ความคิดเห็นที่ 1
Day after day , day after day , We stuck nor breath nor motion As idle as a painted ship Upon a painted ocean
Water , water , everywhere, And all the boards did shrink ; Water , water , everywhere, Nor any drop to drink .
วันหมุนเวียนเปลี่ยนวันแสนเศร้านัก สุดจะหักห้ามใจไร้สุขสันต์ เรือนิ่งดั่งไม้ทาสีไปวันวัน ลอยนิ่งงันบนสีสันของทะเล
น้ำ น้ำ น้ำ ทุกแห่งและทุกหน เรือและคนดุจดั่งไม้ให้ซวนเซ น้ำ น้ำ น้ำ ที่ใดใดก็ทะเล ไม่มีแม้น้ำดื่มสักหยดคงหมดลม
สาวใช้คนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนของนางโจนวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา และบอกบรรดาสาวใช้ทั้งหลายที่กำลังทำงานอยู่ในครัวว่า บุตรชายทั้งสองคนของเอิร์ลแห่งรัทแลนด์ถูกลอบสังหารเสียแล้ว ตอนนี้บรรดาอัศวินในปราสาทเบลวัวร์กำลังออกตามหาตัวฆาตกรกันให้ควัก นางโจนตกใจจนหน้าซีดเมื่อทราบข่าว เธอเคยเป็นแม่นมของบุตรชายของเอิร์ลทั้งสอง และนางแทบจะรักเขาทั้งสองราวกับลูกของเธอ
ตาย!! พวกท่านตายได้อย่างไร!! นางโจนละล่ำละลักถาม ร่างเธอสั่นจนแทบจะทรงตัวไว้ไม่อยู่ นาตาลีเองก็ตกใจต่อข่าวร้ายเช่นกัน แม้ว่าเธอจะอยู่คนละชนชั้นกับพวกเขาทั้งสองซึ่งเป็นชนชั้นปกครอง แต่บุตรของเอิร์ลแห่งรัทแลนด์มักแสดงความเอ็นดูและให้ขนมเธอเป็นประจำ
ถูกวางยาพิษ และก็ตายอย่างทรมานมาก สาวใช้คนนำข่าวมา บอกด้วยเสียงแผ่วเบา และสีหน้าสยดสยอง
ทันใดนั้น ประตูห้องครัวเปิดผางออก พร้อมกับทหารอัศวินในชุดเกราะเหล็กนับสิบคนก็เดินเรียงแถวเข้ามา อัศวินที่เป็นหัวหน้าประกาศด้วยเสียงอันดังว่า
ด้วยอำนาจที่ได้รับมอบหมายจากเอิร์ลแห่งรัทแลนด์ ข้าขอประกาศจับกุมนางโจน พลาวเวอร์ และบุตรีทั้งสอง ด้วยข้อหาร่วมกันลอบสังหารบุตรของท่านเอิร์ล จนถึงแก่ความตายด้วยยาพิษ
ไม่จริง เป็นไปไม่ได้!! นางโจนร้องลั่น อากาธาวิ่งเข้ามากอดแม่ของเธอร้องไห้โฮ ส่วนนาตาลียังคงตกตะลึงไม่กล้าขยับตัว และมองไปที่หัวหน้าอัศวิน
เราพบหลักฐานคือยาพิษซึ่งเจืออยู่ในอาหาร และภายในห้องยังมีเจ้านี่อีกด้วย หัวหน้าอัศวินกล่าว พลางชูอะไรอย่างหนึ่งที่เป็นก้อนกลมๆ สีดำขึ้นมา
รัทเทอร์คิน!!
