CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown



    จ้าวสมุทร ตอนที่ 43 เพชรมหาสมุทรกับกลุ่มโจรทะเลเลือด

    จ้าวสมุทร ตอนที่ 42 -เพชรมหาสมุทรกับกลุ่มโจรทะเลเลือด-

    ในเวลานี้ หากจิตใจของอูวดลเปรียบเสมือนขอบตลิ่ง.. คำพูดของเฟเดอลาก็คงไม่ต่างอะไรกับกระแสน้ำ ที่คอยกัดเซาะจิตใจ..

    กระแสน้ำค่อย ๆ เซาะขอบตลิ่งเบา ๆ เฉกเช่นเดียวกันกับถ้อยความที่ออกมาจากริมฝีปากบางชุ่มชื่น.. ตลิ่งจิตใจถึงแม้จะไม่เจ็บปวดรุนแรงมากนัก.. แต่ถ้าหากนานเข้าก็พร้อมจะพังทลายลงมาได้ทุกเมื่อ

    อูวดลไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำ ตั้งแต่กลับมานั่งที่โต๊ะ และดูเหมือนกฤษณาจะอยู่แนวร่วมเดียวกับเขาเหมือนกัน.. เพราะไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกมาจากทั้งสองคน

    'มิตรภาพที่ยั่งยืนตลอดไป'

    เป็นคำพูดประโยคสุดท้ายของเฟเดอลา อูวดลจะดีใจมากเลยทีเดียวถ้าหากคนที่พูดประโยคนี้เป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เฟเดอลา.. คำพูดของเธอดูกำกวมก็จริง หากแต่ตีความอย่างไร ก็ยังเข้าอีหรอบเดิม

    มิตรภาพ ที่สื่อความหมายถึงความเป็นเพื่อน.. จะยั่งยืนตลอดไป.. ไม่มีวันเปลี่ยนฐานะหรือความรู้สึกเป็นอื่น..

    อูวดลทราบดีว่าความรู้สึก 'ฉาบฉวย' ที่ให้ต่อเฟเดอลานั้น ยังแสดงออกมาได้ไม่เหมาะไม่ควรนัก.. ซึ่งอูวดลเองก็ยังไม่คิดว่าจะต้องได้อะไรตอบแทนจากความรู้สึกนี้.. เขาพร้อมที่จะให้อย่างบริสุทธิ์ใจ โดยที่เฟเดอลาไม่จำเป็นจะต้องให้อะไรตอบ

    แต่ทำไม.. อูวดลก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่า.. เหตุใด เฟเดอลาถึงต้องรีบตัด 'เยื่อใย' ตั้งแต่เขายังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลยด้วยซ้ำ.. ปฏิเสธความ 'รู้สึกดี' ที่เขาหยิบยื่นให้.. ราวกับกลัวที่จะต้องหยิบยื่น 'ความรู้สึกนั้น' ตอบแทน ทั้ง ๆ ที่อูวดลเองก็ไม่ต้องการอะไรตอบแทนเลยสักนิด

    อูวดลเข้าใจความหมายของสำนวนที่ว่า 'ตัดไฟเสียแต่ต้นลม' ได้ดี.. แต่คนเราจะกระทำอย่างนั้นก็ต่อเมื่อ.. ไม่สามารถดับไฟที่ปลายได้..

    หรือบางที.. เฟเดอลาเองก็กลัวว่า 'ไฟ' นั้นจะโหมกระพือจนดับไม่ลง จึงต้องรีบดับเสีย.. ถ้าเป็นเช่นนั้น.. อูวดลอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่า เฟเดอลาเองก็คงมีใจให้เขาเหมือนกัน.. แต่ต้องปกปิด.. เพื่อ..

