ค่อยๆ ละเลียดอ่านนะครับ ^________^
*********************************************************
พี่จ๋า เค้าอยากเป็นนกจังเลย
วันหนึ่งในฤดูดอกไม้บาน อากาศแสนจะอบอุ่น นกน้อยสยายปีกสีมรกตโผบินจากกิ่งไม้ไปสู่ท้องนภา ทำให้เด็กหญิงแก้มยุ้ยที่กำลังเฝ้าดูอยู่ใต้ร่มไม้ อดไม่ได้ต้องส่งเสียงเจื้อยแจ้วบอกเด็กชายอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้รับรู้ พี่ชายของเธอยิ้มละไม พลางโอบไหล่ตัวเด็กหญิงเข้ามาในอ้อมกอดด้วยความทะนุทนอมและรักยิ่ง พร้อมกับมองดูนกน้อยซึ่งบัดนี้บินสูงขึ้นไปไกลจนแทบสัมผัสกับกลีบเมฆ
ทำไมถึงอยากเป็นนกล่ะ ซาบิน่า เด็กชายถาม
ก็.. ก็เค้าอยากบินได้เหมือนนกนี่ อยากไปไหนก็ได้ที่อยากไป เค้าอยากแตะก้อนเมฆ เค้าอยากเห็นเมืองนี้ทั้งเมืองจากข้างบนนู้น!
ทรีโอมองตามนิ้วมือเรียวเล็กของซาบิน่าที่กำลังชี้ไปบนท้องนภา เด็กชายผมสีทรายหัวเราะขบขันกับความคิดของน้องสาว
ถ้าอยากเห็นเตโอติฮัวกานทั้งหมด เดี๋ยวพี่จ๋าจะพาขึ้นไปบนยอดพีระมิดก็ได้
เด็กหญิงส่ายหน้าจนเปียผมสีดำสนิททั้งสองข้างสะบัดไปมา
ไม่เอาๆ เค้ากลัวพีระมิดอ่ะพี่จ๋า แต่เค้าอยากเห็นจากที่สูงกว่านั้น เค้าอยากนอนบนก้อนเมฆแล้วมองลงมา พี่จ๋ารู้วิธีทำให้เค้ากลายเป็นนกมั้ย รู้มั้ยๆ ซาบิน่าเกาะแขนพี่ชายเซ้าซี้
ทรีโอเริ่มมีสีหน้ากระอักกระอ่วน เด็กชายมักถูกต้อนจนมุมกับความคิดพิลึกพิลั่นของซาบิน่าเป็นประจำ แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาสามารถหาคำตอบออกมาได้ ทรีโออมยิ้มแล้วก็บอกกับน้องสาวตัวน้อยว่า
พี่จ๋ามีวิธีหนึ่งหละ ไม่ยากด้วยนะ แต่ว่าต้องเป็นตอนกลางคืน ต้องให้พ่อกับแม่หลับซะก่อน
ซาบิน่าทำหน้ามุ่ย ก็อีกตั้งนานนี่พี่จ๋ากว่าจะมืด เค้าอยากเป็นนกตอนนี้เลย
ทรีโอแสร้งปั้นหน้าทำเสียงดุ พี่จ๋าบอกว่ากลางคืนก็กลางคืน ถ้าซาบิน่าไม่เชื่อฟังพี่จ๋า พี่จ๋าก็จะไม่มาเล่นด้วยแล้ว!
