-1-
คือว่าผมเป็นคนที่ไม่ค่อยตรงเวลาเท่าไหร่ นัดกับแฟนทีไรไม่เคยไปทันตามนัดสักที
ถ้านัดเที่ยง ผมจะไปบ่าย นัดบ่าย ผมจะไปตอนบ่ายคล้อยๆ
คอยตั้งนานแล้วนะ เมื่อไหร่จะมาถึงสักที ประโยคนี้ผมมักจะได้ยินสม่ำเสมอ
จะถึงแล้วอีกห้านาที และนี่ก็เป็นคำแก้ตัวที่ผมใช้อยู่เป็นประจำ ทั้งที่จริงผมยังไม่ได้ไปถึงไหนเลย บางครั้งยังไม่ได้ออกจากบ้านเลยด้วยซ้ำ
จะว่าไปแล้วมันก็ผิดที่ผมเองนั้นแหละที่ไม่เคยรักษาเวลากับเธอ แต่ก็แปลกที่เธออดทนกับการผิดนัดของผมได้
รอนานไหม ไปหาอะไรกินกันเหอะ ประโยคนี้ผมเอาไว้ใช้เวลาเจอหน้าเธอ ตอนที่มาช้ากว่าเวลา
ไม่หิว มัวไปทำอะไรมา ทำไมถึงมาสาย คำตอบนี้ผมมักจะได้ยินเสมอเมื่อเวลาผมถามคำถามข้างบนไป
อันที่จริงผมก็ไม่อยากผิดนัดสักเท่าไหร่หรอก แต่ทำไงได้ มันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ผมเป็นคนที่ไม่ชอบไปก่อนเวลา ไม่ชอบการรอคอย ไม่ชอบที่จะไปถึงก่อนเวลานัด และผมก็ไม่เคยไปถึงที่นัดหมายก่อนเวลาเลยสักครั้ง
โกรธหรือเปล่าที่มาช้า ประโยคนี้ผมมักจะพูดด้วยเสียงอ่อยๆ สอดแทรกความน่าสงสารเข้าไปนิดๆ
คิดว่าโกรธไหมละ เธอมักจะทำหน้าบูดตอบกลับมาเสมอ คิ้วทั้งสองแทบจะชนกัน สังเกตอาการงอนจากสีหน้าได้อย่างชัดเจน
ต้องใช้เวลาง้องอนอยู่นานกว่าใบหน้าเธอจะกลับสู่สภาพปกติ บางครั้งผมก็เบื่อ บางครั้งผมก็ท้อใจกับตัวเอง แต่ทำไงได้เธอเป็นหนึ่งเดียวในดวงใจของผม ยังไงผมก็ต้องรักษาไว้สุดชีวิต
คิดว่าจะมีสักครั้งไหมที่จะมาทันนัด เธอถามด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด อาจจะเป็นเพราะว่าหมดความอดทนกับผม หรือว่าเป็นการทดสอบผมก็ได้
ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่กล้าให้คำตอบ กลัวว่าจะทำอย่างที่พูดไม่ได้แล้วเธออาจจะเสียใจมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า
อืมมมมมมมมม เอ่อ ผมไม่สามารถตอบได้จริงๆ
เธอเริ่มหลั่งน้ำตาคลอเบ้า ผมไม่รู้ว่าการเสียน้ำตาครั้งนี้ของเธอมาจากสาเหตุใด ความรู้สึกของผู้หญิงเป็นสิ่งที่ยากเกินกว่าผู้ชายอย่างผมจะเข้าใจ
แค่นี้ก็ทำให้ไม่ได้เหรอ น้ำใสๆอาบสองแก้วขาวนวลของเธอ
ผมเอื้อมมือปาดน้ำตาให้เธอ นี่ผมผิดอะไรหรือเปล่า ที่ผมมาช้ามาสายเธอน่าจะรับได้นะ หรือว่าเธอรับไม่ได้ ใจครุ่นคิดถึงคำถามที่เธอให้ จะตอบอย่างไรดี
ตกลง ครั้งหน้าสัญญาว่าจะมาให้ทันตามนัด กลั้นใจปล่อยสัญญาไปทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า
เธอเริ่มมีรอยยิ้มที่มุมปาก น้ำตาถดถอยหายไปจากดวงตา หรือว่านี่คือสิ่งที่เธอต้องการจากผม
จริงๆนะ เธอยิ้มทั้งน้ำตา
ผมพยักหน้าหนึ่งครั้ง เธอสวมกอดผมอย่างไม่อายสายตาคนรอบๆ
และเมื่อถึงเวลานัดครั้งต่อไป(คุณคิดว่าผมจะมาทันหรือไม่...?)
