บทที่1
ภาพที่เลือนราง
...ค่ำคืนที่พระจันทร์เต็มดวงนั้น อาจเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวในความทรงจำทั้งหมดก็เป็นได้ ไม่เคยคิดเลยว่า แค่ช่วงเสี้ยววินาทีสั้นๆนั้น จะเปลี่ยนแปลงชีวิตฉันเกือบทั้งชีวิต...
ย้อนกลับไปสักนิดเมื่อห้าปีที่แล้ว ที่ประเทศญี่ปุ่น
พี่เตือนเธอแล้วใช่ไหม!
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดตวาดขึ้นใส่ใครบางคน ความโกรธเข้าคุกรุ่นรบกวนจิตใจเขาจนแทบจะคลุ้มคลั่ง แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวร่างบางก็ยังคงก้มหน้านิ่ง เธอจำยอมรับความผิดนั้นแต่โดยดี ไม่มีคำโต้แย้ง แม้อารมณ์ที่เกิดขึ้นขณะนั้นจะมีเพียงความไม่พอใจที่แสดงออกชัดที่ดวงหน้า กับแววตาของความเย็นชา ขัดกับความเก็บกดที่ได้รับสิ้นดี
พี่เคยบอกเธอแล้วว่าอย่าไปมีเรื่อง มีปัญหากับใคร และที่สำคัญอย่าไปยุ่งกับ คนพวกนั้น พี่บอกเธอ... ใช่ไหม? สันชาตญาณของความเป็นพี่ชาย ย่อมเป็นห่วงน้องสาวคนเดียวของเขาที่มีอยู่เป็นธรรมดา เช่นเดียวกับวาที แต่ความห่วงใยของเขามีมากกว่าคนเป็นพี่ทั่วไป
รินรตียังคงแน่นิ่ง ไม่แย้ง ไม่เถียง และไม่โต้ตอบ แววตาโกรธเคืองของคนเป็นพี่ยังคงจ้องมองร่างนั้นอย่างไม่ลดละ พี่ถาม ทำไมไม่ตอบ
ไม่อาจรู้ได้เลยว่า รินรตีหวั่นกลัวบุคคลตรงหน้า หรืออยากจะแสร้งทำประชดประชันกันแน่ เธอเอาแต่เงียบเฉยอย่างเดียว และด้วยสถานการณ์เช่นนี้ วาทีก็ไม่อาจเก็บอารมณ์ของตัวเองให้ใจเย็นลงได้เลย นอกเสียจากเขาจะได้ยินเหตุผลจากปากน้องสาวของเขา
เงยหน้าขึ้นมามองพี่เดี๋ยวนี้ รีร่า! วาทีออกคำสั่งเด็ดขาด ทำให้หญิงสาวต้องสะดุ้งทำตามคำพูดนั้นโดยอัตโนมัติ
ขอโทษค่ะ พี่โรคิ
น้ำเสียงเล็กๆอันไพเราะ อ่อนหวาน เพิ่งจะถูกเปล่งออกมาจากลำคอ แม้จะรู้สึกเช่นตามคำพูด แต่ใบหน้ายังคงขมวดคิ้ว แฝงความไม่พอใจเอาไว้อยู่มากมาย
ร่างสูงโปร่ง ท่าทางเคร่งขรึม ด้วยนิสัยของความเป็นผู้นำ และเคร่งครัดต่อหน้าที่ที่ได้รับผิดชอบ ทำให้ได้รับเลือกเป็นถึงประธานนักเรียนไปโดยปริยาย ดวงตาดุดันของเขายังคงจ้องมองร่างของน้องสาวตาไม่กระพริบ วาทีถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย แม้ความรู้สึกโกรธเคืองยังมีอยู่ แต่เหมือนจะค่อยๆคลายลง หลังจากได้ยินคำขอโทษ เขามักใจอ่อนกับคำขอโทษเรียบๆของน้องสาวคนนี้เสมอ
เธอน่ะ เป็นผู้หญิงนะ
ฉันรู้!