    ตัดไฟเสียแต่ต้นลม

    อูวดลไม่รู้ว่าคำพูดที่เฟเดอลาพูดกับเขาตอนเต้นรำนั้น ออกมาจากใจจริงของเธอหรือเปล่า.. หรือเป็นเพื่อการเสแสร้งเพื่อดับไฟที่ยังไม่ลุกโชน แต่ที่แน่ ๆ เฟเดอลาก็ยังยิ้มแย้มและพูดคุยกับคนอื่น ๆ อย่างปกติ.. ราวกับว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมานั้น ดูธรรมดาสามัญไม่มีผิดแปลก..

    แต่กับอูวดล.. ไม่เป็นเช่นนั้น.. เขาก้มหน้านิ่ง หลบสายตาทุก ๆ คน.. กฤษณาดูมีท่าทีเย็นชากับเขาอยู่แล้ว จึงง่ายต่อการหลบสายตาเพราะเธอก็ไม่มองเขาเช่นกัน แต่ลีออนนั้นกลับมองอูวดลด้วยสายตาแปลก ๆ ราวกับกำลังจะพยายามใช้นัยน์ตาสีมรกตของเขาเพ่งเล็งให้ทะลุเข้าไปในจิตใจของอูวดลเพื่อสอดส่องว่ากำลังคิดอะไร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพอเฟเดอลาตักพุดดิ้งฟักทองป้อน.. ลีออนก็เลิกมองอูวดลทันที แล้วหันไปพูดคุยกับเฟเดอลาอย่างสนุกสนานตามเคย

    อูวดลถอนใจ ไม่ว่าสายตาใครก็คงไม่น่ากลัวเท่ากับ.. สายตาของมาลาตี

    ตลอดการเต้นรำจวบจนกลับมานั่งที่เก้าอี้.. มาลาตีจ้องมองอูวดลไม่วางตา.. สายตาของเธอนั้นบอกถึงอารมณ์ได้หลายสภาวะ สภาวะการแรก.. คือความประหลาดใจ ถ้าหากอยู่กันตามลำพัง เธอคงถามอูวดลไปแล้ว

    'นายคิดว่านายทำบ้าอะไรลงไป..'

    สภาวะที่สอง เป็นสายตาที่บ่งบอกถึงความไม่เข้าใจ ดูเหมือนว่าเธอกำลังใช้สายตาถามคำถามต่ออูวดล

    'นายทำแบบนั้นทำไม.. นายชอบเฟเดอลาหรือ..'

    สภาวะที่สาม เป็นสายตาตำหนิติเตียนถึงการกระทำที่หาความเหมาะสมไม่เจอ แต่อูวดลก็ทำลงไปแล้ว

    'ต่อให้เด็กอมมือก็คงรู้ เฟเดอลาต้องคู่กับลีออน.. นายรู้ตัวหรือเปล่า ว่าการกระทำของนายไม่ต่างอะไรกับการตัดสินใจของเด็กที่เพิ่งหย่านมเลย..'

    แต่อารมณ์สภาวะที่สี่นั้น.. อูวดลเดาไม่ออกว่าคืออะไร.. แต่ที่แน่ ๆ อูวดลเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่านอกเหนือจากอารมณ์ทั้งสามสภาวสะที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว.. นัยน์ตาสีดำขลับของมาลาตีต้องแฝงอารมณ์บางอย่างไว้อีกแน่นอน เพียงแต่ไม่รู้ว่า อารมณ์ 'สภาวะนั้น' คืออะไร

    ในที่สุดมาลาตีก็เป็นฝ่ายถอนใจแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น

    ชั่วโมงถัดมา โอแลมป์กับเออัวลิสก็กลับมานั่งที่โต๊ะ.. ดูเหมือนเขาทั้งสองยังคงสนุกกันสุดเหวี่ยง ไม่รู้เลยว่าคนอื่น ๆ กำลังเป็นเช่นไร..

