CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown



    _____t

    -1-
    คือว่าผมเป็นคนที่ไม่ค่อยตรงเวลาเท่าไหร่ นัดกับแฟนทีไรไม่เคยไปทันตามนัดสักที

    ถ้านัดเที่ยง ผมจะไปบ่าย นัดบ่าย ผมจะไปตอนบ่ายคล้อยๆ

    “คอยตั้งนานแล้วนะ เมื่อไหร่จะมาถึงสักที” ประโยคนี้ผมมักจะได้ยินสม่ำเสมอ

    “จะถึงแล้วอีกห้านาที” และนี่ก็เป็นคำแก้ตัวที่ผมใช้อยู่เป็นประจำ ทั้งที่จริงผมยังไม่ได้ไปถึงไหนเลย บางครั้งยังไม่ได้ออกจากบ้านเลยด้วยซ้ำ

    จะว่าไปแล้วมันก็ผิดที่ผมเองนั้นแหละที่ไม่เคยรักษาเวลากับเธอ แต่ก็แปลกที่เธออดทนกับการผิดนัดของผมได้

    “รอนานไหม ไปหาอะไรกินกันเหอะ” ประโยคนี้ผมเอาไว้ใช้เวลาเจอหน้าเธอ ตอนที่มาช้ากว่าเวลา

    “ไม่หิว มัวไปทำอะไรมา ทำไมถึงมาสาย” คำตอบนี้ผมมักจะได้ยินเสมอเมื่อเวลาผมถามคำถามข้างบนไป

    อันที่จริงผมก็ไม่อยากผิดนัดสักเท่าไหร่หรอก แต่ทำไงได้ มันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ผมเป็นคนที่ไม่ชอบไปก่อนเวลา ไม่ชอบการรอคอย ไม่ชอบที่จะไปถึงก่อนเวลานัด และผมก็ไม่เคยไปถึงที่นัดหมายก่อนเวลาเลยสักครั้ง

    “โกรธหรือเปล่าที่มาช้า” ประโยคนี้ผมมักจะพูดด้วยเสียงอ่อยๆ สอดแทรกความน่าสงสารเข้าไปนิดๆ

    “คิดว่าโกรธไหมละ” เธอมักจะทำหน้าบูดตอบกลับมาเสมอ คิ้วทั้งสองแทบจะชนกัน สังเกตอาการงอนจากสีหน้าได้อย่างชัดเจน

    ต้องใช้เวลาง้องอนอยู่นานกว่าใบหน้าเธอจะกลับสู่สภาพปกติ บางครั้งผมก็เบื่อ บางครั้งผมก็ท้อใจกับตัวเอง แต่ทำไงได้เธอเป็นหนึ่งเดียวในดวงใจของผม ยังไงผมก็ต้องรักษาไว้สุดชีวิต

    “คิดว่าจะมีสักครั้งไหมที่จะมาทันนัด” เธอถามด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด อาจจะเป็นเพราะว่าหมดความอดทนกับผม หรือว่าเป็นการทดสอบผมก็ได้

    ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่กล้าให้คำตอบ กลัวว่าจะทำอย่างที่พูดไม่ได้แล้วเธออาจจะเสียใจมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า

    “อืมมมมมมมมม เอ่อ” ผมไม่สามารถตอบได้จริงๆ


    เธอเริ่มหลั่งน้ำตาคลอเบ้า ผมไม่รู้ว่าการเสียน้ำตาครั้งนี้ของเธอมาจากสาเหตุใด ความรู้สึกของผู้หญิงเป็นสิ่งที่ยากเกินกว่าผู้ชายอย่างผมจะเข้าใจ

    “แค่นี้ก็ทำให้ไม่ได้เหรอ” น้ำใสๆอาบสองแก้วขาวนวลของเธอ

    ผมเอื้อมมือปาดน้ำตาให้เธอ นี่ผมผิดอะไรหรือเปล่า ที่ผมมาช้ามาสายเธอน่าจะรับได้นะ หรือว่าเธอรับไม่ได้ ใจครุ่นคิดถึงคำถามที่เธอให้ จะตอบอย่างไรดี

    “ตกลง ครั้งหน้าสัญญาว่าจะมาให้ทันตามนัด” กลั้นใจปล่อยสัญญาไปทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า

    เธอเริ่มมีรอยยิ้มที่มุมปาก น้ำตาถดถอยหายไปจากดวงตา หรือว่านี่คือสิ่งที่เธอต้องการจากผม

    “จริงๆนะ” เธอยิ้มทั้งน้ำตา

    ผมพยักหน้าหนึ่งครั้ง เธอสวมกอดผมอย่างไม่อายสายตาคนรอบๆ




    และเมื่อถึงเวลานัดครั้งต่อไป(คุณคิดว่าผมจะมาทันหรือไม่...?)