อากาธาและนาตาลีถูกจองจำอยู่ภายในคุก สองพี่น้องรอรับการพิจารณาโทษโดยที่เธอทั้งสองไม่ได้กระทำ พวกเธอนั่งกอดคอกันร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่เป็นเวลานาน และพอทราบว่านางโจน แม่ของพวกเธอได้เสียชีวิตแล้ว อากาธาก็ถึงกับเป็นลมหมดสติไป
มีหลายต่อหลายคนให้การว่า พวกนางทั้งหมดคือแม่มดนอกรีตในลัทธิซาตาน ที่นางโจนกระทำลงไปก็เพื่อตามคำบัญชาของมาราธิราช แม้ว่านางโจนจะปฏิเสธอย่างไรก็ไม่เป็นผล ซ้ำยังถูกทัณฑ์ทรมานของศาสนจักรอย่างโหดร้ายทารุณ จนเธอทานทนไม่ได้ต้องยอมรับสารภาพไป ในระหว่างที่นำตัวเธอกลับมากักขังนั้น นางทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงเสียชีวิตไป โทษทัณฑ์ที่เหลือก็เลยตกมาอยู่ที่บุตรีทั้งสองคนแทนโดยปริยาย
แสงสีเงินจากพระจันทร์ดวงเสี้ยวสาดส่องผ่านซี่ลูกกรงเหล็กเข้ามาภายในห้องผนังหิน กระทบร่างของเด็กสาวที่ดูซูบซีดและอ่อนระโหย เธอนอนขดตัวหลับอยู่บนพื้นหินเย็นเฉียบที่มีเพียงผืนฟางปูอย่างบางๆ โดยมี เด็กหญิงตัวน้อยผมสีทองนั่งอยู่ด้านช้าง ใบหน้าน่ารักและงดงามแต่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ดวงตาสีฟ้าจ้องมองพี่สาวของเธอที่นอนขดตัวอยู่ผ่านขอบตาที่แดงช้ำ บ่งบอกถึงผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักหน่วง นาตาลีนั่งเหม่อมองพระจันทร์แหว่งเว้าอย่างเศร้าหมอง คืนนี้อาจเป็นคืนสุดท้ายก็ได้ ที่จะได้เห็นพระจันทร์ดวงนั้น ชะตาชีวิตของเธอและพี่อากาธาก็ไม่ได้ต่างจากแม่ของพวกเธอเท่าไร นาตาลีหวนคิดถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่นาน ทั้งพิธีสาบานในคืนวันแคนเดิลมาสต์ ลัทธิบูชาซาตานของเหล่าแม่มดหมอผี แม่ที่ยืนดูพี่สาวถูกทำพิธีพร่าพรหมจรรย์ แต่แม่ก็ได้ตายไปแล้ว แม่ที่ใจดีและอ่อนโยนต่อเธอเสมอ แม้ว่าพฤติกรรมและความเชื่อของเธอจะแปลกวิตถารก็ตาม
พรุ่งนี้แล้วสินะนาตาลี เสียงหนึ่งดังผ่านซี่ลูกกรงเข้ามา เสียงที่คุ้นหูเป็นอย่างยิ่ง
บอนด์ นั่นเธอเหรอ!! เด็กหญิงร้องเรียกอย่างดีใจ ไม่นึกไม่ฝันที่ได้พบเด็กชายอีกครั้ง
ใช่ฉันเอง ขอโทษนะตั้งแต่วันนั้นแล้ว ฉันก็ไม่ได้ไปหาเธออีกเลย
ไม่เป็นไร แต่เธอเข้ามาในนี้ได้ยังไง นาตาลีถาม ในขณะที่เด็กชายที่ถูกสมมติว่าชื่อบอนด์ ยื่นมือลอดซี่ลูกกรงเข้ามากุมมือของเด็กหญิงไว้อย่างอ่อนโยน
เอาเป็นว่าฉันหาทางหลบพวกยามเข้ามาได้ก็แล้วกัน แต่ฉันอยากจะถามเธอหน่อยนาตาลี เธอเชื่อหรือไม่ว่าแม่ของเธอเป็นคนสังหารบุตรชายของเอิร์ล
ฉันไม่เชื่อว่าแม่เป็นคนทำ แม่น่ะรักท่านทั้งสองจะตาย แม่เคยเป็นแม่นมพวกเขานะ
แต่แม่เธอเป็นพวกลัทธิบูชาซาตานนะ เป็นแม่มด คืนนั้นเธอก็เห็นแล้วนี่ พวกนั้นไม่ได้นับถือพระเจ้าและคริสตจักรเลย แถมพี่สาวของเธอยังถูกแม่ของเธอ..
