CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    สายใยรัก บทที่ 2.. >> แผนเผด็จศึก <<

    ..2.
    …แผนเผด็จศึก..


    [b]'ทอม แม็คกิลล์' (Tomus Mcgill)[/b] นายแบบหนุ่มสุดฮ็อทแห่งปีวัยย่างเข้า 27 เชื้อชาติอเมริกันแต่มีสัญชาติไทยเพราะเกิดและเติบโตที่นี่ บิดาชาวอเมริกันเป็นกงศุลใหญ่สหรัฐประจำประเทศไทย มารดาซึ่งเป็นอดีตนางแบบสาวชั้นแนวหน้าก็เป็นลูกครึ่งไทย-แคนาดา ทอมจึงดูเป็นฝรั่งแท้มากกว่าที่จะเป็นลูกครึ่ง

    ….ท่านทูตจอนห์ แม็คกิลล์ และภริยาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ทิ้งหนุ่มน้อยแม็คกิลล์ซึ่งเป็นทายาทเพียงคนเดียวไว้ ทอมไม่อาจใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่แต่เพียงลำพังได้ จำต้องจากบ้านแม็คกิลล์ในเมืองไทยไปอยู่กับย่าที่แคลิฟอร์เนีย และศึกษาต่อที่นั่นเป็นเวลานานกว่า 7 ปี

    ….ทอมเดินทางกลับมาเมืองไทยเมื่อ 3 ปีที่แล้วก็เข้าสู่วงการนายแบบเลย เพียงปีแรกก็ได้ตำแหน่งนายแบบแห่งปีมาครอง เป็นที่หลงใหลได้ปลื้มของสาวน้อยวัยรุ่นถึงสาวใหญ่ตระกูลไฮโซ ไม่เว้นแม้กระทั่งหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ในวงการเกย์ ฉายา 'เทพบุตรแห่งเวทีแคทวอล์ค' กับตำแหน่งท๊อปโมเดล 3 สมัยติดต่อกัน ส่งให้ทอม แม็คกิลล์ กำลังจะได้ก้าวขึ้นสู่เวทีนายแบบระดับโลก ซึ่งตำแหน่งสุดยอดนายแบบของโลก คือ ความฝันสูงสุดของทอมในขณะนี้

    ….ทอม แม็คกิลล์ เป็นนายแบบที่ฮอทที่สุดในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา เขาเป็นนายแบบอิสระที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับมากที่สุด ทอมปฏิเสธโมเดลลิ่งทุกค่ายไม่ยอมเข้าร่วมสังกัดกับค่ายใด รับและจัดคิวงานด้วยตัวเองอยู่เกือบปีจนได้มาพบปะกับจิมโดยบังเอิญ

    [b]‘เจมส์ การ์เซีย’ (James Menendes Garcia)[/b] หนุ่มเม็กซิกันวัย 35 ปี บิดาและมารดาเป็นชาวเม็กซิกัน แต่มารดามีเชื้อสายไทย - คิวบาอยู่ด้วย ใบหน้าคมเข้มตามเชื้อชาติและดูเป็นหนุ่มลูกครึ่งมากกว่าทอมทั้งๆ ที่มีเชื้อสายไทยแค่ 1 ใน 8

    จิมเป็นนายแบบรุ่นพี่ของทอมแต่งานเดินแบบเป็นแค่งานอดิเรก อาชีพหลักเป็นครูฝึกเทควันโด เขาจึงมีรูปร่างกำยำสมส่วนอย่างนักกีฬาและตัวใหญ่กว่าทอมมากทั้งๆ ที่สูงกว่าเพียงเล็กน้อย จิมได้รู้จักกับทอมในงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งท็อปโมเดลเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เขาพูดคุยถูกคอกับทอมและยังคบหากันในเวลาต่อมาจนพรรคพวกในวงการประหลาดใจ เนื่องจากทอมไม่เคยเปิดโอกาสให้ใครสนิทสนมด้วยเกินคนรู้จัก ทอมจึงไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทในวงการเดียวกัน จิมเห็นแววในตัวทอมและทึ่งในความหล่องดงามไม่มีที่ติ เชื่อว่านายแบบหนุ่มรุ่นน้องผู้นี้จะต้องประสบความสำเร็จตามที่วาดฝันไว้ แต่การไม่เข้าสังกัดโมเดลลิ่งค่ายใดและยังทำงานเพียงลำพังโดยไม่มีผู้ช่วยเช่นนี้ ทอมอาจไปไม่ถึงดวงดาวดังที่ฝัน จิมอยากช่วยจึงลองออกปากขอทำงานในตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวให้โดยไม่เกี่ยงค่าตอบแทน เขาเตรียมหาเหตุผลมากมายไว้กล่อมหากทอมปฏิเสธ แต่ทอมกลับตอบตกลงในทันทีอย่างคาดไม่ถึง

