CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    ~:+: Club Love คนรักหนึ่ง :+:~

    มันเป็นวันหนึ่งในวันที่ฟ้าสวย ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าใสจน มองเห็นดวงจันทร์เต็มดวงอยู่ลาง ๆ ริ้วขาวของเมฆฟาดเป็นแนว ๆ แต่งแต้มฟ้าให้ดูเป็นฟ้าที่น่ามอง  ถึงแม้ว่าเป็นเวลาบ่ายคล้อยเต็มที แต่ว่า แสงแดดที่เต้นรำระยิบระยับ รวมถึงเงาของใบไม้ที่เต้นไหวไปมาอยู่บนฟุตบาตด้านหน้าร้านกาแฟเล็ก ๆ นั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะจางลงสักเท่าใด

    หญิงสาวร่างเล็กบางในชุดเสื้อยืด กางเกงยีนส์สีซีด ๆ นั่งเท้าคางมองดูท้องฟ้าอยู่อย่างมิรู้เบื่อ จนกระทั่งมีใครคนหนึ่งทรุดตัวลงนั่งฟากตรงข้าม ดวงตาคู่สวยสีนิลจึงตวัดมามอง พร้อมรอยยิ้มสวยแต้มที่ปากแดงสด ผมซอยสั้นติดต้นคอรับกับใบหน้าใส

    “ขอโทษด้วยที่มาช้า” ชายหนุ่มที่เพิ่งทรุดตัวลงนั่งเอ่ยปากบอก ผมยาว ๆ ถูกเสยไปไว้ด้านหลังพอให้เห็นโครงหน้าที่หล่อเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน แว่นตากรอบบางสีฟ้าอ่อนถูกปลดออกจากหน้าหล่อเข้ม  จึงปรากฏสีของดวงตานั้นเป็นสีที่ไม่ใช่สีดำ หากแต่เป็นสีน้ำตาลอ่อนชวนมอง  เขาคว้ากาแฟที่เหลือตรงหน้าของหญิงสาวมาดื่ม

    “รถติดเหรอไง”  คำถามห้วนสั้นตามนิสัย พร้อม ๆ กับมองคนตรงหน้า

    “เปล่า มัวแต่ทะเลาะกับยามที่หมู่บ้าน” เจ้าตัวบอกสบายอารมณ์ เหมือนกับการทะเลาะกับใครสันคนเป็นเรื่องปกติเสียเหลือเกิน เธอปล่อยหัวเราะกิ๊กออกมาเมื่อนึกถึงภาพที่เขาทะเลาะกับยามที่เขาเล่า แล้วดวงตาสีอ่อนสวยจึงตวัดหันมามองแว่บเดียวแล้วก็ก้มหน้าก้มตาละเลียดกาแฟทีเหลือต่อ

    “ผมจะออกจากหมู่บ้านดัน ลืมเอาสติกเกอร์อันใหม่ของหมู่บ้านติดหน้ารถ เขาไม่ยอมให้ผมออกมา อัน คิดดูสิ หน้าผมเขาก็เห็นทุกวัน แค่ลืม เนี่ยะนะ เถียงกันอยู่ตั้งนานกว่าจนผมขู่ว่าถ้าไม่ให้ออกจะชนรั้วให้ดู” คิ้วเข้มขมวดมุ่นตอนเล่า โดยเธอไม่ต้องถามเสียด้วยซ้ำ

    “แค่นี้อ่ะนะ หนึ่ง” เธอทำหน้าทะเล้นถามเขา แต่เจ้าตัวไม่ขำด้วยพยักหน้ารับเป็นจริงเป็นจัง

    “ทำไมพักนี้ อารมณ์เสียง่ายจัง” เธอบ่นลอย ๆ ดวงตาสีอ่อนจึงหันมาสบตาดวงตาคู่สวยสีนิลก่อนจะตอบหนักแน่นว่า

    “เพราะรัก อันละมั๊ง” ทันทีที่ประโยคนี้หลุดจากปากคนฟังถึงกับอ้าปากค้าง ก็ใครจะไปคิดว่า ตาคนหน้าเข้ม ดวงตาสีอ่อนสวย จะประกาศรักเธอกลางร้านกาแฟ แถมยังแดดแจ๋ ๆ เสียด้วยซ้ำ ดวงหน้าใสจึงมีสีแดงเรื่อ ๆ แตะแต้มอยู่เต็มสีหน้า หากแต่คนพูดกับนั่งจิบกาแฟสบายอารมณ์เป็นที่สุด