ผมนั่งรอเธอเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงกว่าๆแล้ว หันซ้ายหันขวาเธอหายไปไหน ทำไมเธอไม่มาสักที โทรศัพท์ไปหาก็ปิดเครื่องหนี นี่เธอต้องการอะไรจากผมกันแน่ ในใจเริ่มรุมร้อน ปลายเท้ากระส่ายกระสับ ถอนหายใจหลายครั้งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ทำไมกัน
ทำไมการรอคอยมันช่างทรมานเช่นนี้
นี่หรือที่เรียกว่า...
การรอคอย
ผมไม่รู้ว่าเธอจะมาตามนัดหรือเปล่า หรือว่าเธอต้องการดัดนิสัยผม ผมไม่ว่าอะไรเธอหรอก เพราะว่าครั้งนี้
ผมมาช้ากว่าที่เธอนัด
ชั่วโมงนิดๆ
ป่านนี้ไม่รู้ว่างอนตุ๊บป่องๆ ไปไหนแล้วก็ไม่รู้
ครบหนึ่งชั่วโมงแห่งการรอคอยพอดี
ผมว่าจะหาหนังดูสักเรื่อง
แล้วค่อยกลับบ้าน
-2-
ผมกลับบ้านด้วยความรู้สึกว่าหนังวันนี้มันไม่มีความสนุกเอาซะเลย ทั้ง ๆ ที่คนข้าง ๆ ได้แต่หัวเราะร่วนกับมุขตลกประโลมโลกของฝรั่งหัวทอง ผมคิดว่าถ้าคนที่นั่งข้าง ๆ ผมในโรงหนังนั้นไม่ใช่ชายแปลกหน้า แต่เปลี่ยนเป็น เธอ ผมคงจะดูหนังสนุกกว่านี้อีกสิบ อีกร้อยเท่า
ไม่รู้ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน? ป่านนี้ทำอะไร? กำลังหัวเราะ? หรือว่ากำลังร้องไห้?
ระหว่างทางกลับบ้านสายฝนโปรยปรายเป็นหยาดสาย ผมนั่งเหม่อหลังพวงมาลัยปล่อยใจลอยออกไปนอกกระจก บรรยากาศชักนำอารมณ์แปลก ๆ เข้ามาเต็มอก
ผมไม่สามารถบรรยายได้ว่าตอนนี้ ภาวะทางอารมณ์ผมอยู่ในห้วงใด เหงา? เศร้า? คิดถึง? รู้สึกผิด? ฯลฯ บอกไม่ถูกจริง ๆ
สายฝนเริ่มโปรยเม็ดกระหน่ำแรงขึ้นเรื่อย ๆ กระแสน้ำจากฟากฟ้าโหมโรงไม่แพ้พายุในใจผมเลย
หรือว่าผมควรขับรถไปขอโทษเธอที่บ้านดี?
หรือว่าผมควรกลับบ้านรอให้เธอโทรมาหาตอนเธอหายงอนแล้ว?
การตัดสินใจในตอนนี้กลับเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในโลก ผมควรทำยังไงดี แต่กว่าจะตัดสินใจได้ก็รู้สึกว่าล้อรถได้หยุดตัวจอดเทียบอยู่หน้าบ้านของผมแล้ว บางที่แวบความคิดลูกผู้ชายก็บอกกับผมว่า ถ้าเธอรักผมจริงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้เธอต้องอดทนกับผมได้ ถ้าเธอทนไม่ได้ ก็ไม่ต้องทน
ผมต้องการอย่างนี้จริง ๆ หรือ?
เดินเข้าบ้านอย่างคนโรยแรง ผมไม่รู้สึกตัวเลยว่าความคิดกับการกระทำบางอย่างมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง ผมพุ่งตรงไปที่โทรศัพท์เป็นอันดับแรก กดฟังข้อความที่ฝากเอาไว้ แล้วมันก็เป็นอย่างที่ผมคาดเอาไว้จริง ๆ...
