CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    Diary of a madman (หลอนวิปลาส 2....ศพกระดิก)..

    ตอนที่ 1
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2905310/W2905310.html


    ความเดิม

    นอกจากหมาไร้สังกัดซึ่งเดินผ่านไปอย่างไร้เดียงสาแบบหมาๆ  และคนเมาอีกสองสามคนที่เดินเกือบกระแทกผมล้ม ยังไม่เจอตู้โทรศัพท์หรือแท็กซี่เลยสักคัน

    คืนนี้มันเป็นอะไรของมันกันนะ.......

    +++++

    +++++++

    ทางเท้าทอดยาวเหยียดไปเบื้องหน้า แสงจากหลอดไฟตามเสาไฟฟ้าดูหม่นมัวชอบกล แสงสว่างตามอาคารบ้านเรือนและหมู่ตึกลดน้อยลงตามระยะทางการเดินอย่างไร้จุดหมาย ลมเย็นยามราตรีหนาวเหน็บและเยือกเย็นราวผ่านผ่านมาจากสุสานอันรกร้าง รถราซึ่งเคยวิ่งผ่านไปมาตลอดเวลาตอนนี้เหลือนานๆครั้งจะผ่านมาให้เห็นสักคัน ถนนตกอยู่ในความเงียบเชียบและอ้างว้างจนน่ากลัว

    นานสักแค่ไหนแล้วนะที่ผมไม่ได้สัมผัสกับบรรยากาศแห่งความเงียบของท้องถนนยามค่ำคืน นานแค่ไหนแล้ว.......ช่วงเวลาส่วนนี้หายไปไหน?

    ดูเหมือนว่าจะมีฝนพรำพร่างพรมเบาบาง สัมผัสได้ถึงละอองน้ำฉ่ำเย็นซึ่งมากับสายลม อาการที่คิดว่า “เมา” ดุเหมือนจะลดน้อยลง ผมเริ่มทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา ..สายตาอันอ้างว้างว่างเปล่าอันชวนขนลุกพวกนั้น นั่นมันอะไรกัน หรือว่าจะเป็นเพียงมายาภาพหลอน

    มีเสียงดังเหมือนคนปิดประตู ..ไม่ใช่ เหมือนคนปิดหน้าต่าง เสียงดังมาจากตึกด้านตรงข้าม ซึ่งดูอยู่คนละฟากถนน ตนละฟากแห่งความพรั่นพรึง แต่เหมือนเสียงสะท้อนอยู่ในความรู้สึกนึกคิด ที่ไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับเท่าไร

    หางตายังคิดว่า หรืออย่างน้อยมันก็ควรเป็นเช่นนั้น หน้าต่างชั้นสองของตึกตรงข้ามไฟดับวูบลง แต่เงาตะคุ่มของคนหลังฉากยังคงเหมือนยืนอยู่ ถึงมองไม่เห็นแต่จินตนาการยังพอมองเห็นใครบางคนกำลังจ้องมองลงมาจากหน้าต่างที่ดำมืดนั้น

    มันเป็นความรู้สึก ความรู้สึกที่มาจากก้นบึ้งแห่งความน่าสะพรึงกลัว

    ผมกลายเป็นแค่ตัวอะไรสักอย่าง ของอะไร หรือใครบางคน จ้องมองอย่างโง่งมและหวาดกลัว ผมยังจินตนาการเห็นรอยเท้าที่สลับไล่เรียงรายผ่านทางเท้า ผ่านทางเดินแคบๆซึ่งเต็มไปด้วยฝุ่นอันเกิดจากจากการปราศจากการดูแลมานานแสนนาน...นานแค่ไหนนะ!

    คุณไม่ลองตามรอยเท้าเปื้อนฝุ่นที่มีความอ้างว้างนั่นไปดูล่ะ รู้สึกไหมกับอากาศอันหนักอึ้งจนแทบขาดใจ เงาวูบวาบชั้นบนทำให้คุณมีอารมณ์แบบไหนของบรรทัดฐานแห่งความน่ากลัว ผนังปูนด้านข้างให้ความรู้สึกเยือกเย็นขนาดไหน เมื่อยามคุณเอาหน้าหน้าแนบผนังอันเย็นชืดเหมือนซากศพ และหอบหายใจรุนแรงเจียนคลั่ง ขณะพ่นความหวาดกลัวออกมาทางลมหายใจแทบขาดห้วง

    คัดค้านและขัดแย้งกับความคิดและเหตุผล จะเป็นได้ไหมว่าใครบางคนตื่นมากลางดึก เปิดหน้าต่างรับลมเย็น หยิบอุปกรณ์ในการแต่งหน้าทาปากตามประสาผู้หญิง  ท่ามกลางแสงไฟมัวหม่นและเงียบเหงา มันเป็นไปได้ และมันเป็นไปได้อย่างไม่ต้องสงสัย บางทีอาจเป็นเพียงเปลวเทียนวับแวมแรเงาซีกหน้าด้านหนึ่งให้อยู่ในเงามืด และเส้นผมของเธอหลุดร่วงออกมาเป็นม่านแห่งรัตติกาล บางทีศีรษะของเธออาจหลุดกลิ้งไปตามพื้น รอเจ้าชายจับประคองและจูบลงบนริมฝีปากเย็นชืดในรสเลือดเค็มและคาวและเหม็นหื่น



