CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    เธอมาจากแดนไกล

    ผมบอกก่อนว่าผมเป็นคนธัมมะธัมโม ทำไมนะหรือเพราะบ้านผมอยู่ติดวัดได้ยินเสียงสวดสาธยายมนต์อันศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่เกิด ตอนเป็นเด็กยายสีจะพาผมไปวัดทุกวันจนยายตาย ผมถึงต้องไปวัดด้วยตัวของผมเอง พอโตขึ้นมาอีกหน่อยก็เข้าวัดฟังธรรมฟังเทศน์จนเพื่อนล้อ”มหา”

    คอ,แขนของผมจึงเต็มไปด้วยประคำปลุกเสกจากวัดเกจิอาจารย์ดัง เอวของผมก็คลาดด้วยตระกุดปลุกเสกและปลัดขลิกอีกสามอันมีทั้งรุ่นจิ้งจกสามหาง พญาวานรเผือก จนถึงเสือมันดำรงอยู่อย่างเป็นพันธมิตรซึ่งกันและกัน ชุดที่ผมชอบใส่ทายไม่ยากนักย่อมเป็นชุดขาวทั้งตัวจรดหัวใจ การนั่งสมาธิเดินจงกรมจึงเป็นงานอดิเรกที่ผมทำอยู่เป็นเนืองนิตย์

    บางครั้งผมเพ้อไปว่าตัวเองน่าจะได้ฌานขั้นใดขั้นหนึ่งมันอิ่มสุขเกษมอย่างบอกไม่ถูก ในห้องอันเป็นธรรมชาติของผมระหว่างมนุษย์กับสัตว์เล็กสัตว์น้อยอยู่ด้วยกันอย่างสันติ จะหาที่ไหนได้อีกเล่ามันมีเกือบทุกชนิดของสัตว์ที่คนเขาต้องการจำกัดนั่นแหละ แต่สำหรับห้องผมมันขยายอาณาเขตได้ตามใจชอบ อยู่มุมห้องนั่นกองเต็มไปด้วยหนังสือธรรมะมาจากวัดป่าวัดบ้านเกือบทุกแห่ง เกจิอาจารย์ดังอยู่ในห้องนี้โดยพร้อมเพียงสังคยนาจะเกิดขึ้นหรือไม่มิอาจคาดเดาได้

    หากมองไปแล้วไม่เห็นกระจกหวีหรือเครื่องประทินโฉมทั้งปวงนั้น ในนี้ไม่มีช่องว่างให้สิ่งของอันประกอบกิเลสให้สมบูรณ์ได้ดำรงอยู่เป็นเด็ดขาด มันนำมาซึ่งความหลงมายาภาพหลอนปรุงแต่งธาตุ นี่แหละสาเหตุหนึ่งที่ผมอยู่อย่างเดียวดายแต่ก็ไม่รู้สึกขาดแคลนอะไรในเมื่อหัวใจของผมมีธรรมเติมเต็มอยู่แล้ว กลิ่นตัวของผมก็มีคนวิพากษ์อย่างออกรสแต่ผมไม่สนใจใครจะเรียกว่าแร้งหรือหมาเน่าที่ยังไม่ตายก็ตาม…ยามยกแขนกระพือปีกกลิ่นย่อมเป็นตัวนำ หมาที่บ้านไม่เคยหลงมันจำผมได้ดีที่สุด

    ผมใช้ชีวิตแบบปัจเจกชน การไม่อาบน้ำจึงเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผม และบางคนอาจถามไปว่าผ้านะสักบ้างไหมพ่อมหาเน่า….เสื้อผ้ามีไม่กี่ชุดหรอก ขนาดน้อยๆอย่างนี้นานๆก็ซักทีหนึ่งบางทีเอาไปแช่น้ำปลาซิวรุมทึ้งตรึมเห็นไหมละว่าเหงื่อไคลมันเป็นอาหารให้สัตว์ก็ได้ พักหลังๆมีคนถามผมว่าทำไมเปลี่ยนเป็นใส่ชุดดำเสียละ แท้จริงมันก็ขาวนั่นหละแต่ว่าถูกย้อมด้วยการเวลาจนคล้ำอย่างที่เห็น เอาเป็นว่าผมอยู่ได้โดยไม่รบกวนใครก็แล้วกัน

    มีคนถามผมว่าทำไมไม่บวชเสียละมหาให้เลขแม่นๆจะชวยกู้วิกฤตราคาน้ำมันน๊า….. ผมได้แต่ยิ้มอายๆ
    “ถ้าผมบวชใครจะปลูกผักให้ป้ากินละ”
    “เอ่อใช่ๆ”

