๑.
เมฆดำทะมึนแผ่ปกคลุมไปทั่วฟากฟ้า ประจุไฟฟ้าแลบแปลบปลาบเป็นระยะๆ สลับกับเสียงร้องคำรามประหนึ่งคนคลุ้มคลั่งขึ้นกลางท้องทะเล
พายุใหญ่กำลังก่อตัวขึ้นแล้ว! กำลังแรงของมันพัดพากระแสน้ำปั่นป่วนจนเกิดเป็นระลอกคลื่นโตใหญ่มหึมา ทว่าท่ามกลางทะเลบ้านั้น
ร่างเล็กบอบบางสองร่างบนเรือน้อยลำหนึ่งกำลังพยายามบังคับเรือฝ่าพายุอย่างสุดกำลัง เหมือนดั่งลูกกวางน้อยที่กระเซอะกระเซิงหลบหนีนายพรานในไพรกว้างโดยไม่อาจรู้ชะตากรรมของตน
หญิงสาวเหลียวมองลูกน้อยที่สาละวนช่วยวิดน้ำออกจากเรือด้วยความเวทนาระคนวิตกกังวล สถานการณ์บีบบังคับให้เธอจำต้องระหกระเหินจากบ้านเกิดไปตายเอาดาบหน้า แต่กลับกลายเป็นหนีเสือปะจระเข้ นึกไม่ถึงว่าจะต้องเผชิญกับพายุใหญ่กลางทะเลเช่นนี้
พายุยังคงโหมกระหน่ำอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ กลับยิ่งทวีความปั่นป่วนรุนแรงขึ้น เทพีแห่งโชคชะตาไม่เข้าข้างเธอเอาเสียเลย ฟองคลื่นขาวกระจายออกเป็นบริเวณกว้างถาโถมเข้าซัดกระหน่ำจากทุกสารทิศ ทำให้เรือเล็กนั้นโอนเอนไปมาตามแรงพายุ หญิงสาวรวบรวมสติ กัดฟันบังคับเรือมุ่งฝ่าพายุร้ายต่อไปเพื่อรักษาชีวิตของตนและบุตรสาวเอาไว้ให้ได้
ทว่ากำลังของมนุษย์ตัวเล็กๆ ไหนเลยจะต้านทานพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติได้ ฉับพลันระลอกคลื่นลูกใหม่ก่อตัวขึ้นบดบังเส้นโค้งของขอบฟ้ามืดมิด
ก่อนจะกระหน่ำฟาดลงมายังเรือเล็ก กวาดเอาทุกสรรพสิ่งดำดิ่งลงสู่ห้วงมหาสมุทรในที่สุด!
ไม่ !!!
หญิงสาวกรีดร้องลั่น ดวงตาเบิกกว้าง ทะลึ่งตัวไปข้างหน้า พยายามตะเกียกตะกายขึ้นสู่ผิวน้ำ แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อรู้สึกตัวว่าข้างใต้สองเท้านั้นไม่ใช่ผืนน้ำ หากแต่เป็นผืนพรมหนานุ่ม เมื่อมองดูโดยรอบให้ดีๆ แล้ว สภาพห้องและสิ่งของเครื่องใช้ต่างก็ดูคุ้นตา ไม่ได้เป็นท้องน้ำดำมืดกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
ใช่แล้ว
ที่นี่คือห้องของเราเอง
ทั้งหมดเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น
ถอนหายใจอย่างโล่งอก เอนหลังพิงพนักเก้าอี้บุนวมหนานุ่มตามเดิม ทั่วทั้งร่างยังสั่นสะท้านกายด้วยความหวาดกลัวต่อพายุร้ายยังติดตรึง หล่อนค่อยๆ ผ่อนลมหายใจเพื่อระงับจิตใจให้เป็นปกติ พลางหลับตานึกทบทวนภาพฝัน
ฝันเหมือนเดิมอีกแล้ว จำได้ว่าก่อนหน้านี้ ตั้งแต่สมัยที่เรายังเล็กก็เคยฝันเห็นเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้หลายครั้ง
