CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    knight ตอน 2

    แสงแดดอ่อนๆ ของยามเช้าสาดส่องต้นไม้ใบหญ้าที่เขียวชอุ่ม หยดน้ำค้างตามใบไม้ร่วงหล่นลงสู่ผืนดิน สายลมพัดความชื้นจากอากาศ ทำให้ลมเย็นสบาย ดอกไม้หลากสี พากันบานเพื่อรับแสงแดดจากดวงอาทิตย์ บรรยากาสอันเงียบสงบปกคลุมทั่วดินแดนแห่งนี้
    เด็กสาวผิวสีแทนออกขาวนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ ดวงตาสีเขียวสดใส ตัดกับสีดำของผมหรี่ตาสลึม สลือจะหลับตลอดเวลา เมื่อตาเริ่มปิด หยดน้ำที่อยู่บนใบไม้ก็ร่วงลงมาราวกับจะปลุกเธอ เด็กหญิงจึงจ้องมองไปรอบๆ ทุ่งหญ้ากว้าง
    “คิล !”
    เด็กหญิงสะดุ้งเฮือก หันไปมองผู้มาขัดจังหวะการหลับในของเธอ
    “อ้าว มา ละ ละ .... ฮ้าววววว มาแล้วเหรอนาเน” คิลหาวปากกว้าง
    “อ้าปากซะกว้างเชียวคิล มานั่งให้น้ำค้างหยดใส่แบบนี้เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก” เด็กหญิงผมสีน้ำตาลอ่อนเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลดูอ่อนโยนว่า
    “ต้องหาวกว้างๆ สิ ถึงจะเป็นธรรมชาติ ว่าแต่ ทอลกับราสล่ะ ฮ้าวววว” คิลถามพร้อมกับหาวอีกชุด คิลส่ายหน้าไปมาเร็วๆ เพื่อให้หายง่วง เธอจ้องมองไปรอบๆ
    “หาอะไร คิล รีบไปกันได้แล้ว”
    เสียงตวาดดังขึ้นจากด้านหลัง คิลหันไปมองร่างทั้งสองที่ปรากฏขึ้นราวกับอยู่ตรงนั้นนานแล้ว
    “หวัดดี ทอล ราส ชินซะแล้วสิไอ้การโผล่มาแบบนี้ของทอล” คิลยิ้มให้ทั้ง 2
    “คิดว่าฉันชอบรึไงห๊า ไอ้การโผล่มาแบบนี้ ขี่บอร์ดของฉันมามันส์กว่าตั้งเยอะ เจ้าเรื่องมากนี่สิ” เด็กหญิงที่เพิ่งมาตวาดอย่างหงุดหงิด ตวัดสายตาไปเขม่นเด็กชายอีกคน แต่ทว่าดวงตาสีเทาของเด็กชายนั้นบ่งบอกว่าไม่ได้สนใจคำบ่นของทอล
    “หนอย~ ทำเป็นไม่สนใจงั้นเหรอ ตายซะเถอะ” เด็กหญิงพูด ตอนนี้เธอระเบิดไปแล้ว ทอลยื่นมือออกไปข้างตัว แสงพุ่งออกมารวมกันเป็นปืนสีดำที่ส่องแสงสีขาวอย่างประหลาด แล้วยื่นไปจ่อที่ราส
    “พอแล้ว ทอล จะทะเลาะกันทำไม รีบไปได้แล้วน่า เดี๋ยวก็สายจนได้” นาเนรีบเข้าไปขวางระหว่างทอลกับราส พลางดันตัวทอลไปข้างหน้า “คิล ไปเร็ว ... โธ่ หลับอีกแล้ว”
    กว่าพวกเขาจะเคลื่อนขบวนไปได้ ก็เล่นเอานาเนแทบทรุด ทอลเดินหน้าบึ้งไปตลอดทาง ส่วนราสก็ยังทำหน้าไร้ความรู้สึกต่อไป คิลเดินลากเท้าเซไปเซมาตลอดทาง (“ขอนอนก่อนไปได้เหรอ นาเน”) จนกว่าจนมาถึงก็เล่นเอาเกือบถึงเส้นตาย
    พวกเขามาถึงสถานที่หนึ่ง ซึ่งมีเด็กหลายคนยืนเข้าแถวที่ยาวเป็นขบวนรถไฟบ้าง นั่งคุ้ยหญ้าเล่นบ้างเต็มไปหมด คิลหายง่วงทันที เธอวิ่งไปต่อแถวอย่างรวดเร็ว
    “มาเข้าแถวเร็วทอล นาเน ราส” เธอตะโกนเรียกเสียงดังลั่น ทำให้ลูกระเบิดอีกคนซึ่งนั่งอยู่บนโต๊ะต้นแถว ตวาดกลับมา