    ผมพยายามหัวเราะ บอกให้ตนเองพยายามยิ้มให้กับความคิดวิปริตของตัวเอง   บางทีคนเราก็อยากหัวเราะใส่หน้าตัวเอง ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม   แต่แค่ยิ้มปากยิ้มทำไม่ได้ ความคิดบางอย่างดูเหมือนจะขัดแย้งกับความพยายามอย่างเงียบๆแต่รุนแรง  เรื่องน่ากลัวแบบนี้มันไม่มีทางเกิดขึ้นจริง

    แต่ถ้าหากมันเป็นเรื่องจริงล่ะ สมมุติว่ามันเป็นเรื่องจริงอย่างที่ประสาทสัมผัสได้  ทันใดนั้นผมก็รู้สึกตัวสั่นอย่างไม่มีสาเหตุ

    ลมยามดึกพัดขยะจำพวกเศษกระดาษ เศษขณะ  พัดพาและรวบรวมจนเป็นก้อนใหญ่ กลิ้งไปตามถนน สายลมพัดผ่านซอกตึกฟังดูเหมือนใครบางคนกรีดร้องยาวนาน ลมกรรโชกจนป้ายโฆษณากระแทกผนังปึงปังแกว่งไกวจวนหล่น ฝุ่นกระจายมองเห็นชัดเจนราวหมอกควัน

    เสียงปิดหน้าต่างดังโครมจนทำเอาสะดุ้ง  ทั้งแสงทั้งเงาหายไป ตึกทั้งตึกดูมืดดำเหมือนไม่มีชีวิต เหมือนเป็นอสุรกายตัวโตที่กัดกินคนอยู่อาศัยจนพุงกาง เสียงเพลงเก่าๆ จากวิทยุเก่าๆจากที่ใดที่หนึ่งเหมือนขาดหายไปโดยกะทันหัน หากคล้ายมีเสียงครืดคราดคล้ายคนพยายามจุนคลื่นหามนุษย์ และตามด้วยเสียงหวิดหวิวของคลื่นที่ปราศจากการควบคุม

    ไม่...

    มันต้องเป็นภาพหลอนจากความเมา เรื่องแบบนี้ใครๆก็เป็นกันได้ ผมพยายามยิ้มและหัวเราะให้กับตัวเองเรื่องแบบนี้น่าขันมากกว่า ไม่ใช่เรื่องที่จะไปใส่ใจ นอนสักตื่นพรุ่งนี้ทุกอย่างก็จะเป็นปกติ ตอนเช้าพวกเราคงมีเรื่องสนุกเล่าสู่กันฟังในช่วงกาแฟก่อนทำงาน มันก็น่าจะจบลงแค่นี้ หรือแบบนี้ คนพวกนั้นเป็นเพื่อนผมทั้งนั้น เรื่องทุกอย่างมันควรอธิบายได้

    เดินกลับไป กลับไปดูให้รู้แน่แก่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น คนพวกนั้นเป็นอะไรไป หรือว่าผมเป็นฝ่ายเป็นอะไรไป...

    ชะงักเท้า หันกลับไปมองเส้นทางที่เพิ่งเดินผ่านมา ถนนสายยาวกลืนหายไปกับความมืดอย่างน่าประหลาด ถนนดูยาวไกลเหลือเกิน ไม่น่าเชื่อว่าจะเดินมาไกลขนาดนี้ สองเท้าลากผ่านอะไรมาบ้างก็สุดจะหยั่งรู้  แมวข้างถนนขู่คำรามเสียงกราดเกรี้ยวก่อนกระโจนไปแยกเขี้ยวบนกำแพงเก่าๆ

    นัยน์ตาเหลืองจ้าคู่หนึ่งพุ่งมาตามถนน นั่นต้องเป็นรถยนต์ บางทีอาจเป็นแท็กซี่ ผมมองอย่างมีความหวัง แต่แล้วรถคันนั้นก็วิ่งผ่านไปโดยไม่ชะลอความเร็วลงเลยแม้แต่น้อย แน่ล่ะ ใครจะมัวมามองข้างทางในยามคึกดื่นค่อนคืนแบบนี้ ทุกอย่างต่างเร่งรีบกลับบ้านกันทั้งนั้น


    ที่รัก.... ป่านนี้เธอคงจะนั่งอยู่ภายในห้อง  อาจนั่งอ่านหนังสือ ดูทีวี สายตาคู่สวยคงจะเต็มไปด้วยแววแห่งความวิตกกังวล สองหูจะคอยฟังเสียงของผมที่กำลังเดินมาเคาะประตู สวัสดีที่รัก ผมกลับมาแล้ว รอผมนานมากไหม ผมขอโทษนะ วันหน้าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว อย่าโกรธผมเลย... แน่นอน คุณไม่เคยโกรธผม ใบหน้าคุณจะยิ้มน้อยๆ ประกายแห่งความยินดีจะระริกไหวในสีหน้าท่าทาง คุณจะโผเข้ามากอดคอผมแนบแน่น เท่านี้ก็จะทำให้ผมลืมคนทั้งโลก

