CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown



    คุยกันเรื่องอากาศ และ ขอชวนนัดเจอพี่ ๆ น้อง ๆมาเจอกัน

    ได้ข่าวว่าเมืองไทยร้อนกันตับแลย
    ทางนี้อากาศแปรปรวน วันไหนอากาศร้อนอุณหภูมิถึง 25 องศา
    ร้อนอยู่ดี ๆ เตรียมโปรแกรมว่าจะไปเยี่ยมญาติสามีที่ เองกาดีน สักหน่อย
    เย็นวันนั้นพยาการณ์อากาศบอกว่า อากาศจะเย็นพรุ่งนี้ถึง 8 องศา โอเควันต่อไปค่อยเดินทางแล้วกัน
    เย็นอีกวัน พยากรณ์อากาศบอกว่า ฝนตก พรุ่งนี้เอ้ารอเลื่อนไปอีกวัน
    ตอนนี้ฝนตก 2-3 วันติดต่อกันแล้ว ปรากฏว่าเลื่อนไปจนต้องยกเลิกการเยี่ยมญาติ รอไปปีหน้าแล้วกัน
    ตอนนี้ทางลูเซินน้ำท่วม น้ำในแม่น้ำไรน์และตามลำธารขึ้นมาสูง
    หน้าบ้านนัทตี้นั้นมีทะเลสาบเล็ก ๆ น้ำไหลจากเขาลงมาเป็นสี่ขุ่นและเร็วด้วย แต่ยังดีที่จากทะเลสาบเล็ก ๆ นั้นจะไหลลงลำธารเล็ ๆ หลังบ้านเพื่อนบ้านทางด้านเหนือ ทางด้านตะวันออกจะมีลำธารอีกสายมาบรรจบ
    เมื่อฝนหยุดตกได้สองสามวัน นัทตี้จะชอบไปยืนดูตรงที่ลำธารมาบรรจบกัน มันจะมีสองสีคือสีที่ใสจนเป็นตัวปลากับสีที่เป็นสีขุ่น
    มันทำให้คิดถึงตอนเด็ก ๆ ที่ตามพ่อไปราชการที่อุบลฯ รู้สึกว่าจะเรียกว่าแม่น้ำสองสาย หรือเปล่าจำไม่ได้ แต่มันสวยมากสำหรับความรู้สึกของเด็กอย่างนัทตี้ในตอนนั้น
    รอบ ๆ บ้านมองไปทางไหนก็เห็นเขาอยู่ไกล ๆ รอบทิศ เหมือนกับว่าบ้านเราอยู่ใจกลางหุบเขา แต่ไม่มีหมอกหนาอย่างแม่ฮ่องสอน เท่านั้น
    หมอกจะลงหนาทึบก็เลยจากบ้านนัทตี้ไปประมาณ 30 กม.แถวซังมากาเร็ตเท่น ถึงซังกาเล่น
    ทางแถบที่นัทตี้อยู่นั้น จะมีลมอุ่นที่มาจากทางใต้จากอิตาลีพัดย้อนขึ้นมา อากาศจะดี แสงแดดจ้า อุ่นจนร้อน ลมพัดแรง
    ขี่จักรยานตามลมนี่จะประหยัดเวลาไปได้เป็นสิบนาที
    แต่ตอนขากลับต้านลมนี่สิ ต้องใช้ความพยายาม ความอดทนอย่างหนัก
    แต่ถึงอย่างไรนัทตี้ก็ยังชอบ ถ้าอากาศดีแบบนี้จะใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นให้ตัวโดนแดด จะขี่จักรยานไปซื้อผักที่สวนของชาวนา ซึ่งระยะทางไปกลับก็ประมาณ 20 กม.
