"พี่ฮั่น!" เสี่ยวซาและเด็กสาวผู้นั้นอุทานออกมาโดยพร้อมเพรียง
"พี่ฮั่น!" บุรุษทั้งสองอุทานออกมาเช่นกัน
"ฮั่นตง!" เหวินเหม่ยชิงที่กุมกระชับด้ามกระบี่จนข้อนิ้วขาวซีดก็อดที่จะอุทานออกมามิได้
"ข้าพเจ้าเอง!" ฮั่นตงกล่าวรับคำ
ทุกผู้คนต่างเรามองดูท่าน ท่านมองดูเราด้วยความงุนงง อั่นตงเห็นเช่นนั้นก็รีบกล่าวว่า
"เสี่ยวซา เจ้ากลับร้ายกาจนัก เราให้เจ้ารอแม่นางเหวินอยู่ในที่พัก กลับชิงออกมารับหน้าถึงที่นี่!"
เสี่ยวซามองดูอีกฝ่ายจนปากอ้าตาค้าง รำพึงอยู่ในใจ "ที่แท้บุคคลที่คิดให้เราพบเจอคือ "แม่นางเหวิน" นี่เอง มิทราบอีกสองคนคือผู้ใดกัน?"
"พี่ฮั่น พี่ฮั่น"บุรุษทั้งสองกรากกันเข้าหาฮั่นตงด้วยความยินดี
เสี่ยวโกยชิงเอ่ยปาก
"งานที่พี่ฮั่นสั่งให้กระทำ ผู้น้องโชคดีสามารถสำเร็จลุล่วง ฮา ฮา" ตอนท้ายอดที่จะหัวเราะออกมามิได้ เสียงหัวเราะของมันกลับบันดาลให้ผู้คนปลอดโปร่งสบาย
ฮั่นตงยิ้มพลางตบบ่าไหล่หนาของมันกล่าวว่า
"พี่น้องที่ดี"
จากนั้นหันไปบีบมือฟาหลินซีที่อยู่ด้านข้าง ทันใดนั้นสังเกตุเห็นเสื้อผ้าของอีกฝ่ายเปรอะเปื้อนฝุ่นผง ต้องอุทานออกมา
"เอ๊ะ พี่หลินซี เหตุใดเสื้อผ้าท่าน?"
"ฮา ฮา มิเป็นไรๆ เป็นเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น น้องแซ่เหวิน เจ้าก็เก็บกระบี่เถิด" มันกล่าวตอบฮั่นตง ตอนท้ายหันไปกล่าวกลับเหวินเหม่ยชิง
"เข้าใจผิด? น้องแซ่เหวิน? อ้อ" ฮั่นตงเหลือบมองไปทางด้านเหวินเหม่ยชิงและเสี่ยวซาก็พลันเข้าใจ
"ที่แท้พวกท่านก็ได้รับทราบฝีมือมันแล้ว" ฮั่นตงกล่าวยิ้มๆ
ฟาหลินซีพยักหน้ากล่าวว่า "คลื่นลูกหลังไล่แซงคลื่นลูกหน้า นับว่ากล่าวได้มิผิดจริงๆ"
ฮั่นตงพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย "ยุทธภพในภายภาคหน้า มิแน่ว่าต้องฝากเอาไว้ในมือของเด็กน้อยนี้!"
ฟาหลินซีขณะจะตอบรับเห็นด้วย พลันมีสีหน้าประหลาดพิกล ฮั่นตงตลอดมาละเอียดถี่ถ้วน ครั้งนี้ย่อมสังเกตเห็นสีหน้าอีกฝ่าย
"พี่หลินซี ท่านมีความในใจ?"
ฟาหลินซีพยักหน้า ลอบมองไปทางเสี่ยวซานิดหนึ่ง จากนั้นกล่าวว่า
"พี่ฮั่น จริงอยู่ที่เด็กน้อยผู้นี้พลังฝีมือสูงส่ง ภายภาคหน้าย่อมเป็นผู้เยี่ยมยุทธ ทว่าความเป็นมาของมันกลับไม่กระจ่างชัด ยังมี ท่านทราบหรือไม่ มันมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีสังหารศิษย์น้องของเหวินเหม่ยชิงด้วย!"