ใช่สิ เธอรู้! พี่รู้ว่า เธอรู้ แล้วทำไมยังทำอีก ทำไมถึงไม่รู้จักดูแลตัวเอง ความห่วงใยที่มี่ย่อมแปรเปลี่ยนเป็นความดุดัน เกรี้ยวกราดจนแข็งกระด้างเสมอ เมื่อความห่วงใยนั้นมีมากจนเกินไป จนกลายเป็นความกดดันทั้งต่อตัวเอง และคนสำคัญ
แต่ คนพวกนั้น เขาดูถูกพี่ ดูถูกเรา รินรตีอดไม่ได้ที่จะพูดถึงสิ่งที่อัดอั้นมานาน น้ำเสียงขึงขังขัดกับใบหน้าสวย อ่อนโยนนั้น ทำให้วาทีจำต้องนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนถอนหายใจเบาๆ
รีร่า พี่รู้ว่า เธอเป็นห่วงพี่ แต่... เธอจะทำให้พี่เป็นห่วงเธอมากกว่า ถ้ารู้ว่าน้องสาวคนเดียวของพี่เป็นอะไรไป เข้าใจไหม?
ถ้อยคำน้ำเสียง รวมไปถึงสายตาที่แสดงออกมีแต่ความห่วงใย และเป็นกังวลมากมาย พี่ชายเดินเข้าไปโอบกอดร่างของน้องสาวด้วยความอ่อนโยน
รินรตีรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย ที่ทำให้คนที่เธอรักต้องเป็นห่วง แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็เริ่มย้อนคิดไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ผู้ชายคนนั้น...
*************************************
เส้นทางสายเก่าที่ใช้เดินทางกลับบ้าน ผ่านลานสนามกีฬาอิสระกว้างๆ ร่างบางเดินชนกระแทกไหล่ใครบางคนอย่างไม่ได้ตั้งใจ เพียงเพราะแค่ว่าเธอเหม่อลอยไม่รู้จักมองทางข้างหน้า
ไม่มีตามองหรือไง ถึงได้มาเดินชนคนอื่นเขา งี่เง่า
ร่างใหญ่ตรงหน้า แลดูมีอำนาจกล่าวขึ้น ด้วยน้ำเสียงชวนหาเรื่อง
เออ ขอโทษค่ะ
รินรตีกล่าวอย่างสุภาพ พร้อมทั้งค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า สีหน้าที่แลดูจะรู้สึกผิด กลับแปรเปลี่ยนเป็นความไม่พอใจแทน เมื่อพบว่าเขา และคนที่ยืนข้างๆคือ คนที่มักมีเรื่องขัดแย้งกับประธานนักเรียนอย่างวาทีเป็นประจำ
รินรตีไม่อยากที่จะสนใจ เธอพยายามเลี่ยงเดินผ่านไป ก่อนที่ใครบางคนจะเริ่มเป็นฝ่ายหาเรื่องให้เธอต้องเดือนร้อน
อ้อ ไอ้เราก็นึกว่าใคร... ที่แท้ก็แม่น้องสาวท่านประธานนักเรียนคนเก่งนี่เอง น้ำเสียงที่ฟังดูเย้ยหยัน กับใบหน้าที่ปรากฏรอยยิ้มของความไม่เป็นมิตร ทำให้รินรตีถึงกับต้องหยุดชะงัก
เซย์ และซีโร่ สองคู่หูเพื่อนซี้เดินมาขวางทางรินรตี และวินาทีนั้นเป็นสัญญาณว่า เธอกำลังเดือดร้อน หลีกไปให้พ้นนะ ร่างบางกระแทกเสียงไล่ น้ำเสียงเล็กๆของเธอ ไม่ได้ให้ความรู้สึกน่ากลัวให้ต้องหวั่นเกรงแต่อย่างใด แม้จะฟังดูแล้วเยือกเย็นแค่ไหนก็ตาม
โอ๊ะโอ๋ ดูสิ! ซีโร่ เธอไล่เราแน่ะ ช่างดูมีอำนาจเสียจริงๆ เราต้องทำตามไหม เพื่อน
บางทีอาจต้องเป็นอย่างนั้นล่ะ เพื่อน... เพราะหล่อนเป็นถึงน้องสาวท่านประธานนักเรียน หากไม่ทำตาม พรุ่งนี้อาจถูกสั่งทำโทษก็เป็นได้
อยากจะพูดอะไรกันแน่! สายตาที่จ้องมองอย่างโกรธเคือง กับความหงุดหงิดที่เริ่มแทรกซึมเข้าสู่จิตใจอยู่ทุกอณู ความอดทนของเธอไม่มีที่สิ้นสุด หากเรื่องเดียวที่จะอดไม่ได้คือ การที่ใครสักคนมาดูถูกคนสำคัญของเธอ...