    ได้ผักสดราคาถูกกว่าตามห้าง ได้ออกกำลังกายบ้างจากไขมันที่สะสมไว้ตอนหน้าหนาว ได้มองดอกไม้ป่าที่ขึ้นมาข้างทาง ทำให้ใจปลอดโปร่งด้วยอีกต่างหาก
    ลมที่พัดมาจากทางใต้ที่นัทตี้ว่านั้น ทางนี้จะเรียกกันว่า เฟิน ถ้าเฟินมาคอยดูเถอะวันต่อไปจะต้องมีฝนตกตามหลังเป็นประจำ
    เรื่องของเฟินนี้ไม่ใช่แต่นัทตี้คนเดียวที่มีปฏิกริยาทางร่างกาย บางครั้งจะปวดหัวก่อนเฟินมาสองสามวัน บางครั้งก็หลังเฟินมา
    คนที่อาศัยอยู่แถวไรน์ทาล (แถบแม่น้ำไรน์) คือแถบบ้านนัทตี้นั้นจะมีประวัติการตายที่แปลกมากคือ นอนตาย คือหัวใจวายตายนั่นแหละ เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นเพศชายซะด้วย
    ถ้าเป็นบ้านเราและนอนตายแบบนี้ก็ว่าผีแม่หม้ายจะมาเอาตัว ต้องแก้เคล็ดโดยเอา สาก-กา-เบื่อ หรือปลัดขิกมาแขวนไว้หน้าบ้าน
    แต่ทางนี้เขาส่งให้นักวิจัย ซึ่งนักวิจัยนั้นได้วิจัยและออกมาแถลงการณ์อย่างไม่ค่อยแน่นอนนักว่า สงสัย ใช้คำว่าสงสัยว่าสาเหตุมาจากเฟินนั่นเอง
    ทีแรกว่าจะกลับไปเอาสาก-กา-เบื่อ มาแขวนไว้หน้าบ้านสักอันเพราะสามีและพ่อสามีไม่แขวนปลัดขิก
    นัทตี้กับลูกสาวนั้นแขวนปลัดขิกหลวงปู่เมฆแล้วคนละตัวที่เอว เอาไว้กันเขี้ยวงา
    เรื่องนี้มีปาฏิหารย์ที่นัทตี้เจอมากับตัว งูกัด 2 หนหมากัด 2 หนแล้วจะเล่าให้อ่านกันถ้าไม่ลืม ว่าเพราะอะไรจึงเชื่อ
    นี่ใกล้หน้าร้อนแล้ว เด็กจะปิดเทอมใหญ่เรียนวันสุดท้ายคือวันที่ 2 กค
    .สามีเขาจะรู้สึกได้เลยว่าจะเข้าหน้าร้อนแล้ว เพราะนัทตี้นั้นจะมีชีวิตชีวา ทำอะไรเร็ว ตัดสินใจเร็ว อารมณ์ดี
    ถึงเวลาเดินทางจะยังอีกตั้งเดือนแต่นัทตี้นั้นได้เตรียมเอากระเป๋าเดินทางลงมาแล้ว สามีเห็นเขาล้อว่า อีกตั้งเดือนนะที่รัก
    ถึงนัทตี้ยังไม่ได้จัดอะไร เพราะไม่ได้เอาเสื้อผ้าไป แต่ก็เอาลงมาเพื่อเตือนใจว่าใกล้กลับเมืองไทยแล้ว สามีเขาเข้าใจว่าตัวยังอยู่ที่นี่แต่ใจนั่นนะบินกลับบ้านไปนานแล้ว
    ตอนนี้ทางนี้ยังเป็นฤดูใบไม้ผลิอยู่ หลังวันที่ 21 มิ.ย. มั้งถึงจะเข้าหน้าร้อนทางนี้ เดี๋ยวหนังสือพิมพ์เขาก็เขียนเตือนเองแหละ
