CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    อยากเผลอหัวใจไว้รักใครใหม่อีกครั้ง

    จิรัติการ

    บางครั้งเรื่องราวของความรักก็สร้างความประหลาดใจให้กับผมเหมือนกัน  มันเหมือนภาพในความฝันที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้ฝัน เป็นดั่งจินตนาการที่ไม่อยากจะลืมที่สุดในชีวิต จากชีวิตผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ก้าวล่วงผ่านวัยเบญจเพสมาได้ไม่กี่ปี ห้วงเวลาแห่งความรู้สึกอยากที่จะรักมันผ่านมานานจนผมแทบลืมไปแล้วว่าต้องทำหน้าที่ไขว่คว้าหาคำว่ารักมาใส่หัวใจตัวเอง

    ผู้หญิงคนเดิมที่เคยทำให้ผมหวั่นไหวเดินกลับเข้ามาในชีวิตของผมอีกครั้งหลังจากจุดประกายให้ผมอยากจะรักใครสักคนเมื่อเกือบ 5 ปีที่ผ่านมา เธอยังดูสดใสเหมือนเดิม ใบหน้าที่เหมือนจะเจือด้วยรอยยิ้มหวาน ๆ ตลอดเวลายังทำหน้าที่ให้ความสดใสแก่ผู้คนรอบข้างเช่นเดิม และแน่นอนว่าใบหน้าที่แฝงรอยยิ้มนั้นย่อมกลับมาทำให้ผมต้องหวนกลับไปเอาหัวใจดวงเดิมมาเพื่อแอบรักใครใหม่อีกหน เหมือนกับที่ผมเคยใช้วิธีการเดียวกันนี้กับเธอคนเดิมคนนั้น


    ผมยังจำได้ถึงวันแรกที่ผมได้มีโอกาสได้ยืนเคียงใกล้เธอภายใต้อาคารเรียนช่วงที่ฟ้าฝนเป็นใจตกกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา สัมผัสแรกที่ผมเห็นคือใบหน้าที่แลดูเหม่อลอยของเธอคนนั้น ดูเธอจะไม่สนใจผู้คนที่ยืนอยู่รอบกายของตัวเองเลย จากกลุ่มคนที่เฝ้ารอให้ฝนยามเย็นซาเม็ดลงเสียที คนแล้วคนเล่าเริ่มทยอยฝ่าฝนจากไปเพราะเวลานั้นก็เย็นเต็มทีจนเหลือเพียงคนสองคนที่ยังคงยืนรอบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ใช่การรอให้ฝนที่ตกเพียงปอย ๆ ได้หยุดลง คนนึงนั้นคือเธอที่ยังคงเหม่อลอยมองท้องฟ้ายามเย็นที่เริ่มเผยไอเย็นให้สัมผัสมากขึ้น อีกคนนั้นก็คือผมที่ยังคงยืนหอบตำราเรียนเล่มหนาและเริ่มจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีเหตุผลที่ต้องยืนรอเรื่อยเปื่อยไปอย่างนี้


    ..แต่ในความไม่มีเหตุผลกลับมีบางเหตุผลที่ผมไม่อาจใช้สิ่งไรวัดได้นอกจากแค่เพียงรู้สึกอยากอยู่เป็นเพื่อน..ใครสักคนซึ่งก็คือเธอคนนั้นนั่นเอง  เป็นความรู้สึกแรกจริง ๆ ที่ผมสามารถตอบตัวเองได้ว่าการทำอะไรเพื่อใครสักคนโดยที่ไม่หวังให้เขาหันมาแม้เพียงจะมองหรือเอ่ยคำขอบคุณเป็นอย่างไร ช่วงเวลาเกือบชั่วโมงที่ผมได้ให้ไปกับความรู้สึกดี ๆ ที่แอบรู้สึกไปเองเป็นสิ่งที่มีค่ามากและนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมตัดสินใจจะใช้หัวใจเพื่อที่จะแอบรักและรอโอกาสบอกรักใครสักคนจริง ๆ  


    “เอ่อ..คุณครับ..”ผมเริ่มรวบรวมความกล้าด้วยการกระแอมไอก่อนจะเปล่งเสียงทำลายความเงียบสงบที่มีมาตลอดด้วยน้ำเสียงที่สั่นและประหม่าเล็กน้อย