เด็กหญิงพอได้ยินก็รีบโผเข้ากอดพี่จ๋า น้ำเสียงเริ่มสะอึกสะอื้น ด้วยความกลัวว่าพี่จ๋าจะไม่ยอมเล่นกับเธอแล้วจริงๆ
ก็ได้ๆ เค้าจะเชื่อฟังพี่จ๋าทุกอย่าง เค้าจะรอตอนกลางคืนแล้วค่อยเป็นนกก็ได้ แต่พี่จ๋าต้องเล่นกับเค้าน้า เค้าเหงา เค้า.. เค้าไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว ฮือๆ
ซาบิน่าร้องไห้และไอโขลกๆ จนตัวโยน ทรีโอตกใจที่เขาพูดแรงไป จนน้องสาวที่ร่างกายอ่อนแอมาตลอดเริ่มแสดงอาการอีกแล้ว เสียงสั่นเครือของน้องสาวทำให้เขาอดสงสารไม่ได้ เด็กชายลูบหลังน้องสาวของเขาอย่างละมุนมือ แล้วพูดปลอบประโลมด้วยเสียงนุ่มนวลกว่าเดิม
ซาบิน่าๆ พี่จ๋าขอโทษ พี่จ๋าล้อเล่นน่ะ พี่จ๋าให้สัญญาว่าต่อไปจะเล่นกับซาบิน่าทุกวันๆ เลย
เด็กหญิงเมื่อได้ฟังก็เงยหน้ามองพี่ชายของเธอ ดวงหน้ายิ้มเปรอะไปด้วยน้ำตา เธอหยุดร้องแล้วแต่ยังคงไอต่อไปอีกเล็กน้อย
จริงๆ นะ! พี่จ๋าพูดจริงๆ นะ ต้องเล่นกับเค้าคนเดียวนะ พี่จ๋าอย่าไปเล่นกับพวกซาจิโอนะ
ทรีโอใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือปาดน้ำตาให้ออกไปจากวงแก้มใสของซาบิน่า ก่อนจะบรรจงหอมไปที่เรือนผมอย่างรักและเอ็นดู เด็กชายมองไปที่ดวงตากลมโต และรับปากกับน้องสาวคนเดียวของเขา
พี่จ๋าจะคอยอยู่ดูแลซาบิน่า จะไม่หนีไปไหน พี่จ๋าจะทำทุกอย่างให้ซาบิน่ามีความสุขตลอดไปนะ
ทรีโอกับซาบิน่าไม่ได้เป็นพี่น้องกันตามสายเลือด แต่พวกเขาก็รักใคร่ซึ่งกันและกันเสียยิ่งกว่าพี่น้องแท้ๆ คู่อื่นเสียอีก ทั้งสองเป็นชาวแอซเต็ค เป็นหนึ่งในพลเมืองที่เกิดและโตในเตโอติฮัวกาน เมืองแห่งพีระมิด ที่นี่มีพีระมิดมากมายตามตัวเมืองที่ทอดยาวจากเหนือจรดใต้ โดยมีพีระมิดแห่งดวงอาทิตย์เป็นจุดกึ่งกลางของเมือง ซึ่งเป็นพีระมิดแบบขั้นหกขั้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีถนนแห่งความตายทอดยาวจากพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของพีระมิด ผ่านพระราชวัง ผ่านโบสถ์แห่งวัฒนธรรม โบสถ์แห่งเทพนิยายของสัตว์ ตลาดของชาวเมือง ตลอดจนพีระมิดลูกเล็กๆ ที่ปราศจากวิหารบนยอด และผ่านไปยังพีระมิดแห่งดวงจันทร์ พีระมิดขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สอง ที่อยู่สุดปลายอีกด้านหนึ่งของถนน