    อากาศไม่เป็นใจให้ออกไปไหนได้เลย ไอ้ที่สะสมเอาไว้ตอนหน้าหนาวนั่นมากองรวมกันอยู่ที่หน้าท้อง นัทตี้ก็อยากไปขี่จักรยานบ้าง นั่งบ่นเบื่ออากาศอยู่ สามีพูดปลอบใจว่า ไว้กลับเมืองไทยไปกินให้อิ่มก่อน แล้วค่อยกลับมาขี่จักรยาน และไปเดินเขากัน ถ้านัทตี้กลับมาจากเมืองไทยทางนี้ยังหน้าร้อนอีกหลายเดือน เราไม่ค่อยอยู่ติดบ้านกัน จะคว้าจักรยานคนละคัน สวมหมวกกันน็อค ติดเอาน้ำและขนมไปปิคนิคกัน
    ที่นี่มีที่เที่ยวธรรมชาติเยอะมากถึงจะขับจักรยานเข้าป่า ก็จะมีทางไว้อย่างดี เขาจะอนุรักษ์ต้นไม้และสัตว์ป่าด้วย อยากให้บ้านเรามีแบบนี้มาก ๆ
    เมื่อวานสามีชวนไปดูรถคาราวาน(รถบ้าน)ข้างในตกแต่งไว้เหมือนบ้านหลังเล็กมีเครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่าง มีทั้งห้องครัว ห้องน้ำ-ส้วม โต๊ะกินข้าว โต๊ะรับแขกที่สามารถขยับสองทีก็กลายเป็นที่นอน มีตู้ใส่เสื้อผ้า แอร์และฮิตเตอร์ เสาอากาศทีวี ตู้เย็น มีชั้นลอยที่อยู่เหนือหัวคนขับ ผู้ใหญ่นอนได้ 5 คน
    ที่สามีชวนไปดูเพราเขาเห็นว่านัทตี้กับลูกบ่นดีนักว่าว่าไปเมืองไทยไม่เคยได้เที่ยว ปีที่แล้วก็ฝนตกตลอด
    อาทิตย์ก่อนเขาไปอู่เอารถเข้าเซอร์วิส แล้วไปเห็นเข้า ก็เลยพาไปดู ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าหนูน่าต้องไปดูด้วย หนูน่านั้นเข้าไปดูและไปกดเปิดโน่นนี่ดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นและจะมีคำวิจารณ์ตามมา ถูกใจเธอมาก
    สามีถามเราแม่ลูกว่าชอบไหม หนูน่าชิงตอบว่า ชอบมาก ป่าป๊า สามีเขาล้อลูกว่า งั้นเราคงไม่ได้ไปเมืองไทยอีกหลายปีนะ ลูกเขาว่า ไม่เป็นไรให้ยายกับน้าบินกันมาหาเองสิ ผลัดกันไง คือหนูน่านั้นอยากได้จนตัวสั่น
    นัทตี้นั้นใจหนึ่งก็อยากกลับบ้านทุกปี ใจหนึ่งนั้นก็อยากเที่ยวไปโน่นนี่ ถ้าเรามีรถบ้านนี้เราจะไปไหนก็ได้ตามใจเรา เขาจะมีแคมป์ทุกประเทศ
    แต่ก่อนเคยเช่าไปฮอลแลนด์ และสเปน ค่าเช่ารถเปล่าวันละ 200-250 ฟรังค์ ค่าเช่าที่แคมป์วันละ 40 ฟรังส์โดยราคาประมาณ แล้วแต่ละประเทศ น้ำมันออกเอง
    เด็กทางนี้ปีหนึ่งมีวันหยุดยาวหลายหน แต่หน้าร้อนยาวที่สุดคือ4-5 อาทิตย์ นัทตี้มาคิดดูแล้วว่าถ้าเราซื้อเป็นของเราเองจะดีกว่า เพราะพวกเรานั้นชอบเที่ยวกันทั้งครอบครัว
