เรื่องเล่าชาวค่าย
ปลายเดือนมีนาคมหลังจากที่ผ่านการสอบปลายภาคไปเรียบร้อยแล้วนั้น สมาชิกชมรมค่ายอาสาฯ อย่างผมและเพื่อนก็เตรียมตัวออกค่ายกันตามปกติ ครั้งนี้เราจะไปกันทางภาคเหนือ
ใกล้เวลาออกค่ายผมและสมาชิกจำนวนหนึ่งล่วงหน้าไปก่อน 2-3 วันพวกที่เหลือจึงจะตามขึ้นไปสมทบ การออกค่ายครั้งนี้ดำเนินไปอย่างเรียบร้อย เราไปช่วยสร้างถังเก็บน้ำ และสาธารณูปโภคที่จำเป็นให้ชาวบ้าน
วันนึงเราได้รับข่าวร้ายว่าพ่อของน้องผู้หญิงคนหนึ่งเสียชีวิต ผมจึงอาสาขับรถไปส่งน้องที่ท่ารถในเมือง เราไปกันทั้งหมด 4 คน ตอนเราออกมาจากหมู่บ้านแม้เวลายังไม่ถึงทุ่มนึง แต่ในต่างจังหวัดโดยเฉพาะถิ่นทุรกันดารอย่างนี้ ฟ้าก็มืดมิดไปหมด ถนนที่ออกจากหมู่บ้านก็เป็นทางลูกรังแคบๆ เวลารถสวนกันต้องจอดแอบข้างทางเสียหนึ่งคัน
เราออกมาได้สักพักใหญ่ๆ อย่างทุลักทุเล เพราะความไม่ชินเส้นทางและความมืดของผม ทำให้เราคืบหน้าไปได้อย่างช้าๆ ไม่นานนักมีรถขับตามหลังมา ผมจึงหลบข้างทางให้เข้าไปก่อนเพราะไม่อยากไปขวางทางเขา รถคันนั้นขับแซงไป เป็นรถกระบะสีแดง พอเขาผ่านไปแล้วผมก็ขับต่อไปโดยพยายามเร่งความเร็วมากขึ้น เพราะก็ร้อนใจจะรีบไปส่งน้องเขาเหมือนกัน
พอขับมาได้เพียงไม่กี่นาทีผมมองกระจกมองหลังก็เห็นว่ามีรถตามมาคันหนึ่ง ผมก็หลบเขาอีก เขาก็แซงไปคราวนี้ผมกับเพื่อนที่นั่งมาด้วยก็แปลกใจและตกใจเมื่อเห็นรถที่แซงขึ้นไปเป็นรถกระบะสีแดงคันเดิมที่ผมหลบให้เขาไปครั้งแรก เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะกลับมาตามหลังผมอีก เพราะถนนเป็นเพียงแค่ถนนเล็กๆ แคบๆ ไม่มีทางแยกไปไหนเลย เราได้แต่มองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร คราวนี้ผมเร่งความเร็วขึ้นอีก อยากให้ถึงถนนใหญ่เร็วๆ
เกือบถึงถนนใหญ่อยู่แล้ว เราก็สวนกับรถกระบะอีกคัน ซึ่งคราวนี้ถ้าเป็นกระบะสีแดง ผมคงจะเสียสติเป็นแน่ เดชะบุญที่ไม่ใช่รถคันนั้นจริงๆ เป็นรถกระบะสีดำหรือน้ำเงินผมก็ไม่แน่ใจ มีคนนั่งอยู่ในเก๋ง 4 คนแล้วก็นั่งที่ท้ายกระบะอีก 5-6 คน
คงเป็นรถของคนที่ขึ้นไปเยี่ยมค่ายมั้ง ผมบอกเพื่อนที่นั่งมาด้วย แต่ไม่มีใครตอบอะไร
ที่ผมบอกอย่างนั้นเพราะว่าคนในรถนั้นคุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่ แต่ก็ไม่ได้หยุดทักทายอะไรกันเพราะต้องรีบไปส่งน้องเขา
เมื่อส่งน้องที่ในเมืองเรียบร้อยแล้ว ขากลับผมขับแบบไม่สนใจเลยว่าทางจะเป็นลูกรังหรือลำบากยังไง รู้แต่ว่าต้องรีบผ่านทางนี้ให้เร็วที่สุด ไม่อยากให้เจอเหตุการณ์อะไรแปลกๆอีก
พอถึงค่ายก็เจอพวกที่ขับรถสวนขึ้นมา
อ้าวทำไมอยู่กันแค่นี้แล้วพวกที่นั่งกระบะมาล่ะ ผมร้องถาม
ใครจะนั่งมาล่ะ ก็มากันแค่ 4 คนนี่แหละ
ผมทำหน้าไม่เชื่อเพราะคิดว่าคงจะอำกัน เพื่อนที่นั่งไปกับผมจึงบอกว่า
เอ็งไม่เห็นเหรอว่าคนที่เอ็งว่านั่งกระบะมาน่ะ เป็นพวกเดี๋ยวกับที่อยู่ในกระบะสีแดงนั่นแหละ แต่ละคนสภาพดูไม่ได้เลย เอ็งคงไม่ทันสังเกต
เพื่อนผมมันบรรยายให้ฟังว่าตอนที่รถกระบะแดงคันแรกขับผ่านไปนั้นมันก็เห็นว่าผิดสังเกตแล้ว เพราะเสียงเครื่องยนต์เงียบมากผิดกับรถกระบะทั่วๆไป ส่วนครั้งที่สองนี่มันเห็นว่าคนในรถแต่ล่ะคนหน้าตาไม่น่าจะใช่คนที่มีเลือดเนื้อมีชีวิตอยู่เลย ใบหน้าขาวจนเขียว ฟันธงได้เลยว่าต้องไม่ใช่คนอย่างเราๆแน่ๆเลย แล้วที่มันมั่นใจมากว่าต้องโดนผีหลอกอย่างแน่นอน ก็อีตอนที่เห็นคนบนรถกระบะ เป็นพวกเดียวกับที่อยู่ในกระบะสีแดงคันนั้นอีกด้วย
เขานั่งรถขึ้นมาบนนี้ แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหนว่ะ?!?
แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 47 14:39:10
จากคุณ :
เออจิง
- [
24 มิ.ย. 47 12:09:19
]