CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    Thrilling ADVENTURE STORIES Book II

    กับดัก ***** TRAPPED IN HAZELL’S WOOD   By Roald Dahl

    แดนนี่ชอบมาช่วยพ่อของเขาทำงานในโรงรถ      เย็นวันหนึ่งหลังจากทำความสะอาดรถเก่าเบบี้ออสตินแล้ว          พ่อของแดนนี่ออกไปลักลอบจับสัตว์ในป่าเฮเซล         แดนนี่รอการกลับของพ่อด้วยความกังวลใจ ....................................................................


    ภายในรถบ้านผมยืนบนเก้าอี้จุดตะเกียงน้ำมันที่เพดาน           ผมมีการบ้านสุดสัปดาห์และตอนนี้เป็นเวลาดีที่จะทำมันเสียที           ผมวางหนังสือลงบนโต๊ะแล้วนั่งลง         แต่ผมก็ไม่มีสมาธิที่จะทำ

    นาฬิกาบอกเวลาหนึ่งทุ่มครึ่ง       เป็นช่วงเวลาย่ำสนธยา        ตอนนี้พ่อคงอยู่ที่ป่าแล้ว         ผมวาดภาพของพ่อสวมเสื้อเสว็ตเตอร์สีน้ำเงินตัวเก่าพร้อมหมวกแก็ปเดินย่องอย่างเงียบกริบไปตามทางในป่า        พ่อบอกว่าสีดำน่ะดีกว่า       แต่พ่อไม่มีเสื้อสีดำ       สีน้ำเงินจึงเป็นตัวเลือกที่ดีถัดมา         หมวกแก็ปก็สำคัญมากด้วยพ่ออธิบาย         เพราะว่ากระบังหมวกจะทำให้เกิดเงามืดบนใบหน้า          ตอนนี้พ่อคงกระดิบตัวลอดรั้วเข้าไปในป่าแล้ว           ภายในป่าผมเห็นภาพของพ่อเดินก้าวเท้าอย่างระมัดระวังไปบนพื้นที่รกไปด้วยใบไม้          หยุดเป็นระยะเงี่ยหูฟังแล้วเดินต่อไป          และตลอดเวลาจะมองหาคนเฝ้าสัตว์        ซึ่งพวกนี้มักจะชอบยืนนิ่งเหมือนท่อนเสาแอบอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่พร้อมกับปืนในมือ          พวกคนเฝ้าสัตว์มักจะไม่เคลื่อนไหวเมื่อพวกเขาอยู่ในป่าคอยระวังพวกลักลอบจับสัตว์พ่อผมเคยบอก           พวกเขาจะยืนนิ่งเอาตัวพิงกับต้นไม้และมันไม่ง่ายที่จะมองหาคนที่ไม่เคลื่อนไหวยืนอยู่ในท่านั้นในเวลาโพล้เพล้เมื่อเงามืดมิดเหมือนกับปากของสุนัขจิ้งจอก

    ผมปิดหนังสือไม่มีประโยชน์ที่จะฝืนทำการบ้าน          ผมตัดสินใจที่จะไปนอนดีกว่า         ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนแล้วปีนขึ้นไปยังชั้นนอน         ไม่ช้าผมก็นอนหลับไป

    เมื่อผมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง         ตะเกียงน้ำมันยังลุกโชนอยู่และนาฬิกาบนผนังบอกเวลาตีสองสิบนาที

    ตีสองสิบนาที !

    ผมกระโจนออกมาจากชั้นนอนและมองไปยังชั้นนอนที่อยู่เหนือของผมขึ้นไป        มันว่างเปล่า

    พ่อสัญญาว่าจะกลับมาตอนสี่ทุ่มครึ่งเป็นอย่างช้า         และพ่อไม่เคยผิดสัญญา

    พ่อเลยเวลากลับมาเกือบสี่ชั่วโมงแล้ว !

    ชั่วขณะนั้นความรู้สึกหวาดกลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายโถมทับเข้ามาท่วมท้นตัวผม          บางทีครั้งนี้คงเกิดเหตุร้ายขึ้นกับพ่อ          ผมค่อนข้างแน่ใจ

    เดี๋ยวก่อนผมบอกกับตัวเอง         อย่าตื่นตระหนก         อาทิตย์ที่แล้วนายก็ตื่นตระหนกแล้วทำเรื่องโง่ ๆ ออกไป

    แต่ว่าอาทิตย์ที่แล้วมันคนละเรื่องกัน         อาทิตย์ที่แล้วพ่อไม่ได้ให้สัญญากับผม         ครั้งนี้พ่อพูดว่า    “พ่อให้สัญญาว่าจะกลับตอนสี่ทุ่มครึ่ง”       นี่เป็นคำสัญญาจากพ่อ        และพ่อไม่เคยเลยสักครั้งเดียวที่จะผิดสัญญา

    ผมดูนาฬิกาอีกครั้ง       พ่ออกไปจากรถบ้านตอนหกโมงเย็น         หมายความว่าพ่อจากไปเกินกว่าแปดชั่วโมงแล้ว !    

