CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    *~*~*เพลิงพระคงคา (บทนำ)*~*~*..rewrite++

    **บทนำ**
    นมัสการะ..
    เมื่อกาลนานนั้น..ณ ภารตวรรษ..
    ***

    “ท่านจักจาริกไปที่ใด หรือพราหมณ์?”

      บุรุษผู้มากวัยเอ่ยถาม..แก่สมณะผู้ชราในอาภรณ์ขาวที่เปื้อนไปด้วยละอองฝุ่น
    ทั่วทั้งรอยยับย่นบนผืนผ้าจรดยังฝ่าเท้าเปล่าเปลือย ซึ่งยังหยุดยืนใต้ร่มพฤกษ์ใหญ่ที่ทอดกิ่งก้านแผ่ร่มเงาอยู่ริมทาง

      แม้เศษธุลีดินแดงบนสายมรรคายังคงคละคลุ้งด้วยฝีเท้าโค..กระนั้น นายสารถีผู้ที่อยู่ในเกวียนไม้ก็ยังคงแลเห็น
     ใบหน้าซึ่งระเรื่อและเต็มไปด้วยเหงื่อผุดพราย ของพราหมณะแย้มยิ้มอย่างอารีราวกับมิได้หม่นหมองต่อแสงแรงร้อนแห่งสุริยายามเที่ยงทิวาวัน..

    “ข้ากำลังมุ่งสู่นาครราชคฤห์..คาดว่าอีกมินานนักก็คงจักถึง ..จึงหยุดแวะพักใต้ร่มไม้นี้ก่อนไว้ให้แดดราลงแล้วจึ่งจักไปต่อ”

    เมื่อได้ยินดังนั้น นายเกวียนค่อยรินน้ำใสจากคนโฑใกล้ตัว ลงในถ้วยดินเผาใบน้อยเนื้อหยาบ ก่อนที่จักส่งให้นักบวชชราอย่างสำรวมยิ่ง

    “ได้โปรดรับไปเถิด ท่านคงกระหายยิ่ง”

    “ขอบใจเจ้ามาก..”

     ผู้ทรงพรต รับถ้วยดินอย่างนุ่มนวลโดยปราศจากอาการรังเกียจในภาชนะอันสกปรกนั้นแต่อย่างใด
    ..นายสารถีลอบทอดตาไปทั่วทั้งร่างในอาภรณ์พราหมณ์เก่าคร่ำคร่า..กระทั่งลูกปะคำที่คล้องคอก็ยังมีรอยร้าวผุร่อน

    ...บนบ่ากว้างผ่ายผอมคล้องเพียงหม้อน้ำใบย่อมและห่อผ้าขาวสีหม่นซีด ย่อมแสดงถึงฐานะแห่งพราหมณ์ชราผู้นี้ได้เป็นอย่างดี

    “ท่านจักจาริกสู่ ราชคฤห์ ได้อย่างไร...มิทราบหรือว่า..ณ เพลานี้ ราชคฤห์ เอกนาครแห่งมคธ นั้นกำลังถูกแผดเผาด้วยเพลิงแห่งยุทธนาการ”

    เสียงถามนั้นแหบพร่า...เฉกเดียวกับกระแสลมร้อนที่พริ้วผ่านระหว่างหมู่ไม้..ซึ่ง กระซิบแผ่วเบา แต่ทว่า แฝงความหวาดหวั่นไว้ในที

    “เกิดเหตุอันใดขึ้นที่นั่นหรือ..”
    สมณะชราลดถ้วยน้ำนั้นลงจากริมฝีปากที่แห้งผากโดยเร็ว พลางเอ่ยถามด้วยความตระหนกยิ่ง ด้วยมิคาดว่าการณ์ข้างหน้าจักเป็นไปเช่นนี้

    “ขออภัยเถิดท่านพราหมณ์...เพราะข้าเป็นเพียงนายเกวียนส่งสินค้า หาใช่ชาวมคธไม่ จึ่งมิอาจรู้ความที่แท้จริง.

    .หากจักรู้ก็แต่เพียงว่า..ราชโอรสจันทรคุปต์กุมาร ผู้ซึ่งถูก องค์มคธราช สุริยราเชนทร์ทรงบัญชาให้เนรเทศไปสู่คันธาระประเทศ เมื่อกว่าสิบปีที่แล้วนั้น.

    .ได้หวนคืนกลับมาเพื่อทวงราชบัลลังก์แห่งมคธ พร้อมด้วยยาตราพยุหพลทัพมหาศาล เข้าทำสงครามช่วงชิงราชสมบัติ ณ กลางนาครราชคฤห์..”

    บนดวงหน้าของพราหมณ์ชราพลันซีดเผือดลงด้วยความสลด...นัยน์ตาอันฟ้าฟางคู่นั้นฉาบฉายแววหมองหม่น พลางทอดถอนลมหายใจยาว..

    “ โอ..เทวะ..ไยจึ่งทรงบันดาลให้เป็นไปเช่นนี้เล่า”

    “ว่าเเต่ท่านเถิด พราหมณ์…จักจาริกสู่ราชคฤห์ด้วยเหตุอันใด”

    สมณะชราเเย้มยิ้มเศร้า..ก่อนที่จักกล่าวตอบต่อด้วยเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความศรัทธาต่อลำน้ำคงคาสวรรค์มหานที..ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายของการจาริกเเสวงบุญ

    “ข้าดั้นด้นลงมาจากหิมาลัย..เพื่อที่จักได้สัมผัสสายคงคาอันศักดิ์สิทธิ์..เเม้ว่า จักต้องฝ่าดงเพลิงสงคราม ข้าก็จักต้องไป ณ ที่นั่นให้จงได้”

    นายสารถีนิ่งไปครู่หนึ่ง…ก่อนที่จักตอบความคำของพราหมณ์ชรา..สายตาคู่พร่าฟ้าฟางทอดไปตามสายมรรคาเบื้องหน้า..ราวกับกำลังตริตรองการอยู่ในใจ

    “ข้าจักไปส่งท่านถึงประตูเมืองราชคฤห์ ขึ้นมาเถิดท่านสมณะ…”

    เค้าความปรีติปรากฏฉายชัดบนใบหน้าของพราหมณ์ผู้ชรา…ร่างในอาภรณ์ขาวค่อยย่างก้าวเข้าในเกวียนเล่มน้อย..พลางทรุดกายนั่งลงด้วยความอ่อนล้า เเล้วจึงปาดหยาดเหงื่อที่พรายอยู่เต็มใบหน้าอันเเสบร้อนไปด้วยไอเเดดในยามเที่ยงทิวาวัน..

    เพียงชั่วครู่..เกวียนคันน้อยนั้นจึงเคลื่อนไปตามทางโรยกรวดเเดงอย่างช้าๆ…ทิ้งไว้เเต่เพียงละอองฝุ่นดินคละคลุ้งจากฝีเท้าโคนั้นไว้ ณ เบื้องหลัง..
    ๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒

    (มีต่อ)..

    แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 47 15:41:23

    จากคุณ : อชันฏา - [ 30 มิ.ย. 47 15:26:14 ]