CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    รักเราฟ้ามิอาจกั้น ..[ครึ่งแรก]..

    ค่อยๆ ละเลียดอ่านนะครับ  ^________^

    *********************************************************

    “พี่จ๋า เค้าอยากเป็นนกจังเลย”

    วันหนึ่งในฤดูดอกไม้บาน   อากาศแสนจะอบอุ่น   นกน้อยสยายปีกสีมรกตโผบินจากกิ่งไม้ไปสู่ท้องนภา  ทำให้เด็กหญิงแก้มยุ้ยที่กำลังเฝ้าดูอยู่ใต้ร่มไม้   อดไม่ได้ต้องส่งเสียงเจื้อยแจ้วบอกเด็กชายอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้รับรู้    พี่ชายของเธอยิ้มละไม  พลางโอบไหล่ตัวเด็กหญิงเข้ามาในอ้อมกอดด้วยความทะนุทนอมและรักยิ่ง  พร้อมกับมองดูนกน้อยซึ่งบัดนี้บินสูงขึ้นไปไกลจนแทบสัมผัสกับกลีบเมฆ

    “ทำไมถึงอยากเป็นนกล่ะ  ซาบิน่า” เด็กชายถาม

    “ก็.. ก็เค้าอยากบินได้เหมือนนกนี่  อยากไปไหนก็ได้ที่อยากไป  เค้าอยากแตะก้อนเมฆ  เค้าอยากเห็นเมืองนี้ทั้งเมืองจากข้างบนนู้น!”

    ทรีโอมองตามนิ้วมือเรียวเล็กของซาบิน่าที่กำลังชี้ไปบนท้องนภา    เด็กชายผมสีทรายหัวเราะขบขันกับความคิดของน้องสาว

    “ถ้าอยากเห็นเตโอติฮัวกานทั้งหมด  เดี๋ยวพี่จ๋าจะพาขึ้นไปบนยอดพีระมิดก็ได้”

    เด็กหญิงส่ายหน้าจนเปียผมสีดำสนิททั้งสองข้างสะบัดไปมา  

    “ไม่เอาๆ เค้ากลัวพีระมิดอ่ะพี่จ๋า   แต่เค้าอยากเห็นจากที่สูงกว่านั้น   เค้าอยากนอนบนก้อนเมฆแล้วมองลงมา  พี่จ๋ารู้วิธีทำให้เค้ากลายเป็นนกมั้ย รู้มั้ยๆ” ซาบิน่าเกาะแขนพี่ชายเซ้าซี้

    ทรีโอเริ่มมีสีหน้ากระอักกระอ่วน  เด็กชายมักถูกต้อนจนมุมกับความคิดพิลึกพิลั่นของซาบิน่าเป็นประจำ   แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาสามารถหาคำตอบออกมาได้  ทรีโออมยิ้มแล้วก็บอกกับน้องสาวตัวน้อยว่า

    “พี่จ๋ามีวิธีหนึ่งหละ  ไม่ยากด้วยนะ  แต่ว่าต้องเป็นตอนกลางคืน  ต้องให้พ่อกับแม่หลับซะก่อน”

    ซาบิน่าทำหน้ามุ่ย “ก็อีกตั้งนานนี่พี่จ๋ากว่าจะมืด  เค้าอยากเป็นนกตอนนี้เลย”

    ทรีโอแสร้งปั้นหน้าทำเสียงดุ “พี่จ๋าบอกว่ากลางคืนก็กลางคืน  ถ้าซาบิน่าไม่เชื่อฟังพี่จ๋า  พี่จ๋าก็จะไม่มาเล่นด้วยแล้ว!”

    เด็กหญิงพอได้ยินก็รีบโผเข้ากอดพี่จ๋า  น้ำเสียงเริ่มสะอึกสะอื้น  ด้วยความกลัวว่าพี่จ๋าจะไม่ยอมเล่นกับเธอแล้วจริงๆ

    “ก็ได้ๆ เค้าจะเชื่อฟังพี่จ๋าทุกอย่าง  เค้าจะรอตอนกลางคืนแล้วค่อยเป็นนกก็ได้   แต่พี่จ๋าต้องเล่นกับเค้าน้า  เค้าเหงา  เค้า..  เค้าไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว  ฮือๆ”