เฮอะ! พวกแก มันก็เป็นแค่พวกไร้สมอง ชอบวางท่า มีอำนาจ แต่ไร้ความสามารถ มีคนสนับสนุนเข้าหน่อย ก็ตั้งตัวเป็นใหญ่ ที่สำคัญ แม่ของพวกแกก็ตายไปแล้ว พ่อของพวกแกก็ทิ้งพวกแกให้อยู่กันลำพัง โถ น่าสงสารเสียจริง... แต่มันก็สมควรแล้ว สำหรับพวกแก
คำพูดทุกประโยคที่ออกมาจากปากของเขา ทำให้ร่างกายของรินรตีร้อนผ่าว จนแทบจะลุกเป็นไฟ หัวใจกระตุกเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมาข้างนอก จิตใจคลุ้มคลั่งแทบจะคุมสติตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ คงไม่ต้องบอกใช่ไหม ว่าตอนนี้เธอโกรธมากมายแค่ไหน ร่างบางพยายาม พยายามเก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้ ด้วยการกำมือแน่น แต่เธอจะทนได้อีกนานแค่ไหนกัน
คนอย่างพวกนาย ก็เก่งแต่ปาก คิดจะพูดอะไรก็พูดได้ แต่สุดท้ายก็แค่เผยให้คนอื่นเขาเห็นถึงความโง่เขลาที่ไม่มีที่สิ้นสุดของตัวเองเท่านั้น
ด้วยการโต้กลับของรินรตีที่กล่าวอย่างไม่ได้ใช้ความคิดก่อนพูด ทำให้อีกฝ่ายนิ่งเงียบสนิท แต่ไอสัมผัสของความโกรธเคืองรุนแรงชักแรงขึ้นทุกที เซย์ก้าวเท้าเข้าใกล้หญิงสาว มือใหญ่ๆบีบเข้าที่ใบหน้าอันขาวนวลแน่น จนเกิดรอยแดง แล้วแกจะต้องเสียใจที่กล้าด่าฉัน
ปล่อยนะ นัยน์ตาเบิกกว้าง สีหน้าเป็นสีแดงจัดเข้มขึ้นอีกด้วยความโกรธที่สั่งสมอยู่ ความอดทนขาดสะบั้นลง รินรตียกขาถีบเข้าที่ท้องของเซย์อย่างรุนแรง และด้วยแรงกระแทกนั้น ทำให้ร่างใหญ่กระเด็นถอยห่างออกจากตัวเธอ
ฉันไม่เคยยอมให้ใครมาดูถูกพี่ชายของฉัน และโดยเฉพาะคนอย่างนาย ไม่มีสิทธิ์ออกความคิดเห็นใดๆทั้งสิ้น
...น่ารังเกียจ พูดอีกกี่ครั้งก็คงไม่พอว่า เกลียดชังมากแค่ไหน...
ผู้หญิง... เพศที่อ่อนแอ แต่มันไม่ใช่ข้ออ้างที่จะเอามายกเว้น ไม่ให้ฉันจัดการกับคนอย่างแก
คำพูดอันเย็นยะเยือก เรียกให้ความกลัวเข้ามาครอบคลุมจิตใจ แต่ถ้าจะถอยห่างเสียตอนนี้ ก็คงจะสายไปแล้ว
...จะทำอย่างไรดี...