    ผมนั่งรอเธอเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงกว่าๆแล้ว หันซ้ายหันขวาเธอหายไปไหน ทำไมเธอไม่มาสักที โทรศัพท์ไปหาก็ปิดเครื่องหนี นี่เธอต้องการอะไรจากผมกันแน่ ในใจเริ่มรุมร้อน ปลายเท้ากระส่ายกระสับ ถอนหายใจหลายครั้งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน


    ทำไมกัน


    ทำไมการรอคอยมันช่างทรมานเช่นนี้


    นี่หรือที่เรียกว่า...






    การรอคอย






    ผมไม่รู้ว่าเธอจะมาตามนัดหรือเปล่า หรือว่าเธอต้องการดัดนิสัยผม ผมไม่ว่าอะไรเธอหรอก เพราะว่าครั้งนี้


    ผมมาช้ากว่าที่เธอนัด



    ชั่วโมงนิดๆ



    ป่านนี้ไม่รู้ว่างอนตุ๊บป่องๆ ไปไหนแล้วก็ไม่รู้

    ครบหนึ่งชั่วโมงแห่งการรอคอยพอดี


    ผมว่าจะหาหนังดูสักเรื่อง






    แล้วค่อยกลับบ้าน




    -2-

    ผมกลับบ้านด้วยความรู้สึกว่าหนังวันนี้มันไม่มีความสนุกเอาซะเลย ทั้ง ๆ ที่คนข้าง ๆ ได้แต่หัวเราะร่วนกับมุขตลกประโลมโลกของฝรั่งหัวทอง ผมคิดว่าถ้าคนที่นั่งข้าง ๆ ผมในโรงหนังนั้นไม่ใช่ชายแปลกหน้า แต่เปลี่ยนเป็น “เธอ” ผมคงจะดูหนังสนุกกว่านี้อีกสิบ อีกร้อยเท่า



    ไม่รู้ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน? ป่านนี้ทำอะไร? กำลังหัวเราะ? หรือว่ากำลังร้องไห้?

    ระหว่างทางกลับบ้านสายฝนโปรยปรายเป็นหยาดสาย ผมนั่งเหม่อหลังพวงมาลัยปล่อยใจลอยออกไปนอกกระจก บรรยากาศชักนำอารมณ์แปลก ๆ เข้ามาเต็มอก

    ผมไม่สามารถบรรยายได้ว่าตอนนี้ ภาวะทางอารมณ์ผมอยู่ในห้วงใด เหงา? เศร้า? คิดถึง? รู้สึกผิด? ฯลฯ บอกไม่ถูกจริง ๆ

    สายฝนเริ่มโปรยเม็ดกระหน่ำแรงขึ้นเรื่อย ๆ กระแสน้ำจากฟากฟ้าโหมโรงไม่แพ้พายุในใจผมเลย

    หรือว่าผมควรขับรถไปขอโทษเธอที่บ้านดี?

    หรือว่าผมควรกลับบ้านรอให้เธอโทรมาหาตอนเธอหายงอนแล้ว?

    การตัดสินใจในตอนนี้กลับเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในโลก ผมควรทำยังไงดี แต่กว่าจะตัดสินใจได้ก็รู้สึกว่าล้อรถได้หยุดตัวจอดเทียบอยู่หน้าบ้านของผมแล้ว บางที่แวบความคิดลูกผู้ชายก็บอกกับผมว่า ถ้าเธอรักผมจริงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้เธอต้องอดทนกับผมได้ ถ้าเธอทนไม่ได้ ก็ไม่ต้องทน

    ผมต้องการอย่างนี้จริง ๆ หรือ?

    เดินเข้าบ้านอย่างคนโรยแรง ผมไม่รู้สึกตัวเลยว่าความคิดกับการกระทำบางอย่างมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง ผมพุ่งตรงไปที่โทรศัพท์เป็นอันดับแรก กดฟังข้อความที่ฝากเอาไว้ แล้วมันก็เป็นอย่างที่ผมคาดเอาไว้จริง ๆ...