    ซาบิน่าร้องไห้และไอโขลกๆ จนตัวโยน   ทรีโอตกใจที่เขาพูดแรงไป  จนน้องสาวที่ร่างกายอ่อนแอมาตลอดเริ่มแสดงอาการอีกแล้ว  เสียงสั่นเครือของน้องสาวทำให้เขาอดสงสารไม่ได้  เด็กชายลูบหลังน้องสาวของเขาอย่างละมุนมือ  แล้วพูดปลอบประโลมด้วยเสียงนุ่มนวลกว่าเดิม

    “ซาบิน่าๆ พี่จ๋าขอโทษ  พี่จ๋าล้อเล่นน่ะ  พี่จ๋าให้สัญญาว่าต่อไปจะเล่นกับซาบิน่าทุกวันๆ เลย“

    เด็กหญิงเมื่อได้ฟังก็เงยหน้ามองพี่ชายของเธอ  ดวงหน้ายิ้มเปรอะไปด้วยน้ำตา  เธอหยุดร้องแล้วแต่ยังคงไอต่อไปอีกเล็กน้อย    

    “จริงๆ นะ!  พี่จ๋าพูดจริงๆ นะ   ต้องเล่นกับเค้าคนเดียวนะ  พี่จ๋าอย่าไปเล่นกับพวกซาจิโอนะ”

    ทรีโอใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือปาดน้ำตาให้ออกไปจากวงแก้มใสของซาบิน่า ก่อนจะบรรจงหอมไปที่เรือนผมอย่างรักและเอ็นดู  เด็กชายมองไปที่ดวงตากลมโต  และรับปากกับน้องสาวคนเดียวของเขา

    “พี่จ๋าจะคอยอยู่ดูแลซาบิน่า  จะไม่หนีไปไหน  พี่จ๋าจะทำทุกอย่างให้ซาบิน่ามีความสุขตลอดไปนะ”

    ทรีโอกับซาบิน่าไม่ได้เป็นพี่น้องกันตามสายเลือด  แต่พวกเขาก็รักใคร่ซึ่งกันและกันเสียยิ่งกว่าพี่น้องแท้ๆ คู่อื่นเสียอีก      ทั้งสองเป็นชาวแอซเต็ค  เป็นหนึ่งในพลเมืองที่เกิดและโตในเตโอติฮัวกาน  เมืองแห่งพีระมิด   ที่นี่มีพีระมิดมากมายตามตัวเมืองที่ทอดยาวจากเหนือจรดใต้   โดยมีพีระมิดแห่งดวงอาทิตย์เป็นจุดกึ่งกลางของเมือง  ซึ่งเป็นพีระมิดแบบขั้นหกขั้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุด  มีถนนแห่งความตายทอดยาวจากพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของพีระมิด  ผ่านพระราชวัง  ผ่านโบสถ์แห่งวัฒนธรรม  โบสถ์แห่งเทพนิยายของสัตว์  ตลาดของชาวเมือง ตลอดจนพีระมิดลูกเล็กๆ ที่ปราศจากวิหารบนยอด  และผ่านไปยังพีระมิดแห่งดวงจันทร์  พีระมิดขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สอง  ที่อยู่สุดปลายอีกด้านหนึ่งของถนน

    เด็กทั้งสองคนอาศัยอยู่กับพ่อและแม่ในบ้านอันแสนอบอุ่น  ไม่ใกล้ไม่ไกลจากถนนใหญ่รอบเมือง  หนึ่งในห้าเส้นทางสำหรับติดต่อกับเมืองอื่น  บ้านของพวกเขาก็เหมือนกับบ้านของชาวเมืองทั่วๆ ไป  ที่เป็นอาคารชุด  อาคารชุดหนึ่งๆ ของแอซเต็คจะผู้อยู่อาศัยประมาณสามครอบครัว  สร้างด้วยหินติดต่อกันรวมเป็นชุดอยู่ในกำแพงเดียวกัน  แล้วกั้นผนังด้วยดินและโคลนบางๆ ประตูเป็นผ้าม่านห้อยชายลงมา  เป็นการแสดงถึงเขตของครอบครัวอยู่ในที  เพดานถูกปูด้วยไม้และฉาบด้วยดินเป็นหลังคา  