เด็กทั้งสองคนอาศัยอยู่กับพ่อและแม่ในบ้านอันแสนอบอุ่น ไม่ใกล้ไม่ไกลจากถนนใหญ่รอบเมือง หนึ่งในห้าเส้นทางสำหรับติดต่อกับเมืองอื่น บ้านของพวกเขาก็เหมือนกับบ้านของชาวเมืองทั่วๆ ไป ที่เป็นอาคารชุด อาคารชุดหนึ่งๆ ของแอซเต็คจะผู้อยู่อาศัยประมาณสามครอบครัว สร้างด้วยหินติดต่อกันรวมเป็นชุดอยู่ในกำแพงเดียวกัน แล้วกั้นผนังด้วยดินและโคลนบางๆ ประตูเป็นผ้าม่านห้อยชายลงมา เป็นการแสดงถึงเขตของครอบครัวอยู่ในที เพดานถูกปูด้วยไม้และฉาบด้วยดินเป็นหลังคา
พ่อของทรีโอมีเพื่อนรักอยู่คนหนึ่ง อาศัยอยู่ด้วยกันในอาคารชุดหลังนี้ ซึ่งเขาก็คือพ่อของซาบิน่านั่นเอง พ่อของเธอเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว สาเหตุมาจากขณะที่พ่อของซาบิน่ากำลังทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าพีระมิดแห่งงูใหญ่ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งพื้นดิน เทพเจ้าแห่งสงคราม และเทพเจ้าแห่งน้ำอยู่นั้น ได้เกิดมีโจรเข้าไปปล้นทรัพย์สินมีค่าข้างใน พ่อของซาบิน่าต่อสู้ขัดขวางอย่างกล้าหาญ แต่สุดท้ายก็ถูกรุมแทงจนถึงแก่ชีวิตไป ส่วนแม่ของซาบิน่านั้น เธอตกเลือดตายเสียตั้งแต่คลอดซาบิน่าออกมา ทำให้ซาบิน่ากลายเป็นเด็กกำพร้า ด้วยความรักและสนิทสนมระหว่างสองครอบครัวนี้มาเนิ่นนาน พ่อกับแม่ของทรีโอจึงตัดสินใจรับซาบิน่ามาเป็นบุตรีบุญธรรม ตัวทรีโอเองก็ไม่ขัดข้อง เพราะเขาเองก็เห็นและเล่นหัวกับซาบิน่ามาตั้งแต่เกิด ประดุจดังพี่น้องคลานตามกันมา
ทรีโอ!! พาน้องเข้าบ้านได้แล้ว นั่งตากลมนานๆ มันไม่ดีนะ ซาบิน่ายิ่งไม่ค่อยสบายอยู่!
แม่ตะโกนบอกหลังจากวางมือจากงานถลกหนังกระต่าย เพื่อจะนำไปทำเป็นอาหารสำหรับคืนนี้เสร็จแล้ว
คร้าบแม่ หนูจะพาน้องเข้าบ้านเดี๋ยวนี้หละฮะ
พูดจบ ทรีโอก็ให้น้องสาวตัวน้อยของเขาขี่คอ แล้วพากันเดินตัดไร่ข้าวโพดแปลงเล็กๆ ที่พ่อและทรีโอช่วยกันปลูกขึ้นมา จนเมื่อเดินผ่านประตูผ้าม่านเข้าไปวางน้องลงบนเสื่อสาน เด็กชายก็ได้ยินเสียงแม่อยู่ที่หน้าปากประตู
ทำไมต้องเอาน้องออกไปเล่นข้างนอกด้วยห๊ะ แม่ละไม่อยากจะบ่นว่าหนูเลยนะ ซาบิน่าควรจะอยู่แต่ข้างในถึงจะถูก ไปนั่งตากแดดตากลมอยู่ได้ทั้งวัน หนูก็รู้นี่ว่าน้องร่างกายอ่อนแอ
ทรีโอยิ้มแหยๆ เมื่อโดนแม่ก่นว่า แต่น้องสาวที่นอนมองพี่ชายอยู่นั้นกลับรีบปกป้องแก้ตัวอย่างแข็งขัน
แม่จ๋าอย่าดุพี่จ๋าเลยค่ะ เค้าเป็นคนขอร้องให้พี่จ๋าพาออกไปเอง ก็เค้านอนอยู่เฉยๆ นิ่งๆ แล้วมันเบื่อ แต่ว่าเราแค่ออกไปนั่งอย่างเดียวค่ะ ไม่ได้เล่นซนอะไรเลย
ใช่ฮะใช่ หนูให้น้องอยู่เฉยๆ และก็อยู่แต่ในร่มด้วยฮะ ทรีโอรีบบอก พลางพยักหน้าหงึกหงัก
แม่หมั่นไส้เลยใช้ทัพพีไม้เคาะบนกะบาลลูกชายตัวดีเสียหนึ่งที แล้วก็ยื่นไม้ให้ทรีโอถือ นี่แน่ะ ไม่ต้องมาอ้างเลย เอ้า เอาไปคนซุปในหม้อให้แม่หน่อย เล่นมาทั้งวันแล้วนะ มาช่วยงานแม่ซะมั่ง