    “คุณรอ...”ผมเงยหน้ามองคู่สนทนาที่ไม่รู้จักกันมาก่อนอย่างเขินอาย แววตาดวงกลมโตคู่นั้นเหลือบมามองด้วยปลายสายตาอย่างสงสัย


    “รอใครหรือครับ?”ผมเผลอเอ่ยออกไปทั้งที่รู้ว่ามันไม่สุภาพเลยและมันไม่ใช่กงการอะไรของผมด้วยที่ต้องไปรับรู้เรื่องราวของเธอ


    “คะ...”เธอถามสั้น ๆ ด้วยความสงสัยเช่นเดียวกันก่อนจะมอบรอยยิ้มให้ผมด้วยความรู้สึกที่ออกมาจากจิตใจจริง ๆ


    “รอเพื่อนค่ะ...”ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้แสดงกิริยาเบื่อหน่ายมนุษย์ปากไวกว่าใจอย่างผมเลย

    “คุณหล่ะรอใครหรือค๊ะ?”เธอถามกลับทำเอาผมต้องโอบหนังสือเล่มหนานั้นกับหน้าอกตัวเองเพื่อช่วยลดระดับความตื่นเต้นที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ


    “รอเพื่อนเหมือนกันครับ..”ผมตอบเลี่ยง ๆ ไปทั้งที่เพื่อนคนที่ผมรอก็คือคนที่ผมโมเมแล้วว่าผมกำลังจะได้เพื่อนคนใหม่ที่พิเศษอีกคน

    “ฟ้ากำลังจะมืดแล้วนะครับจะรออีกเหรอ..”หญิงสาวพยักหน้ารับด้วยสีหน้าที่เหนื่อยหน่ายมากกว่าเดิม


    “ค่ะยังไงอรก็ต้องรอค่ะ…”ผมถึงกับสะดุ้งด้วยไม่คาดคิดว่าจะได้รับรู้ชื่อของเธอเร็วขนาดนี้จนแทบอยากจะแทนชื่อตัวเองในบทสนทนาเหมือนกัน


    “อืมลันเอ้ยผมก็คงต้องรอเป็นเพื่อนเอ้ยเพื่อน..รอเพื่อนหน่ะครับเหมือนกัน”อาการตะกุกตะกักกลับมาเยือนริมฝีปากผมอีกแล้ว


    “อะไรนะคะ อะไรลัน ๆ “เธอรีบถามกลับมาพร้อมสีหน้าที่งุนงงกับสิ่งที่ผมเอ่ยออกไป


    “เอ่ออัสลันครับ อัสลันชื่อผมเอง”ผมรีบเสนอชื่อตัวเองเพื่อให้เธอได้รับรู้ในทันที


    “ชื่อแปลกดีจัง แต่ก็น่ารักดีค่ะคงเป็นชื่อที่มีความหมายดีมากแน่ ๆ เลย..”เธอมอบรอยยิ้มพร้อมคำชมในชื่อของผมทำเอาคนที่ไม่เคยรู้ถึงความหมายของชื่อที่แม่ให้มาต้องแอบอมยิ้มตาม


    “ครับ...เพื่อน ๆ มักเรียกผมว่าลันสั้น ๆ ครับ..”ผมจบคำพูดที่อยากเอ่ยด้วยเสียงหัวเราะเบา ๆ ก่อนที่ความเงียบจะกลับคืนมาอีกหน ผมได้แต่ลอบมองใบหน้าของเธอทุกครั้งที่เธอส่งเสียงทอดถอนหายใจออกมา ดูเธอจะเริ่มอ่อนล้าลงอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าที่แฝงไปด้วยความกังวลปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าที่ซีดขาวของเธอนับจากวินาทีนั้นเป็นต้นมาดวงตากลมโตเริ่มหรี่ลงเมียงมองไปมาบนพื้นดินแทนที่จะเป็นผืนฟ้าดังเดิม ผมได้แต่หาจังหวะเฝ้ามองเธอคนนั้นตลอดเวลา