    “อ้าวพูดจริง ๆ นะเนี่ยะ” เจ้าตัวยังบอกสีหน้าสบาย ๆ ดูเหมือนจะสบายอารมณ์เกินไปด้วยซ้ำ โดยไม่สนใจว่าสาวคนข้างหน้าจะเกิดอาการอย่างไร

    จริงอยู่ นายหนึ่งหรือนายหาญชนะที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอนี่ เธอรู้จักเขาได้เกือบสามปี แต่การคบกันนั้นขีดเส้นไว้แค่คำว่าเพื่อนซี้ เพื่อนสนิท เท่านั้น ไม่มีวันไหนเลยที่เขาจะแสดงปฏิกิริยาว่าอยากจะเกินเส้นเข้ามา เขาเป็นเขาอย่างนี้ตั้งแต่วันแรกที่เธอรู้จักจนวันนี้ แม้กระทั่งตอนนี้ที่เขาบอกรัก ก็เหมือนเขาชวนเธอไปกินไอติมธรรมดา  แต่วันนี้ท่าทางชายหนุ่มคนข้างหน้าจะ ดูว่ากินอะไรผิดสำแดงมา จนคำพูดนั้นทำให้เธอเอ๋อทำอะไรไม่ถูกไปเลย  จนนึกถึงวันแรกที่ได้รู้จักกัน

    อุสิชา สมัครเข้าเรียนการเขียนโปรแกรมในโครงการที่รัฐบาลจัดขึ้น และที่นั่นก็ทำให้เธอรู้จักกับ นายหนึ่ง หรือหาญชนะ ผู้ชายที่ดูดี ไปซะในทุก ๆ อย่าง เรียกว่า เลิศเลอเพอเฟ็คท (Perfect) และโดยเฉพาะในหมู่สาวน้อยสาวใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่อาจารย์สาว ๆ และนี่ก็เป็นหนึ่งในสามประเภทของผู้ชายที่เธอให้คำจำกัดความว่าถ้าเจอเป็นต้องหลีกหนีโดยไว เพราะเป็นประเภทที่หนึ่งในสามข้อ ที่น่าเบื่อเป็นที่สุด

    “ไอ้อัน ไม่เรียนอีกแล้วนะ” เสียงอาจารย์ประจำห้องเดินมาที่โต๊ะตัวที่เธอนั่งเมื่อไรก็ไม่รู้ แล้วหนังสือเล่มบาง ๆ ก็ถูกเคาะลงที่ศรีษะทันทีด้วย

    “เจ็บนะ ’จารย์ อ่ะ”เจ้าตัวคลำหัวป้อย ๆ

    “เรียนเสียบ้างสิ เล่นแต่ เวปบอร์ดอยู่นั่นแหละ ไหนดูสิทำอะไรอีก” อาจารย์หนุ่มที่อายุคงไม่เกินสามสิบชะโงกมาดูหน้าจอที่เธอเปิดค้างอยู่

    ….รับสมัครสมาชิกชมรม คนรัก หนึ่ง…. โดย 111

    “ไอ้อัน นี่ไปแอบหลงรัก ไอ้คุณหนึ่ง ห้องถัดไปเหรอ” อาจารย์ที่สนิทกับลูกศิษย์สาวตัวแสบพอสมควรแหกปากถาม และเธอก็เลยกลายเป็นจุดสนใจไปทีเดียวเพราะเพื่อนรวมห้องหันมามองเป็นตาเดียวกันเลย เธอเอานิ้วมาจุปากพร้อมบอกว่า

    “จารย์จะตะโกนทำไมล่ะ แล้วไอ้ห้องที่ว่ามันห้องไหน”

    “ก็ห้องตรงข้ามเราไง ไปแอบหลงรักมันเหรอไง” อาจารย์ยังเท้าสะเอวถามลูกศิษย์คนโปรด

    “เปล่า ไม่ใช่ ไอ้ห้องโน่นมีชื่อหนึ่งด้วยเหรอ ’จารย์” เธอทำหน้างง ๆ

    “ก็นายหาญชนะไง ไม่รู้จักเหรอ”