ไม่มีคำตอบจากคำถามในใจของรินรตี
ซีโร่... เสียงเรียกเพื่อน เหมือนเป็นสัญญาณของความเดือนร้อน และอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้รินรตีอยู่ทุกขณะ
ได้เลย เซย์ หมั่นไส้มานานแล้วเหมือนกัน
ร่างของชายสองคนตรงเข้าทำร้ายร่างบางของหญิงสาวผู้อ่อนแอ แต่คนอย่างรินรตีจะไม่มีทางยอมให้ใครมาทำร้ายได้ง่ายๆ เธอเข้าปกป้องตัวเองด้วยศิลปะป้องกันตัวที่เคยได้ร่ำเรียนมาบ้าง แต่เธอจะสู้แรงของผู้ชายสองคนได้หรือ จะต้านทานไปได้นานสักเพียงไหนกัน และคำตอบนั้น ก็ถูกไขทันที เมื่อร่างบางต้องล้มลงเมื่อถูกชกเข้าที่ท้อง รินรตีค่อยๆล้มลงกองกับพื้น แต่การถูกทรมานยังไม่จบลงแค่ไหน เมื่อเซย์ และซีโร่ยังตามมากระทืบร่างนั้นซ้ำ
เสียงหัวเราะอย่างพึงพอใจ ระคนเยาะเย้ยสะใจ ยังคงซ้ำเติมอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า รินรตียังพยายามปกป้องร่างกายของตัวเอง ด้วยการใช้มืออันเรียวบางของเธอกำบังที่ใบหน้า และลำตัว แต่ด้วยแรงกระทืบ ทำให้ร่างที่บอบบางนั้นบอบช้ำ และไร้เรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
โชคดี... พระเจ้า... หรืออะไรสักอย่าง อาจเข้าข้างรินรตีเข้าก็เป็นได้ เมื่อปรากฏร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งขึ้น ไม่อาจทราบได้เลยว่า เขามาจากไหน แต่เขาก็รีบเข้ามาปกป้องเธอเอาไว้จากการถูกทำร้าย เขาใช้เวลาไม่นานเลยทีเดียว ที่จะจัดการพวกที่ใช้แต่กำลัง แต่ไม่ใช้สมองอย่างเซย์ และซีโร่ การตะรุมบอลที่เกิดขึ้น ไม่ได้สร้างรอยบาดแผลแม้เพียงเล็บข่วนให้แก่ชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย
โธ่เว้ย ฝากไว้ก่อนเถอะแก เซย์ชี้หน้า และตะโกนใส่ทิ้งท้าย ก่อนวิ่งจากไปพร้อมกับซีโร่
พวกเก่งแต่ปาก ชายหนุ่มมองตาม น้ำเสียงนิ่งที่กล่าวมีแววสมเพช ไม่ใส่ใจ รินรตีค่อยๆเงยหน้า มองร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
ร่างสูงนั้นหันกลับมาก้มมองร่างบอบบาง แต่อาจเป็นเพราแสงอาทิตย์ที่สว่างจ้าเข้าที่ตาของรินรตีเกินไป ทำให้เธอไม่อาจมองเห็นหน้าคนที่เข้ามาช่วยได้ชัดเจน ที่พอจะสังเกตได้ก็มีแค่เพียง สีของผมที่สะท้อนกับแสงอาทิตย์เป็นสีน้ำตาลแดง และเครื่องแบบของชุดนักเรียนชายโรงเรียนเธอ
...ใคร? ไม่รู้จัก... จิตสำนึกของรินรตีว่า
โง่หรือเปล่า ที่คิดจะไปมีเรื่องกับคนพวกนั้น เขากล่าว น้ำเสียงเย็นยะเยือก
สีหน้าเจ็บปวด กับร่างกายที่บอบช้ำ พยายามลุกขึ้นยืน และทรงตัวให้อยู่ แต่ทว่ามันยากเกินกว่าจะต้านทานความเจ็บทรมานที่ได้รับไหว รินรตีก้มหน้าลงกับพื้น การเคลื่อนไหวเซไปเซมา ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมาเบาๆ อย่างรู้สึกสมเพช
อีกครั้งที่รินรตีพยายามเงยหน้ามองชายหนุ่ม แต่เธอก็วูบสลบไป ร่างนั้นล้มลงโดยอัตโนมัติ แต่ก็ถูกอุ้งมือ กับกำลังแขนอันแข็งแรงรับเอาไว้ได้ทัน
*************************************
รินรตีย้อนทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นได้เพียงแค่นั้น หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นต่อก็ไม่อาจที่จะหยั่งรู้ได้ แต่ที่ยังข้องใจอยู่
...คนที่ช่วยเธอ เป็นใคร?...