    ไม่มีข้อความของเธอ

    ผมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด หัวใจกำลังเต้นไม่เป็นจังหวะ หรือว่านี่คือความต้องการของเธอ หรือว่านี่คือสิ่งตอบแทนการกระทำที่ผมได้ทำลงไป

    ไม่รู้ว่าตัวเองนั่งเคว้งอยู่ตรงระเบียงตั่งแต่เมื่อไร ฝนหยุดลาไปแล้ว พระจันทร์กำลังสาดแสงสีเหลือง ท่ามกลางดาวระยับบนท้องฟ้ามืดดำ ทำไมดาววันนี้ช่างอับแสงสิ้นดี ทำไมพระจันทร์ต้องมีเพียงแค่เศษเสี้ยว ทำไมฝนถึงหยุดตกไปล่ะ ทำไมรอบกายผมช่างเงียบเหงาเหลือเกิน ทำไม?

    เหลือบมองไปข้าง ๆ กาย ความว่างเปล่าวิ่งประทุสายตาจนรู้สึกระคายเคือง ผมไม่สามารถบอกได้ว่าน้ำใส ๆ ที่แอบอยู่ตรงหางตานั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร มันซึมออกมาจากความรู้สึกใด สองมือกอดรัดเข่าที่ตั้งชั้น กดหน้าซุกหัวเข่า อารมณ์นี้มันยากเกินบรรยายเป็นตัวอักษรจริง ๆ

    ผมกำลังคิดถึงเธอ

    แต่บางครั้งคำขอโทษมันก็สายเกินไปสำหรับผม และมันก็คงจะสายเกินไปที่เธอจะรับฟังมันอีกครั้ง

    ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?

    กำลังทำอะไร?

    อยู่กับใคร?

    ยังโกรธผมอยู่หรือเปล่า?

    ตัดสินใจลุกจากระเบียงหยิบโทรศัพท์กดไปหาเธอ ครั้งนี้มีสัญญาณตอบรับจากปลายทาง แต่...เธอไม่รับสาย เธอกดสายทิ้งแล้วก็ปิดโทรศัพท์หนี ผมรู้สึกว่านี่คงเป็นคำตอบสำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งหมด ความคิดแวบหนึ่งวิ่งเข้ามาในหัวผมอีกแล้ว

    “ผู้หญิงก็อย่างนี้แหละ เจ้าอารมณ์ ขี้งอน ไม่มีเหตุผล ปล่อยไว้สักพักก็คงหายโกรธ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็โทรมาหาเองแหละ อย่าไปง้อมากเลย เดี๋ยวจะเคยตัว”

    ผมบอกไม่ได้ว่าความคิดแวบนี้มันเป็นสิ่งที่ผิด หรือ ถูก แต่มันก็ทำให้ผมทิ้งตัวลงบนเตียง หลับตา เพียงเพื่อจะรอคำว่า พรุ่งนี้ รอเวลาพระอาทิตย์ที่กำลังจะขึ้นทางทิศตะวันออก

    พรุ่งนี้เธอก็โทรมาปลุกผมไปเรียนเองแหละ

    พรุ่งนี้เหตุการณ์คงกลับเป็นปกติ

    พรุ่งนี้เธอก็คงจะหายงอน



    พรุ่งนี้คง...


    พรุ่งนี้





    พะรุ่งงง น ----------zzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzZZZZ



    -3-

    ผมไม่แน่ใจว่าไอ้เสียงที่กำลังดังทะลวงแก้วหูนั้นคือเสียงอะไร อาการเคลิ้มลอยครึ่งหลับครึ่งตื่นทำให้ผมต้องทนฟังมันอยู่นานกว่าจะสามารถอธิบายถึงที่มาของต้นเสียงได้ ผมกลอกตาดำใต้เปลือกตาที่ผสานสนิทในความมืดอยู่นานกว่าจะแยกมันออกจากกัน ความมืดสงัดปกคลุมอยู่รอบห้องสี่เหลี่ยม ผมควานตามองหาต้นเสียงกลางความมืด และจุดสิ้นสุดของสายตาก็จบลงตรงที่โทรศัพท์บนโต๊ะเขียนหนังสือ

