CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown



    The Wall เรื่องแรกที่ฉันเขียน

    The wall

             ทุก ๆ ครั้งที่ฉันเดินผ่านเตาผิงในห้องนั่งเล่น ฉันจะรู้สึกหวาดหวั่น กลัวไม่กล้าแม้แต่จะชำเลืองสายตามองไปที่นั่น สิ่งที่กลัว ฉันไม่ได้กลัวเตาผิง แม้ว่าเวลาที่มันไม่ได้ใช้งาน ฉันจะเห็นเงามืดดำอยู่ภายในเตาผิงและเถ้าถ่าน นั่นทำให้ฉันนึกถึงที่เผาศพทุกครั้ง แต่ยามใดที่ฉันจุดไฟและทุกคนในบ้านมารวมกันที่หน้าเตาผิง ฉันก็รู้สึกถึงความอบอุ่น และแสงสว่างจากเปลวไฟที่ลุกโชติช่วง
             
             สิ่งที่ฉันกลัวคือ กำแพงด้านขวา ข้าง ๆ เตาผิงนั่นต่างหาก ฉันเคยมองไปที่ก้อนอิฐสีแดงที่ต่อประกอบกันจนเป็นผนังห้อง ฉันเห็นรอยต่อของปูนซิเมนต์ที่เชื่อมอิฐแต่ละก้อนเข้าด้วยกันอย่างประณีต เมื่อฉันเอามือลูบสัมผัสกำแพงนี้ ฉันรู้สึกถึงความสากของก้อนอิฐ แต่ขณะเดียวกันฉันก็รู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่ห่อหุ้มบ้านที่ฉันรักเอาไว้

             “คุณผู้หญิงคะ” คนรับใช้ร้องทักขึ้น

             ฉันสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ เพราะมัวแต่คิดอะไรล่องลอยเรื่อยเปื่อยไปกับกำแพงข้างเตาผิง

            “ขอโทษค่ะคุณผู้หญิง ดิฉันทำให้คุณตกใจหรือเปล่าคะ” คนรับใช้ถาม

             “เปล่าจ๊ะ ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดอะไรเพลิน ๆ”

            “คุณผู้หญิงจะให้ติดวอลเปเปอร์ทั่วห้องนั่งเล่นเลยใช่ไหมคะ ?” คนรับใช้ถาม ในมือถือม้วนวอลเปเปอร์ สีเขียวขนาดใหญ่ ข้าง ๆ ตัวเธอมีถาดกาวและอุปกรณ์ทาสีวางไว้

             “ใช่จ๊ะ” ฉันตอบ พลางถอนหายใจ และมองไปรอบ ๆ ห้องนั่งเล่น ฉันชอบชุดเฟอร์นิเจอร์หรูหราพวกนี้ เครื่องแก้วคริสตัลเจียระไนที่วางตกแต่งก็สวยเข้าชุดกับที่นี่ มีแต่เพียงกำแพงข้าง ๆ เตาผิงเท่านั้นที่ทำให้ฉันไม่อยากเข้ามาในห้องนั่งเล่นนี้อีก

             “ฉันคิดว่าวอลเปเปอร์สีเขียวนี้คงเข้าชุดกับเฟอร์นิเจอร์ในห้องนั่งเล่นนี้นะ เธอว่าไง” ฉันถาม

             “ดิฉันเห็นด้วยค่ะคุณผู้หญิง ดิฉันคิดว่าสีเขียวทำให้ดูสดใสมากขึ้นกว่ากำแพงธรรมดาแน่ ๆ อีกอย่างคฤหาสน์หลังนี้ก็เก่ามากแล้ว น่าจะลองตกแต่งอะไรใหม่ ๆ บ้างนะคะ” คนรับใช้ออกความเห็น

            “อืม....เป็นความคิดที่ดีนะ แต่ตอนนี้เอาเป็นว่าเราแค่ปิดวอลเปเปอร์ให้ทั่วห้องนั่งเล่นก่อนล่ะกัน ถ้าให้ตกแต่งต่อเติมอย่างอื่นรอให้ฉันถามสามีดูก่อน  อันที่จริงฉันไม่ชอบกำแพงนี้เลย เธอไม่รู้สึกอะไรกับมันเลยเหรอ” ฉันถามคนรับใช้

             คนรับใช้เงียบไปครู่หนึ่ง เธอมองไปรอบ ๆ ห้อง มีเพียงกำแพงว่างเปล่าไม่มีกรอบรูปอะไรติดประดับเอาไว้แต่แล้วสายตาเธอก็มาหยุดอยู่ที่กำแพงข้างขวาตรงเตาผิง

             “ดิฉันอยู่รับใช้ที่นี่มานาน ตั้งแต่เจ้าของคฤหาสน์คนก่อน ก็ไม่เห็นว่ามันมีอะไรผิดปกติกับกำแพงนี้นะคะ บางทีดิฉันอาจจะเห็นมันมานานเกินไป” คนรับใช้หยุดพูด เธอเข้าไปมองกำแพงตรงเตาผิงใกล้ ๆ