    พ่อของทรีโอมีเพื่อนรักอยู่คนหนึ่ง   อาศัยอยู่ด้วยกันในอาคารชุดหลังนี้   ซึ่งเขาก็คือพ่อของซาบิน่านั่นเอง    พ่อของเธอเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว  สาเหตุมาจากขณะที่พ่อของซาบิน่ากำลังทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าพีระมิดแห่งงูใหญ่  ที่สร้างขึ้นมาเพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งพื้นดิน เทพเจ้าแห่งสงคราม และเทพเจ้าแห่งน้ำอยู่นั้น  ได้เกิดมีโจรเข้าไปปล้นทรัพย์สินมีค่าข้างใน  พ่อของซาบิน่าต่อสู้ขัดขวางอย่างกล้าหาญ  แต่สุดท้ายก็ถูกรุมแทงจนถึงแก่ชีวิตไป   ส่วนแม่ของซาบิน่านั้น  เธอตกเลือดตายเสียตั้งแต่คลอดซาบิน่าออกมา  ทำให้ซาบิน่ากลายเป็นเด็กกำพร้า  ด้วยความรักและสนิทสนมระหว่างสองครอบครัวนี้มาเนิ่นนาน  พ่อกับแม่ของทรีโอจึงตัดสินใจรับซาบิน่ามาเป็นบุตรีบุญธรรม  ตัวทรีโอเองก็ไม่ขัดข้อง  เพราะเขาเองก็เห็นและเล่นหัวกับซาบิน่ามาตั้งแต่เกิด  ประดุจดังพี่น้องคลานตามกันมา  

    “ทรีโอ!!  พาน้องเข้าบ้านได้แล้ว นั่งตากลมนานๆ มันไม่ดีนะ  ซาบิน่ายิ่งไม่ค่อยสบายอยู่!”

    แม่ตะโกนบอกหลังจากวางมือจากงานถลกหนังกระต่าย  เพื่อจะนำไปทำเป็นอาหารสำหรับคืนนี้เสร็จแล้ว

    “คร้าบแม่  หนูจะพาน้องเข้าบ้านเดี๋ยวนี้หละฮะ”

    พูดจบ  ทรีโอก็ให้น้องสาวตัวน้อยของเขาขี่คอ   แล้วพากันเดินตัดไร่ข้าวโพดแปลงเล็กๆ ที่พ่อและทรีโอช่วยกันปลูกขึ้นมา  จนเมื่อเดินผ่านประตูผ้าม่านเข้าไปวางน้องลงบนเสื่อสาน   เด็กชายก็ได้ยินเสียงแม่อยู่ที่หน้าปากประตู

    “ทำไมต้องเอาน้องออกไปเล่นข้างนอกด้วยห๊ะ  แม่ละไม่อยากจะบ่นว่าหนูเลยนะ  ซาบิน่าควรจะอยู่แต่ข้างในถึงจะถูก  ไปนั่งตากแดดตากลมอยู่ได้ทั้งวัน  หนูก็รู้นี่ว่าน้องร่างกายอ่อนแอ”

    ทรีโอยิ้มแหยๆ เมื่อโดนแม่ก่นว่า  แต่น้องสาวที่นอนมองพี่ชายอยู่นั้นกลับรีบปกป้องแก้ตัวอย่างแข็งขัน

    “แม่จ๋าอย่าดุพี่จ๋าเลยค่ะ  เค้าเป็นคนขอร้องให้พี่จ๋าพาออกไปเอง  ก็เค้านอนอยู่เฉยๆ นิ่งๆ แล้วมันเบื่อ  แต่ว่าเราแค่ออกไปนั่งอย่างเดียวค่ะ  ไม่ได้เล่นซนอะไรเลย”

    “ใช่ฮะใช่  หนูให้น้องอยู่เฉยๆ และก็อยู่แต่ในร่มด้วยฮะ” ทรีโอรีบบอก  พลางพยักหน้าหงึกหงัก

    แม่หมั่นไส้เลยใช้ทัพพีไม้เคาะบนกะบาลลูกชายตัวดีเสียหนึ่งที  แล้วก็ยื่นไม้ให้ทรีโอถือ “นี่แน่ะ ไม่ต้องมาอ้างเลย  เอ้า เอาไปคนซุปในหม้อให้แม่หน่อย  เล่นมาทั้งวันแล้วนะ  มาช่วยงานแม่ซะมั่ง”