    ระยะหลังจิมเริ่มรู้ซึ้งถึงจิตใจตัวเองว่าอะไรคือความปรารถนาที่แท้จริงของเขา แต่ในฐานะที่เขาเป็นคนใกล้ชิดของทอม เขาไม่สามารถแสดงความรู้สึกที่แท้จริงได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า..เขาหลงรักทอมเข้าแล้วและรักมากขึ้นเรื่อยๆ

    จิมพยายามซ่อนและปิดบังความรู้สึกที่มีต่อทอมไว้ หญิงสาวที่ทอมคบหาและออกเดทด้วยมาจากการจัดหาของเขาเป็นส่วนใหญ่ จิมน้อมรับคำสั่งและความต้องการของทอมทุกเรื่อง เขามีความสุขที่ได้จัดการทุกอย่างให้ทอมโดยลุล่วง มีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวที่เขาต้องฝืนยิ้มและหัวเราะต่อหน้าทอมในขณะที่ภายในใจเหมือนมีหนามแหลมทิ่มแทงอยู่..

    บางครั้งทอมทำเหมือนล่วงรู้และเข้าใจความรู้สึกของจิม.. หลายครั้งที่อยู่ด้วยกันตามลำพัง จิมลองแหย่และกระเซ้าทอมด้วยการจูบเบาๆ ที่มือบ้าง หน้าผากบ้าง และแม้กระทั่งที่แก้มทอมก็ยินยอมด้วยดี ไม่ได้แสดงความไม่ชอบใจหรือเอ่ยต่อว่าใดๆ มันทำให้เขารู้สึกชุ่มฉ่ำหัวใจและหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง แต่ถึงทอมไม่ว่าจิมก็ไม่อาจหาญรุกคืบไปมากกว่านี้ เพราะไม่อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับทอมจบลง แค่ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดขนาดนี้ เขาก็เป็นที่อิจฉาตาร้อนของคนรอบข้างแล้ว


    + + + ส า ย ใย รั ก + + +


    จิมชะงักเท้าที่หน้าประตูยืนทำใจอยู่ชั่วครู่เหมือนเตรียมเข้าสู่สมรภูมิรบ เพราะทันทีที่ย่างก้าวเข้าไปในห้อง ระเบิดจะต้องลงตรงหน้าเขาแน่นอน ทางเดียวที่จะรอดคือ ต้องรีบหาทางถอดสลักให้ทันก่อนที่จะระเบิด

    ทอมครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่บนโซฟาร์ตัวโปรดด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ ร่างสูงเดินอ้อมไปด้านหลังโน้มตัวลงสวมกอดและจูบเบาๆ ที่แก้มก่อนจะกระซิบข้างหูบ๊อสหนุ่มของเขา

    "อรุณสวัสดิ์ ทอม.. เพิ่งจะ 2 โมงเช้าเองรีบตื่นทำไม บอกว่าจะปลุกตอนเที่ยงไง พักต่ออีกหน่อยดีกว่าวันนี้นายต้องเหนื่อยทั้งวันเลยนะ"

    "ทำไมไอ้เด็กบ้านั่นยังอยู่ในบ้าน" ทอมเอ่ยประโยคแรกด้วยน้ำเสียงปกติเหมือนแค่รู้สึกข้องใจธรรมดา แต่จิมรู้ดีว่าประโยคถัดไปจะไม่ใช่น้ำเสียงเดิมแล้ว