ไม่มีข้อความของเธอ
ผมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด หัวใจกำลังเต้นไม่เป็นจังหวะ หรือว่านี่คือความต้องการของเธอ หรือว่านี่คือสิ่งตอบแทนการกระทำที่ผมได้ทำลงไป
ไม่รู้ว่าตัวเองนั่งเคว้งอยู่ตรงระเบียงตั่งแต่เมื่อไร ฝนหยุดลาไปแล้ว พระจันทร์กำลังสาดแสงสีเหลือง ท่ามกลางดาวระยับบนท้องฟ้ามืดดำ ทำไมดาววันนี้ช่างอับแสงสิ้นดี ทำไมพระจันทร์ต้องมีเพียงแค่เศษเสี้ยว ทำไมฝนถึงหยุดตกไปล่ะ ทำไมรอบกายผมช่างเงียบเหงาเหลือเกิน ทำไม?
เหลือบมองไปข้าง ๆ กาย ความว่างเปล่าวิ่งประทุสายตาจนรู้สึกระคายเคือง ผมไม่สามารถบอกได้ว่าน้ำใส ๆ ที่แอบอยู่ตรงหางตานั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร มันซึมออกมาจากความรู้สึกใด สองมือกอดรัดเข่าที่ตั้งชั้น กดหน้าซุกหัวเข่า อารมณ์นี้มันยากเกินบรรยายเป็นตัวอักษรจริง ๆ
ผมกำลังคิดถึงเธอ
แต่บางครั้งคำขอโทษมันก็สายเกินไปสำหรับผม และมันก็คงจะสายเกินไปที่เธอจะรับฟังมันอีกครั้ง
ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?
กำลังทำอะไร?
อยู่กับใคร?
ยังโกรธผมอยู่หรือเปล่า?
ตัดสินใจลุกจากระเบียงหยิบโทรศัพท์กดไปหาเธอ ครั้งนี้มีสัญญาณตอบรับจากปลายทาง แต่...เธอไม่รับสาย เธอกดสายทิ้งแล้วก็ปิดโทรศัพท์หนี ผมรู้สึกว่านี่คงเป็นคำตอบสำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งหมด ความคิดแวบหนึ่งวิ่งเข้ามาในหัวผมอีกแล้ว
ผู้หญิงก็อย่างนี้แหละ เจ้าอารมณ์ ขี้งอน ไม่มีเหตุผล ปล่อยไว้สักพักก็คงหายโกรธ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็โทรมาหาเองแหละ อย่าไปง้อมากเลย เดี๋ยวจะเคยตัว
ผมบอกไม่ได้ว่าความคิดแวบนี้มันเป็นสิ่งที่ผิด หรือ ถูก แต่มันก็ทำให้ผมทิ้งตัวลงบนเตียง หลับตา เพียงเพื่อจะรอคำว่า พรุ่งนี้ รอเวลาพระอาทิตย์ที่กำลังจะขึ้นทางทิศตะวันออก
พรุ่งนี้เธอก็โทรมาปลุกผมไปเรียนเองแหละ
พรุ่งนี้เหตุการณ์คงกลับเป็นปกติ
พรุ่งนี้เธอก็คงจะหายงอน
พรุ่งนี้คง...
