CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown



    เหตุผลว่าทำไมนัทตี้ถึงโดดไปยุ่งกับเรื่องของชาวบ้าน

    คราวที่แล้วนัทตี้เล่าความเจือกของตัวเองว่า ไปนวดแทนชาวบ้านเขาโดยที่ตัวเองระบมกลับมา
    คุณคิมมี่ ชมว่า นัทตี้ใจดี อย่า อย่าเพิ่งตัดสินใจเร็วอย่างนั้น
    เพราะเมื่อพิจารณากันดูแล้ว มันคือธรรมชาติของคนนั่นเอง ทีมีทั้งดิบ และดีอยู่ในตัวเอง
    เรื่องความดิบไว้เล่าคราวหลัง เอาความดีมาบังหน้าก่อนดีไหม แล้วค่อยตัดสินใจกันว่า นัทตี้นั้นเป็นคนอย่างไร

    ขอเล่าประวัติพี่นิดหมอนวดสาวให้อ่านกันก่อนเพื่อจะได้อ่านและตัดสินใจกันเองได้ว่าที่นัทตี้ทำไปเพราะอะไร

    พี่นิดนั้นอายุ 47 ปีเป็นชาวอำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี เธอมีลูกชาย 2 คนอยู่เมืองไทย
    คนโตเรียน มหาวิทยาลัยรังสิต คนเล็กเรียนอาชีวะ เด็กสองคนได้เช่าอพาทเม้นท์อยู่โดยปกครองกันเอง

    พี่นิดเป็นแม่หม้ายสามีเป็นชาวนาออสเตรียที่แต่งงานกันมาได้ปีกว่า
    เมื่อสามีตายแม่สามีและน้องสาวได้ฮุบทุกสิ่งทุกอย่างไป เพราะความที่พี่นิดไม่รู้และไม่มีคนไทยคนใดที่จะแนะนำและช่วยเหลือเธอ ทั้ง ๆ ที่เขาเหล่านั้นสามารถจะช่วยได้

    พี่นิดนั้นอ่านเขียนภาษาไทยได้ก็เรียกว่ายอดแล้วสำหรับเธอ
    เมื่อสามีตายจากไปไม่เฉพาะแต่เธอคนเดียวที่ลำบาก จะหาที่ซุกหัวนอนยังยาก
    ลูกของเธอที่เมืองไทยก็ต้องพลอยถูกโยนออกมาอยู่ข้างถนนเพราะไม่มีเงินค่าเช่าบ้านให้เจ้าของบ้าน
    ช่วงนั้นเด็ก ๆ หยุดเรียนดรอปเอาไว้เพราะธรรมดานั้นสามีที่ตายไปของพี่นิดจะเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องค่าใช้จ่ายและการศึกษาของเด็ก

    ตัวพี่นิดเองนั้นเสียสามีไปถูกไล่ให้ออกจากบ้านโดยแม่สามีและน้องสาวของสามี สิ่งที่เธอได้ติดตัวมาคือเสื้อผ้าและเงินที่มีไม่กี่ยูโร
    เธอมาขออาศัยซุกหัวนอนกับเพื่อนคนไทยคนภาคเดียวกัน เขาก็มีน้ำใจให้เธอซุกหัวนอนจริง ๆ คือตอนเช้าถ้าเขาและสามีออกไปทำงาน เขาจะปิดกุญแจบ้านให้พี่นิดออกมาเดินเตร่รออยู่นอกบ้านจนกว่าเขาจะกลับมาบ้านตอนเย็น มันเป็นหน้าหนาว ทรมานสิ้นดี

