ครึ่งแรกครับhttp://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2875336/W2875336.html
............................................................
หน้าตลาดโคเอลโฮเต็มไปด้วยผู้คนที่มาซื้อสินค้าและอาหาร ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผลผลิตทางการเกษตรของชาวพื้นเมือง หนูเดินแซงหญิงสาวคนหนึ่งที่หาบข้าวโพดฝักโตไว้เต็มกระจาด ซึ่งกระจาดนั้นวางอยู่บนหัวของเธอ ผู้หญิงที่นี่จะใช้กระจาดใบใหญ่ในการใส่ของต่างๆ เวลาไปไหนมาไหนค่ะ และจะวางไว้บนหัวโดยมีผ้าโพกผมหนุนอยู่ข้างใต้ คอของพวกเธอนั้นสามารถรับน้ำหนักได้มากมายเชียวนะคะ หญิงคนนั้นห้อยลูกชายตัวน้อยของเธอมาด้วย โดยใช้ผ้าผืนใหญ่พันตัวเด็กไว้แล้วผูกติดไว้ตรงช่วงเอวด้านหลัง เด็กชายตัวดำจ้องหนูตาแป๋ว หนูแวะโบกมือทักทายแล้วค่อยเดินต่อไป
บอนลิโร่ยืนรอหนูพร้อมๆ กับแหม่มสาวหน้าตาสะสวยในชุดสีเหลืองกระโปรงยาวเป็นสุ่ม ในมือถือร่มกันแดดที่ทำจากผ้าลินินลายสีขาวลูกไม้ ส่วนอีกข้างหนึ่งเธอถือตะกร้าใบย่อม ข้างในอัดแน่นไปด้วยผักผลไม้และขนมปัง หนูเดาว่าเธอคงพึ่งเสร็จจากการเดินเลือกซื้อของในตลาด หนูรู้จักเธอดี เธอเป็นคนผิวขาวเพียงคนเดียวที่หนูชอบและนับถือ
สวัสดีตอนบ่ายค่ะมิสแอนจี้ สบายดีไหมคะ หนูทักเธอเป็นภาษาอังกฤษ
สวัสดีตอนบ่ายเช่นกันจ๊ะ ฉันสบายดี หนูเอริต้าวันนี้เลิกงานเร็วจัง เธอยิ้มและตอบกลับมาด้วยภาษาเดียวกัน
แอนจี้ หรือ แอนเจลีน่า จอห์นสัน เป็นแหม่มชาวอังกฤษนิสัยดี เธอทำงานเป็นผู้ช่วยครูสอนศาสนา แต่เธอไม่ได้เป็นแม่ชีหรอกนะคะ ส่วนใหญ่แล้วงานประจำของเธอคือสอนภาษาอังกฤษเสียมากกว่า เธอเดินทางมากับพรรคพวกของเธอ พวกเขาเรียกตัวเองว่า คณะเยซูอิต คนกลุ่มนี้เดินทางมาเพื่อเผยแผ่ศาสนาคริสต์ในริโอ
แรกๆ ที่นี่ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจนักหรอกค่ะ เป็นการยากมากๆ ที่จะให้ผู้คนหันมาเปลี่ยนสิ่งที่ตนเองนับถือมานมนาน หนูเคยถามเธอว่าท้อไหมที่คนที่นี่ไม่ค่อยศรัทธาในพระเจ้า เธอตอบหนูว่า สมัยก่อนพระเยซูก็พบกับความยากลำบากเช่นนี้เช่นกันในการเผยแผ่ศาสนาของท่าน โดยเฉพาะในบ้านเกิดของท่านเองในเมืองนาซาเรธ ด้วยเพราะผู้คนที่นั่นเคยเห็นท่านมาตั้งแต่เด็กๆ จึงไม่เชื่อถือ และติดจะดูถูกท่านด้วยซ้ำไป แต่พระเยซูก็ได้กล่าวว่า
A prophet is respected everywhere except in his own family (Matthew : 14-57)
ศาสดาจะได้รับความนับถือในทุกแห่ง นอกจากที่บ้านเกิดและในครอบครัวของตนเอง
เมื่อนึกถึงคำเทศนานี้เธอและกลุ่มของเธอก็จะมีกำลังใจและไม่ย่นย่อต่ออุปสรรคทั้งปวง หนูฟังแล้วก็ชักเอนเอียงอยากจะหันมานับถือศาสนานี้จัง ถ้าไม่ติดที่พ่อกับแม่ละก็
พักนี้หนูเอริต้าไม่ค่อยแวะไปเรียนหนังสือเลยนะ แอนจี้กลับมาใช้ภาษาลาตินในการคุยกับหนู แหะๆ ก็หนูไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษเท่าไหร่หรอกค่ะ แค่พอกล่าวคำทักทายได้งูๆ ปลาๆ เท่านั้น
ก็ยัยนี่เอาแต่เที่ยวเล่นน่ะสิฮะคุณครู และก็ชอบแอบไปนอนเพ้อฝันอยู่บนเนินโน่น โอ๊ย!!
