จนทุกวันนี้ลายมือเธอก็ทุเรศเหมือนเดิม ถ้าเธอเรียนหมอ ฉันจะไม่บ่นหรอกนะ...

    อ่านไม่ออกนี่นา ฉันเลยโทร.ไปหา แล้วเธอรับด้วย แต่ทำไมเธอถึงบอกว่า "อือ...เดี๋ยวไงแค่นี้ก่อนนะ กำลังอารมณ์ไม่ดี" แล้วเธอก็วางไปเลย ... แต่เธอคงไม่เคยรู้ล่ะสิ ฉันร้องไห้โฮอยู่อีกฟากนึงของโลก เพราะคำพูดสั้นๆแค่นั้นเอง ...ซักพัก ก็มีเพื่อนๆเริ่มเขียน จ.ม มาหา แล้วบอกว่า เธอฝากขอโทษ เพราะตอนนั้นทะเลาะกับพ่ออยู่  แต่ฉันไม่ดีใจขึ้นหรอกนะ ...ประโยคต่อไปใน จดหมายบอกว่า "มันทะเลาะกับพ่อหนักหน่อยเพราะเรื่องมีแฟนแล้วเอาแฟนเข้ามานอนในบ้าน"  .... !!! อะไรนะ???!!!

    ฉันร้องไห้นานจนลืมไปเลยว่านานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกที ฉันก็ได้กลับมาเมืองไทยอีกแล้ว และเราก็ได้เจอกันเร็วมากจนฉันตั้งตัวไม่ติด ใจนึงอยากเจอ อีกใจไม่อยาก เจอเธอครั้งนี้ ทำไมเธอสูงใหญ่ได้ขนาดนั้นนะ เธอบอกว่าเธอเป็นตัวจริงในไอซ์ฮ๊อคกี้แล้ว ... ฉันอยากจะเมิน แต่ก็เมินไม่ได้รอยยิ้มร่ายังเหมือนเดิม เชิ๊ตขาวยีนส์น้ำเงินสบายตา....แต่เธอยังดำเหมือนเดิม

    ""สบายดีเรอะ?" ฉันถาม
    เลิกกับแฟนแล้ว ตอนนี้ก็เป็นเพื่อนกัน" รู้มั้ยว่าพอประโยคนี้มันหลุดออกมาจากปากเธอได้ ฉันแทบจะหยิกตัวฉันเองจนเนื้อเขียว

    ยุคนั้นอาร์ซีเอกำลังดัง จำได้มั้ยว่าคืนนั้นมีปาระเบิดกันด้วย แทนที่จะได้เที่ยว เลยต้องอพยพหนีกันไปที่อื่น แต่เพราะว่ารถมีคนเดียว พวกผู้หญิงสี่ห้าคน จึงได้ขึ้นรถไปก่อน เขาจะให้อัดฉันเข้าไป แต่ฉันเสียสละ พอรถออกไปแล้วฉันก็ได้แต่ยืนเฉย จนเธอมาโอบไหล่แล้วพาเดินไป ได้ยินเสียงเธอแว่วๆว่า "กลัวมั้ย?"  .... ฉันเพิ่งรู้เดี๋ยวนั้นเองว่า มือเธอใหญ่ขึ้นมาก ราวกับจะปกป้องคุ้มครองฉันได้ ไหล่เธอกว้างราวกับเป็นปราการใหญ่ให้ฉันหลบภัย แล้วสายตาเธอก็ไม่ได้สนใจเพื่อนเธอที่ยืนอยู่ไม่ไกลเลย ...ตอนนั้นเหลือแต่ผู้ชายทั้งนั้น มีแต่ฉันคนเดียวที่เป็นผู้หญิง... กลัวมั้ยน่ะเรอะ... วินาทีนั้น ฉันคงจะส่ายหน้า แต่ทำไมเธอคิดว่าฉันหิวก็ไม่รู้ เพราะเธอเอาโดนัทมายื่นลอยอยู่ตรงหน้าซะหลายชิ้น  .... ตาบ้า....เห็นเธอกินนำ ฉันก็เลยต้องกินตามเลย

    คืนนั้นเราอพยพออกจากอาร์ซีเอได้สำเร็จ แต่เธอกลับบ้านไปก็มีเรื่องกับที่บ้านเธออีก คราวนี้เรื่องใหญ่ เค้าว่ากันว่า พ่อกับแม่เลี้ยงเธอไปเจอผู้หญิงคนนึงอยู่กับเธอที่บ้านกลางดึกตีสามตีสี่ ... ไม่ต้องสืบ แม่เลี้ยงเธอก็พูดให้ฉันได้รู้เองว่า เป็นแฟนเก่าเธอนั่นแหละ ...เอ เพื่อนเธอคนนี้ สนิทกับเธอจังเลย อยู่กันถึงตีสามตีสี่ ฉันก็เลยได้ร้องไห้อีกครั้ง ...แต่คราวนี้เรื่องไม่จบแค่นี้

    เพื่อนรักฉันได้คุยกับเธออย่างลึกซึ้งมาก ... จนเธอไม่ยอมคุยกับใคร แล้วมาคุยกับเพื่อนฉันเพื่อจะปรึกษา เธอบอกว่า "สุดท้ายแล้ว คนเราควรเลือกที่จะรักใครกันนะ"  เพื่อนฉันตอบเธอไปว่า "นั่นคงจะต้องขึ้นอยู่กับความสุขของผู้เลือก...แต่รู้มั้ยว่า คนบางคน แม้ว่าจะไม่ได้บอกว่ารัก แต่เค้ารอได้เป็นปีๆเชียวนะ"  เธอเงียบไปนาน แล้วบอกว่า "รู้สิ.."

    อาทิตย์นึงหลังจากนั้น ได้ยินมาว่า เพื่อนที่เคยเป็นแฟนของเธอขับรถชนกับใครเข้า ฉันถามว่า เค้าเป็นยังไงบ้าง เธอบอกว่า "ไม่ได้เป็นอะไรมาก คนขับข้างหน้างี่เง่าเองก็เลยโดนข้างหลังเสยให้อีกทาง ตอนนั้นอยู่ด้วยกันก็เลยโชคดีหน่อย"

    โชคดีของเธอจริงๆ ... เธอไม่ได้เป็นอะไร ฉันถามว่า ระวังตัวหน่อยนะ หลายคนเป็นห่วง  เธอบอกฉันว่า "อย่าห่วง... ไม่เป็นไรแล้ว ... อย่าห่วงเลยนะ จะไปอเมริกาแล้ว กับ...เค้า .... ไม่ต้องห่วง" ฉันน้ำตาร่วง ดีใจที่เธอไม่เห็นเพราะเราคุยโทรศัพท์กัน

    ฉันตัดสินใจ เดินหันหลังให้เธอในวันนั้น แล้วก็ไม่เคยมีใครเข้ามาในหัวใจได้ หนึ่งคนผ่านไป สองคนผ่านไป ... ก็ไม่มีผล .... ฉันไม่น่ากลับมาเมืองไทยเลย ฉันจึงได้มาเจอเขาคนนั้น เวลาวูบเดียวที่พัดพาอารมณ์รักเข้ามาในชีวิตฉัน ใครสักคนที่รักเรา ปกป้องเรา ต้องการเรา และมองแต่เราคนเดียว ....ถามว่าฉันรักเค้ามั้ย... ฉันตอบไม่ได้

    รู้ทั้งรู้ว่า จริงๆแล้วฉันไม่ได้รักเค้าเลย

    จากคุณ : เด็กที่รอคอย - [ 24 พ.ค. 47 05:13:16 ]