    แต่ก็นั่นแหละ.. ทั้งหกย่อมประจักษ์ดีอยู่แล้วว่า.. ปล่อยให้สองคนนี้ไม่รู้ย่อมเป็นการดีที่สุด

    เวลาผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมงโดยที่อูวดลยังคงก้มหน้าอยู่เช่นนั้น โอแลมป์ชวนเขาคุยเรื่องสิทธิและหน้าที่ของมนุษย์เงือกตั้งหลายครั้ง แต่อูวดลก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจเสีย.. เพราะไม่มีอารมณ์ที่จะให้ใครมาพูดด้วยเพื่อ 'ลองภูมิ' ที่ไม่ค่อยจะมีของตน

    เวลาผ่านไป.. จนกระทั่ง.. เข็มยาวและเข็มสั้นของนาฬิกาข้อมือ อยู่ในระนาบเดียวกัน..

    อูวดลเงยหน้าขึ้นเป็นครั้งแรก.. ความคิดเรื่องที่ผ่านมามลายหายไปสิ้นโดยมีเรื่องใหม่เข้ามาแทน

    พิธีปัดเป่าความชั่วร้าย.. กำลังจะทำในไม่ช้านี้..

    เพชรมหาสมุทร.. จะรอดจากคำขู่ของกลุ่มโจรทะเลเลือดหรือเปล่า..

    เรื่องนี้น่าสนใจและน่าคิดกว่าเรื่อง เฟเดอลาตั้งเยอะ..


    ………………………………………………...


    พิธีปัดเป่าความชั่วร้ายเริ่มต้นขึ้นหลังจากห้านาทีถัดมา ประตูด้านหน้าถูกปิด เพื่อป้องกัน 'บุคลล' ที่ไม่ได้เชิญ จ้าวสมุทรเฮนรี่กล่าวปาฐกถาเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวเริ่มพิธี

    เมื่อพิธีเริ่มขึ้น วงออเคสตร้าหยุดการบรรเลงเพลง ห้องโถงทั้งห้องเงียบสงัด แม้แต่เหล่าฝูงปลาที่ว่ายวนเหนือเพดานกระจกก็พยายามทำตัวเองให้เงียบ ประตูงานด้านหน้าห้องโถงถูกปิดลง

    ท่านผู้นำศาสนาเดอร์ลากูร์ พาร่างแก่ชราของตัวเองให้มายืนอยู่ด้านหน้าโครงเหล็กอันเป็นที่วางของคนโทน้ำทะเลทั้งสามสิบดินแดน และมีเพชรมหาสมุทรตรึงอยู่ด้านในสุด

    นักบวชอีกหลายคนเดินเข้ามาสมทบ ยืนแผ่ล้อมรอบผู้นำศาสนาเดอร์ลากูร์และโครงเหล็กเป็นวงรี ก่อนที่จะสวดมนต์ออกมาเบา ๆ

    มาลาตียืดตัวขึ้น.. มองไปยังนักบวชคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าท่านผู้นำศาสนาเดอร์ลากูร์.. เธอรู้สึกคุ้นตากับนักบวชคนนี้ยิ่งนัก.. มองเลยขึ้นไปยังท่านผู้นำศาสนาเดอร์ลากูร์.. เธอก็ยังไม่วายรู้สึกแปลก.. เกิดอะไรขึ้น..

    บทสวดมนต์ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังเหล่านักบวช และเพชรมหาสมุทร

    ท่านผู้นำศาสนาหันหลังเอื้อมมือไปหยิบเพชรมหาสมุทรมาไว้ในฝ่ามือ พร้อมกับเริ่มสวดมนต์บทใหม่

    เพชรมหาสมุทรส่องแสงระยิบระยับเป็นประกายเล่นกับแสงไฟ บ่งบอกถึงพลังอำนาจที่แฝงไว้ภายใน อูวดลจ้องมองเพชรมหาสมุทรเขม็ง แปลกที่คราวนี้เขาไม่รู้สึกว่าตัวเองถูก 'แผดเผา' เหมือนกับตอนที่เห็นครั้งแรก.. บางที อาจจะเป็นเพราะว่า 'อุปาทาน' นั้น หายไปแล้วก็เป็นได้

