CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown



    =[+] ฉิกจับอิด [+]= นิยายจีนร่วมแต่งแนวทดลอง : ตอนที่ 50 ลางสังหรณ์ของเสี่ยวซา

    เอาไปก่อนสองในสามครับ แล้วอย่าลืมไปอ่านตอนพิเศษให้ครบทั้งสี่ตอน เพื่อความเข้าใจในเนื้อเรื่องให้ชัดเจนขึ้น


    เสี่ยวซาและหลี่ซังซังดั้นด้นเดินทางกันอยู่ครึ่งค่อนวันก็พบกับทางแยกสองสาย

    "ข้าพเจ้าว่าเราควรเลือกหนทางด้านซ้ายจึงถูกต้อง" เด็กสาวเชิดปากน้อยๆ กล่าวพลางก้าวนำหน้าเสี่ยวซาเข้าไป

    "ช้าก่อน ซังเอ๋อ!" เด็กหนุ่มรีบปราม

    "หือ? มีอันใด?"

    "ข้ายังไม่แน่ใจ เพียงรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดี พวกเราไปหนทางด้านขวาดีกว่า" เด็กหนุ่มกล่าว

    "ลางสังหรณ์! อะไร เจ้าเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วย!" เด็กสาวร่ำร้องออกมา พลางทำหน้าไม่เชื่อถือ กล่าวต่อว่า

    "เจ้าป้ำๆ เป๋อๆ ลางสังหรณ์ของเจ้าจะแม่นยำได้อย่างไร ข้าพเจ้าไม่เชื่อหรอก พวกเราไปทางนี้!" กล่าวพลางเดินนำหน้าเข้าไป

    เสี่ยวซาขมวดคิ้วนิดหนึ่ง เด็กหนุ่มที่ทักท้วง มิใช่ว่ามีลางสังหรณ์ไม่ดีแต่อย่างไร เพียงแต่รู้สึกหนทางด้านซ้ายนั้นดูลึกลับชอบกลอยู่ ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ พวกตนน่าจะเลือกหนทางอีกด้าน ทว่าหลี่ซังซังมีนิสัยชอบเอาชนะ หากตนใช้เหตุผลดังกล่าวนางย่อมต้องดื้อดึงมิยอมทำตาม เพียงนึกไม่ถึง สุดท้ายเด็กสาวยังคงยืนยันความคิดเช่นเดิม

    "ให้ข้าล่วงหน้าไปก่อนแล้วกัน" เสี่ยวซากล่าว โดยมิฟังคำทักท้วงของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มพุ่งกายแซงขึ้นหน้า หลี่ซังซังจึงได้แต่ติดตามอยู่ด้านหลัง

    หลี่ซังซังเมื่อเดินอยู่ด้านหลังของเสี่ยวซาค่อยพบว่าเงาหลังของอีกฝ่ายดูโดดเดี่ยว และหงอยเหงายิ่ง พลันเกิดความรู้สึกประหลาด มิทราบว่าเกิดจากบรรยากาศวังเวงในอุโมงค์ หรือว่าเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่นางมีโอกาสพินิจพิเคราะห์อีกฝ่ายจากด้านหลัง

    "เรากลับลืมเลือน ภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และทะเล้นของมัน กลับมีเบื้องหลังชีวิตที่รันทดเรื่องหนึ่ง"

    ใช่แล้ว เสี่ยวซาแม้นเป็นคนที่อยู่กับความเป็นจริง มิยึดติดในอดีต หรือเรื่องราวที่เป็นภาพลวงทั้งหลาย ทว่าผู้ที่ทราบประวัติความเป็นมาของมัน ล้วนแต่ต้องทราบว่า มันเป็นเรื่องราวชีวิตที่รันทดเรื่องหนึ่ง