พรุ่งนี้
พะรุ่งงง น ----------zzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzZZZZ
-3-
ผมไม่แน่ใจว่าไอ้เสียงที่กำลังดังทะลวงแก้วหูนั้นคือเสียงอะไร อาการเคลิ้มลอยครึ่งหลับครึ่งตื่นทำให้ผมต้องทนฟังมันอยู่นานกว่าจะสามารถอธิบายถึงที่มาของต้นเสียงได้ ผมกลอกตาดำใต้เปลือกตาที่ผสานสนิทในความมืดอยู่นานกว่าจะแยกมันออกจากกัน ความมืดสงัดปกคลุมอยู่รอบห้องสี่เหลี่ยม ผมควานตามองหาต้นเสียงกลางความมืด และจุดสิ้นสุดของสายตาก็จบลงตรงที่โทรศัพท์บนโต๊ะเขียนหนังสือ
แสงไฟสีฟ้าพร้อมทำนองเสียงเรียกเข้าคุ้นหูเงียบไปพร้อมกับรอยนิ้วโป้งที่กดปุ้มรับสาย ไม่ทันที่ผมจะพูดเอ่ยปากพูดอะไรก็มีเสียงเพลงอื้ออึงไหลผ่านลำโพงน้อยของโทรศัพท์สู่แก้วหู ผมผงะหูออกจากลำโพงโดยอัตโนมัติเอื้อมมีกดเปิดสวิทซ์ไฟบนโต๊ะ ความสว่างสีเหลืองนวลแผดจ้ากร้านสายตากลางความมืดจนม่านตาหรี่ลง
ใครวะ ผมกรอกเสียงใส่ต้นสาย เหลือบดูนาฬิกาตั้งโต๊ะในความสลัวเข็มสั้นกับเข็มยาวกระแทกตาบอกว่าเวลาตอนนี้คือ ตีหนึ่งสี่สิบห้านาที
น้ำเสียงจากต้นทางพูดอะไรมาผมฟังได้ไม่ค่อยถนัด เพราะเสียงแบล็คกราวด้านหลังยังคงสอดประสานอยู่ไประยะ เสียงแว่ว ๆ คุ้นหูบอกผมว่าให้ถือสายรอก่อน สักพักเสียงรกหูก็เงียบหายไป การสนทนาเริ่มขึ้นอีกครั้ง
ไอ้เบิร์ดนี่กุเองนะ เป็นประโยคคำพูดแรกที่ผมได้ยินเสียงชัดเจน
แล้วมืงเองนั้นใครล่ะวะ
อ้าว ไอ้ห่า กวนทีนแล้วมืงนอนอยู่หรือไง เสียงงัวเงียเชีย
ผมนึกออกแล้วแหละว่าใครโทรมา แต่ที่นึกไม่ออกก็คือว่ามันโทรมาทำไมตอนนี้ ผมเหลือบมองนาฬิกาอีกครั้ง แล้วมืงโทรมาทำไมตอนนี้วะ คนจะหลับจะนอน
เสียงต้นทางเงียบไปพักหนึ่ง ผมรู้สึกว่าได้ยินเสียงถอนหายใจเบา ๆ กุก็ไม่ค่อยอยากรบกวนเวลานอนมืงเท่าไรหรอกนะ แต่มืงเป็นเพื่อนกุยังไงกุก็ต้องโทรมาบอกมืงว่ะ
บอกเรื่องไรวะ ผมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
ก็...ก็เรื่องแฟนมืงนี่แหละ
ว่าไงนะ ผมเน้นเสียงถามอีกรอบ ทั้ง ๆ ที่ได้ยินเสียงจากต้นสายชัดเจน ตอนนี้คล้าย ๆ ว่าก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายมันร้อนวูบวาบยังไงพิกล
ที่จริงกุก็ไม่ค่อยอยากยุ่งเรื่องของมืงกะแฟนเท่าไรนักหรอก แต่เห็นแล้วมันอดไม่ได้จริง ๆ ว่ะ
มีอะไร แปลกมากที่ผมรู้สึกว่าคำตอบทั้งหมดได้ลอยออกมาอยู่ข้างหน้าแล้ว ทั้ง ๆ ที่เพื่อนยังไม่ได้ปริปากบอกสักคำ
พอดีกุเดินมาหาเพื่อนที่ร้านข้าง ๆ ที่กุดื่มเหล้าอยู่ แล้วบังเอิญเหลือบไปเห็นแฟนมืงนั่งอยู่กับใครไม่รู้ว่ะ ดูเท่าไรก็ไม่ใช่พวกเพื่อน ๆ เราหรือว่าเพื่อนของแฟนมืง
นั่งอยู่กับใคร!!!?
ก็...นี่กุบอกไว้ก่อนนะว่ากุไม่อยากยุ่งเรื่องของมืงกะแฟนเท่าไรหรอก แต่ว่าเห็นว่ามืงเป็นเพื่อนรัก เมื่อกี้กุเห็นแฟนมืงนั่งคลอเคลียอยู่กับผู้ชายในร้านว่ะ
เหมือนเส้นสติการตัดสินใจผมขาดผึ่ง อารมณ์เบียดขึ้นมาอยู่เหนือเหตุผล การตัดสินใจทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที อยู่ร้านไหนเดี๋ยวกุขับรถไปหา
จากคุณ :
_____t
- [
7 มิ.ย. 47 19:11:00
A:169.210.128.110 X:
]