CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown



    หถาฆาต

    ก่อนเริ่มเรื่อง

       ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะน่ากลัวหรือเปล่านะ เพราะพึ่งเขียนแนวนี้เป็นเรื่องแรก ความจริงก็ไม่อยากออกตัวว่าน่ากลัวเพราะ
    เขียนแล้วบางคนอ่านอาจรู้สึกเฉยๆ แต่คิดว่าบอกไว้ก่อนดีกว่าเผื่อบางคนไม่อยากอ่านครับ เด็กต่ำกว่า 15 ไม่ควร
    อ่านนะครับ

    ใครไม่กลัวก็เข้าเรื่องกันเลยดีไหม

    ----------------------------------------------------

        เพ็ญส่งสายตาเย้ายวนมาให้ผม คิ้วดำเข้ม ตากลมโต จมูกนิดๆของเพ็ญขับให้สายตา
    คู่นั้นชวนมองยิ่ง เธอหัวเราะร่าแล้วบรรจงโน้มตัวลงมาจูบ

    “คุณมีความสุขไหมค่ะในวันวิวาห์ของเรา?”

        เสียงเธอกังวานรัญจวนใจผมยิ่งนัก เส้นผมดำเงาของเธอปรกลงมาคลอเคลียใบหน้า
    ผมบรรจงโอบมือรั้งตัวเธอเข้าหาแล้วเราทั้งคู่ก็กลิ้งไปบนเตียงที่เต็มไปด้วยกลีบ
    กุหลาบ

        เธอจูบผมอีกครั้งหนึ่งแต่คราวนี้ผมรู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาทันที ความสุขเมื่อครู่กลาย
    เป็นความเจ็บปวดที่ถาถมอย่างรุนแรง เธอพยายามจะจูบผมอีก แต่ผมเบี่ยงหน้าไปมา
    เสียงเธอที่หัวเราะอย่างสดใสยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดให้แผ่ซานไปทั่วร่าง ผมพยายามดัน
    เธอออกไปแต่ทำไม่ได้ ไม่เพียงแค่ดันเธอออกไปไม่ได้เท่านั้นแต่ที่จริงผมขยับร่างกาย
    ไม่ได้เลยต่างหาก หน้าสวยของเธอค่อยๆเลือนหายไป พร้อมๆกับเสียงหัวเราะของเธอ
    ทิ้งเพียงความเจ็บปวดรวดร้าวและความว่างเปล่าที่ดำมืด

        ผมค่อยๆลืมตาขึ้นเพื่อเผชิญกับความเป็นจริง รอบกายมืดมัวมองอะไรได้ไม่ชัดเจน
    นัก แต่สัมผัสได้ถึงฝุ่นที่คละคลุ้งไปทั่ว และแรงกดทับจากซากอาคารรอบตัว แขนข้าง
    ซ้ายพับไปด้านหลังจนไม่สามารถขยับได้แต่ยังมีความรู้สึก เช่นเดียวกับแขนขวาที่คง
    ถูกส่วนใดส่วนหนึ่งของอาคารทับอยู่ไม่สามารถขยับได้เช่นกัน ส่วนช่วงล่างตั้งแต่เอว
    ลงไปไม่มีความรู้สึกใดๆ คาดได้ว่าตอนนี้สันหลังผมคงจะหักเรียบร้อย ซึ่งก็ดีไปอย่าง
    ที่ช่วงล่างของผมมันไม่มีความรู้สึกใดๆไม่เช่นนั้นผมคงต้องเจ็บปวดทรมานมากกว่านี้
    เป็นแน่

        ความรู้สึกต่อมาที่สัมผัสได้คือความเจ็บจี๊ดที่แล่นถึ่งสมองจนน้ำตาไหล ผมพยายาม
    กัดฟันทน แต่แย่จริงที่ผมไม่สามารถกัดฟันได้ ขากรรไกรผมถูกง้างให้อ้าค้างอยู่อย่าง
    นั้น และมันเป็นเหตุของความเจ็บทั้งมวล  ยิ่งพยายามกัดฟันมากเท่าไหร่มันกลับทวี
    ความเจ็บปวดให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น ในใจอยากรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้ขากรรไกรถูกง้างอยู่
    เช่นนั้น แต่เมื่อไม่สามารถใช้มือทั้งสองข้างได้ผมจึงใช้ลิ้นสำรวจช่องปากแทน