    ใกล้ๆ บ้านของผู้หญิงคนนี้มีร้านกาแฟ พี่นิดไปนั่งสั่งกาแฟมาดื่มจากเช้าถึงเย็น ซุกตัวอยู่ในมุมหนึ่งของร้านเพื่อหลบหนาวและรอเจ้าของบ้าน
    หลายวันผ่านไป มีฝรั่งคนหนึ่งที่สามารถพูดไทยได้เขาเข้ามาถามเธอ เพราะเห็นหน้าเธอเศร้าและมานั่งอย่างนี้หลายวันแล้ว พี่นิดเล่าให้เขาฟัง เขามีน้ำใจเอ่ยปากชวนให้พี่นิดไปอาศัยอยู่กับเขา โดยให้ที่อยู่และอาหาร เธอทำความสะอาดให้เป็นการตอบแทน
    พี่นิดตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้า ดีกว่าที่จะมานั่งคับใจกับคนชาติเดียวกัน เธออาศัยอยู่กับเขาได้ประมาณ 5 เดื่อนก็ได้รับเงินช่วยเหลือจากทางนี้เป็นเงินจำนวน 400 ยูโร

    ช่วงที่เธอได้เงินนั้น เธอได้ให้ลูกชายไปขอร้องอาจารย์เรื่องค่าเล่าเรียนโดยขอผ่อนส่งชำระเป็นงวด ๆ
    ตัวเธอเองนั่นเป็นคนเฉย ๆ และไม่กล้าที่จะขอร้องใคร เธอได้ใช้วิชาที่เธอมีติดตัวมานั้นมาทำให้เกิดประโยชน์ ใครจะให้เธอนวด ให้เงินเธอเท่าไหร่ เธอก็รับไว้ไม่ได้เรียกร้องอะไร
    จนกระทั่งได้มาเจอผู้หญิงไทยคนภาคเดียวกันอีกหนึ่งคนที่เขาให้พี่นิดมาอยู่ด้วย โดยให้พี่นิดนอนกับลูกเจ้าของบ้าน และเธอต้องทำงานบ้านและดูแลลูกให้เจ้าของบ้านด้วย โดยที่เจ้าของบ้านนั้นเรียกค่าน้ำและไฟจากเธอ 50 ยูโรต่อเดือน
    ถ้าพี่นิดมีแขกนวดก็บอกเจ้าของบ้านเขาก็ให้ไป แต่ยังไงก็ยังไม่ยุติธรรมอยู่ดีนะ เป็นคนรับใช้ให้แล้วต้องมาแถมเงินให้อีก แต่เธอบอกว่า ช่างมันเถอะ ดีกว่าเร่ร่อนอยู่ข้างถนน เออมันก็จริงของเธอนะ แต่นัทตี้ว่าแบบนี้มันไม่เรียกว่าการช่วยเหลือกันหรอก เขาเอาเปรียบเธอมากเกินไป
    ผู้หญิงคนนี้อายุได้ประมาณ 30 ปี เธอเพิ่งบินกลับมาจากเมืองไทยได้เมื่อเดือนที่แล้ว เพราะเธอบินไปรับลูกชายที่เกิดจากสามีคนไทยเอามาอยู่ด้วยกันทางนี้
    วันที่เธอบินมาถึงเธอไม่สบายมาก ที่คอเธอบวม สามีเธอพาส่งโรงพยาบาล ผลปรากฏออกมาว่า เธอเป็นมะเร็งที่คอ นัทตี้ถามพี่นิดว่าเป็นที่ไหน ที่ต่อมน้ำเหลือหรือเปล่า เธอไม่รู้บอกแค่ว่าเป็นที่คอ
    ตอนนี้เธอต้องรับภาระดูแลลูกสองคนให้และทำอาหารไทยไปเยี่ยมคนป่วยบางครั้ง
    เรื่องนี้จะเล่าให้ฟังตอนหน้าแล้วกันเพราะเรื่องมันค่อนข้างยาวและเธอเพิ่งโทรเล่าให้ฟังเมื่อสองวันก่อน
    มันเป็นเรื่องของปากคนไทยที่อยู่ไม่สุข เห็นใครดีกว่าไม่ได้ เลยทำให้พี่นิดต้องเดือดร้อนอีกครั้งหนึ่งแล้วเธอโทรมาถามนัทตี้ว่าจะทำอย่างไรดี