    ไม่มีใครถามถึงเรื่องนี้อีกเพราะผมเป็นเจ้าเดียวในหมู่บ้านไม่ได้ผูกผักขายแต่ปลูกไว้เพื่อจำหน่ายจ่ายแจก และใช้ปุ๋ยจุลินทรีย์จึงปราศจากสารพิษทั้งปวงที่เป็นภัยต่อแมลงน้อยๆและผืนดินอันเป็นมาตุภูมิของผม ไม่แปลกนักที่แปลงผักสวนผมแมลงจะมาประชุมสมัยสามัญที่นี่ และผมเป็นเจ้าภาพเรื่องจัดอาหาร คนในหมู่บ้านถ้าใครอยากกินผักก็จะมาที่สวนของผม แต่สำหรับสวนของพวกเขาที่ข้ามมานั่นเอาไว้ขายโดยแท้จริง และเต็มไปด้วยสารพิษร้อยแปดชนิด คนจึงรักผมมากกว่าเกลียดก็เพราะเหตุนี้

    อ๋อ…ลืมบอกไปว่าผมปลูกกระท่อมอยู่ในสวนผลไม้ของพ่อ แท้จริงไฟฟ้ามันก็เข้ามานานแล้วละแต่ผมเป็นพวกอนุรักษ์นิยมของเก่ายังคงชอบพอต่อแสงงามไหวของตะเกียงน้ำมันโซล่า ตอนเช้าใครเห็นผมรูจมูกดำไม่ต้องสงสัยไอ้เจ้าควันตะเกียงนั่นแหละเป็นเหตุ ผมอยู่กินโดยน้อยจะว่าไปผมสมถะกว่าพระบางองค์อีก อย่านินทาท่านเดี๋ยวบาปนรกยิ่งชอบจ้องมองเราอยู่ด้วย ถ้าได้ใช้ตะเกียงแล้วอย่าไปหวังอะไรกับตู้เย็น ,โทรทัศน์,โทรศัพท์,วิทยุ เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งปวง

    ไม่มีโอกาสได้ผมไปเป็นข้าทาสบริวารหรอกอย่าฝันเสียเลยดีกว่า ผมมีน้ำจากตุ่มดิน มีธรรมชาติอันสวยงามของฤดูกาลแทนทีวีหลากสีกว่าด้วย และเป็นอิสระในการแสดงของตัวเอง ฟังเสียงหริ่งเรไรแทนวิทยุอันมีน้ำเสียงที่มนุษย์ตาดำๆขี้ก็เหม็นไม่สามารถเลียนแบบได้ อย่าไปหวังอะไรเลยกับเสียงเพลงจากวิทยุ เฮ้อ….ไอ้เรื่องโทรศัพท์ก็เหมือนกันผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ตัวอย่างตายอดสิคุยกับเมียที่อยู่ท้ายสวนก็ต้องกดหมายเลขคุยกัน

    แล้วมันต่างกันตรงไหนกับการเดินเข้ามาคุยกันเลย นาทีหนึ่งคุยกันก็ต้องเสียตังค์ดันชอบอีก ผมคิดว่ามนุษย์ทุกวันนี้อยู่กับโรคความเหงาปริซึม จึงทำให้ต้องพึ่งคนอื่นอยู่เสมอๆลองมาปฏิบัติธรรมกับผมสิรับรองขว้างทิ้งอย่างไม่ใยดี ชีวิตของผมก็ปรกติสุขดีอยูหรอกแต่แล้ววันหนึ่งมารก็ได้มาเคาะประตูกระท่อมของผมเสียแล้ว……เป็นเหตุให้ทุกคนมองว่ามหาเน่าเปลี๋ยนไป๊…….

    “มหาเน่ามีจดหมายมาถึงนะ อันแน่แอบจีบสาวหรือเปล่าเนี๊ยะมีเมียแล้วต่อไปคงขายผัก”
    “จะมีสักยี่สิบเมียก็ไม่ขายเหมือนเดิมแหละป้า เอ๊….ใครส่งมาผมไม่รู้จักใครเลยนะนอกจากคนในหมู่บ้าน คนเมืองกอกเมืองกรุงผมไม่เคยรู้จักมาก่อน ส่งผิดที่ม๊าง..”
    “ก็ดูซี๋ชื่อมหานะตัวโตเท่าลูกไก่ สงสัยหนังสือธรรมะหละว้า”
    ป้าเดินผ่านแดดออกไปตัดสู่สวนผักของผมพร้อมเด็ดผักยอดงามไปกำใหญ่ “ผักมหาต้นใหญ่ดีน๊อ”