    “แล้วคุณลันจะรอเพื่อนต่อไปอีกนานไหมค๊ะ?..”หญิงสาวเริ่มเปลี่ยนมุมมองเพียงผืนฟ้ามืด ๆ กับเนินดินแฉะ ๆ มาที่ใบหน้าของผมที่แดงกล่ำไปด้วยความเขินอายอย่างตั้งใจ
    “เอ่อ..คือว่า..คง..อีกสักพักครับ..”ผมได้แต่กลืนน้ำลายที่เริ่มหนืดคอตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามรักษาให้เป็นปกติไว้


    “คุณเบื่อกับการที่ต้องรอไหมค๊ะ..?”เธอเพ่งดวงตาคู่นั้นจับจ้องผมที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเปลี่ยนเป็นหลบสายตาของเธอแทน


    “เอ่อ มันก็ขึ้นอยู่กับว่าการรอคอยที่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นนั้นมันจะมีจุดสิ้นสุดไหม...? รอใครและใครคนนั้นรู้คุณค่าในการรอของเราไหม..? แต่บางครั้งเหตุผลพวกนี้ผมเองก็ไม่ได้เอามาคิดหรอกครับ บางทีที่รอก็เพราะอยากจะรอ...”ผมเริ่มพูดวนไปวนมาเพราะรู้สึกสับสนในใจขึ้นมา เพราะตอนนี้ผมก็กำลังใช้การรอแบบนั้นอยู่จริง ๆ ยืนรอเพราะอยากจะรอเป็นเพื่อนเธอ


    “หรือคะ..?” น้ำเสียงเธอเศร้าลงเรื่อย ๆ จนผมอยากจะถามกลับไปในทันทีว่าเธอกำลังเผชิญกับความทุกข์อะไรหนักหนาแต่ด้วยความรู้สึกกลัว ๆ กล้า ๆ ก็ทำให้ผมต้องสะกดความไวของปากและหัวใจเอาไว้ตลอดเวลา เธอเอามือกุมท้องตัวเองเหมือนกำลังแสดงท่าทางว่าคงหิวขึ้นมาบ้างแล้ว ผมได้แต่เอาหัวใจและความรู้สึกตัวเองไปประเมินอากัปกิริยาของเธอ

    “เอ่อ..”เสียงของผมกับเธอประสานขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ เธอเผยรอยยิ้มแรกที่สดใสขึ้นมายั่วเย้าจิตใจที่อ่อนไหวไปแล้วของผม ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ


    “คุณลัน..จะว่าอะไรเหรอค๊ะ?..”เธอเริ่มเป็นฝ่ายถามผมก่อน ผมได้แต่ส่ายหน้าไปมาก่อนจะก้มหน้าก้มตาด้วยความเขินอายอีกครั้ง


    “คุณลันไม่ต้องห่วงอรนะค๊ะ ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนกัน ขอบคุณจริง ๆ” คำพูดของเธอที่เหมือนรู้แกวผม ทำเอาผมต้องเงยหน้าขึ้นมาสบสายตาคู่นั้น


    “คุณอร...”ผมทำท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ แก้ความขัดเขินที่เกิดขึ้นมาตลอดเวลา

    “บางครั้งคำว่าเพื่อนก็ไม่ได้จำกัดเพียงแค่คนที่คุ้นเคยกัน...คุณเป็นเพื่อนคุยในเวลาเหงา ๆ ที่แปลกดีนะคะทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน..”เธอเริ่มเผยความรู้สึกออกมา ก่อนที่จะยิ้มเป็นการขอบคุณอีกครั้ง


    “ครับ..บางครั้งเราก็มักจะทำอะไรประหลาด ๆ ออกไปทั้งที่ใจไม่กล้า...”ผมได้แต่พูดแก้เก้อขึ้นมา


    “คะ...?”เธอใช้เสียงสูงแสดงความสงสัยในคำพูดของผมอีกครั้ง


    “เพราะ...เอ่อ ไม่มีอะไรครับ แค่อยากบอกว่าถ้าคนเราเปิดหัวใจที่จะมองภาพในด้านสว่างของคนรอบข้าง เราก็จะรู้ว่ายังมีใครอีกหลายคนที่หวังดีกับเรา เป็นห่วงเราซึ่งบางครั้งอาจห่วงมากกว่าเราห่วงตัวเองด้วยซ้ำ”ฤทธิ์ของความเขินอายทำเอาผมต้องใช้อาการพูดเจื้อยแจ้วไปเรื่อยโดยไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไร และพูดไปเพราะอะไร ดูเธอจะเริ่มถอนหายใจถี่ขึ้นจนผิดสังเกต