    เสี่ยวซากำพร้าตั้งแต่เด็ก ไม่มีทั้งญาติสนิทมิตรสหาย หนึ่งเดียวที่เป็นเครื่องค้ำชูชีวิตของมันก็คือ เตียหงี อดีตเจ้าสำนักบู๊ตึ๊งผู้มีพระคุณของมัน คนผู้นี้เปรียบได้เสมือนบิดาของมัน มิเพียงให้ชีวิต ยังให้การอบรมเลี้ยงดู กระทั่งสุดยอดวิชาของสำนัก ก็ยังลอบถ่ายทอดให้มันเพื่อใช้ป้องกันตัว

    ดังนั้นเสี่ยวซามิเพียงยึดถืออีกฝ่ายเป็นผู้มีพระคุณ เป็นอาจารย์ ยังนับถือดุจบิดาของตน เนื่องเพราะมันมิเคยเห็นหน้าบิดามารดา ยามใดที่คิดถึงเรื่องนี้ มันมักจินตนาการใบหน้าของเตียหงีเป็นบิดาผู้การุณย์ทุกทีไป

    ทว่า เตียหงี กลับตกตายภายใต้มือของฆาตกรลึกลับ ครั้งนั้นเสี่ยวซาคับแค้นจนแทบมิสามารถเป็นผู้คน สาบานว่าจะต้องหาตัวฆาตรกรล้างแค้นให้จงได้ ต่อมาเมื่อได้พบกับไต้ซือหัวหลิน ได้รับฟังคำสอนของอีกฝ่าย จึงค่อยคลายความแค้น ทว่ากับตัวของฆาตรกร อย่างไรก็ต้องหาตัวมาลงโทษให้จงได้

    "ต่อไป หากมันมิกวนโทสะของเรามากนัก เราจะพยายามดีต่อมันแล้วกัน" เด็กสาวคิดพลางมองดูเงาหลังของอีกฝ่าย

    มีหรือที่นางจะมิรู้สึกถึงความห่วงใยที่อีกฝ่ายมีต่อตน มันเมื่อมีลางสังหรณ์ว่าหนทางเบื้องหน้ามีอันตราย ยังแซงขึ้นหน้า หากมิใช่เพื่อตัวนางเอง แล้วยังจะทำเพื่อใคร

    ตอนนี้หากมีผู้อื่นร่วมอยู่ด้วย คงเห็นแววตาที่เด็กสาวคนหนึ่งจ้องมองไปยังร่างด้านหลังของเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง ด้วยแววตาที่อ่อนโยน และห่วงหา

    "อื้อ! รีบตามหาพี่ฮั่นดีกว่า" เด็กสาวสะบัดหน้าไล่ความคิดอันฟุ้งซ่าน ติดตามอีกฝ่ายไปอย่างรวดเร็ว

    เดินอยู่ประมาณครึ่งชั่วยาม เสี่ยวซาก็พลันหยุดอย่างกระทันหัน

    "อุ๊บ! อูยยย" เด็กสาวมิทันระวังชนกระทบถูกด้านหลังของอีกฝ่าย

    "นี่! อยู่ดีๆ ก็หยุดเดิน มิบอกกล่าว ชนถูกข้าพเจ้าเห็นหรือไม่?!" หลี่ซังซังร่ำร้องขึ้น

    ทว่าเสี่ยวซากลับมิได้ตอบโต้ เด็กหนุ่มที่แท้พบเห็นสิ่งใด ถึงกับตื่นตะลึงจนมิได้ตอบคำถามของนาง

    หลี่ซังซัง ค่อยๆ ชะเง้อศีรษะ โผล่พ้นร่างของอีกฝ่าย ภาพที่ปรากฎ ทำให้เด็กสาวตกตะลึงอ้าปากค้างจนสามารถที่จะยัดไข่ไก่เข้าไปได้สามฟองเลยทีเดียว!

    เบื้องหน้าปรากฎหุบเหวลึกทอดขวางหนทางเอาไว้จนสิ้น มีเพียงสะพานแขวนที่ประกอบขึ้นจากเส้นเชือก และแผ่นกระดานทอดยาวผ่านหุบเหว ในอุโมงค์ใต้พื้นดินนี้ กลับมีหุบเหวกว้างและลึกอยู่ด้วย ไยมิใช่เรื่องที่น่าตระหนกหรอกหรือ?!!!