    "ทำไม.. จิม นายบอกว่าจะจัดการเด็กนั่นให้ แล้วทำไมยังปล่อยให้มันอยู่ในบ้านอีก"

    ทอมตะคอกใส่ด้วยอารมณ์โกรธ เขานอนหลับๆ ตื่นๆ ทั้งคืนเพราะกังวลกับเรื่องบ้าๆ ที่เกิดขึ้น เพิ่งจะหลับสนิทไปเมื่อตอนใกล้สว่าง แต่ก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเอะอะที่สนามหน้าบ้าน ลุกขึ้นไปดูจึงพบว่าเด็กชายที่เขาเกลียดขี้หน้าจับใจยังอยู่ในบ้าน หนำซ้ำทั้งจิมและเจ้าเอ็ดดี้ยังพยายามช่วยกันพาเด็กนั่นลงจากต้นไม้ด้วยท่าทีห่วงใย มันทำให้ทอมโกรธจนพูดไม่ออก

    "อย่าโมโหซีทอม ฟังฉันอธิบายก่อน"

    "ฉันไม่ฟัง ฉันไม่สนใจคำอธิบายของนายทั้งนั้น เรื่องง่ายๆ แค่นี้ก็จัดการให้ไม่ได้ นายยังเป็นผู้จัดการของฉันอยู่หรือเปล่า"

    "ไม่เอาน่ะ ทอม.. อย่าโมโหซี ฉันมีเหตุผลที่ต้องทำอย่างนั้น ฉันปล่อยให้เด็กออกไปจากบ้านตอนนี้ไม่ได้"

    "ทำไม.. นายก็รู้ว่าฉันเกลียดเด็กนั่น มันกำลังจะทำให้ชีวิตฉันพัง หรือว่านายเชื่อที่มันพูด จิม.. นายเชื่อมันใช่มั้ย นายเชื่อไอ้เด็กผีนั่นใช่มั้ย"

    ทอมเขย่าแขนร่างสูง อารมณ์โกรธที่ออกมาพร้อมกับความตื่นกลัวทำให้ จิม ตกใจจนต้องสวมกอดเทพบุตรของเขาไว้และรีบกล่าวปลอบ

    "ไม่นะทอม.. ไม่ใช่นะ ฉันจะเชื่อเด็กนั่นได้ยังไง ฉันเกลียดเจ้าหนูนั่นยิ่งกว่านายซะอีก ฉันไม่มีวันยอมให้ใครหน้าไหนมาทำลายชีวิตของนาย เชื่อฉันนะ ทอม ฉันไม่เคยทำให้นายผิดหวังแม้เพียงสักครั้งเลยไม่ใช่เหรอ หือ.."

    ทอมคลายอารมณ์โกรธลงก็ซุกหน้ากับอกกว้างร้องไห้เหมือนเด็กๆ
    "ฉันกลัวอ่ะ จิม.. ฉันไม่อยากเห็นหน้าเด็กนั่น ทำไมถึงไล่มันไปไม่ได้"

    จิมเงยหน้าทอมขึ้นเช็ดน้ำตาให้
    "อย่าร้องไห้ซี.. มีฉันอยู่ข้างๆ ยังจะกลัวอะไรอีก ฟังนะ ทอม.. เด็กนั่นเข้ามาหาเราในบ้านก็ดีแล้ว ถ้าไปหาหนังสือพิมพ์หรือสื่ออื่นๆ เราจะยิ่งเดือดร้อน"

    ดวงตาคู่สวยของเทพบุตรทอมเบิกโพลง เหตุการณ์ที่จิมหยิบยกขึ้น รุนแรงและเลวร้ายมากในความรู้สึกของเขา ทอมอ้าปากจะโวยก็ถูกมือใหญ่ปิดปากไว้

    "เราจะไม่ใล่เด็กนั่นออกไปจากบ้านในเวลานี้ ฉันมีแผนที่จะให้ไอ้หนูแม็กกี้ เป็นฝ่ายขอลาจากไปเอง โดยไม่มีโอกาสได้พิสูจน์ความจริงอะไรทั้งนั้น ฉันจะทำให้เด็กนั่นออกไปจากชีวิตของนายโดยไม่หวนกลับมาอีกเลย เชื่อฉันซีทอม.."