พอแล้ว!! ฉันไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น!! เด็กหญิงร้องไห้จนตัวสั่นสะท้าน เธอปาดน้ำตาที่รื้นออกไปจากดวงแก้ม ซักพักเธอก็พูดว่า ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ถึงแม่จะเป็นอย่างนั้นแต่แม่ก็ไม่เคยฆ่าใคร แต่แม่เคยช่วยรักษาผู้คนโดยใช้เวทมนตร์ด้วยนะ แม่จะปรุงยารักษาขึ้นมา แล้วพวกเขาก็หายดีด้วย ต้องเป็นคนอื่นใส่ร้ายแม่แน่ๆ เลย บอนด์.. เธอพาฉันกับพี่หนีออกไปจากที่นี่ได้ไหม
สิ้นคำอ้อนวอน เด็กหญิงรู้สึกว่ามือของเด็กชายตรงหน้าที่กุมมือเธอไว้บีบแน่นเข้า นาตาลีจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของเขา ราวกับว่าดวงตาสีดำคู่นั้นถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกแห่งความทุกข์ตรม เด็กชายผู้ลึกลับถอยฉากหายเข้าไปในเงามืดที่แสงจันทร์มิอาจเอื้อมถึง เหลือทิ้งไว้แต่เส้นเสียงที่เป็นประโยคสุดท้ายและพยายามข่มให้เป็นปกติ
ขอโทษนะ ฉันเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์เท่านั้น หน้าที่ความรับผิดชอบของฉันทำได้แค่นี้จริงๆ แต่อดทนไว้นะนาตาลี ไม่นานหรอก เพียงชั่วประเดี๋ยวเท่านั้นเธอก็จะพ้นแล้ว ชีวิตใหม่กำลังรออยู่ เข้มแข็งไว้ยอดรักของพี่
เด็กหญิงแหงนมองเหล่านกที่โบยบินอย่างอิสระเสรีบนท้องนภา แสงแดดอ่อนแรงราวกับพยายามช่วยเด็กน้อยไม่ให้ทุกข์ทรมานเพิ่มมากนัก ข้อมือของเธอถูกพันธนาการไว้เหมือนกับใจของเธอ อากาธาพี่สาวของเธอยืนสะอื้นไห้อยู่ด้านข้าง ขณะที่เฝ้ามองเพชฌฆาตกำลังขยับปมให้บ่วงเชือกพอดีกับคอของพวกเธอ เชือกถูกผูกไว้กับขื่อสูงบนแท่น กลางลานจัตุรัสของเมืองรัทแลนด์ ไกลออกไปคือปราสาทเบลวัวร์ ที่ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านของเธอ
ลาก่อนรัทแลนด์.. ลาก่อนเบลวัวร์..
นาตาลีก้าวขาสั่นๆ ไปยืนอยู่บนพื้นที่มันสามารถเปิดออกได้ เพื่อให้ร่างของเธอหล่นไปสู่เบื้องล่าง และใช้แรงโน้มถ่วงของโลกกระตุกคอของเธอ
ตอนเชือกรัดมันจะเจ็บไหมนะ..
เด็กหญิงกล้ำกลืนก้อนสะอื้น เพชฌฆาตนำบ่วงเชือกมารัดคอไว้อย่างแน่นหนาจนแถบหายใจไม่ออก เชือกบาดคออันอ่อนบางจนเลือดไหลซิบๆ
ภาพสุดท้ายที่นาตาลีเห็นผ่านดวงตาที่พร่ามัว ตรงหน้าของเธอ เด็กชายร่างบางผมสีดำดุจการะเวก ยืนโดดเด่นตัดกับคลื่นฝูงชนผมสีทอง นาตาลียิ้มให้ และกล่าวพึมพำออกมาจากลำคออย่างแผ่วเบา
ฉันจะแปลงเป็นนกน้อย ด้วยความเศร้าโศกา ละห้อยหาและระมัดระวัง ฉันจะเข้าไปในนกน้อยด้วยนามของเธอ บอนด์
แสงอัสดงอ่อนแรง ลานจัตุรัสไร้ผู้คน ยกเว้นแต่เด็กชายผมดำนัยน์ตาดำผู้หนึ่ง นั่งอยู่ริมขอบบ่อน้ำพุ เหม่อมองไปบนแท่นประหาร ภายใต้ขื่อมีร่างเล็กๆ สองร่างห้อยแกว่งไกว เด็กชายรำพันเป็นบทกวีด้วยน้ำเสียงที่โศกระทมผสมผสานไปกับสายลม
Break , break , break , On thy cold gray stones , O sea ! And I would that my tongue could utter The thoughts that arise in me .
เสียงคลื่นซัดหินสีเทาเก่าคร่ำคร่า ให้รู้ว่าฉันคร่ำครวญถึงเสมอ ดังความคิดความฝันพลันพบเจอ ให้พร่ำเพ้อเผลอไผลใจอาวรณ์
............................................จบ.................................................
แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 47 15:09:50
แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 47 19:24:21
แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 47 01:53:26
แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 47 22:49:34
แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 47 22:12:53
จากคุณ :
ณัฐกร
- [
15 มิ.ย. 47 21:57:04
]
|
|
|