        ผมกระดกลิ้นเลียริมฝีปากที่ชาหนาเปื้อนเลือดแห้งเกรอะกรังเป็นบางช่วง แต่บาง
    ช่วงก็ยังมีเลือดซึม รสชาติของมันเฝื่อนและกลิ่นของมันเหมือนสนิมเหล็ก จากนั้นจึง
    ลองเอาลิ้นไล่แตะฟันไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ฟันผมหักเกือบหมด ฟันที่หักนั้นคมและ
    แหลมจนบาดลิ้นเป็นแผล เมื่อไล่ลิ้นไปบริเวณฟันกรามน้อยล่างด้านขวาก็เจอกับเหตุ
    แห่งความทรมาน แท่งเหล็กเย็นขรุขระแทงทะลุปากจากใต้คางขึ้นมา รอบบาดแผล

    เนื้อเยื่อฉีกขาดเลือดจับกันเป็นลิ่มๆ ผมเลียลิ้นไปตามผิวขรุขระของเหล็กเส้นนั้น มัน
    คงเป็นเหล็กโครงสร้างที่แตกออกมาจากอาคาร ปลายสุดของมันแทงชนเพดานเหงือก
    พอดี เหล็กเส้นนี้จึงเหมือนเครื่องทรมานค้ำยันขากรรไกรให้ผมไม่สามารถหุบปากลง
    ได้ แต่ยังนึกดีใจที่มันหยุดทะลวงปากผมไว้แค่เพดานเหงือก

        ก่อนหน้าที่ผมจะถูกทรมานในสภาพอย่างนี้ผมอยู่ในงานเลี้ยงฉลองสมรสของตัว
    เอง ชุดทักซิโดผ้าเนื้อวูวล์ดูเนี๊ยบและเข้ารูปพอดีตัว เครื่องดนตรีสามชิ้นคลอเพลง
    เบาๆ เสียงอ่อนหวานของ แชลโล่ ฟรุ๊ต และเปียโน บรรเลงเข้ากันอย่างลงตัว โดย
    เฉพาะเสียงฟรุตนั้นให้ความรู้สึกที่รื่นเริงมากทีเดียว ผมประคองมือเพ็ญเจ้าสาวของ
    ผมก่อนที่เราจะสบตากันนิดหนึ่งแล้วชวนกันก้าวเท้าไปที่แท่นวางเค้ก เทียนถูกจุดขึ้น
    ทันที พลันแสงไฟในห้องก็หรี่ลง เสียงพึมพำเริ่มเบาบางและทุกสายตาต่างจดจ้องมาที่
    เราสองคน เพ็ญประหม่าเล็กน้อย ผมจึงกระชับมือเธอให้แน่นขึ้น ดนตรีสามชิ้นเริ่ม
    บรรเลงเพลงแต่งงานด้วยท่วงทำนองที่หวานแปลก ชายกระโปรงของเธอสยายไปตาม
    พรมแดงทำให้เธอดูสง่างามยิ่งนัก เราหยุดอยู่หน้าเค้กเจ็ดชั้น ผมประคองมือเจ้าสาวกำ
    ด้ามมีดอย่างบรรจงแล้วค่อยๆไล่มีดจากเค้กชั้นบนลงมาถึงชั้นล่าง ทันทีที่จรดปลายมี
    ลงในเนื้อเค้กชั้นล่างสุดก็เกิดเสียงระเบิดกัมปนาท ตามด้วยแรงสั่นสะเทือนรุนแรง ผู้
    คนแตกตื่น เสียงกรีดร้องเข้ามาแทนเสียงเพลงแต่งงาน ผมดึงข้อมือเพ็ญหาทางหนีแต่
    ปรากฏว่าชายกระโปรงยาวระพื้นเกี่ยวเข้ากับตะปูขอบเวที ผมนึกด่าในใจทำไมที่ใคร
    ต้องเอาตะปูมาตอกริมพรมแดงมันดูไม่เข้าท่าเอาเสียเลยโดยเฉพาะเวลาเกิดความ
    โกลาหลเช่นนี้ เสียงระเบิดตูมที่สองดังขึ้นมาอีกไฟฟ้าดับมืดทันที ผู้คนกรีดร้องดังกว่า
    เก่าและเริ่มเหยียบย่ำกันเอง ผมพยายามก้มไปแกะกระโปรงเจ้าสาวซึ่งติดแน่นกับตะปู
    ตัวนั้น แต่ยังไม่ทันที่เราจะแก้ไขอะไรได้ อาคารทั้งหลังก็ถล่มลงมา