    เด็กชายแลบลิ้นอย่างทะเล้น  แล้วรีบกุลีกุจอลุกไปช่วยแม่ทำอาหาร  ซาบิน่ายิ้มอย่างมีความสุข  เมื่อมองดูภาพสองแม่ลูกช่วยกันเตรียมอาหารมื้อค่ำ   รอคอยพ่อของพวกเขากลับมาบ้าน   ซาบิน่าเหลือบไปมองรอยแผลเป็นตรงแขนทั้งสองข้างของทรีโอ  ขณะที่เขากำลังคนซุบในหม้อดินเผา  ทำให้เด็กหญิงนึกย้อนเหตุการณ์ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว  หลังจากที่พ่อของเธอพึ่งตายจากเธอไปได้ไม่นาน    ซาบิน่า ทรีโอ และพ่อกับแม่ของเขา  ได้ไปไหว้สักการะและนำอาหารไปบูชาเทพบนพีระมิดแห่งงูใหญ่  ตอนที่พวกเขากำลังเดินลงมาจากพีระมิดตามขั้นบันไดอยู่นั้น  ซาบิน่าตื่นเต้นมากที่ได้ออกมาเที่ยวหลังจากที่ต้องคอยอยู่แต่ในบ้านมานาน   และก็ได้มีโอกาสเห็นเมืองทั้งเมืองจากเบื้องสูงอีกด้วย  บันไดที่ค่อนข้างชันทำให้ซาบิน่าที่มัวแต่มองดูวิวข้างทางก้าวพลาด  จึงกลิ้งหล่นลงมาสู่พื้นล่างอย่างน่าใจหาย  แต่เดชะบุญที่ขณะนั้นทรีโอจูงมือน้องสาวอยู่พอดี  เขากระชากซาบิน่าไว้ในอ้อมแขน  แล้วใช้ลำตัวบังขณะที่กลิ้งไปตามขั้นบันไดหิน  เมื่อทั้งสองไปนิ่งสงบอยู่บนพื้นดิน  ซาบิน่าปลอดภัยดี   มีเพียงรอยถลอกและรอยฟกช้ำเพียงเล็กน้อย   ต่างจากทรีโอ..  ที่ลำแขน ข้อศอก และหัวเข่าแตกโชกเลือด     เขาสลบไปทันทีที่ถึงพื้น  แต่กระนั้น  วงแขนของทรีโอยังคอยโอบอุ้มซาบิน่าไว้แน่น  ราวกับว่าเด็กชายจะปกป้องน้องสาวตลอดเวลาแม้ชีวิตจะหาไม่แล้วก็ตาม  

    เหตุการณ์ในครานั้นยังคงฝากร่องรอยไว้เป็นรอยแผลเป็นจางๆ  ให้ซาบิน่าเจ็บปวดใจเมื่อได้เห็น  และเฝ้าโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุให้พี่ชายของเธอต้องเจอเรื่องอันตราย   แต่ซาบิน่าเองก็อดปลื้มในใจลึกๆ ไม่ได้  ที่ทรีโอทั้งรักและเป็นห่วงเธอถึงเพียงนี้          

    …จะมีทางไหนบ้างนะ  ที่เค้าจะได้ตอบแทนบุญคุณของพี่จ๋า   ไม่ว่าจะต้องแลกกับสิ่งใดก็ตาม  แม้แต่ชีวิตของเค้าเอง  ซาบิน่านึกในใจ  พลางปิดปากไอแค่ก

    ตลอดเย็นวันนั้นซาบิน่าไออยู่ตลอดเวลา  และยิ่งอากาศเริ่มทวีความเย็นขึ้นตรงข้ามกับแสงแห่งความอบอุ่นได้ถอยฉากห่างไป  ซาบิน่าก็ยิ่งไอถี่ขึ้นๆ จนน่าตกใจ  แม้ว่าแม่จะให้ยาที่หมอประจำวิหารจัดไว้ให้หลายขนานแล้วก็ตาม  อาการของเธอก็ยังไม่ดีขึ้นเลย  จนกระทั่ง...

    แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 47 23:27:52

    แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 47 21:18:40

    จากคุณ : ณัฐกร - [ 8 ก.ค. 47 18:35:02 ]