    “อ้าวนายนั่นชื่อหนึ่งด้วยเหรอ เวงกำแล้ว…” อุสิชาเอามือตบหน้าผากตัวเองดังป๊าบก่อนจะครวญ “ไม่ใช่ไอ้หมอนั่น ไอ้หมอนั่นเป็นหนึ่งในสามประเภทที่ต้องลี้โดยไวสำหรับ อันน่ะ” เธอบอก

    “แล้วใคร แล้วไอ้สามประเภทของเธอมันมีอะไรบ้างห๋า…”อาจารย์หนุ่มถ้าจะไม่ยอมจบเรื่องง่าย ๆ เพราะมันเกือบจะหมดเวลาเรียนอยู่แล้ว

    “คุณหนึ่งในเวปบอร์ดเนี่ยะ เค้าอยู่ห้อง 3 ด้านล่างโน่น  อันไปปิ๊งเขาตอนเรียน เลคเชอร์อ่ะ อาจารย์ก็เงียบ ๆ ไว้นะอย่าไปบอกใครล่ะ เดี๋ยวความแตกกันพอดี” เจ้าตัวกระซิบเสียงเบา แต่อาจารย์หนุ่มกลับหัวเราะเสียงลั่นประมาณว่าไม่กลัวว่าใครจะได้ยิน

    “เออ แล้วไอ้หนึ่งห้องโน่นล่ะ 3 ประเภท ประเภทไหน”

    “หล่อจัด เก๊กสุด กรี๊ดสนั่น” คนพูดทำท่าเหมือนท่องจำไว้ขึ้นใจทีเดียว

    “แล้วหมอนั่นอยู่ในประเภทไหน”

    “นายเลิศเลอแมนเหรอ ก็อยู่ในประเภทที่หนึ่ง หล่อจัด แล้วอีกสองประเภทก็ตามมาติด ๆ เลย  รวม ๆ กันแล้วก็ทุกข้อ เป็นบุคคลอันตรายสำหรับหญิงสาว” เธอเอามือลูบคางบอก ครุ่นคิดถึงนายเลิศเลอแมนที่เธอเจอทีไรก็ไม่พ้นกลุ่มสาว ๆ

    “แล้วชั้นล่ะ” อาจารย์หนุ่มถาม

    “ อาจารย์เหรอ….เอออ… สงสัยจะไม่ติอยู่สักประเภทอ่ะ แต่ก็น่าจะดีใจนะ ไม่งั้นอันก็คงเลิกเรียนไปแล้ว” แล้วเจ้าตัวก็หัวเราะร่า ภูมิใจ เลยโดนทุบไปอีกที แต่คนฟังดูจะไม่ภูมิใจอย่างที่นักเรียนสาวรู้สึก  แต่เสียงกริ่งหมดเวลาช่วยไว้พอดิบพอดี ไม่งั้นเธออาจจะโดนบ่นยาวฐานไปว่า อาจารย์คนสำคัญของห้องไม่หล่อ…

    …เฮ้ออออ… เวงกำไหมเนี่ยะ อีตาหาญชนะต้องนึกว่าเป็นตัวเองแน่ ๆ เลย ก็ใครจะไปรู้ว่าตานั่นดันชื่อเหมือน นายวุฒิกร หรือนายหนึ่ง ห้องสามที่เธอแอบปิ๊งอยู่เล่า… แต่ก็แปลกนะ ผู้ชายสองคน ชื่อเล่นเหมือนกันเปี๊ยบแต่ว่า ต่างกันตรงที่อีกคนหล่อเข้ม ประเภทที่ว่าสาวที่ไหนเห็นเป็นต้องกรี๊ด ส่งยิ้มเรียกคะแนนทีไรเป็นอันรู้กันว่าไม่ว่าสาวเล็กสาวใหญ่ ต่างไม่รอดหลุดเขาไปได้ ถ้าเขาต้องการ…

    ส่วนอีกคนหนึ่ง ถึงจะไม่หล่อสักเท่าไรแต่ก็เป็นผู้ชายในอุดมคติของเธอ ด้วยความที่เขาเป็นคนตั้งใจเรียน  ยิ้มเก่ง  คุยสนุก มันก็เลยสะดุดตาสะดุดใจเธอเข้าอย่างจัง ในครั้งแรกที่เธอเจอเขาที่สนามบาสกับเพื่อน และมันก็สำคัญตรงที่นายหนึ่งวุฒิกร เล่นบาสเก่ง และมันก็เป็นกีฬาโปรดของเธอด้วย

    เพราะฉะนั้นเป็นอันเดาได้ทันทีเลยว่าถ้าว่างจากเวลาเรียนเธอจะเจอนายวุฒิกร หรือ คุณหนึ่ง (ตามที่เธอแอบเรียก) ได้ที่ไหน ….