        หลังจากสำรวจปากจนพอใจแล้วผมทำตัวนิ่งๆไปอีกพักใหญ่ คอยเงียบหูฟังเผื่อมี
    เสียงหน่วยกู้ภัยทำการขุดค้น แต่ทว่าแม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนานก็ไม่ได้ยินเสียใดที่พอ
    จะเป็นความหวังได้เลย มีแต่เสียงอื้ออึง และบรรยากาศที่หนาหนักจนน่าอึดอัด ความ
    คิดวกวนถึงหน่วยกู้ภัยทำให้ผมหงุดหงิด อีกกี่วันที่ผมต้องรอ และผมจะรอจนเขามา
    ช่วยได้ทันหรือ  เขาจะรู้หรือไม่ว่าผมยังมีชีวิตอยู่ แล้วถ้าเขาไม่รู้ละว่าผมยังอยู่และพวก
    หน่วยกู้ภัยตัดสินใจใช้เครื่องจักรใหญ่อย่างแบ็กโฮลรื้อซากอาคารละ ผมอาจจะโดน
    เครื่องจักรเหล่านั้นตักฝานผ่านกลางตัวก่อนจะทันได้ร้องเสียด้วยซ้ำ

        ในที่สุดสายตาผมเริ่มปรับชินเข้ากับความมืดได้ดีกว่าเก่า รอบๆตัวผมอัดแน่นด้วย
    เศษอิฐและซากคอนกรีตเหมือนอย่างที่รู้สึกในตอนที่ยังมองไม่เห็นแต่มันดูเลวร้ายกว่า
    ที่ผมคิดไว้เยอะ บัดนี้ห้องโถงใหญ่ที่เคยหรูหรา กลับเหลือแต่ซากปรักหักพัง และซาก
    ของมันกลับเป็นเหมือนเครื่องทรมานลงทัณฑ์ และเจ้าบ่าวก็กลายเป็นนักโทษของมัน
    ขยะคอนกรีตจองจำกักขังไม่ให้ผมขยับเขยื่อน ปะปนกับเหล็กเส้นสีดำที่บิดลำไปมา

    คล้ายอสรพิษคอยฉกกัดหากผมพยายามจะขัดขืน ขณะจ้องมองเครื่องมือทรมานเหล่า
    นั้นความเจ็บแปลบเสียดแทงขึ้นทันที่จนน้ำตาไหลผมส่งเสียงครางในลำคอเบาๆ
    เหมือนมันแค่ใจดียอมให้ผมหยุดพักการลงทัณฑ์ไว้ชั่วคราวเท่านั้น ความเจ็บปวดทิ่ม
    แทงจนผมทะลึ่งตามองปากตัวเอง อยากเห็นเจ้าเหล็กแท่งที่ทิ่มและง้างปากผมเอาไว้
    เต็มที ซากคอนกรีตชิ้นหนึ่งพาดขวางอยู่ทำให้มองเห็นปากไม่ถนัดแต่เบื้องหลังซาก
    คอนกรีตนั้นผมเห็นอะไรรำไรๆ ผมพยายามมขยับศรีษะใหม่อย่างยากลำบากแต่ทำได้
    ไม่มากนักเนื่องจากเหล็กเส้นที่เสียบทะลุปากมันค้ำอยู่ แต่นั่นก็เพียงพอที่จะมองลอด
    ซากคอนกรีตนั้นออกไปจนได้ สิ่งที่เห็นทำให้หัวใจแทบหยุดเต้น!!! เหนือปากที่อ้า
    ค้างของผมขึ้นไปไม่เท่าไหร่มีมือข้างหนึ่งโผล่ออกมาจากซากอาคารที่อัดแน่นเหล่า
    นั้น มือผู้หญิงข้างซ้าย สวมแหวนเพชรที่นิ้วนางเห็นได้ชัดเจน แหวนวงนี้ผมจำได้
    อย่างแม่นยำ เพชรเม็ดเล็กเรียงรูปดอกกุหลาบตรงกลางเป็นทับทิมรูปหัวใจ วงเดียวกับ
    ที่ผมสวมให้เพ็ญเจ้าสาวของผมเมื่อเช้านี้ ผมกรีดร้องในลำคอลั่น พยายามขยับตัวแต่
    ไม่สามารถขยับได้ จึงได้แต่กรีดร้องอยู่อย่างนั้น เผื่อเธอจะรู้สึกตัวและขยับมือให้ผม
    เห็นได้บ้างว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ผมกรีดร้องอยู่นานมากแต่มือข้างนั้นก็ยังคงนิ่งอยู่เช่นเดิม
    น้ำตาเริ่มซึมและไหลมาตามขอบตา พร้อมกับเสียงสะอึกสะอื้น

