 |
Thrilling ADVENTURE STORIES Book I
คำสาปเทวรูป*****The Curse of the Idol By Campbell Black
คำสาปเทวรูป
ป่าเขียวขจีมืดครึ้มดูลึกลับน่ากลัว แสงอาทิตย์ สีขาวซีดเหมือนน้ำนมทะลุผ่านยอดไม้สูงมีเถาวัลย์เกี่ยวพันอยู่ลงมาได้เพียงเล็กน้อย อากาศอึดอัดหนาทึบกักขังความอับชื้นเอาไว้ ฝูงนกแผดเสียงร้องด้วยความตื่นตระหนกราวกับว่าพวกมันติดอยู่ในกับดักตาข่ายขนาดใหญ่ แมลงที่มีประกายวูบวาบเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วใต้ฝ่าเท้า ฝูงสัตว์ส่งเสียงร้องฟังไม่ได้ศัพท์แล้วแผดร้องเสียงหลงในพุ่มไม้ ในสภาพโบราณเก่าแก่ของมันสถานที่แห่งนี้น่าจะเป็นดินแดนหลงสำรวจ จุดที่ไม่มีอยู่บนแผนที่ ไม่เคยมีนักเดินทางผ่านมา ---- เป็นดินแดนสุดขอบโลก
ชายแปดคนเดินมาอย่างช้า ๆ ตามทางเดินแคบ หยุดเป็นระยะเพื่อฟันเถาวัลย์ที่ห้อยละอยู่เหนือหัวหรือถากกิ่งไม้ที่แกว่งขวางทางอยู่ นำหน้ากลุ่มมาเป็นชายร่างสูงใส่เสื้อหนังสวมหมวกสักหลาดปีกกว้าง เบื้องหลังเขาเป็นชาวเปรูสองคนซึ่งมองสำรวจป่าอย่างระมัดระวัง และชาวอินเดียนเผ่าเคชชัวขวัญผวาห้าคน ตะเกียกตะกายมาพร้อมกับลาหนึ่งคู่บรรทุกสัมภาระและเสบียง
ชายผู้นำหน้ากลุ่มมามีชื่อว่า อินเดียน่า โจนส์ ร่างกายของเขาแข็งแกร่งเหมือนกับนักกีฬาที่ผ่านการฝึกฝนมาแต่วัยเยาว์ หนวดเคราที่งอกออกมาไม่กี่วันมีสีทองสกปรกและริ้วรอยของความตรากตรำบนใบหน้าซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นใบหน้าของคนรูปหล่อหรือที่เรียกว่าเป็นคนถ่ายรูปขึ้น ในตอนนี้มีรอยตีนกาเล็ก ๆ รอบดวงตาและตามมุมปากที่เปลี่ยนบุคลิกของเขาจากคนอ่อนโยนรูปหล่อมาเป็นคนลึกซึ้งเข้มขรึม แต่มันก็ราวกับว่าความเก่งกาจของเขาจะเริ่มขึ้นอย่างช้า ๆ เพื่อแสดงถึงตัวตนอันแท้จริงของเขา
อินดี้ย์ โจนส์ ไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างระแวดระวังเหมือนกับชาวเปรูทั้งสองคน ความเชื่อมั่นในตัวเองของเขาราวกับว่ามีมากกว่าพวกนั้นที่เป็นคนท้องถิ่น แต่ท่าทางเชื่อมั่นที่เขาแสดงออกมาไม่ได้ทำให้สำนึกของความระมัดระวังสูญเสียไป เขารู้จักที่จะตรวจสอบเป็นระยะโดยที่จะไม่เป็นที่สังเกตเห็นจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง ตรวจสอบผืนป่า ค้นหาการคุกคาม หรืออันตรายที่จะเกิดขึ้นได้ทุกขณะจิต เสียงแหวกกิ่งไม้โดยทันใดหรือเสียงหักของไม้ผุ----ทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณบอกให้เขารู้สึกถึงอันตราย เขาหยุดเป็นระยะถอดหมวกออก ปาดเหงื่อออกจากหน้าผากและสงสัยว่าอะไรที่รบกวนเขามากไปกว่ากัน-----ความอับชื้นของบรรยากาศหรืออาการประสาทเสียของพวกเคชชัว บ่อย ๆ ครั้งที่พวกมันพูดกันอย่างตื่นเต้นโต้ตอบกันไปมาอย่างรวดเร็วด้วยสำเนียงภาษาแปลกประหลาดของพวกมัน ภาษาที่ทำให้อินดี้ย์ นึกถึงเสียงของพวกนกป่า สัตว์ที่แทรกตัวอยู่ตามพุ่มไม้ หมอกที่กำลังก่อตัวขึ้น
เขามองกลับไปที่ชาวเปรูทั้งสองคน บาร์รังก้า กับ ซาติโป และรู้สึกว่าเขาไว้ใจทั้งสองคนนั้นได้น้อยเหลือเกินแต่ก็รู้สึกถึงความจำเป็นที่จะต้องพึ่งทั้งสองคนเพื่อที่เขาจะได้สิ่งที่ต้องการจากป่าแห่งนี้
คณะเดินทางที่ทุเรศอะไรอย่างนี้ อินดี้ย์ คิด ชาวเปรูท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ สองคน ชาวอินเดียนหวาดหวั่นขวัญผวาห้าคน และลาดื้ออีกสองตัว และตัวฉันเป็นหัวหน้าคณะ ใครจะทำได้ดีกว่านี้บ้างกับคณะลูกเสือแบบนี้
อินดี้ย์ หันไปหา บาร์รังก้า คิดว่าเขาแน่ใจเหลือเกินว่าจะได้รับคำตอบอย่างใดจากคำถาม พวกอินเดียนพูดอะไรกันหรือ ?