ความฝันที่ช่างเหมือนจริงเสียเหลือเกิน ราวกับว่าเพิ่งประสบมาด้วยตนเองจริงๆ แม้ในขณะนี้ก็ยังคงจดจำได้ ทั้งเสียงพายุที่ดังอื้ออึง และความเย็นเยียบของน้ำทะเล หรือว่าเหตุการณ์ทุกอย่างในฝันนั้นจะเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับเราจริงๆ
แต่จะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อตั้งแต่จำความได้ เราก็ไม่เคยนั่งเรือออกทะเลแบบนั้นมาก่อน
หญิงสาวสะบัดหน้าช้าๆ ยกมือขึ้นขยี้ตาให้ตัวเองตื่นเต็มที่ ตัดสินใจยุติการสืบสาวที่มาของความฝันปริศนา เพราะเธอเคยครุ่นคิดถึงเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้อยู่ดี
ลำแสงสุดท้ายของวันสาดส่องเข้ามา ฉาบทาให้ทุกสิ่งในห้องกลายเป็นสีแดงอมส้มเรื่อเรือง ระหว่างที่หล่อนกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องคงจะเผลองีบหลับไป มารู้สึกตัวอีกทีก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว หนังสือเล่มโปรดหล่นลงไปนอนนิ่งอยู่ข้างเก้าอี้นั่นเอง ก้มลงหยิบขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะใกล้ๆ กัน แล้วผละไปเปิดหน้าต่างกรุกระจกบานใหญ่ ทอดสายตาเหม่อมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย
ห้องของหล่อนอยู่ที่ชั้นบนสุดของหอคอยปีกตะวันออกของปราสาท ดังนั้นจึงสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้ทั่วทั้งเมือง แสงแดดยามเย็นสะท้อนเงาเป็นประกายบนแท่งคริสตัลขนาดใหญ่ของดาบศักดิ์สิทธิ์ สัญลักษณ์ของอาณาจักรอเล็กซานเดรียที่ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดปราสาท ประหนึ่งจะพิทักษ์รักษาบ้านเมืองให้คงความสงบสุขชั่วนิรันดร์ เมื่อมองลงมาจะเห็นทะเลสาบเล็กๆ ที่โอบล้อมรอบตัวปราสาท และกั้นแบ่งกับนครหลวงที่มีผู้คนหลายเชื้อชาติหลายเผ่าพันธุ์อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
ถัดออกไปคืออาคารบ้านเรือนปลูกเรียงรายลดหลั่นกันไปทั่วบริเวณยอดเขา หลังคากระเบื้องสีแสดสะท้อนรับกับแสงแดดยามตะวันจะลาลับฟ้า ตัดกับถนนที่ปูด้วยหินกรวดราบเรียบสะอาดตา ภาพทิวเขาสลับซับซ้อนที่อยู่ไกลออกไปเป็นฉากหลัง ทุกอย่างดูสลัวเบาบางท่ามกลางหมอกขาวที่ลอยตัวอ้อยอิ่งทำให้ทัศนียภาพแลคล้ายภาพฝัน
สายหมอกนี้มีมาแต่ครั้งบรรพกาล ไม่เพียงแต่แผ่ปกคลุมอยู่รอบบริเวณอาณาจักรอเล็กซานเดรียเท่านั้น หากแต่ครอบคลุมไปทั่วทั้งทวีป จึงทำให้แผ่นดินแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่าทวีปแห่งม่านหมอก