    “ไอ้อัน ส่งมา” เสียงเรียกของเพื่อนที่ยืนว่างอยู่ในตำแหน่งปีกซ้ายตะโกนก้อง อันหันไปก่อนจะส่งลูกบาสสีส้มกระดำกระด่างด้วยอายุให้พร้อม ๆ กับถลาตัวไปที่ตำแหน่งที่สามารถจะชู๊ตลูกลงแป้นได้ แต่ทว่ายังไม่ทันจะถึงตำแหน่งที่ว่าเธอก็มีอันต้องล้มกองลงไปกับพื้นเสียก่อน โดยกำแพงหนา ๆ ที่วิ่งมาขวางข้างหน้าตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ หากมือคู่ใหญ่คว้าเธอไว้ทันก่อนที่เธอจะถลาลงไปทั้งตัว

    “ไอ้นัฐ เอาอีกแล้ว นะหัดเอาตัวหนา ๆ เป็นกำแพงเมืองจีน ของนายไปอยู่ตรงอื่นบ้างได้มะเวลาพี่จะชู๊ตอ่ะ” เธอเท้าสะเอวตาวาว ๆ เอาเรื่องบอก พร้อมกับรู้สึกเจ็บ ๆ ที่จมูกเพราะชนกับกำแพงหนา ๆ ที่ชื่อนายนัฐ เข้าเต็มแรง

    “อ้าว อ้าว พี่อัน พี่วิ่งไม่ดูเองนะ ผมน่ะยืนอยู่ตั้งนานแล้ว”คนโดนชนเถียง แต่ยังไม่ทันจะได้เถียงอะไรอีกเสียง ๆ หนึ่งที่เธอคาดว่าเธอจำได้แน่นสนิทก็ดังขึ้น

    “ไอ้นัฐ เล่นด้วยคนดิ” อุสิชาหันไปตามเสียง แล้วก็ต้องแอบกรี๊ดอยู่ภายในใจ …คุณหนึ่ง….

    “อ้าวไอ้หนึ่ง วันนี้ไม่เรียนเหรอ”

    “ชั่วโมง Reserve อ่ะ คนเยอะเดี๋ยวไปตามจดเอา” เจ้าตัวทิ้งเป้ไว้ข้างสนามอย่างไม่สนใจ “เล่นกันแค่สามสองเองเหรอ”

    “เออ ทางสาว ๆ เค้าสามคน พอดี ข้ามากันสองเลยเล่นก่อนเลย” นายนัฐที่ตัวสูงใหญ่หนาเป็นกำแพง แต่อายุน้อยกว่าเธอกับสาว ๆ อีกสองคนในทีมบอกเพื่อนหนุ่ม

    “เออ งั้นเล่นด้วย” คนมาใหม่ยื่นข้อเสนอ

    “พี่อัน พี่ขวัญ พี่ฟาง นี่นายหนึ่งเพื่อนผม ให้มันเล่นด้วยนะ” เจ้านัฐจัดการเสร็จสรรพ เป็นอันว่า นายหนึ่งกลายเป็นสมาชิกของทีมไปโดยปริยายตั้งแต่วันนั้น และก็เพิ่มความสนิทกันรวดเร็วโดยมี กีฬาบาสเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์

    “เฮ้ย ไอ้หนึ่ง เอ็งเห็นในเวปบอร์ดเปล่าวะ มีคนตั้งสมาคมคนรักหนึ่งให้เอ็งด้วย” นายนัฐที่นั่งกินน้ำอยู่ข้างสนามหันมาถามเพื่อน พร้อมกับส่งขวดน้ำให้ คนรับ ๆ มาดื่มก่อนจะพยักหน้ารับ

    “เห็นแล้ว แต่คงไม่ใช่ เราหรอกคงเป็นนายหนึ่งห้องสิบห้านะสิ ขานั้นออกจะ    ป๊อบปูล่าจะตาย ใครจะมาตั้งสมาคมคนรักเราล่ะ เราไม่ได้ป๊อบขนาดนั้นเสียหน่อย” เจ้าตัวตอบ แต่หญิงสาวที่นั่งอยู่ถัดไป ก้มหน้าก้มตายิ้มกับลูกบาสสีส้มจนโดนทัก