    เรารู้ประวัติเธอแล้วเกือบทั้งหมด นัทตี้นั้นเมื่อได้รู้จักเธอแรก ๆ นั้นก็พอรู้จากพี่เจ้าของร้านไทยมาบ้างว่าเธอยากจน
    แต่ไม่ได้รับรู้ทั้งหมด เพราะพี่เขาบอกเพียงแต่ว่าให้ช่วย ๆ หาแขกนวดให้เธอ
    นัทตี้นั้นไปรับเธอมาจากร้านไทยนี้หลังจากเธอนวดเสร็จเราพูดจากัน ชวนกินกาแฟและกินข้าว (อาหารฝรั่ง) พี่นิดได้แต่บอกว่าไม่หิว
    นัทตี้ไม่รู้หรอกว่าเธอไม่กินอาหารฝรั่ง
    พี่นิดนวดให้นัทตี้และหนูน่า (ลูกสาวตัวเล็ก) และยังได้นวดเพื่อนบ้านนัทตี้อีกสองคน ซึ่งนัทตี้นั้นเป็นเจ้ากี้เจ้าการตั้งราคาให้เสร็จ
    เนื่องจากฝรั่งนั้นเขาชอบรู้ราคาไปแลย ซึ่งราคานั้นค่อนข้างสูงกว่าที่พี่นิดไปนวดคนอื่น
    และนัทตี้ก็ให้ราคาเท่ากับเพื่อนฝรั่งเหมือนกัน ไม่ใช่อวดรวย แต่คนที่ยากจนอยู่แล้วและเป็นคนทำมาหากิน เราจะเอาเปรียบเขาทำไม ไม่ชอบทำนาบนหลังคน
    ต่อมารู้จักกันมากขึ้นเธอเอาอาหารมาให้กินเป็นส้มตำมีปลาร้าโปะหน้ามาเพียบ ที่นัทตี้เล่าให้ฟังคราวก่อน
    นัทตี้เห็นเธอมีน้ำใจ ชวนเธอไปเดินเล่นในเมือง ซื้อบุหรี่ให้ ซื้อการ์ดโทรศัพท์ให้เธอ เรื่องบุหรีนั้น นัทตี้เองก็สูบมาแต่ ม.ศ. 3 แล้ว จนติด รู้ว่าไม่ดี
    ถึงจะเรียนโรงเรียนหญิงล้วน แต่ตัวเองนั้นเกเร ตีหัวหมาด่าแม่ชาวบ้านไปทั่ว โอเคเรื่องนี้มันนานมาแล้ว
    ถึงนัทตี้จะเกเรยังไง สิ่งที่ดีและไม่เคยข้องแวะด้วยเลยคือ ยาเสพติดและผู้ชาย (ตอนนั้นเป็นเด็กผู้ชายดี ๆ นี่เอง)
    ส่วนการ์ดโทรศัพท์นั้นเพราะนัทตี้เองเป็นแม่และลูกด้วยในขณะเดียวกัน เมื่อก่อนเป็นไม้เบื่อไม้เมากับแม่ เพราะเราเกเร
    แต่ตั้งแต่มีครอบครัวและเป็นแม่เอง ถึงอายุจะมากขนาดนี้แล้ว นัทตี้จะโทรหาแม่ทุกอาทิตย์เป็นประจำ
    ถ้าไม่โทรแม่จะกระวนกระวายว่าเราเป็นอะไรหรือเปล่า เพราะเหตุนี้จึงซื้อให้เธอเพื่อโทรหาลูก มันคือความสุขใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ของแม่และลูกที่ไกลกัน