เสียงหัวเราะอย่างเบิกบานดังแว่วระคนมากับเสียงระฆังโบสถ์ยามเย็น บรรยากาศในเมืองเต็มไปด้วยความคึกคักสนุกสนาน ด้วยคืนนี้จะมีงานเฉลิมฉลองเนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพครบสิบหกชันษาของเจ้าหญิงรัชทายาท เหล่าขุนนางและชนชั้นสูงจากนครเทรโน่ รวมถึงชาวบ้านต่างแคว้นต่างเดินทางมาที่นี่เพื่อร่วมงานฉลอง และรอชมการแสดงครั้งยิ่งใหญ่ของคณะละครชื่อดังแห่งลินด์บลัมที่จะจัดแสดงขึ้นเป็นพิเศษในงานคืนนี้
หญิงสาวมองภาพเหล่านั้นพลางถอนหายใจยาว ระบายความกลัดกลุ้มที่สุมทับอยู่เต็มอก ถ้าเป็นเมื่อก่อนหล่อนก็คงจะตื่นเต้นยินดีเหมือนเช่นคนอื่นๆ แต่ในยามที่สถานการณ์รอบด้านกำลังสับสนวุ่นวายเช่นนี้จะให้รู้สึกยินดีไปได้อย่างไรกัน
ขณะนั้นเอง เสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้นพอเป็นพิธี เรียกความสนใจให้หญิงสาวหันไปมอง นางกำนัลต้นห้องที่หล่อนรู้จักคุ้นเคยดีเปิดประตูก้าวเข้ามาในห้อง นางยอบกายลงถวายคำนับ แล้วจึงกล่าวรายงานอย่างนอบน้อม
องค์หญิงการ์เน็ตเพคะ ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ไปพบก่อนงานจะเริ่มเพคะ
จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะจ้ะ เจ้าหญิงรับคำ แล้วก้มลงสำรวจตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย
เธออยู่ในชุดผ้าไหมสีขาวเหลือบเงินปักดิ้นลูกไม้เป็นลวดลายช่อดอกไม้อ่อนช้อย ขับให้ผิวขาวนวลดุจงาช้างงามโดดเด่น ตัวกระโปรงทิ้งชายยาวระพื้น บนศีรษะสวมมงกุฎเงินรับกับเส้นผมดำขลับยาวสลวย ประดับประดาด้วยเครื่องประดับเข้าชุดเต็มอิสริยยศ ดูสง่างามสมศักดิ์ฐานะ
ถูกแล้ว หล่อนคือเจ้าหญิงการ์เน็ต ทิล อเล็กซานดรอส ที่สิบเจ็ด เจ้าหญิงรัชทายาทแห่งอาณาจักรอเล็กซานเดรียอันเกรียงไกรแห่งนี้
ขณะกำลังจะผละออกไป พลันได้ยินเสียงกระพือปีกเบาๆ หญิงสาวปรายตากลับไปมองอีกครั้ง หมู่พิราบขาวหลายสิบตัวกางปีกถลาร่อนรอบเมืองอย่างอิสระเสรี ก่อนจะโผบินขึ้นไปบนฟ้ากว้างจนเห็นเป็นเพียงกลุ่มจุดสีขาวเล็กๆ ตัดกับท้องฟ้าสีส้มแสด ทว่าดวงตากลมโตสีน้ำตาลคู่งามนั้นกลับฉายแววหม่นเศร้า
นกพวกนั้นดูช่างมีความสุขเหลือเกิน แน่ล่ะ เพราะพวกมันสามารถบินไปที่ไหนก็ได้อย่างอิสระ
อิสรภาพที่เราไม่เคยมี และไม่อาจมีได้ เพราะถูกจำกัดด้วยพันธะหน้าที่ที่ต้องแบกรับ หน้าที่ของขัตติยะที่พึงมีต่ออาณาประชาราษฎร์
เจ้าหญิงการ์เน็ตมองดูฝูงนกบินลับไปจนสุดสายตา พลางค่อยๆ ปิดหน้าต่างลงตามเดิม พร้อมกับสูดหายใจลึก ก่อนที่จะก้าวออกจากห้องไป
ได้เวลาที่จะต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว!
=:=:=:=:=:=:=
จากคุณ :
แมวใบตอง
- [
29 พ.ค. 47 22:15:57
]