อ้อ ที่จริงเป็นเรื่องนี้ ท่านมิต้องกังวลไป เรารับรองมันต้องมีคำตอบที่ดีแก่พวกท่าน" ฮั่นตงกล่าวรับรองด้วยความมั่นใจ จากนั้นหันไปทางคนอื่นๆ
"พวกเรามิควรจะมาสนทนากันในที่นี้ ขอเชิญทุกท่านไปยังที่พักก่อน" ประโยคสุดท้ายกลับกล่าวโดยจ้องมองไปที่เหวินเหม่ยชิงโดยเฉพาะ
เหวินเหม่ยชิงสบตากับอีกฝ่าย ในดวงตาคล้ายมีถ้อยคำร้อยพันประการคิดกล่าว ทว่าสุดท้ายมิได้เอ่ยออกมา
..............
................................
เขาบู๊ตึ๊งตั้งตระหง่านอยู่อย่างยิ่งใหญ่ ทว่ายอดเขาบู๊ตึ๊งมิใช่ยอดเขาลูกหนึ่ง แต่เป็นยอดเขาสามลูก เนื่องเพราะผู้ที่ก่อตั้งมันคือยอดปรมาจารย์เตียซำฮง ชื่อเดิมของเขามิใช่ซำฮง แต่เป็น กุนป้อ ต่อมาเมื่อเห็นยอดเขาทั้งสามซึ่งเป็นยอดเขาบู๊ตึ๊งจึงได้เปลี่ยนชื่อของตนเป็นซำฮง และก่อตั้งสำนักบู๊ตึ๊งขึ้น ณ ที่นี้
เขาบู๊ตึ๊งสำนักอันดับหนึ่งแห่งหอห้ากระบี่ มิต้องพูดถึงประวัติอันยาวนานของมัน แค่ลูกศิษย์ลูกหาที่ผ่านการอบรมฝึกปรือจากสำนักนี้ก็มีนับพันนับหมื่นแล้ว ถือได้ว่าเป็นสำนักที่เป็นรากฐานของยุทธภพในยุคนี้ทีเดียว
จื่ออิงเจ้าสำนักคนปัจจุบันขณะนี้ยืนเอามือไพล่หลังชมจันทร์อยู่เพียงลำพังในสำนัก ดูคล้ายกับว่ามันกำลังรอคอยผู้ใดอยู่
มันในเวลานี้เปี่ยมไปด้วยสง่าราศีผิดแผกไปจากเมื่อเกือบสองเดือนก่อนเป็นคนละคน แน่นอนเพราะมันในตอนนี้มิเพียงรับตำแหน่งเจ้าสำนักบู๊ตึ๊ง สำนักอันดับหนึ่งแห่งหอห้ากระบี่เท่านั้น มันยังเป็นผู้นำหอห้ากระบี่ทั้งมวล ซึ่งเปรียบไปก็เป็นผู้นำยุทธภพในยุคนี้
และดูเหมือนหอห้ากระบี่ในยุคของมันจะยิ่งใหญ่เกรียงไกรกว่าที่แล้วมามากนัก นั่นเพราะได้ผนวกรวมเอาพรรค "ลมหวน" และสำนัก "ดาวตก" เข้ามาร่วมด้วย หนึ่งเดียวที่เป็นหนามทิ่มตำนัยน์ตาของมันก็คือ....ฉิกจับอิด!