    ถ้าลูกปิดเทอมหลายอาทิตย์เรามีโอกาสไปได้ปีละหลายหนคุ้มกว่าการที่เราไปเช่าเขา
    เราตกลงซื้อแล้ว แต่ฝากจอดไว้ก่อนจนกว่าจะหน้าร้อนปีหน้า เพราะเรารอให้พ้นหนาวไปหนึ่งและรอโรงรถที่เราต้องจองจอดอีกหนึ่ง
    นี่ยังไม่กล้าบอกทางบ้าน และคิดว่าจะไม่บอก เพราะต้องมีคำถามและคำบ่นตามมา เพราะราคาแพงเท่ากับบ้านเดี่ยวห้าสิบตารางวาในกรุงเทพฯ เลย
    แต่เมื่อมาคิดดูแล้วว่าคุ้มค่ากว่าเพราะบ้านนั้นเคลื่อนย้ายไม่ได้ แต่รถนี่ก็เหมือนบ้านทุกประการ ถึงเล็กกว่าบ้านมากแต่จัดได้อย่างลงตัว และยังเคลื่อนที่ไปไหนต่อไหนได้อีก
    ปีนี้คงเป็นปีสุดท้ายที่ได้กลับเมืองไทยทิ้งทวน ปีหน้าและปีต่อ ๆ ไป เราคงเร่ร่อนอยู่แถวยุโรปกับรถที่เราซื้อ ถึงตอนนั้นนัทตี้คงมีเรื่องเล่า และรูปภาพสวย ๆ มาฝากเพราะคิดว่ากลับไปนี่จะไปเอาอมยิ้มสักอัน
    ปีนี้นัทตี้หว้งเป็นอย่างยิ่งว่าคงได้พบปะและรู้จักพี่ ๆ น้อง ๆ ในนี้กันบ้าง นัทตี้ไม่ใช่คนสวย (ถามตานุ่นฯ ดูได้เพราะเคยเจอกันในกล้อง) ถ้ามองหน้าแล้วคงหมดอารมณ์
    หัวเราะเสียงดังถ้าลืมตัว และมักจะลืมตัวทุกที ท่าทางอาจกวนเกี๊ยะชาวบ้าน แต่ไม่มีอะไร
    ปากจัดไม่รู้ตัว (อันนี้พี่นุ่นบอก) แค่นัทตี้คุย เอ็มเอสเอ็น กับเขา แล้วนัทตี้เขียนว่า "เฮ้ย ได้ไงวะพี่ อีตาบ้า " แค่นี้แหละ พี่แกเขียนตอบว่า "ปากจัด" งอนป่อง ๆ บายเลย
    ถึงแกจะขี้งอน แต่แกสัญญาแล้วว่าจะมาเจอกันด้วย บ้านแกอยู่ถึงนครปฐม และวิ่งรอกถึงราชบุรี ถึงจะไกลขนาดนั้นแกยังอุตส่าห์ถ่อสังขาร(หนีราชการ) มา
    พวกเราอาจนัดกันที่กรุงเทพฯ เพราะนัทตี้นั้นเห็นแก่ตัวสักนิด (ไปไหนไม่ถูกน่ะ)
    อยากถามว่า วันอังคารที่ 6 กค. นั้นใครว่างบ้างตอนเย็นหลังเลิกงาน นัทตี้อยากจะนัดมาเจอกัน นัดกันมาในนี้ก็ได้ ไปกันน้อย ๆ ไม่สนุก เราช่วยกันแชร์
    ถึงมันจะอีกตั้งเดือน แต่นัทตี้ใจร้อนน่ะ และหวังว่าคงช่วย ๆ กันมาให้นัทตี้เห็นหน่อย
    มารู้จักกันสักชั่วโมงก็ได้ อย่างน้อยสักครั้งก็ยังดี เพราะนัทตี้คงไปได้ไปเมืองไทยอีกนาน

    จากคุณ : NATTI (นัทตี้) - [ 4 มิ.ย. 47 04:54:55 A:62.167.106.107 X: ]