    เรารู้จักกันมากขึ้น นัทตี้โทรหาแขกนวดให้และโทรไปหาเพื่อนที่อายุ 62 เป็นเพื่อนชายที่รู้จักกันมานานกว่า 10 ปีว่าเขาจะนวดไหม
    เขาได้เจอพี่นิด แล้วเขาชอบใจ ตอนนี้สองคนนี้รักกัน และพี่นิดจะมาค้างกับที่รักของเธอทุกอาทิตย์บางทีก็คืนเดียว บางทีก็สองคีน ไม่มากกว่านั้น
    เพีอนนัทตี้นี่เขาชื่อ แฮร์เบิตร์ ตัวอ้วนสูงใหญ่ อารมณ์ดี ตลกใจดี และง่าย ๆ ไม่พิธีรีตอง กินง่ายอยู่ง่ายแม้แต่ส้มตำเผ็ด ๆ ไม่มีเรื่องราวกับใคร
    แต่ถ้าทนไม่ได้ก็เห็นช้างเท่าหมูเหมือนกัน เรียกว่านิสัยเดียวกับนัทตี้เป๊ะ เราจึงคบกันได้นาน
    เขาไม่ใช่คนมีเงิน เพราะเขาเอาเงินไปลงทำกิจการ พ่อคนนี้เขามีหัวช่างประดิษฐ์
    ตอนนี้เขาคิดทำเครื่องกำจัดกลิ่นขึ้นมาได้ โดยมีนัทตี้และสามีคอยช่วยอยู่ด้านหลัง ตอนนี้กำลังไปได้สวย มีคนสั่งเข้ามาเรื่อย ๆ
    เขาไว้ใจนัทตี้มากเพราะเขากะว่าจะให้นัทตี้เข้ามารับช่วงแทนเขา
    เขาจะวางมืออีก 2-3 ปีข้างหน้า ไว้ใจถึงขนาดให้นัทตี้เอาไปทำและจดลิขสิททธิ์ได้ที่เมืองไทย
    นัทตี้นั่นเห็นว่าเขาจะวางมือและตอนนี้มีพี่นิดเป็นแฟนแล้วก็เลยสอนพี่นิดให้ดูเรื่องต่าง ๆ เช่นวัสดุ การประกอบ ลูกค้าคือใคร มีปัญหายังไงไหม แก้ปัญหายังไงฯลฯ
    สอนเธอตั้งหลายอย่างเพราะอยากให้เธอรับตรงนี้ไป คำเดียวที่เธอพูดคือ ให้นัทตี้ลงไปดูเอาเอง เธอไม่รู้เรื่อง
    นัทตี้เองก็ลืมไปว่าขนาดเธออยากพูดความรู้สึกในใจในแฟนเธอฟังเธอยังต้องให้นัทตี้มาแปลเล่าให้ฟังอีกที
    แล้วถ้าให้เธอไปจัดการเรื่องเอกสาร ลูกค้าอะไรพวกนี้ด้วยแล้วก็คงพังกับพัง
    อีกอย่างคือเธอไม่ค่อยช่างฉอเลาะอย่างนัทตี้เท่าไหร่นัก ตอนนี้มองเห็นอนาคตตัวเองลาง ๆ แล้วว่า ศึกนี่ใหญ่หลวงนัก
    เขาตั้งความหวังไว้กับนัทตี้มากและไว้ใจมาก นัทตี้คิดไว้แล้ว่า ทำได้เท่าไหร่หักค่าใช้จ่ายเหลือสุทธิรายปีแล้วก็หารสองกันไปเลย
    เพื่อนแบบนี้หายากนะ สายเลือดตัวเองก็มี แต่ไม่ให้
    มาให้นัทตี้ที่เป็นคนอื่นที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันเลยในทางใด
    คำพูดที่เขาบอกและนัทตี้ภูมิใจคือ "ฉันรู้ว่าเธอไม่ทิ้งฉัน ฉันเชื่อใจเธอมากว่าลูกชายเสียอีก "
    โอเค เขาอาจเห็นนัทตี้เป็นลูกเลี้ยงมั้ง ไม่รู้ว่ามาเชื่อใจคนกระล่อนอย่างนัทตี้ได้ไง

    ************มีต่อ**********

    จากคุณ : NATTI (นัทตี้) - [ 26 พ.ค. 47 20:49:30 A:62.167.44.111 X: ]