เจ้าสำนักบู๊ตึ๊งอดมิได้ที่จะกำมือแน่นโดยมิรู้ตัว เมื่อคิดถึงพรรคฉิกจับอิดอันเกรียงไกร เข้มแข็งทั้งกำลังคน และกำลังทรัพย์
ลมพัดยอดไม้ไหวเอนเสียงดัง ซ่า ซ่า เงาร่างสายหนึ่งพุ่งกายไหววาบราวกับภูตพราย ชั่วพริบตาเดียวจากที่ห่างไกลนับสิบวา ก็กระชั้นสั้นเหลือเพียงไม่ถึงวา เงาร่างสายนั้นร่อนลงที่เบื้องหลังแผ่วเบาจนแทบไร้สุ้มเสียง ทว่าก็ยังมิสามารถรอดพ้นโสตประสาทอันปราดเปรียวของจื่ออิงไปได้
"นอกจากเพลงกระบี่พายุแล้ว วิชาตัวเบาของพรรค "ลมหวน" ก็นับว่าเป็นอันดับหนึ่งได้!" จื่ออิงกล่าวทำลายความเงียบขึ้นโดยมิได้หันหน้ากลับมา ที่แท้ผู้ที่มันกำลังรอคอยคือ ต้วนเล้ง แห่งพรรคลมหวนนั่นเอง
ทันใดนั้นจื่ออิงรู้สึกอีกฝ่ายลมหายใจหนักหน่วงเป็นพิเศษ ยอดฝีมือเช่น ต้วนเล้ง มิบังควรมีอาการเช่นนี้ นอกเหนือจากว่ามันได้รับบาดเจ็บ
"พี่ต้วน ทำไมมีสภาพเยี่ยงนี้ เกิดอันใดขึ้น?!!" จื่ออิงรีบหันกลับมา คำพูดที่กล่าวทั้งตื่นตระหนกและร้อนรน
ต้วนเล้งเซไปด้านหน้านิดหนึ่ง จื่ออิงรีบประคองให้นั่งลง
"ขอ..ขออภัยท่านผู้นำ ผู้น้อยกลับมิสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ลุล่วง" กล่าวจบก้มหน้ามิพูดจา ลมพัดโชยเส้นผมสีขาวของมันปลิวไสว จื่ออิงอดรู้สึกประหลาดใจมิได้ กระทั่งคนผู้นี้ก็ยังมิสามารถปฏิบัติหน้าที่ๆ ตนมอบหมายได้สำเร็จ เช่นนั้นยังมีผู้ใดสามารถ
"พี่ต้วน ช่างมันเถิด อาการของท่านเป็นเช่นไร?"จื่ออิงถามด้วยความห่วงใย
"ผู้น้อยเพียงบอบช้ำเล็กน้อย ใช้เวลารักษาตัวสิบวันครึ่งเดือนคงทุเลา"
"อา ผู้ใดสามารถทำร้ายท่านเช่นนี้ เป็นเหวินเหม่ยชิง?" จื่ออิงถามเสียงเบา
"ผู้นำสั่งผู้น้อยให้ตามประกบเหวินเหม่ยชิงเจ้าสำนักหันซาน หากนางทำอันใดที่เป็นการทำให้หอห้ากระบี่เสื่อเสียหรือแตกแยก ก็ให้ขัดขวาง หรือถ้าจำเป็นก็ให้กำจัดฆ่าทิ้ง" เว้นนิดหนึ่งกล่าวต่อ
"ผู้น้อยนำกำลังคนของพรรคเราติดตามนางไปตลอดทาง ล้วนแต่มิถูกนางพบเห็น จนกระทั่งถึงมณฑลหยางโจว นางได้เดินทางเข้าเมืองน้อยพบปะกับบุรุษสองคน ในเวลานั้นข้าพเจ้ายังมิทราบว่ามันเป็นใคร แต่กลัวว่านางจะลอบติดต่อกับคนของฉิกจับอิด ดังนั้นส่งคนออกสืบความเป็นมาของทั้งสอง ภายหลังจึงทราบว่าหนึ่งในนั้นคือ "ฟาหลินซี" คนผู้นี้เคยประกอบอาชีพคุ้มกันภัย พลังฝีมือสูงส่ง ระหว่างนี้ถอนตัวจากยุทธภพมิมีผู้ใดพบเห็น"
"แล้วเหตุใดมันปรากฏตัวในเวลานี้?" จื่ออิงรีบซักถาม
"มันเพียงเคลื่อนไหวเพราะคนผู้หนึ่ง?"
"ผู้ใด?"
"ฮั่นตง!" ต้วนเล้งตอบเสียงเย็น
"เพ้ย เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับมัน ที่แท้ฮั่นตงกับเหวินเหม่ยชิงก็ลอบติดต่อกันอย่างลับๆ"
ต้วนเล้งพยักหน้า
"ดังนั้นผู้น้อยคิดตัดไฟแต่ต้นลม นำกำลังคนครึ่งร้อยล้อมพวกมันเอาไว้ในจุดอับ นึกมิถึง..."