    “ไอ้อัน ยิ้มอะไรกับลูกบาสวะ” พี่ฟางเป็นคนถามเลย กลายเป็นว่าเป็นคนดึงสติของหญิงสาวที่กำลังลอย ๆ ให้กลับมาอยู่ตรงสนามบาสได้ทันที

    “เปล่าพี่” เธอปฏิเสธ “เออ พี่ชั่วโมงต่อไป มีเรียน เลก ฯ  SQL ไม่ใช่เหรอ” เลกฯ ของเธอมาจากคำว่า เลคเช่อร์ ตามคำเรียกเต็ม ๆ

    “นั่นมันตารางแกไม่ใช่เหรอ ไอ้อัน นี่อีกห้านาทีได้เวลาแล้วนี่ ของพี่มันแล็ป ดาต้าเบส นะ” พี่ฟางบอก อันยกข้อมือดูเวลาก่อนจะโวยทันที

    “ตายแน่ ๆ ตายแล้ว อันลืม นะสิ อันนึกว่าเป็นชั่วโมง Report” แล้วเจ้าตัวก็เก็บบรรดาสัมภาระต่าง ๆ ยัดลงเป้โดยไว้ก่อนจะหันมาร่ำลาแบบรวดเร็ว

    “ไอ้คุณน้อง ไอ้คุณนัฐ คุณหนึ่ง พี่ฟาง พี่ขวัญ อันไปก่อนนะ เดี๋ยวเลิกเรียนเจอกัน” แล้วเจ้าตัวก็วิ่งปรู๊ดออกจากสนามทันทีไม่สนใจเสียงหัวเราะที่ไล่หลังไป

    “พี่อันตลกดีนะ” นายหนึ่ง วุฒิกร ยิ้มเอ่ยปากพูดลอย ๆ

    “เออ จะตลกว่านี้อีก ถ้าแกรู้จักพี่เค้ามากกว่านี้ ไอ้เรื่องเอ๋อ กะ ซุ่มซ่ามนี่ก็ที่หนึ่ง”  นายนัฐเริ่มนินทา เพื่อนรุ่นพี่ แต่ทว่าก็ต้องร้อง จ๊าก !! ทันทีที่จะเล่าต่อเพราะมีเล็บยาว ๆ ของพี่ฟางบิดเนื้อไว้เสียก่อน

    “นินทาแต่คนอื่น ตัวเองดีตายล่ะ เนี่ยะ ไอ้กางเกงเล่นบาสตัวนี้ พี่เห็นใส่ตั้งแต่สองวันก่อนไม่เห็นเปลี่ยนเลย มันตัวเดียวกันเปล่าฟ่ะ” แถมทำจมูกฟุตฟิตเสียอีกคนโดนถามหน้าแหย ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงักยอมรับ

    “เออให้มันสกมก ได้อย่างนี้สิมีที่ไหนเหงื่อก็เยอะ ใส่ซ้ำมิน่าได้กลิ่นตะหงิด ๆ ใครเอาไปเป็นลูกเป็นสามี ตายชัก….”พี่ฟางบ่น

    “อย่าว่าแต่กางเกงเลย เสื้อมันก็ด้วย” พี่ขวัญเสริมอีก

    “พี่ฟาง พี่ขวัญไม่รู้อะไร ไอ้นัฐ อาทิตย์หนึ่งกลับบ้านที ก็เอาไปซักที มันไม่นิยมซักผ้าที่หอครับ มันเลยใส่ซ้ำ ๆ กันอยู่อย่างนี้ กางเกงลิงด้วย คุณหนูนัฐเค้าซักผ้าไม่เป็น” คนประจานกลายเป็นนายหนึ่งวุฒิกรสมาชิกคนใหม่ ทำให้คนโดนประจานอายจนหน้าแดงไปถึงหู

    “ไอ้เพื่อนเวร ขายเพื่อนได้ไง” คนโดนประจานหันไปเล่นงานเพื่อนที่หัวเราะจนตัวงอ

    แก้ไขเมื่อ 03 ก.ค. 47 21:43:35

    จากคุณ : เปียร์รุส - [ 3 ก.ค. 47 20:55:12 ]