นี่แน่ะฟ้องดีนัก หนูมะเหงกใส่บอนลิโร่ไปเสียหนึ่งที เจ้าคนปากบอนคลำหัวปอยๆ
ไม่เอาน่าเอริต้า อย่าไปแกล้งเพื่อนสิ แอนจี้ปั้นหน้าดุใส่หนู แล้วก็ลูบหัวบอนลิโร่ ต่อจากนั้นเธอก็หันไปควานหาของในตะกร้า และก็ยื่นแอ๊ปเปิ้ลผลโตสีแดงสดให้คนละลูก
อะนี่ เอาไปทานกันนะทั้งสองคน
อุ๊ย! ขอบคุณค่ะแอนจี้
คุณครู!
ค่ะ! คุณครูแอนจี้ หนูกล่าวคำนำหน้าอย่างเสียมิได้ พลางกัดแอ๊ปเปิ้ลคำโต เปลือกกรอบๆ เนื้อฉ่ำน้ำรสหวานแผ่ซ่านไปทั่วลิ้น หนูเคี้ยวตุ้ยๆ ด้วยความอร่อย
แล้วเดี๋ยวพวกเธอจะไปไหนกันน่ะ อยู่ดีๆ แอนจี้ก็ถามขึ้นมา
ก็คงไปเดินเล่นที่เนินเขากันมั้งครับ บอนลิโร่บอก ในปากยังเต็มไปด้วยแอ๊ปเปิ้ลอยู่เลย ทุเรศจัง ไม่มีมารยาท แต่ว่าแอนจี้ถามทำไมนะ หรือว่าจะให้ไปเรียนต่อช่วงเย็น ว้า..ไม่เอานะ
ครูว่าช่วงนี้ตอนเย็นๆ ถ้าพวกเธอไม่มีธุระสำคัญอะไรก็ให้รีบกลับบ้านเลยจะดีกว่านะ
หนูกลืนแอ๊ปเปิ้ลลงคอ แล้วค่อยถามเธอ ทำไมต้องรีบกลับคะแอน..เอ๊ย! ครูแอนจี้
เอ่อ.. พวกเธอก็คงพอจะรู้นะ ว่าตอนนี้เรากำลังจะมีสงครามกัน ครูแหม่มเริ่มมีสีหน้าเครียด
ทราบครับ บอนลิโร่ตอบเสียงฉะฉาน นายคนนี้เค้าลูกศิษย์คนโปรดของแอนจี้ค่ะ ขนาดพึ่งเข้าเรียนได้ไม่กี่ครั้งเอง ก็แหม รู้ใจแอนจี้ไปซะทุกอย่าง เอาใจก็เก่ง ตอนนี้อดีตศิษย์คนโปรดอย่างหนูก็เลยตกกระป๋องไปเลย
อีกไม่นานสงครามก็จะเริ่มต้นแล้ว แม้ว่าการสู้รบคงจะกระจุกอยู่ที่ป้อมบนเกาะกัวนาบาร่ากลางอ่าว แต่แถบท่าเรือก็ค่อนข้างเสี่ยงเหมือนกัน มันอาจจะกลายเป็นพื้นที่สู้รบขึ้นมาก็ได้ ครูอยากให้พวกเธอรับปาก ถ้าไม่มีธุระสำคัญจริงๆ ก็อย่าไปบริเวณท่าเรือ ช่วงกลางคืนก็อย่าออกมาเดินเพ่นพ่าน โดยเฉพาะเธอนะเอริต้า ครูขอเตือนด้วยความหวังดี
ครับ บอนลิโร่รับปาก แต่หนูโอดครวญ
โธ่ครูคะ! ก็หนูต้องทำงานที่ท่าเรือนี่ แล้วจะให้หนูทำไง และอีกอย่างทำไมครูต้องคอยเพ่งเล็งแต่หนูล่ะคะ
ก็ไม่ทำไมละ ครูเห็นหนูคอยเป็นหัวโจกนำเพื่อนๆ ซนเป็นประจำนี่นา ส่วนงานของหนูครูขอให้งดไปก่อน ไว้การสู้รบกับพวกสเปนสงบลงเสียก่อนค่อยกลับไปทำ
หา..! คุณครูบอกว่าสู้กับสเปนเหรอครับ ผมนึกว่าโปรตุเกสจะรบกับฝรั่งเศสเสียอีก บอนลิโร่ทำตาโตด้วยความสนใจขึ้นมาทันทีทันใด