พี่ค่ะ รู้หรือเปล่าว่า ใครพาฉันมาส่งที่นี่ นัยน์ตาใสมีแววสงสัย อย่างอดที่จะอยากรู้ไม่ได้
ไม่รู้หรอก แต่พอจะเดาได้ รอยยิ้มแปลกๆของพี่ชายเป็นปริศนา
หมายความว่าไงค่ะ ที่ว่าพอจะเดาได้ รินรตีเอียงคอถาม เธอไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจอะไรเลย
เพราะ เขา พาเธอมาส่งที่บ้าน ก่อนพี่จะกลับมาไม่นาน
แล้ว เขา เป็นใครกันล่ะคะ
ท่าทางที่แสดงออกทำให้เดาได้ว่า คนตรงหน้าอยากจะรู้มากมายแค่ไหน แต่ เขาคนนั้น ก็จากไปอย่างเงียบๆ หลงเหลือทิ้งไว้แต่ความเย็นชาที่สัมผัสได้เท่านั้น
...ความอ่อนโยนล่ะ ซ่อนอยู่ที่ตรงไหนกัน
พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่า ที่พี่เดาน่ะ มันถูกหรือเปล่า แต่ถ้าอยากรู้จริงๆ ว่างๆก็ลองไปที่ห้องประชุมของสภาดูสิ วาทีเลิกคิ้วหยอกล้อน้องสาวของเขา แต่สิ่งที่เขาคาดเดาอาจไม่จริงก็ได้ แต่เขาก็รู้สึกมีแววมั่นใจอยู่เล็กน้อย ยิ่งสร้างความไม่เข้าใจให้แก่รินรตีมากขึ้น
เข้านอนได้แล้ว รีร่า เสียงของพี่ชาย กระตุ้นให้น้องสาวตื่นจากภวังค์ความคิด
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ร่างบางกล่าว พร้อมด้วยรอยยิ้ม และแน่นอนว่าพี่ชายของเธอคนนี้ ก็มักมีรอยยิ้มตอบกลับมาอย่างอ่อนโยนเช่นกัน
ราตรีสวัสดิ์ วาทีกล่าวเบาๆ
รินรตีทิ้งตัวลงบนเตียงนอนสีขาวอันอ่อนนุ่ม มโนภาพของชายคนนั้นแวบเข้ามาในความคิด
...ยังไม่ทันได้ขอบคุณเลยสักคำ ใครกันนะ?... ร่างบางครุ่นคิด ใคร่ครวญ ...แล้วจะสนใจทำไมมากมาย ถ้ามีโอกาสเจอกันอีก ค่อยขอบคุณก็ได้... เธอพยายามสลัดความคิดนั้นให้ออกไปอย่างไม่อยากใส่ใจ แต่การพยายามลบอะไรสักอย่าง มันทำได้ง่ายดายขนาดนั้นเลยหรือ
ทำไมต้องติดใจ ไม่ต้องใส่ใจกับคำขอบคุณขนาดนั้นก็ได้...
รินรตีเลิกคิดถึงทุกสิ่ง ถึงเวลาต้องเข้านอนเสียที วันนี้เธอเหนื่อยมามากพอแล้ว สำหรับเธอ มีแค่คนเดียวให้คิดถึง ให้แคร์... ก็คงมากเกินพอ
จากคุณ :
MeiDong
- [
16 มิ.ย. 47 17:11:12
]