    ผมหย่อนก้นอันสมถะนั่งบนแคร่ไม้ไผ่ใต้ร่มเงากระท้อน ฉีกมุมซองดังแคว๊กใหญ่ในใจก็ปีติอยู่หรอกว่าจะได้หนังสือธรรมะเล่มใหม่ไว้อ่านแล้วค่อยขึ้นไปลองภูมิกับท่านเจ้าอาวาส ผมมั่นใจเหลือเกินขณะที่ดึงหนังสือออกมาจากซองนี่อาจเป็นธรรมสัญจร ครับมันกระจ่างตาซ่านถึงหัวใจ มันเป็นหนังสือเกี่ยวกับอสุภะเพรียวๆเชิงสังวาสภาพสีอีกต่างหาก ตั้งแต่ชายกับหญิง ชายกับชาย หญิงกับหญิง คนกับสัตว์ สัตว์กับสัตว์ โอ้อสุภะของแท้มีดาวห้าดวงเรียงรายอยู่เป็นประกัน ผมเปิดและเปิด ตัดสินใจขว้างหนังสือนั่นทิ้ง หอบหายใจกระเส่าสั่นภาพหน้าอก ก้น สะโพก ขาเรียวและ……

    ให้ตายเถอะมันเกาะแน่นหนึบในสมองของผมแล้วฝังรากเหง้าแห่งตัณหาลงไปอย่างรวดเร็ว
    ตัวผมร้อนเหมือนป่วยหนักนี่เป็นครั้งแรกของชีวิตที่ผมเข้าใจอะไรมากขึ้นที่แท้สิ่งที่ผมกระสับกระส่ายยามวิกาลมันคือตรงนี้นี่เอง ฉะนั้นต้องกำจัดจุดอ่อนเสีย ผมรีบกระโดดแผ่วเข้าห้อง จุดธูปสามดอก บูชาพระรัตนะตรัย ตั้งนะโมสามจบด้วยเสียงอันสั่นพร่า ปิดเปือกตาอันอยากรู้อยากเห็นลง กำหนดจิตลมหายใจเข้ารู้พุทธ ลมหายใจออกรู้โธ

    ผ่านไปห้านาทีวิกฤติของเจ้าโลกมันเริ่มสงบสติลงอ่อนซบกับต้นขา
    “ให้รู้ไปสิว่าไผ๋เป็นไผ๋” และ
    “ใครมันส่งหนังสือโป๊มาให้kooว๊า”

    จิตผมเริ่มฟุ้งความคิดคล้ายระลอกคลื่นของทะเลนับวินาทีถั่งโถมกันเข้ามา……เข้ามา…..
    ผมเห็นเธอแล้วสาวชาวอาทิตย์อุทัย เธอลุกขึ้นมาจากหนังสือต้องสาปเล่มนั้นมันเหมือนนางโนราห์ในผ้าอบของผู้ชายโง่คนหนึ่ง ร่างของเธอเปลือยเปล่าและปราศจากตำหนิหรือใฝสักเม็ดก็ไม่มี เอวบิดกิ่ว สะโพกผายยวนใจ ผมมองเธอตั้งแต่ปลายเท้าอันน่าสัมผัสนั่นไล่เลียสายตาอันบ่มธรรมอยู่นานปีขึ้นมาทีละน้อย ผ่านเรียวน่องเลยขึ้นเหนือหัวเข่าผ่องด้วยนวลเนื้อนางและสายตาผมก็หยุดกึกอยู่ที่จุดยุทธศาสตร์สมรภูมิรบของเธอ

    ผมมองผ่านเครื่องกีดขวางนั่นด้วยดวงตาค้นหาและอยากรู้อยากเห็นอะไรหนอซ่อนอยู่ในนั้น มหาสมบัติชิ้นนี้นะหรือที่สยบชายทั้งโลกหล้าไว้กับอุ้มเท้า ผมเพ่งมองเนื้อที่อันจำกัดนี้อยู่พักใหญ่ก่อนลากสายตาผ่านสะดือ เอวพริ้ว จนถึงเนินอกอันงอนงาม ยามเธอก้าวเดินไกวสะท้านไหวระริก มองขึ้นมาถึงลำคออันระหงส์ ผ่านมาถึงริมฝีปากอันเปียกชื่นเผยอเย้าชวนประทับจูบนั่นลงไป ดวงตาของเธอเชิญชวนอยู่ในทีโดยไม่ต้องกล่าววาจาใดสักคำ ผมก็รู้ว่าเธอต้องการอะไรเพราะดวงตาของเธออ้อนวอนและชวนให้น่าสงสารกระไรปานนั้น