    “จะตะโกนหาอะไรนักหนาห๊า สงบปากสงบคำกันไม่เป็นรึไงเด็กพวกนี้” ผู้คุมสอบตะคอกเสียงดัง ซึ่งนั่นเป็นการจุดระเบิดลูกที่เพิ่งสงบไปอีกครั้ง
    “แล้วจะทำไม มีปัญหารึไง มีหน้าที่รับสมัครก็สมัครไปเซ่ ไม่ต้องมายุ่ง” ทอลว่า
    ผู้คุมสอบทุบโต๊ะดังสนั่นจนโต๊ะแทบจะพัง “พูดงี้ก็มีเรื่องสิ เป็นเด็กเป็นเล็กพูดกับผู้ใหญ่แบบนี้เรอะ”
    เขาก้าวเท้ามาหาทอล ซึ่งยัยจอมหาเรื่องก็เชิดหน้ามองอย่างท้าทาย เด็กทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว ขณะที่ทอลจะเดินไป ราสก็คว้าข้อมือเล็กๆ ขาวซีดของเธอไว้
    “ไม่ต้องมาห้าม ราส เรื่องนี้ฉันไม่ยอมนายแล้ว” ทอลสะบัดมือออก แล้วก้าวต่อ
    “ก็ได้ ... แต่ถ้ามีปัญหาขึ้นมา ฉันจะใช้อำนาจของเธอนะ” ราสพูด พลางเดินไปเข้าแถวกับคิล “เชิญอาละวาดตามสบาย”
    ทอลชะงัก หันไปมองราสที่มองไปเรื่อยเปื่อย แล้วเธอก็หันหลังกลับไป
    “อะไรกัน ๆ ของเธอหายไปไหนแล้วล่ะ” ผู้คุมสอบแสยะยิ้ม
    ทอลหันควับไปทันที แต่นาเนรีบคว้าตัวของทอลแล้วลากไปที่แถว ราสหันมามองทอลแวบหนึ่ง แล้วเดินไปกล่าวขอโทษผู้คุมสอบ เขาทำสีหน้าไม่พอใจ แล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ
    “ดีแล้วล่ะ ทอล เธอไม่ควรก่อเรื่องตั้งแต่วันมาสมัครนะ” คิลหันไปพูดด้วย
    “เฮอะ!” ทอลหันห้ามองไปทางป่า และไม่ยอมพูดกับใครอีก
    ต่อแถวมาเกือบครึ่งชั่วโมง จนในที่สุดก็ถึงคิวของพวกเขาซะที คิลรีบกรอกใบสมัครอย่างรวดเร็ว พวกเขามาสมัครเข้าเรียนโรงเรียนที่ถือว่ามีเด็กต้องการเข้ามากที่สุด เพราะเหล่าวีรบุรุษ วีรสตรีในตำนานทั้งหลาย ต่างจบจากโรงเรียนนี้ทั้งสิ้น
    เมื่อเขียนใบสมัครเสร็จ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นชุดสุดท้าย ก็ไปนั่งในกลุ่มผู้สมัครคนอื่น ผู้คุมสอบทำอะไรซักอย่างกับใบสมัครแล้วเดินมาข้างหน้ากลุ่มเด็กๆ
    “เอาละ ฉันจะขอพูดอะไรหน่อยโดยไม่ทำให้เสียเวลาแบบเมื้อกี้” เขาเหลือบตามองทอล ที่ยังจ้องมองไปทางอื่น “พวกเธอก็รู้ดีอยู่แล้ว ว่าโรงเรียนแห่งนี้ มีผู้สมัครมากแค่ไหน โรงเรียนแห่งนี้ต้องการคนที่มีกำลังกาย สมอง และทักษะการต่อสู้อย่างเยี่ยมยอด เพราะคนที่จบจากโรงเรียนนี้นั้น จะไปเป็นกำลังรบ ฉะนั้น เราจะคัดเลือกนักเรียนอย่างเข้มงวด ใครที่คิดว่าจะไม่รอดก็ควรออกไปซะ ส่วนใครที่มั่นใจนักก็เชิญมาเอาเอกสารจากฉันนี่”
    เด็กพากันลุกไปหยิบเอกสารจากผู้คุมสอบ หลายคนคนอ่านแล้วหน้าค่อย ๆเปลี่ยนเป็นสีเขียว
    “ ‘ทางโรงเรียนจะไม่รับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้เข้าสอบ’ หมายความว่ายังไงน่ะ” เด็กชายคนหนึ่งถาม