    แต่ให้ตายเถอะ ตอนนี้ผมเดินอยู่บนถนนอันอ้างว้างเยือกเย็นอย่างไร้จุดหมาย มันอะไรกันนี่

    เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ดังใกล้เข้ามาจากเบื้องหลัง ผมไม่อยากสนใจมันอีกแล้ว มันจะเป็นไอ้บ้าที่ไหนซึ่งทะลึ่งขับรถผ่านมาก็ช่างหัวมันประไร

    แต่เสียงครวญครางของเครื่องยนต์ต่ำลงราวกับเสียงสำลักชีวิตของคนป่วยเจียนใจขาด ใช่แล้ว รถคันนั้นลดความเร็วลง คนขับอาจมองเห็นไอ้บ้าคนหนึ่งเดินอยู่ริมถนน เลยอยากแวะมาทักทาย ก็เท่านั้น

    หันไปมองอย่างไม่ยินดียินร้ายนัก พอดีกับคนขับไขกระจกลง

    คุณลองนึกภาพชายหนุ่มใบหน้าซูบผอมและมีใบหน้าที่ขาวซีดราวกระดาษคนหนึ่ง แม้ในแสงไฟสลัวๆจากเสาไฟฟ้าริมถนนจะไม่สว่างมากนัก คุณก็จะเห็นใบหน้าของเขาชัดเจน และตอนนี้เขากำลังยิ้มกว้าง จนเห็นฟันขาวเรียงราย ยิ้มจนเกินความจำเป็นเสียด้วยซ้ำ นั่นล่ะคนขับรถคันนี้

    “ผมไปส่งคุณเอาไหม”

    เขาถามเสียงแหบๆแข่งกับเสียงเครื่องยนต์ที่ยังกระหึ่ม ยิ้มยังคงระบายเต็มหน้าค้างอยู่อย่างนั้น เป็นรอยยิ้มที่แปลกประหลาดระคนน่ากลัว

    ผมหยุดเดิน เขาหยุดรถ

    “ผมรู้จักบ้านคุณ ผมไปส่งเอาไหม”

    เขาเอ่ยขึ้นอีก  ผมมองอย่างประหลาดใจ ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย

    “ผมไม่ใช่พวกปล้นพวกฆาตรกรหรอก อีกอย่างคุณก็เป็นผู้ชาย ตัดปัญหาฆ่าข่มขืนไปได้ ว่าไง.. หรือว่าอยากเดินอยู่คนเดียวจนถึงพรุ่งนี้เช้า”

    “คุณเป็นใคร”

    ผมถามเป็นคำแรกอย่างไม่ค่อยแน่ใจ  ใครก็ตามที่อ้างว่ารู้จักบ้านคุณ โดยที่คุณรับสารภาพว่าไม่รู้จักเขามาก่อน มันเป็นเรื่องที่น่าไว้ใจแค่ไหน

    “เดี๋ยวค่อยคุยกันเรื่องนั้น ผมมีธุระอีกหลายอย่าง จะไปไม่ไปก็ตามใจคุณนะ”

    ดูท่าทางจะไม่มีทางเลือกเสียแล้ว อย่างน้อยยังคงดีกว่าเดินไปแบบไร้จุดหมาย ถนนแถวนี้ดูไม่คุ้นเคยและดูน่ากลัว  อีกอย่างตอนนี้ผมต้องการกลับบ้านโดยเร็วที่สุด

    ประตูรถด้านตรงข้ามกับคนขับเปิดออก เขามองแล้วพยักหน้าเป็นการเชิญชวนกึ่งเร่งเร้า เอาล่ะวะ..ไปก็ไป หมอนี้ตัวเล็กกว่า ท่าไม่ดีหรือไม่ชอบมาพากลขึ้นมาคงซัดมันให้หมอบไปได้  ผมตัดสินใจก้าวขึ้นไปนั่งขณะที่มือควานดูตามกระเป๋ากางเกงเผื่อว่าอาจต้องใช้เป็นอาวุธในรยามจำเป็น

    “ก็แค่นี้...”

    เขาหันมาว่าพลางยิ้มปากกว้าง หลอดไฟหลอดเล็กๆผนังด้านบนส่งแสงสีเหลืองซีดๆสว่างพอจะทำให้เห็นใบหน้าขาวซีดของเขาชัดเจน แต่อะไรก็ไม่ร้ายไปกว่ารอยยิ้มอันน่าเกลียดน่าชังนั้น มันเกินความจำเป็นที่มนุษย์อย่างเราๆท่านๆจะยิ้มแบบนี้

    จากคุณ : Psycho man - [ 12 ก.ค. 47 23:22:19 ]