    ผมใช้เวลาสองวินาทีตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรดี

    อย่างรวดเร็วผมถอดชุดนอนออกแล้วสวมเสื้อเชิ๊ตกับกางยีนส์          บางทีพวกคนเฝ้าสัตว์อาจยิงพ่อบาดเจ็บจนเดินไม่ได้         ผมสวมเสื้อเสว็ตเตอร์ลงไปทางหัว     มันไม่ใช่สีน้ำเงินหรือว่าสีดำ        มันเป็นสีน้ำตาลซีดมันคงใช้ได้แหละน่ะ         บางทีพ่ออาจนอนอยู่ในป่าเลือดไหลรอความตาย          รองเท้าผ้าใบของผมก็ผิดสีอีกนั่นแหละ           มันสีขาวแต่ว่าสกปรกเสียจนกลบความขาวของมันไปหมดแล้ว          นานเท่าไหร่ผมจึงจะไปถึงป่า ?      ชั่วโมงครึ่ง       คงใช้เวลาน้อยลงถ้าผมวิ่งไปตลอดทางแต่มันก็ยังเร็วไม่พอ          ขณะที่ผมก้มตัวลงผูกเชือกรองเท้าผมเห็นว่ามือของผมกำลังสั่น           และท้องของผมก็ปั่นป่วนอย่างน่ากลัวราวกับว่ามีเข็มเล่มเล็ก ๆ มากมายทิ่มแทงอยู่

    ผมวิ่งลงบันไดของรถบ้านตัดตรงไปยังโรงรถเพื่อเอาไฟฉาย         ไฟฉายเป็นเพื่อนที่ดีเมื่อต้องอยู่คนเดียวในความมืดและผมต้องการเอามันไปด้วย          ผมคว้าไฟฉายแล้วออกมาจากโรงรถ        ผมหยุดอยู่ชั่วครู่ตรงข้างปั๊ม           ดวงจันทร์ลับฟ้าไปนานแล้ว         ท้องฟ้าปลอดโปร่งเหนือหัวผมดวงดาวมากมายส่องแสงระยิบระยับ         ไม่มีลมพัดไม่มีสรรพสำเนียงใดเลย          ทางด้านขวาของผมไกลออกไปในความมืดของชนบทถนนโดดเดี่ยวทอดตัวไปสู่ป่ามหาภัย

    หกไมล์ครึ่ง

    ขอบคุณสวรรค์ผมรู้จักทางดี

    แต่ว่ามันจะเป็นการเดินที่เหน็ดเหนื่อยและยาวไกล          ผมจะต้องเดินอย่างสม่ำเสมอไม่วิ่งจนหมดแรงไปต่อไม่ไหวในหนึ่งไมล์แรก

    ถึงตรงนั้นความคิดห้าวหาญอย่างบ้าบิ่นก็เข้ามาสู่หัวของผม

    ทำไมผมไม่ขับรถเบบี้ออสตินไป ?     ผมรู้นี่นาว่าจะขับมันอย่างไร         พ่อให้ผมเลื่อนรถเสมอเวลาที่พวกเขาเอารถมาซ่อม          พ่อให้ผมขับพวกมันเข้าไปในโรงซ่อมและขับออกมาหลังจากนั้น          และบางครั้งผมขับพวกมันช้า ๆ ไปรอบปั๊มด้วยเกียร์หนึ่ง       ผมชอบใจที่ได้ทำอย่างนั้น         และผมจะไปถึงที่นั่นได้เร็วขึ้นถ้าผมไปโดยรถ       นี่เป็นเรื่องฉุกเฉิน       ถ้าพ่อได้รับบาดเจ็บและเสียเลือดมาก         ดังนั้นเวลาทุกนาทีมีค่า          ผมไม่เคยขับรถบนถนน         แต่ผมแน่ใจว่าจะไม่พบกับรถคันอื่นบนถนนในช่วงเวลานี้ตอนกลางคืน        ผมจะขับไปอย่างช้า ๆ และอยู่ชิดแนวรั้วเอาไว้ให้ถูกข้าง

    ผมกลับไปที่โรงรถแล้วเปิดสวิทช์ไฟ        ผมเปิดประตูสองบาน        ผมเข้าไปยังที่นั่งขับของรถเบบี้ออสติน     เปิดสวิทช์ไฟของระบบเครื่องยนต์ดึงปุ่มโช๊คออกมากดปุ่มติดเครื่องยนต์       เครื่องยนต์สำลักหนึ่งครั้งจากนั้นก็ติด

    จากคุณ : Sv - [ 1 ก.ค. 47 22:54:02 ]