" กุก กัก... กุก กัก... "
" อะไร้! อะไร พี่... เล่นเป็นเด็กรึไงคะ " แองจี้ร้องตะโกนถามพี่ชายด้วยความรำคาญ
ชายวัยหกสิบปลาย ๆ ยังคงปิดปากเงียบกริบ ไม่มีแม้กระทั่งเสียงลมหายใจตอบรับให้ได้ยิน
หากแต่ลำตัวสั่นเทา มือสองข้างเกาะแน่นอยู่กับพนักพิงเก้าอี้ไม้โอ๊คราคาแพงในห้องอาหารค่ำ
ใบหน้าซีดเผือด แองจี้นั่งปลอกมะม่วงเม็กซิกันใบโตต่อไปในห้องนั่งเล่น ไม่สนใจเสียงขาเก้าอี้
กระทบพื้นหินอ่อนที่กระหน่ำถี่ขึ้น ถี่ขึ้น...
" โครม! ซุบ! " ฉับพลันเสียงเก้าอี้ล้มก็ดังขึ้น แองจี้ละมีดหันไปตามทิศของเสียงก็พบว่า เก้าอี้ล้ม
ระเนระนาด ชัชวาลทรุดตัวกองกับพื้น มือกุมหน้าอกอย่างทรมาน ดิ้นงอตัวเกลือกพื้นเย็นของหินอ่อน
ซึ่งต่อต้านรัศมีร้อนเมืองคาวบอยที่แผดเผารอบรั้วบริเวณบ้านในเวลานี้
" เป็นอะไรคะพี่ " แองจี้ร้องเสียงหลง รีบโยนมะม่วงลงพื้นวิ่งถลาไปพยุงชัชวาลลุกขึ้น แต่ยิ่งขยับตัว
ใบหน้าของชัชวาลก็ยิ่งเข้มขึ้น จากขาวดุจกระดาษเปลี่ยนเป็นเป็นม่วงเข้ม แองจี้ใจเต้นกระวนกระวาย
รีบคว้าโทรศัพท์กดเรียก 911 ฉุกเฉิน มือของหล่อนเย็นเฉียบ แต่กระนั้นก็ยังมีเหงื่อซึมตามซอกนิ้ว
ไม่หยุด
" สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยคะ? " เสียงหวานใสกรอกมาตามสาย
" ช่วยด้วยค่ะ... พี่ชายล้มกองกับพื้น หน้าเป็นสีม่วงเลยค่ะ " แองจี้พูดเสียงติด ๆ ขัด ๆ
" ใจเย็น ๆ ค่ะ กรุณาบอกที่อยู่ก่อนนะคะ... "
การสนทนาดำเนินไปสักประมาณ 5 นาที รถพยาบาลฉุกเฉินมาถึงหน้าบ้านหลังย่อม
สองชั้นก่ออิฐสีแดงซีดปนเทา เจ้าหน้าที่รีบนำเปลคนไข้เข้ามารับชัชวาลไปขึ้นรถอย่าง
คล่องแคล่ว รถพยาบาลเคลื่อนตัวออกไป แองจี้ปิดประตูบ้าน เปิดสัญญาณกันขโมย
แล้วบึ่งรถออกจากโรงรถอย่างรวดเร็วเพื่อตามรถพยาบาลในระยะกระชั้นชิด
บนรถพยาบาลเจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินพยายามทำการช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง พวกเขาผ่าน
เสี้ยววินาทีแห่งความเป็นความตายของผู้ป่วยมาเป็นจำนวนมาก บ้างก็รอด บ้างก็ไม่
แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่พวกเขาท้อแท้ ครั้งนี้ก็เช่นกัน แรงของฝ่ามือที่กดและคลายบน
อกซ้ายของนายชัชวาลบ่งบอกถึงความปราถนาอันแรงกล้าีที่จะสืบหัวใจดวงนี้ให้เต้นต่อไป
อากาศในรถช่างอึดอัดยิ่งนักสำหรับแองจี้ ทั้งที่เครื่องปรับอากาศก็ทำความเย็นอย่างเต็มที่