หือ พวกเธอไปฟังข่าวมาจากไหนจ๊ะ ตอนนี้โปรตุเกสกับฝรั่งเศสทำสนธิสัญญาเป็นพันธมิตรกันแล้ว และจะร่วมมือกันสู้รบกับสเปน
อ้าว ไหงงั้นล่ะคะ พวกคนขาวนี่พิลึกจังนะ อุ๊ย! หนูไม่ได้หมายถึงครูนะคะ
แอนจี้ไม่ได้ว่าอะไร เธอบอกว่า มนุษย์เราก็แบบนี้แหละจ๊ะ ไม่ว่าจะเป็นชนชาติไหน ผิวสีอะไร ขอให้มีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยว จากศัตรูก็อาจจะกลายมาเป็นมิตรได้ เอาละจ๊ะ ยังไงก็ทำตามที่ครูบอกก็แล้วกัน ครูต้องไปแล้ว ส่วนเรื่องเรียนนั้นเดี๋ยวไว้ครูจะแจ้งสถานที่เรียนให้ทีหลังนะ ตอนนี้ครูยุ่งๆ อยู่ ยังไม่มีเวลาสอนเลย แล้วแอนจี้ก็พูดเป็นภาษาอังกฤษปิดท้าย ลาก่อนจ๊ะเด็กๆ ไว้พบกันคราวหน้านะ
ลาก่อนครับคุณครู แล้วค่อยเจอกันฮะ บอนลิโร่พูดภาษาอังกฤษคล่องปรื๋อจนหนูอิจฉา
ลาก่อนคะ พอหนูกล่าวจบ แอนจี้ตรงเข้ามากอดและหอมแก้มพวกหนูคนละที แล้วก็หันเดินจากไป หนูเหม่อมองดูด้านหลังของเธอจนลับหายไปกับฝูงชน หนูรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ค่ะ ราวกับว่าหนูจะไม่ได้พบเธออีกแล้ว มันโหวงๆ ในอกพิกล แต่หนูคิดว่าหนูคงฟุ้งซ่านไปเองตามประสานั่นแหละ
คืนนี้หนูเข้านอนแต่หัวค่ำเพราะว่าไม่มีอะไรให้ทำ เมื่อตอนเย็นก็ต้องยกเลิกแผนที่วางไว้ไปแล้ว ทำไมหรือคะ ก็เพราะบอนลิโร่นะสิคะทำตัวเป็นเด็กดีของแอนจี้อีกแล้ว เขาบอกหนูหลังจากแอนจี้ไปได้ซักพักว่าให้ต่างคนต่างรีบกลับบ้านดีกว่า ฮึ! เขาคงกลัวว่าคุณครูแอนจี้สุดที่รักจะรู้ว่าเขาไม่เชื่อฟัง ไม่เป็นเด็กดีของครูละสิ! ว่าแล้วเขาก็วิ่งตื๋อกลับบ้านไปเลย เอ..แต่คิดไปคิดมาแล้ว หนูยังไม่รู้จักบ้านนายนี่เลยแฮะ อยู่กับใคร อยู่กันกี่คนก็ไม่รู้ ทำไมถึงไม่เคยถามซักทีนะ ทั้งๆ ที่ก่อนเจอหน้าเขาแต่ละครั้งก็ตั้งใจจะถามหละ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็ลืมทุกที ไว้พรุ่งนี้เจอหน้ากันต้องลองถามดูใหม่ แล้วจะตามไปเที่ยวที่บ้านเขาให้ได้เชียว
แต่ปรากฏว่าไม่ต้องรอถึงพรุ่งนี้หรอกค่ะ เพราะว่ากลางดึกของคืนนั้นเอง ขณะที่หนูกำลังนอนหลับสบายๆ หนูก็ต้องมาสะดุ้งตื่นเพราะมีเสียงก๊อกๆ แก๊กๆ ที่หน้าต่าง หนูนอนเงี่ยหูฟังอีกที อาจจะเป็นเสียงกิ่งไม้ไหวโดนหน้าต่างก็ได้
แป๊ก! เงียบ
แป๊ก!!