    กิ่งก้านของโครงเหล็กรอบนอกซึ่งมีคนโทน้ำทะเลของทั้งสามสิบดินแดนวางอยู่ ค่อย ๆ เลื่อนตัวลง ท่านเดอร์ลากูร์ นำเพชรมหาสมุทรปล่อยลงในคนโทน้ำทะเลของแคริบเบียนที่อยู่ใกล้ที่สุด

    เพชรมหาสมุทร ไม่จมน้ำ หากแต่ส่องแสงเป็นประกายยิ่งขึ้นเมื่อสัมผัสกับน้ำทะเล

    เวลาผ่านไป ท่านเดอร์ลากูร์หยิบเพชรออกจากคนโทของแคริบเบียน โครงเหล็กหมุนไปด้านซ้าย ทำให้คนโทน้ำทะเลของแคริบเบียนต้องเลื่อนออกไป โดยมีคนโทน้ำทะเลของอ่าวเม็กซิโกเข้ามาอยู่แทนที่..

    ท่านผู้นำศาสนาและการบูชาแห่งเทพ ปล่อยเพชรมหาสมุทรให้ลอยอยู่เหนือน้ำทะเลภายในคนโทของอ่าวเม็กซิโก

    สายตาของอูวดลจับจ้องพิธีอย่างไม่วางตา ในขณะที่หูรับฟังเสียงสวดมนต์ของคณะนักบวชซึ่งส่งเสียงประสานก้อง ฟังดูไพเราะยิ่ง ท่านผู้นำศาสนาเดอร์ลากูร์ทำซ้ำแบบเดินเรื่อย ๆ ถัดจากคนโทก็อ่าวเม็กซิโก ก็เป็นแอตแลนติคใต้ แอตแลนติคเหนือ อ่าวฮัดสัน..

    ไม่ใช่แค่เพียงอูวดลเท่านั้นที่จับจ้องพิธีอย่างไม่วางตา มาลาตีก็เช่นกัน.. ซึ่งจวบจนถึงเวลานี้.. เธอก็ยังคงมองเห็นถึงความผิดปกติบางอย่างได้อยู่ดี..

    นักบวชที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ท่านผู้นำเดอร์ลากูร์.. ชายหนุ่มรูปร่างสูง โปร่ง ผมสีดอกเลา เหมือนกับว่าเคยเห็นที่ไหน..

    พิธียังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ พอกับความสงสัยของมาลาตีที่ทวีเพิ่มมากขึ้น..

    มาลาตีหลับตานิ่ง.. พยายามนึกให้ออกว่าเคยเห็น ใบหน้าขาวมีริ้วรอยประปราย ตาคมเข้มเป็นประกาย ที่ไหน..

    ความจำยังวนเวียน.. เธอจำโครงหน้าแบบนี้ได้แม่นยำ.. เหมือนกับว่า.. เพิ่งจะเคยเห็นไม่นาน.. ใครนะ.. ที่เห็นหน้ากันอยู่ไม่นาน..

    สติของมาลาตีกระตุกวูบ.. ลืมตาขึ้นทันทีทันใด.. ใช่.. ใช่จริง ๆ นักบวชคนนี้.. คือคนที่เดินสวนกันที่หน้าห้องน้ำ..

    แต่.. ตอนนั้นใส่ชุดหน่วยรบแห่งท้องทะเล.. แต่ตอนนี้.. ทำไม..

    ไม่มีทาง.. ไม่มีใครที่สามารถเป็นหน่วยรบแห่งท้องและนักบวชพร้อม ๆ ได้

    หรือว่า.. มีการเปลี่ยนชุด

    ท่านผู้นำศาสนาเดอร์ลากูร์ ปล่อยเพชรมหาสมุทรลงบนคนโทน้ำทะเลครบทั้งสามสิบดินแดนแล้ว จึงวางมันไว้บนโครงเหล็กตามเดิม

    มาลาตีกระโดดขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว.. ปากกำลังจะตะโกนอะไรบางอย่างออกไป

    แต่..