เด็กชายแลบลิ้นอย่างทะเล้น แล้วรีบกุลีกุจอลุกไปช่วยแม่ทำอาหาร ซาบิน่ายิ้มอย่างมีความสุข เมื่อมองดูภาพสองแม่ลูกช่วยกันเตรียมอาหารมื้อค่ำ รอคอยพ่อของพวกเขากลับมาบ้าน ซาบิน่าเหลือบไปมองรอยแผลเป็นตรงแขนทั้งสองข้างของทรีโอ ขณะที่เขากำลังคนซุบในหม้อดินเผา ทำให้เด็กหญิงนึกย้อนเหตุการณ์ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว หลังจากที่พ่อของเธอพึ่งตายจากเธอไปได้ไม่นาน ซาบิน่า ทรีโอ และพ่อกับแม่ของเขา ได้ไปไหว้สักการะและนำอาหารไปบูชาเทพบนพีระมิดแห่งงูใหญ่ ตอนที่พวกเขากำลังเดินลงมาจากพีระมิดตามขั้นบันไดอยู่นั้น ซาบิน่าตื่นเต้นมากที่ได้ออกมาเที่ยวหลังจากที่ต้องคอยอยู่แต่ในบ้านมานาน และก็ได้มีโอกาสเห็นเมืองทั้งเมืองจากเบื้องสูงอีกด้วย บันไดที่ค่อนข้างชันทำให้ซาบิน่าที่มัวแต่มองดูวิวข้างทางก้าวพลาด จึงกลิ้งหล่นลงมาสู่พื้นล่างอย่างน่าใจหาย แต่เดชะบุญที่ขณะนั้นทรีโอจูงมือน้องสาวอยู่พอดี เขากระชากซาบิน่าไว้ในอ้อมแขน แล้วใช้ลำตัวบังขณะที่กลิ้งไปตามขั้นบันไดหิน เมื่อทั้งสองไปนิ่งสงบอยู่บนพื้นดิน ซาบิน่าปลอดภัยดี มีเพียงรอยถลอกและรอยฟกช้ำเพียงเล็กน้อย ต่างจากทรีโอ.. ที่ลำแขน ข้อศอก และหัวเข่าแตกโชกเลือด เขาสลบไปทันทีที่ถึงพื้น แต่กระนั้น วงแขนของทรีโอยังคอยโอบอุ้มซาบิน่าไว้แน่น ราวกับว่าเด็กชายจะปกป้องน้องสาวตลอดเวลาแม้ชีวิตจะหาไม่แล้วก็ตาม
เหตุการณ์ในครานั้นยังคงฝากร่องรอยไว้เป็นรอยแผลเป็นจางๆ ให้ซาบิน่าเจ็บปวดใจเมื่อได้เห็น และเฝ้าโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุให้พี่ชายของเธอต้องเจอเรื่องอันตราย แต่ซาบิน่าเองก็อดปลื้มในใจลึกๆ ไม่ได้ ที่ทรีโอทั้งรักและเป็นห่วงเธอถึงเพียงนี้
จะมีทางไหนบ้างนะ ที่เค้าจะได้ตอบแทนบุญคุณของพี่จ๋า ไม่ว่าจะต้องแลกกับสิ่งใดก็ตาม แม้แต่ชีวิตของเค้าเอง ซาบิน่านึกในใจ พลางปิดปากไอแค่ก
ตลอดเย็นวันนั้นซาบิน่าไออยู่ตลอดเวลา และยิ่งอากาศเริ่มทวีความเย็นขึ้นตรงข้ามกับแสงแห่งความอบอุ่นได้ถอยฉากห่างไป ซาบิน่าก็ยิ่งไอถี่ขึ้นๆ จนน่าตกใจ แม้ว่าแม่จะให้ยาที่หมอประจำวิหารจัดไว้ให้หลายขนานแล้วก็ตาม อาการของเธอก็ยังไม่ดีขึ้นเลย จนกระทั่ง...
แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 47 23:27:52
แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 47 21:18:40
จากคุณ :
ณัฐกร
- [
8 ก.ค. 47 18:35:02
]