             “อืม แต่กำแพงตรงนี้มีรอยดำนะคะคุณผู้หญิง ดิฉันคิดว่าน่าจะเป็นรอยดำจากเขม่าในเตาผิงปลิวมาจับตรงนี้ก็ได้” คนรับใช้บอก

             “ใช่นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันไม่ชอบ เวลาที่ฉันมองเห็นรอยดำนั่นฉันรู้สึกไม่ดี ยิ่งเวลากลางคืนฉันลงมาที่ห้องนั่งเล่นทีไร รอยดำนั่นทำให้ฉันขนลุกตลอดเวลา”

              “ดิฉันคิดว่าคุณผู้หญิงคิดมากไปมั้งคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะดิฉันจะติดวอลเปเปอร์ให้ทั่วห้อง คุณผู้หญิงจะได้สบายใจเวลาเข้ามาในห้องนั่งเล่นไงคะ”

             “โอ ขอบใจเธอมากจ๊ะ ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากให้เสร็จก่อนที่สามีและลูก ๆ ฉันจะกลับมานะจ๊ะ”

             “ไม่มีปัญหาค่ะคุณผู้หญิง น่าจะเสร็จก่อนหกโมงเย็นแน่นอนค่ะ” คนรับใช้บอกด้วยรอยยิ้ม

              “ดีจ๊ะ เย็นนี้ฉันคงได้เห็นห้องนั่งเล่นสีเขียวสดใส” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเบิกบาน

              ฉันปล่อยให้คนรับใช้ปิดวอลเปเปอร์ในห้องนั่งเล่นไปเงียบ ๆ ส่วนตัวฉันขึ้นไปชั้นบนเพื่อจัดห้องนอนให้ดูเรียบร้อย ฉันนั่งลงข้างขอบเตียง ที่ข้าง ๆ หัวนอนมีโต๊ะไม้โอ๊คขัดมันวับ รูปภาพของครอบครัวฉันวางอยู่บนนั้น ฉันมองรูปครอบครัว สามีและลูกหญิงชายที่น่ารักทั้งสองคน รูปนี้พวกเราถ่ายตอนไปพักผ่อนที่แคลิฟอร์เนีย  ฉันหยิบรูปขึ้นมาดู ลูก ๆ ของฉันมีรอยยิ้มและดวงตาคล้ายพ่อของเขามาก อีกรูปนึงล่ะ อ้อ รูปนี้เราถ่ายตอนไปเที่ยวยุโรปเมื่อสามปีก่อน ลูกชายของฉันตอนนั้นยังตัวเล็กอยู่เลยไม่น่าเชื่อปีหน้าเขาก็จะขึ้นเกรด 8 แล้ว ฉันวางรูปที่อยู่ในมือและหยิบอีกรูปที่อยู่ด้าหน้าสุดขึ้นมา อืม.....อ้อ รูปนี้ถ่ายเมื่อปีที่แล้วเองตอนช่วงฤดูร้อนสามีกับลูก ๆ ไปเที่ยวที่ฟลอริด้า ฉันไม่ได้ไปด้วยเพราะยุ่งกับงานและหลายสิ่งหลายอย่าง แต่ฉันคิดว่าหน้าร้อนปีนี้ฉันจะไปกับพวกเขาอีกแน่ ๆ

             ฉันใช้เวลาไม่นานก็จัดห้องนอนให้เข้าที่เข้าทางอย่างเป็นระเบียบ ฉันล้มตัวลงนอนหลับตาคิดอะไรเรื่อยเปื่อย แต่ความคิดก็วกกลับมาที่กำแพงตรงเตาผิงอีกจนได้ ฉันหวาดกลัวเงามืดดำในเตาผิง แต่ที่น่ากลัวมากกว่าคือรอยดำตรงกำแพง บ่อยครั้งตอนที่ฉันอยู่คนเดียวฉันยืนจ้องมองรอยดำนั่น มันเหมือนเป็นห้วงดำดูดลึกไปอีกมิติหนึ่ง ฉันบอกไม่ถูกบางทีราวกับกันมันแผ่พลังคลื่นสีดำออกมา แล้วดึงฉันเข้าไป ก็เพราะไอ้รอยดำที่กำแพงนี่แหละทำให้ห้องนั่งเล่นดูมืดทึมไปด้วย แต่ช่างมันเถอะค่ำวันนี้ ฉันจะมีห้องนั่งเล่นสีเขียวสว่างไสวแล้ว

             เวลาผ่านไปจนกระทั่ง ห้าโมงยี่สิบนาที คนรับใช้ร้องตะโกนขึ้นมาจากชั้นล่าง

             “คุณผู้หญิงคะ เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ”

    จากคุณ : Joecan - [ 19 มิ.ย. 47 22:52:55 ]