หล่อนกดปุ่มเปิดกระจกด้านคนขับ 'วันหยุดเช่นนี้ถนนช่างโล่งนัก' ลมร้อนโชยเอื่อย
กระทบผิวละมุนอ่อน 'พี่เป็นไงบ้างหนอ' แองจี้คิด จิตใจหล่อนในเวลานี้สับสน อ่อนล้า
โสตประสาทไม่รับเสียงใดใดแม้กระทั่งเสียงหว๋อของรถที่นำหน้าหล่อน ตามองเห็น
เพียงถนนเพื่อให้สมองควบคุมการขับโดยไม่รับรู้การผ่านตลอดของไฟแดงทุกจุด
ภาพในห้วงอดีตผุดขึ้นชัดเจน พี่ชายสวมกางเกงขาสั้น ผมเกรียนจูงน้องสาวตัวเล็ก ๆ
ไปโรงเรียนทุกวัน ตอนพี่ชายรับปริญญาตรี โท เอก พ่อแม่ยิ้ม น้ำตาเล็ดด้วยความภูมิใจ
พี่ชายเรียนหนักแต่ก็ยังทำงานส่งเสียน้องจนเรียนจบ วันที่น้องรับปริญญาตรี โท พี่ชาย
ยิ้มเจือน้ำตาพร้อม ๆ กับพ่อแม่ ภาพทะเลาะเบาะแว้งผุดขึ้นมา น้องดื้อไม่เชื่อฟังพี่
แต่สุดท้ายพี่มักจะถูกเสมอ พี่ชายที่แสนดี
รถฉุกเฉินเทียบท่าจอดที่โรงพยาบาลประจำเมือง ชัชวาลถูกย้ายลงจากรถส่งตรง
เข้าห้องฉุกเฉิน แองจี้สะดุ้งตื่นจากภวังค์เมื่อยามเฝ้าโรงพยาบาลมาเคาะกระจกเรียก
ให้ย้ายรถไปจอดในบริเวณที่จัดไว้สำหรับญาติผู้ป่วยโดยเฉพาะ
แองจี้เข้าไปนั่งรอในห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน หมอทำการตรวจร่างกายนายชัชวาลซึ่งนอนไร้
เรี่ยวแรงอยู่เตียง แล้วรีบใช้ไฟฟ้ากระตุ้นหัวใจช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ชายวัยห้าสิบต้น ๆ ผิวขาว
ผมสีเทาซึ่งเ็ป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเข้ามาคุยและทำการซักประวัติของผู้ป่วยจากหล่อน
แต่ก็ไม่สามารถให้รายละเอียดได้มากนัก เนื่องจากหล่อนเพิ่งบินจากต่างรัฐมาเที่ยวหา
พี่ชายได้เพียงสองวันเท่านั้น หากพี่สะใภ้วัยแรกรุ่นซึ่งอยู่กินกับพี่ชายเธอมาหลายปี
อยู่กับเธอด้วย ทางโรงพยาบาลก็คงจะได้ข้อมูลมากกว่านี้ 'ไปไหนนะเดซี่'
" คุณชัชวาลปลอดภัยแล้วครับ " หมอเดินมาจับมือแสดงความยินดีกับแองจี้
หมอกควันดำที่แน่นอยู่ในอกแองจี้สลายลง น้ำตาเล็ดออกมาจับขอบตาทั้งสองข้าง
" ขอบคุณค่ะหมอ " หล่อนขานรับจากใจ แล้วหันมาทางเจ้าหน้าที่คนเดิม
" คุณลองโทร. หาเดซี่สิคะ เธอคงให้รายละเอียดได้มากกว่านี้ " แองจี้แนะนำ
" โอ... ไม่ต้องแล้วครับ คุณเดซี่คงยังลุกไม่ไหว แค่บอกคุณชัชวาลให้เบา ๆ ลงก็น่าจะพอ "
เขาอมยิ้มนิดๆ ยื่นเอกสารให้แองจี้ลงชื่อแ้ล้วเดินออกไปพร้อมหมอและคณะพยาบาล
... ... ...
กลับมาเขียนเรื่องสั้นอีกที กรุณาแนะนำด้วยค่ะ... ^__^
จากคุณ :
ไกลถิ่น
- [
9 ก.ค. 47 01:36:29
A:24.0.29.222 X:
]