    จิมปล่อยมือจากปากเปลี่ยนเป็นบีบนวดที่ขมับและเสยผมทอมไปมา เขาทำเช่นนี้ทุกครั้งที่ทอมเริ่มเครียดและเหนื่อยจากงาน มันทำให้ทอมรู้สึกผ่อนคลายจนบางครั้งผล็อยหลับไปเลย

    สัมผัสที่ได้รับทำให้ทอมผ่อนคลายความรู้สึกลง นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาไม่ต้องการสนิทสนมกับใคร เขาเป็นคนเจ้าอารมณ์ เวลาโกรธมากๆ บางครั้งควบคุมตัวเองไม่ได้ จิมเป็นคนเดียวที่ไม่เคยตกใจกลัวหรือหนีห่างเขาเหมือนคนอื่นๆ แต่จะรีบเข้ามาสวมกอดและปลอบโยนจนเขารู้สึกดีขึ้น หลายครั้งที่เขารู้สึกตัวเมื่ออารมณ์สงบลงและพบว่าเขาทำจิมบาดเจ็บ เขาได้แต่บอกว่าเสียใจและขอโทษในขณะที่จิมก็เอาแต่พูดประโยคเดิมทีเล่นทีจริงทุกครั้งว่า [i]…. ไม่ต้องขอโทษครับบ๊อส.. ผมเป็นผู้จัดการของคุณ ถ้าจัดการให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจไม่ได้ ผมจะทำงานให้คุณได้ยังไง……[/i]

    “ขอโทษนะจิม ฉันงี่เง่ากับนายอีกแล้ว”

    “อย่าว่าตัวเองแบบนี้ซี.. ฉันไม่อยากเห็นนายโกรธ มันทำให้เครียดและเสียสุขภาพรู้มั้ย”

    “ฉันรักนาย จิม.. นายเป็นพี่ชายที่แสนดีของฉัน” คำพูดของทอมทำให้หัวใจของจิมพองโตและวูบลงในทันทีเช่นกัน

    “นายมีแผนจะจัดการเด็กนั่นยังไงหรือ จิม..”

    จิมฉุดทอมลุกขึ้นจากโซฟาร์และพาเดินมานั่งที่เตียง
    “ฉันมีแผนอยู่ในหัวแล้วทอม.. แต่ก่อนที่เราจะคุยกันเรื่องแผนการกำจัดเด็กนั่น นายต้องตอบคำถามฉันก่อน เพราะคำตอบของนายจะทำให้ฉันเลือกใช้แผนได้ถูก”

    “ถามอะไรเหรอ..”

    จิมรั้งทอมนอนลงบนตัก
    “หลังตอบคำถามของฉันแล้ว ฉันอยากให้นายหลับต่ออีกสัก 2 - 3 ชั่วโมง OK....”

    “แต่ฉันไม่ง่วง แล้วก็นอนไม่หลับหรอก”

    “แต่นายต้องนอน ทอม.. นายไปแคทวอล์ค 3 งานติดต่อกันโดยไม่นอนไม่ได้” จิมไม่พูดเปล่าเริ่มกล่อมอีกฝ่ายด้วยมือ ทอมเองอยู่ในสภาพที่อ่อนล้าทั้งใจและกาย สัมผัสที่ได้รับทำให้เขารู้สึกสบายและผ่อนคลายขึ้นในทันที

    “ตกลง.. นายจะถามอะไรล่ะ”

    จิมชั่งใจอยู่ชั่วครู่ และเตรียมพร้อมที่จะรับอารมณ์โกรธที่อาจจะเกิดขึ้นอีก

    “เรื่องที่เด็กเล่าเกี่ยวกับแม่ เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างนายกับเธอคืนนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”

    จากคุณ : WoRa_SiRi - [ 5 ก.ค. 47 18:00:11 A:203.150.202.226 X: ]