        “ที่รักคะ ฉันเข้าใจดีค่ะคุณพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว ไม่มีใครโทษคุณได้ในเรื่องนี้”
    เสียงอบอุ่นอ่อนโยนแว่วขึ้นมา เพ็ญของผมประคองศีรษะผมไว้บนตัก คอยเอาผ้าขาว
    เช็ดหน้าผมตลอด “ไม่มีใครว่าคุณได้ในเรื่องนี้จริงๆนะ คุณสบายใจได้” มันทำให้ผม
    คลายกังวลลงได้อย่างประหลาด จากนั้นเธอก็ประคองศีรษะผมขึ้นมองหน้าเธอ เธอยัง
    คงสวยละมุนและยิ้มให้ผมอย่างเคย ผมเหลือบตาลงต่ำอย่างขวยเขิน แต่ผมมองไม่เห็น
    ลำตัวของตัวเอง ผมไม่มีลำตัวเหลืออยู่แล้วเหลือแต่หัว เธอยังยกหัวผมสูงขึ้นเรื่อยๆ หัว
    ผมลอยอยู่เหนือพื้นโดยไม่มีร่างกาย แล้วเธอก็ชูหัวผมเหนือศีรษะเธอ

        ผมผวาตื่นขึ้นมาอย่างตกใจสุดขีด หอบหายใจถี่ กรอกตาไปมารอบตัว แม้จะรู้ว่าลำ
    ตัวยังคงอยู่ ไม่ได้มีแต่หัวเหมือนในฝันแต่ผมก็ยังติดแหง็กอยู่ในซากอาคารเหมือนเดิม
    ขากรรไกรผมยังเจ็บปวดเป็นระยะ ดูเหมือนเจ้าเหล็กเส้นนี้มันคงอยากทรมานผม
    นานๆมากกว่าที่จะให้ผมตายเสียให้สิ้น

        คอผมแห้งผาก เลือดบริเวณที่เหล็กแทงทะลุขึ้นมาก็จับตัวแห้งและแข็ง ผมไอในลำ
    คอโคลกๆสองสามทีเหมือนจะสลัดความแห้งผากในลำคอให้ออกไป ผมมองลอดซาก
    คอนกรีตแตกนั้นอีกครั้ง มือเพ็ญยังนิ่งไม่ไหวติงเช่นเดิม แต่ทว่ามันช้ำและคล่ำมากขึ้น
    ผมเงียบหูฟังเผื่อมีการขุดค้น แต่บรรยากาศโดยรอบยังคงอื้ออึง ไม่มีเสียงขุดเจาะใดๆ
    หรือเสียงโหวเหวกของใครทั้งสิ้น ผมเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นเบาๆ

        “อย่าร้องไห้ไปเลยที่รัก” เสียงของเธอดังขึ้นท่ามกลางเสียงสะอื้นของผม ผมหยุด
    สะอื้นทันทีใจเต้นรัว หรือเธอยังไม่ตาย  ผมพยายามส่งเสียงอู้อี้ออกไป

    จากคุณ : หูโน่ - [ 25 พ.ค. 47 23:35:47 ]