    แสงไฟสีฟ้าพร้อมทำนองเสียงเรียกเข้าคุ้นหูเงียบไปพร้อมกับรอยนิ้วโป้งที่กดปุ้มรับสาย ไม่ทันที่ผมจะพูดเอ่ยปากพูดอะไรก็มีเสียงเพลงอื้ออึงไหลผ่านลำโพงน้อยของโทรศัพท์สู่แก้วหู ผมผงะหูออกจากลำโพงโดยอัตโนมัติเอื้อมมีกดเปิดสวิทซ์ไฟบนโต๊ะ ความสว่างสีเหลืองนวลแผดจ้ากร้านสายตากลางความมืดจนม่านตาหรี่ลง

    “ใครวะ” ผมกรอกเสียงใส่ต้นสาย เหลือบดูนาฬิกาตั้งโต๊ะในความสลัวเข็มสั้นกับเข็มยาวกระแทกตาบอกว่าเวลาตอนนี้คือ ตีหนึ่งสี่สิบห้านาที

    น้ำเสียงจากต้นทางพูดอะไรมาผมฟังได้ไม่ค่อยถนัด เพราะเสียงแบล็คกราวด้านหลังยังคงสอดประสานอยู่ไประยะ เสียงแว่ว ๆ คุ้นหูบอกผมว่าให้ถือสายรอก่อน สักพักเสียงรกหูก็เงียบหายไป การสนทนาเริ่มขึ้นอีกครั้ง

    “ไอ้เบิร์ดนี่กุเองนะ” เป็นประโยคคำพูดแรกที่ผมได้ยินเสียงชัดเจน


    “แล้วมืงเองนั้นใครล่ะวะ”

    “อ้าว ไอ้ห่า กวนทีนแล้วมืงนอนอยู่หรือไง เสียงงัวเงียเชีย”

    ผมนึกออกแล้วแหละว่าใครโทรมา แต่ที่นึกไม่ออกก็คือว่ามันโทรมาทำไมตอนนี้ ผมเหลือบมองนาฬิกาอีกครั้ง “แล้วมืงโทรมาทำไมตอนนี้วะ คนจะหลับจะนอน”

    เสียงต้นทางเงียบไปพักหนึ่ง ผมรู้สึกว่าได้ยินเสียงถอนหายใจเบา ๆ “กุก็ไม่ค่อยอยากรบกวนเวลานอนมืงเท่าไรหรอกนะ แต่มืงเป็นเพื่อนกุยังไงกุก็ต้องโทรมาบอกมืงว่ะ”

    “บอกเรื่องไรวะ” ผมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง

    “ก็...ก็เรื่องแฟนมืงนี่แหละ”

    “ว่าไงนะ” ผมเน้นเสียงถามอีกรอบ ทั้ง ๆ ที่ได้ยินเสียงจากต้นสายชัดเจน ตอนนี้คล้าย ๆ ว่าก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายมันร้อนวูบวาบยังไงพิกล

    “ที่จริงกุก็ไม่ค่อยอยากยุ่งเรื่องของมืงกะแฟนเท่าไรนักหรอก แต่เห็นแล้วมันอดไม่ได้จริง ๆ ว่ะ”

    “มีอะไร” แปลกมากที่ผมรู้สึกว่าคำตอบทั้งหมดได้ลอยออกมาอยู่ข้างหน้าแล้ว ทั้ง ๆ ที่เพื่อนยังไม่ได้ปริปากบอกสักคำ

    “พอดีกุเดินมาหาเพื่อนที่ร้านข้าง ๆ ที่กุดื่มเหล้าอยู่ แล้วบังเอิญเหลือบไปเห็นแฟนมืงนั่งอยู่กับใครไม่รู้ว่ะ ดูเท่าไรก็ไม่ใช่พวกเพื่อน ๆ เราหรือว่าเพื่อนของแฟนมืง”

    “นั่งอยู่กับใคร!!!?”

    “ก็...นี่กุบอกไว้ก่อนนะว่ากุไม่อยากยุ่งเรื่องของมืงกะแฟนเท่าไรหรอก แต่ว่าเห็นว่ามืงเป็นเพื่อนรัก เมื่อกี้กุเห็นแฟนมืงนั่งคลอเคลียอยู่กับผู้ชายในร้านว่ะ”

    เหมือนเส้นสติการตัดสินใจผมขาดผึ่ง อารมณ์เบียดขึ้นมาอยู่เหนือเหตุผล การตัดสินใจทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที “อยู่ร้านไหนเดี๋ยวกุขับรถไปหา”

    จากคุณ : _____t - [ 7 มิ.ย. 47 19:11:00 A:169.210.128.110 X: ]