    "พวกเราย้อนกลับกันเถอะ!" เสี่ยวซากล่าวขึ้น น้ำเสียงราบเรียบและจริงจัง

    คราครั้งนี้เด็กหนุ่มกลับมีลางสังหรณ์ประหลาดแวบผ่านเข้ามา มิใช่ลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องร้าย แต่เป็นลางสังหรณ์อัปมงคลทีเดียว!

    "อะไร! เจ้ามิเห็นหรือ หนทางเบื้องหน้าเป็นสะพาน สะพานย่อมมิเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ต้องมีคนสร้างขึ้น เช่นนั้นเบื้องหน้าย่อมเป็นหนทางที่ถูกต้อง" เด็กสาวกล่าวประท้วง

    "อืม สะพานย่อมถูกสร้างขึ้น ท่านเมื่อสามารถสร้างสะพาน ย่อมสามารถจัดวางกับดักกลไกเช่นกัน!" เด็กหนุ่มตอบโต้

    เด็กสาวนิ่งเงียบไปกับข้อโต้แย้งของอีกฝ่าย นางเองก็มิใช่ไม่รู้ถึงข้อนี้

    "ถึงอย่างไรพวกเราก็ควรลองดู เพียงแต่ระมัดระวังให้มากขึ้น ก็มิน่าจะพลาดพลั้งลง"

    เสี่ยวซาหันกลับมาสบตากับหลี่ซังซัง ดวงตาของเด็กหนุ่มมองลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย เนิ่นนานจึงกล่าวว่า

    "ตกลง ข้าพเจ้าไปทดลองดู"

    เสี่ยวซาเคลื่อนกายอย่างระมัดระวังไปยังสะพานไม้ดังกล่าว

    "จ..เจ้าโง่!" อยู่ๆ เด็กสาวก็รู้สึกกลัวขึ้นมาโดยมิทราบสาเหตุ หลี่ซังซังกลัวอันใด?

    เด็กสาวมีความรู้สึกว่าการไปครั้งนี้ของเสี่ยวซานั้น นางอาจมิได้พบเห็นอีกฝ่ายอีกก็เป็นได้ ทว่าความหวังที่จะได้พบเจอกับพี่ฮั่นของนาง และคนอื่นๆ มิแน่อาจจะอยู่มิไกลในอีกฟากของสะพาน สุดท้ายได้แต่กล้ำกลืนคำพูดเอาไว้

    "มีอันใด?" เด็กหนุ่มหันกลับมาถาม

    "เจ้าจงระวังให้มาก อย่าเป็นอะไรไปนะ ข้าพเจ้ากลัวที่จะอยู่ตามลำพัง"หลี่ซังซังกล่าวเสียงเบา

    เสี่ยวซายิ้มแล้ว ตลอดเวลาหลี่ซังซังมักนึกชิงชังรอยยิ้มของอีกฝ่าย เนื่องเพราะมันมักเป็นรอยยิ้มที่ยั่วยวนกวนโทสะของนางโดยเสมอ ทว่ารอยยิ้มในครานี้ทั้งอ่อนโยนและอบอุ่นอย่างประหลาด เด็กสาวรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว อยู่ๆ เลือดลมก็ฉีดพลุ่งไปทั่วใบหน้า โชคดีที่หนทางใต้ดินนี้มืดทึบ เด็กหนุ่มจึงมิทันสังเกตุเห็น มิเช่นนั้นหากอีกฝ่ายมิกล่าวล้อเลียนนางนั่นก็แปลกไปแล้ว

    "ข้าพเจ้าไปล่ะ" เสี่ยวซาเหยียบย่างก้าวแรกลงบนสะพานไม้อย่างระมัดระวัง

    หลี่ซังซังจ้องมองเงาหลังของอีกฝ่าย โดยมิรู้ว่าครั้งนี้อาจเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่พบเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มเช่นนี้ของอีกฝ่ายหรือไม่?!

    จากคุณ : ทีมแต่งนิยาย - [ 17 มิ.ย. 47 18:25:37 ]