"พวกมันกลับสามารถหลุดรอด มิหนำซ้ำยังทำร้ายท่านบาดเจ็บ?" จื่ออิงกล่าวเสริม เว้นนิดหนึ่งเอ่ยถาม
"พลังฝีมือของคนผู้นั้นร้ายกาจกว่าท่าน?"
ต้วนเล้งพยักหน้า ตอบว่า
"ประมาณครึ่งขั้น แต่หากข้าพเจ้าใช้กระบี่ มันยังมิสามารถทำอันใดข้าพเจ้า เพียงแต่ท่านผู้นำสั่งให้ปิดบังฐานะ" เว้นนิดหนึ่งกล่าวออกมาด้วยความเสียใจว่า
"สุดท้าย ข้าพเจ้ายังคิดว่า เหวินเหม่ยชิงล่วงรู้ฐานะข้าพเจ้าแล้ว" มันพูดจบก็นิ่งเงียบมิกล่าววาจาใด
จื่ออิงตกตะลึงกับข้อมูลที่ได้รับ ถอนหายใจนิดหนึ่ง โบกมือกล่าวว่า
"แล้วไปเถอะ เพียงแต่เรานึกมิถึงอยู่เรื่องหนึ่งเท่านั้น"เจ้าสำนักบู๊ตึ๊งกล่าวออกมา
"ประการใด?" ต้วนเล้งถาม
"พวกมันต่อให้ร้ายกาจกว่าท่านสิบเท่า ก็มิน่าจะหลุดรอดจากค่ายกล "ศาสตรา" ของท่านได้! อย่าว่าแต่มันเพียงฝีมือดีกว่าท่านเล็กน้อย!" จื่ออิงกล่าวด้วยความมั่นใจ
"เป็นฝีมือของอีกผู้หนึ่ง มิใช่ฟาหลินซี" ต้วนเล้งตอบ
"อะไร! ยังมีคนฝีมือร้ายกาจถึงเพียงนั้น?!!" จื่ออิงกล่าวด้วยความสงสัย
"มิใช่พลังฝีมือ เป็นดินระเบิดของมัน!" ต้วนเล้งกล่าวเน้นเสียง
"ฮึ่มม ฮั่นตงกลับสามารถหาผู้ช่วยฝีมือร้ายกาจเช่นนี้ เรื่องนี้มิสามารถโทษว่าท่าน ไปพักเถิด"
ต้วนเล้งประสานมือแล้วจากไป
จื่ออิงมองอีกฝ่ายจนลับตา จื่ออิงนั้นความตั้งใจจริงของมันคือมิต้องการให้เหวินเหม่ยชิงสืบสาวเรื่องราวที่ตนสังหารศิษย์น้องของนาง จึงส่งต้วนเล้งไปคอยขัดขวาง ส่วนที่บอกว่าถ้าจำเป็นให้สังหารอีกฝ่ายได้ก็เป็นเพียงแค่คำกล่าวบังหน้า จื่ออิงมั่นใจต้วนเล้งมิสามารถสังหารเหวินเหม่ยชิงได้ แต่แผนการที่วางไว้กลับมีเหตุคาดมิถึง นั่นคือการปรากฎตัวของผู้ช่วยสองคนของฮั่นตง พวกมันกลับมีพลังฝีมือสูงส่ง แถมหนึ่งในนั้นยังเชี่ยวชาญการใช้ดินระเบิด เป็นเหตุให้หมากตัวสำคัญอย่างต้วนเล้งที่เขาวางไว้ ต้องสูญเสียโดยเปล่าประโยชน์
"ฮึ่มม เห็นทีเราต้องเร่งดำเนินการให้เร็วยิ่งขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นต่อให้นางทราบความจริง ก็มิมีผู้ใดกล้าเชื่อถือนาง ฮา ฮา เพราะเวลานั้นเรา จื่ออิงผู้นี้ จะเป็นผู้ปกครองยุทธภพ!!!" กล่าวจบหมุนกายเดินกลับที่พัก
คล้อยหลังมันปรากฎคนผู้หนึ่งเดินออกจากมุมมืด คนผู้นั้นกลับเป็น...หลิวหยงเคอ
หลิวหยงเคอมิใช่เดินทางกลับหัวซานไปแล้วหรอกหรือ?!!
แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 47 20:32:47
จากคุณ :
ทีมแต่งนิยาย
- [
27 พ.ค. 47 18:25:50
]