บาร์รังก้า พูดออกเสียงตะกุกตะกัก พวกมันพูดถึงอะไรกันอยู่น่ะหรือ ซินยอร์ โจนส์ ? คำสาปอย่างไงล่ะ พูดถึงแต่คำสาปอยู่ตลอดเวลา
อินดี้ย์ ยักไหล่แล้วมองกลับไปที่พวกอินเดียน อินดี้ย์เข้าใจความเชื่อถือผีสางของพวกเขา ความเชื่อถือศรัทธาของพวกเขา และเขารู้สึกเห็นใจอินเดียนพวกนั้น คำสาป----คำสาปเก่าแก่โบราณของวิหารแห่งนักรบของชาวชาชาโปยัน พวกเคชชัวคุ้นเคยกับคำสาปเหล่านั้นมันเป็นความเชื่อถืออย่างแท้จริงของพวกเขา
อินดี้ย์ พูดขึ้น บอกพวกมันให้อยู่เงียบ ๆ บาร์รังก้า บอกว่าจะไม่มีอันตรายมาสู่พวกมัน แค่คำพูดปลอบใจ เขารู้สึกเหมือนกับพวกหมอพื้นบ้านที่ให้ยาโดยที่ยังไม่มีการทดสอบ ผีนรกจากขุมไหนที่เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าจะไม่มีอันตรายมาสู่พวกเหล่านั้น ?
บาร์รังก้า จ้องอินดี้ย์ อยู่ชั่วครู่ จากนั้นพูดส่งเสียงแหบกร้าวกับพวกอินเดียน และเป็นชั่วขณะที่เหล่าอินเดียนพวกนั้นเงียบเสียงลง----ความเงียบที่เป็นเพียงแค่สะกดความกลัวเอาไว้ อีกครั้งหนึ่งที่ อินดี้ย์ รู้สึกเห็นใจพวกอินเดียนเหล่านั้น คำพูดปลอบใจอย่างคลุมเครือหรือจะไปลบล้างความเชื่อที่สืบทอดกันมานับศตวรรษได้ เขาสวมหมวกกลับเข้าที่แล้วเคลื่อนที่ต่อไปอย่างช้า ๆ ตามทางเดิน กลิ่นป่ารุกเร้าเข้ามารบกวนเขา กลิ่นของบางสิ่งที่กำลังเติบโตและบางสิ่งที่กำลังเน่าเปื่อย ซากสัตว์เก่าแก่ที่มีหนอนไต่อยู่หยุบหยับ ซากไม้ผุพังและต้นพืชที่กำลังจะตาย นายน่าจะไปสถานที่อื่นที่ดีกว่าที่นี่ อินดี้ย์คิด นายน่าจะคิดถึงสถานที่สดชื่นกว่าที่นี่
และในทันใดเขาสงสัยไปถึง ฟอร์เรสตอล จินตนาการถึงฟอร์เรสตอลที่กำลังเดินทางไปตามเส้นทางเดียวกันนี้เมื่อปีที่แล้ว จินตนาการไปถึงอาการตื่นเต้นในเส้นเลือดของฟอร์เรสตอลเมื่อเขาเข้าใกล้ตัววิหาร แต่ว่าฟอร์เรสตอล นักโบราณคดีผู้เก่งกาจก็ไม่ได้เดินทางกลับออกไปจากสถานที่แห่งนี้-----และความลับที่มีอยู่ในตัววิหารก็ยังคงฝังแน่นสนิทอยู่ที่นั่น ฟอร์เรสตอล ผู้น่าสงสารที่ต้องมาตายยังสถานที่พระเจ้าละทิ้งที่ซึ่งเป็นสุสานนรก และสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่อินดี้ย์กระหายอยากจะมาด้วยตัวเองหรอกหรือ
จากคุณ :
Sv
- [
16 มิ.ย. 47 21:14:40
]
|
|
|
|
|