    “ค่ะ คุณลันมองโลกในแง่ดีจริง ๆ มันช่วยทำให้อรรู้สึกอยากจะมองโลกในมุมนั้นบ้างจัง คงเป็นความอบอุ่นและความสุขใจที่อรหามันมาตลอดเวลา ขอบคุณอีกหนนะค๊ะสำหรับมิตรภาพที่ให้กับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน”หญิงสาวได้แต่ก้มศีรษะลงเล็กน้อยเป็นการขอบคุณอีกหน


    “อย่าคิดอย่างนั้นเลยครับ ..”ผมได้แต่ทิ้งห้วงลมหายใจไปพร้อมกับคำพูดที่อยากจะเอ่ยต่อ..ไปว่าอีกหน่อยพอผ่านยามเย็นนี้ไปผมกับเธอก็กลายเป็นคนแปลกหน้ากันเหมือนเดิม ผมลอบมองใบหน้าที่ดูสดชื่นขึ้นมาบ้างของเธออีกครั้ง เธอเองก็ตั้งหน้าตั้งตาจ้องมองคนขี้อายอย่างผมตลอดเวลาราวกับกำลังรอฟังว่าผมจะพูดอะไรต่อ


    “หิวไหมครับ?..”คำพูดเฉิ่ม ๆ เชย ๆ เริ่มออกจากปากผมไปอย่างไม่รู้ตัว เธอส่ายหน้าพร้อมกับหันแววตาที่นั้นที่เคยสนใจใบหน้าของผมกลับไปมองผืนฟ้าที่มืดมิดอีกหน


    “แม้ว่าช่วงนี้ฟ้าจะมืดแต่อีกหน่อยก็มีแสงดาวครับ ฟ้าหลังฝนตอนเย็นมันไม่สวยเท่าตอนกลางวันเท่า
    ไหร่เพราะเราไม่เห็นว่าแสงอ่อนของตะวันที่สะท้อนกับหยาดน้ำฝนมันสร้างความอบอุ่นให้กับทุกสิ่งอย่างไร  คงมีเพียงบรรยากาศมั้งครับที่เหมือนกัน เยือกเย็นและสดชื่นแม้ว่าจะขาดความอบอุ่นไปบ้างก็ตาม” อยู่ ๆ ผมก็อยากเอ่ยอะไรขึ้นมาเพื่อทำลายความเงียบที่กั้นกลางระหว่างเราสองคน


    “คุณลัน..รู้ไหมว่าคุณเป็นคนที่เปิดใจรับอะไรได้มากมาย คุณทำให้ฉันได้คิดอะไรได้อีกเยอะเลยทีเดียว”หญิงสาวที่เหม่อมองท้องฟ้าอย่างเลื่อนลอยเอ่ยชื่นชมผมขึ้นมา


    “ครับเพราะผมคิดว่าชีวิตเป็นสิ่งที่มีค่ากับตัวเองและทุกคนเสมอ  ชีวิตเราไม่ได้ฝากไว้เพื่อให้ใครมาให้ความสำคัญแต่ขึ้นอยู่กับเรารู้จักสร้างความสำคัญให้กับชีวิตของเราเองหรือเปล่า?” ดูเหมือนกับว่าเธอเต็มใจที่จะมอบรอยยิ้มที่สดชื่นขึ้นให้กับผมเป็นคนสุดท้ายของวันนั้นอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะกล่าวลาผมไป..ทิ้งให้ผมต้องยืนนิ่ง ๆ เงียบ ๆ มองเธอก้าวเดินจากไปด้วยหัวใจที่อ้างว้าง ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ทำให้หัวใจผมเต้นโครมครามไปตามจังหวะคนตกหลุมรักสิ้นสุดลงแล้วพร้อมกับความสุขความทรงจำที่ดูไร้ที่มาที่ไป มันเป็นเรื่องของความบังเอิญที่ดูเหมือนจะบังเอิญสร้างนิยามของคำว่าแอบรักในใจผมตลอดมา

    จากคุณ : karinas - [ 11 ก.ค. 47 15:33:23 ]