หนูลุกพรวดไปเปิดหน้าต่างและชะโงกหน้าออกไปดูทันใด แล้วหนูก็เห็นกรวดก้อนเล็กๆ บินมาโดนหน้าผากหนูพอดี โอ๊ย!!
อุ๊ยโทษทีๆ!! เสียงเด็กชายคนหนึ่งร้องขึ้น หนูหน้ามุ่ยคลำหน้าฝากปอย และก็เพ่งมองไปในความมืด
บอนลิโร่!! ทำอะไรของเธอน่ะ นี่มันดึกแล้วนะ ถ้าพ่อกับแม่ฉันมาเห็นเข้าจะทำยังไง แล้วนี่เคาะหน้าต่างเอาก็ได้ ไม่ต้องเอาหินมาปาหรอก เจ็บชะมัดเลย ว่าแต่ดึกดื่นป่านนี้แล้วมีเรื่องอะไร
แหะๆ คือฉันกลัวว่าเสียงมันจะดังไปน่ะ ก็เลยหาก้อนกรวดเล็กๆ ปาแทน ว่าแต่เธอหลับลงได้ยังไงกันนะ ทั้งๆ ที่ข้างนอกมีเรื่องหน้าตื่นเต้นขนาดนั้นแท้ๆ
เรื่องหน้าตื่นเต้น หนูอ้าปากหาว พลางแคะขี้ตา เรื่องอะไรอีกล่ะ
โธ่.. นี่เธอไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยหรือไงแม่ขี้เซา!!
หนูขมวดคิ้ว แล้วก็ลองเงี่ยหูฟังตามบอนลิโร่ ท่ามกลางความเงียบในยามค่ำคืน และแล้วหนูก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังก้องมาตามสายลมจากที่ไกลๆ เหมือนเสียงฟ้าร้องคำราม แต่ไม่ยักจะใช่
หนูตาสว่างขึ้นมาทันที อะไรน่ะ!!
เธอออกมาดูด้วยตาตัวเองข้างนอกจะดีกว่า บอนลิโร่ชวน
ออกไปไม่ได้ ขืนพ่อกับแม่ตื่นมาเห็นละก็ ฉันโดนตีตายแน่!
เอาเหอะน่า ปีนหน้าต่างออกมาเลย พ่อกับแม่เธอไม่มีใครตื่นหรอก แต่ถึงเธอจะถูกตีมันก็คุ้มนะถ้าได้เห็น มันสุดยอดจะบรรยายเลยละ
เอาหละสิ พอฟังแล้วก็ชักน่าสนใจแฮะ จนหนูต้องควานหาตะเกียงมาจุด และก็ตามเพื่อนคู่หูออกไป แต่ให้ตายสิ!! หนูกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย! ว่าแต่มันช่างผิดปกติวิสัยของนายนี่จัง ที่มาชักชวนหนูย่องออกไปข้างนอกยามวิกาล ตามปกติแล้วบอนลิโร่เรียบร้อยติดจะขี้ขลาดเสียด้วย และเคร่งครัดต่อแอนจี้มาก นี่ถึงกับผิดสัญญาที่ให้ไว้กับครู มันต้องมีอะไรน่าสนใจแน่ๆ ที่ข้างนอกนั่น!!
จากคุณ :
ณัฐกร
- [
2 ก.ค. 47 21:14:28
]