    “ก็หมายความอย่างนั้นแหละ ถ้ายอมรับก็เซ็น ถ้าไม่ก็ไปซะ” ผู้คุมสอบพูดหน้าตาเฉย
    ถึงจะเป็นคำสั่งที่ครุมเครือ แต่หลายคนหยิบปากกามาเซ็นทันที แต่พวกที่ลังเลมีมากกว่า พวกนั้นหยิบปากกาออกมาด้วยมืออันสั่นเทา ยื่นมือไปใกล้เอกสารจนเกือบถึงแล้วชักกลับก่อนจะแตะมัน บางคนเอาเอกสารไปคืนแล้ววิ่งไปสมัครโรงเรียนอื่น
    “นาเน เขียนเสร็จยัง” คิลเร่ง
    “เดี๋ยวสิ ผู้คุมสอบไม่ไปไหนซะหน่อย” นาเนว่า แต่ก็รีบเขียน
    ราสยืนเอกสารที่หยิบมาเผื่อทอลให้ “เซ็นซะ”
    ทอลตวัดหน้ากลับมา “ทำไมไม่เอา ‘ตรา’ ของฉันที่นายเก็บไว้ปั้มไปเลยล่ะ”
    ราสล้วงกระเป๋าหยิบวัตถุที่เหมือนตราปั้มออกมา เยื้องมือขึ้นเตรียม
    “เดี๋ยว! เอาจริงเรอะ” ทอลรีบคว้าเอกสารมาทันก่อนที่สัญลักษณ์ในตราจะปรากฎในเอกสารเพียงเสียววินาที “พูดเล่นแค่เนี๊ย เอาจริงเฉยเลย”
    ราสเก็บตราไปแล้วนั่งรอทอลเขียนเสร็จ คิลกับนาเนยิ้ม
    “ยิ้มอะไรกันห๊า เอ้านี่ ฝากไปให้ไอ้นั่นที ไม่อยากเห็นหน้าคน” ทอลหนไปส่งจิตสังหารให้ผู้คุมสอบ ซึ่งฝั่งโน้นก็ไม่ขัดศรัทธาตอบแทนด้วยจิตสังหารเหมือนกัน
    __________________


    ทันทีที่มาถึงโรงฝึกที่บ้านราส ทอลก็เปิดฉากด่าผู้คุมสอบทันที
    “เจ้าบ้านั่นชะมัดเลย เจ้าบ้า ปัญญาอ่อน .....” ทอลคงจะพูดต่ออีกยาวถ้าราสไม่เอาขนมมายัดใส่ปากให้หยุดพูดซะ
    “เงียบก่อน เอาไว้ด่าต่อวันหลัง วันนี้เราต้องฝึกให้คิล” ราสพูดพลางเอาขนมยัดใส่ปากทอล แล้วเดินเข้าไปในกองของใช้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าราสหยิบของที่ต้องการใช้ออกมาง่ายๆ ได้ยังไง ในเมื่อกองของใช้นั่นยังไงก็ดูเป็น กองขยะสูงเท่าภูเขา
    “ก็ได้ นี่เห็นแก่ฝึกนะ .... ว่าแต่ราส ขนมอร่อยดีนี่ ขออีกได้ไหม” เธอถามเสียงขอร้องแกมบังคับ ดูเหมือนอารมณ์เธอจะดีขึ้นมาก แล้วเรื่องขนมก็ทำให้คิลสนใจขึ้นมาอีกคน ทำให้นาเนต้องลากเจ้า 2 คนนี่ตามราสออกไปที่ทุ่งโล่งกว้าง
    “เอาละ คิล ฉันจะใช้เครื่องจำลองสภาพแวดล้อมเพื่อดูผลของเวทมนตร์ ฉะนั้นไม่ต้องกลัวบ้านฉันพัง” ราสพูดกับคิลที่ทำหน้าบูด จ้องมองแต่ขนมที่ทอลแอบหยิบจากจานที่นาเนถือมาด้วย เธอยื่นมือทั้ง 2 ข้างเหยียดตรงป้างหน้า พยายามตั้งสมาธิ แล้วว่าคาถา
    คิลไม่เคยใช้เวทมนตร์ได้เลยตั้งแต่เกิดมา ทำให้แม้แต่แม่ของเธอก็สงสัยว่าจะเป็นคนดาวนี้รึเปล่า นี่เป็นคาถาที่คิลใช้ได้ครั้งแรกเมื่อวาน ในตอนที่แม่เธอสั่งให้ใช้เวทมนตร์รดน้ำดอกไม้ให้ได้ ถ้าไม่ได้ก็ไม่ต้องเข้าบ้าน โดยแม่หวังว่าเธอจะมีพลังของน้ำ และยังกดดันคิลโดยการให้ไปรดน้ำเจ้าหนูสุดรักสุดหวงของเธอ และคิลก็ไม่ทำให้แม่ผิดหวัง คือเธอใช้เวทมนตร์ได้ แต่คิลก็ต้องนอนนอกบ้านเพราะทำให้ดอกไม้กระจุยไม่เหลือแม้แต่ซากของกระถาง....