    ยิ่งผมสีดำขลับของเธอสลายพริ้วสลวยสลางขลับเน้นให้เธองามสะคราญโฉม กลิ่นหอมของผิวซากุระของเธอลอยมาปะทะจมูกช่างสงสัยของผม ราวเป็นการจงใจของสายลม เธอข้ามน้ำข้ามประเทศมาเพื่อยั่วยวนผมกระนั้นหรือ หรือว่านี่คือภารกิจของมารที่หาสาวงามจากต่างแดนมาสยบผมให้อยู่ในอุ้งหัตถ์แห่งพญามาร ผมหายใจเข้า

    เธอแตะมืออันอ่อนนุ่มลงบนต้นคอของผมแขนที่ไร้กระดูกของเธอเบียดและบด มืออันซุกซนแทรกผ่านเสื้ออันเหม็นบรมของผมลงไปเธอคลึงเธอเคล้า รู้สึกเธอไม่สนใจกลิ่นแร้งของผมแม้แต่น้อยหมาที่เน่าแต่ยังไม่ตายเช่นผมพญามารก็ไม่เว้นให้ตายสิ……

    .ผมซาบและซ่านขนลุกซู่ เธอจะกินหูของผมแล้วหรือไร มือของเธอผ่านเข้าไปล่วงล้ำอาณาจักรส่วนตัวของผมทีละน้อย เข้าสู่เขตปรมาจารย์ที่ซึ่งน้องชายของผมบำเพ็ญพรต ผมต่างหากที่กลัวแต่เจ้านั่นมันสู้ไม่ถอยไม่รู้หรือไรหลังสงครามสงบคือความสูญเสีย ผมสั่งให้มันถอยแต่มันกับประกาศกล้าว่าจะสู้ตาย ให้ตายเถอะไอ้น้องทรยศเอ็งไม่ตายดีแน่ โอ้…………

    ผมกำลังแย่และยอดไปพร้อมๆกัน ฝ่ายธรรมต่อต้านอย่างแข็งขันด้วยการเสนอหลักธรรม โทษของกามคุณ การเวียนว่ายตายเกิดที่ไม่สิ้นสุดชี้แจงให้ผมเห็นอย่างชัดเจนและบอกว่านี่คือนรกจุดหมายของผู้ฝ่าฝืน แต่น่าเสียดายที่ว่าสมองของผมพร่าเลือนและเบลอพอสมควรต่อคุณงามความดี ส่วนอธรรมผมเปิดโอกาสให้มันแถลงนโยบายของมันเต็มที่มันดีตรงที่ว่ามีการสาธิตวิธีการนี่หละ มันจึงสาธิตลีลาอันตระการตาต่อผมคลอเสียงเพลงหวานของอินเดีย สาวเจแปนผู้นี้ไม่เหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อยเธอรูดเสากระท่อมอย่างไม่กลัวเสี้ยนตำมือ บิดส่ายราวการเสพสมของงูพิษ ผมหายใจ เข้าไม่ -ออกอย่า… เธอก้าวขาเรียวค่อมร่างผมที่นอนทอดร่างไร้เรี่ยวแรง ขณะที่ฐานทัพจะเปิดศึกยิงกันแบบถล่มทลายอยู่นั่น………

    เสียงเรียกก็ดังขึ้นมันทำให้ผมสะดุ้งตื่นจากสมาธิจิตอันไม่เคยสัมผัสมาก่อน
    “มหาๆ อยู่บ้านไหมขอผักหน่อย” เป็นเสียงของป้าฟากสวนนี่เอง
    ผมดึงลมหายใจเข้าอกลึกๆกำหนดรู้การไหลผ่านของสายลมในร่าง ลืมตาขึ้นช้าๆ ก้มกราบพระด้วยหัวใจซึมซาบธรรม…….

    ก้าวยาวๆออกมาพ้นกระท่อมยืนประจันหน้ากับป้าพร้อมข่มเสียงอันสั่นพร่าบอกป้าไปว่า

    “วันนี้ผักห้ามเก็บ อย่า!!!!เด็ดขาดนะป้า”

    จากคุณ : เดอะแหลม - [ 1 ก.ค. 47 01:39:53 A:192.168.68.106 X:203.113.86.116 ]