    ไฟห้องโถงงานเลี้ยงดับวูบขึ้นมาเสียเฉย ๆ ห้องทั้งห้องมืดมิดจนไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ ความอลหม่านเกิดขึ้นเล็กน้อย.. ความตกใจของทุกคนทำให้เกิดเสียงอึงอลกลบเสียงบางเสียงซึ่งดังมาจากทาง โครงเหล็กที่วางเพชรมหาสมุทร..

    ถ้าหากอูวดลไม่ตกใจเสียจนสมองแยกแยะเสียงไม่ออก.. เขารู้สึกว่า ได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นจากโครงเหล็ก.. เสียงนั้นฟังคล้าย ๆ กับเสียงทำร้ายร่างกาย แล้วตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดของใครบางคน..

    "อ๊าค.."

    ความมืดมิดทำให้ทุก ๆ คนไม่กล้าที่ขยับเขยื้อนตัว.. เพราะไม่รู้ว่าภายใต้ความมืดมิดนั้น.. มี 'อันตราย' อะไรแฝงอยู่บ้าง.. แต่จะว่าไป.. ถึงยืนอยู่เฉย ๆ ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย

    คิดได้อย่างนั้น.. มาลาตีจึงกระโจนออกไปโดยเร็ว.. ความสับสนและหวาดกลัวทำให้เธอไม่รู้แม้แต่ว่าตัวเองกำลังจะทำอะไรลงไป.. และ 'เพื่อ' อะไร.. เธอคิดแต่เพียงว่า อย่างน้อย ก็ไม่อยากยืนรอ 'อันตราย' เฉย ๆ

    ตึก ตึก.. เสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างเป็นจังหวะ จากจุดที่วางโครงเหล็ก ตรงมายังมาลาตี..

    ใครบางคนวิ่งชนมาลาตีเข้าอย่างจัง.. จนล้มเซไปหาเฟเดอลา.. จากแรงและทิศทางที่คำนวณแล้ว.. ดูเหมือนว่า คนที่ชนเธอเมื่อครู่นั้น.. กำลังรีบมุ่งหน้าไปที่ 'ประตู' อย่างรวดเร็ว

    ปัง..

    เสียงมาทางประตู.. ไม่บอกก็รู้ว่า.. สภาพของประตูตอนนี้.. คงแหลกไม่มีชิ้นดีแล้วแน่นอน

    "คนที่อยู่ข้างนอก.. จับตัวคนที่วิ่งออกไปให้ได้.." จ้าวสมุทรเฮนรี่ตะโกนก้อง.. ดูเหมือนว่าสติสัมปชัญญะของเขาจะกลับมาเป็นคนแรก..

    ไม่มีสัญญาณใด ๆ บ่งบอกว่า 'คนข้างนอก' กำลังทำตามคำสั่ง

    ตูม !!!

    เสียงคล้าย ๆ ระเบิดดังมาจากไกล ๆ

    "ไปดูห้องควบคุมไฟเร็ว ๆ เข้า.. ใครก็ได้.." จ้าวสมุทรอันนัมตะโกนต่อ

    ยังไม่ทันที่จะมีใครทำตามคำสั่งของจ้าวสมุทรอันนัม ไฟก็สว่างพรึบขึ้นมาตามเดิม..

    โครงเล็กยังอยู่ที่เดิม.. คนโทน้ำทะเลทั้งสามสิบดินแดนยังไม่แตกหัก รูปปั้นนางเงือกเทน้ำไม่มีแม้แต่รอยบุสลาย.. หากแต่ว่า..

    เพชรมหาสมุทร..

    ..หายไปแล้ว

    จากคุณ : Waasuthep - [ 27 พ.ค. 47 15:55:51 A:203.172.120.161 X: ]