    คิลเริ่มกล่าวคาถา แต่น้ำเสียงของเธอเปลี่ยนไปอย่างผิดปกติ “เปลวเพลิงต้องห้ามแห่งขุมนรก เทพแห่งโลกันต์จงสถิตอำนาจภายใต้หัตถ์ของข้า ดวงดาวที่ 3 จงควบคุม .... Earth”
    สายลมที่สงบพัดอย่างบ้าคลั่ง ท้องฟ้ามืดลงไป มีเมฆปรกคลุมราวกับจะเกิดพายุทำลายล้าง เปลวไฟสีดำพุ่งออกจากรอบๆ ตัวของคิล และไปรวมกันอยู่ที่มือกลายเป็นลูกพลังสีดำ ราสรับรู้ถึงความผิดปกติรีบวิ่งไปห้ามคิล แต่ก่อนที่ราสจะไปถึงเธอก็ว่าคาถาจบ ลูกไฟถูกปล่อยออกไป และพุ่งไปที่ป่า เกิดเสียงดังสนั่น และควันลอยเต็มปกคลุมป่าโดยรอบ
    ทอลวิ่งไปหาคิลทันที ดวงตาของเด็กหญิงว่างเปล่าราวกับถูกสะกดจิต ร่างกายดูเหมือนไม่มีความรู้สึก ทอลเงื้องมือขึ้นซัดคิลเข้าเต็มๆ คิลล้มลงไปกระแทกพื้น
    “โอ๊ย! เจ็บนะทอล ต่อยฉันทำไมน่ะ” คิลใช้มือยันตัวเองให้นั่ง นาเนรีบเข้ามาช่วย
    “พลังทำลายล้างสูงมาก พ่อคงโดนคนของดินแดนแห่งเทพสวดยับแน่” ราสพูดพึมพำ ขณะที่เดินไปดูเครื่องจำลองสภาพแวดล้อม ซึ่งเผยให้เห็น....
    ภาพของป่าจำลอง ที่เมื่อนาทีก่อนยังเป็นป่าที่อุดมไปด้วยต้นไม้สูง บัดนี้ต้นไม้พังทลาย แม้แต่ตอไม้ยังแทบจะไม่มีให้เห็น พื้นดินเป็นรอยลากครูดเป็นทางยาว และกว้างหลายสิบเมตร เครื่องจำลองสภาพแวดล้อมถูล้อมรอบด้วยประกายไฟฟ้า ภาพที่ฉายกระพริบหนักขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ดับวูบไป
    “เกิดอะไรขึ้นน่ะ อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะเวทมนตร์ของฉัน ฉันยังไม่ได้ว่าคาถาเลยนะ” คิลพูดเสียงเบา ดวงตาจับจ้องไปมาระหว่างเพื่อนทั้งสาม
    “หมายความว่ายังไงยังไม่ได้ว่าคาถา นั่นน่ะฝีมือแกนะ” ทอลตะโกนเสียงดัง ขณะที่ราสกำลังครุ่นคิด
    “ถ้าดูไม่ผิด จากท่าทางและดวงตาแบบนั้น เธอคงโดนอะไรบางอย่างควบคุมไว้ ฉะนั้นถ้าไม่จำเป็นอย่างใช้พลังนี้” ราสพูดโดยไม่มองหน้า แล้วเดินไปหยิบเครื่องจำลองสภาพแวดล้อมเข้าบ้านไปก่อนจะออกมาอีกครั้ง
    นาเนพยุงคิลให้ลุกขึ้นอย่างช้าๆ ราวกับเธอจะล้มตุบลงไป “นี่เย็นแล้ว กลับกันเถอะ” แล้วเธอกับทอลก็พาคิลเดินไป จนเมื่อถึงบ้าน ทอลก็จับคิลหันมาประชันหน้า
    “จำไว้นะคิล กรณีที่จำเป็นจริงๆ ก็ต่อเมื่อตอนที่แกกำลังจะตาย และแกสูญเสียทุกอย่างจนชีวิตไม่มีความสำคัญนั้น เมื่อถึงตอนนั้นเท่านั้น ถึงจะถือว่าจำเป็นจริงๆ” แล้วเธอกับนาเนก็เดินไป โดยทิ้งให้คิลช็อคกับคำพูดน่าสยดสยองนั่น

    จากคุณ : Akira - [ 9 ก.ค. 47 15:46:15 A:192.168.200.134 X:203.148.253.178 ]