CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    เรื่องแปล จากหนังสือไต้หวัน เจ้าเก่าครับ แต่ตอนใหม่

    ซุปเปอร์เบสบอลเกมส์

    ในสมัยของพวกผม ความใฝ่ฝันอันสูงสุดของเด็กน้อยคนหนึ่ง ก็คือได้เป็นบ.ก. และนักกีฬาเบสบอลทีมชาติ ความยิ่งใหญ่ของการเป็นบ.ก. ก็คือมีอำนาจเด็ดขาดที่จะปฏิเสธบทความที่เด็ก ๆ ทั้งหลายส่งมา ดังนั้น คุณอา บ.ก.หรือคุณป้า บ.ก. ในความคิดของผม จึงสูงส่งและน่าเคารพเทิดทูนยิ่งนัก ถ้าในขณะนั้นมีคุณอาหรือคุณน้าคนไหน แนะนำตัวว่าเป็น บ.ก. ผมเจอเข้าจะต้องโค้งคำนับ 3 ครั้งด้วยความนอบน้อมในทันที ส่วนนักกีฬาเบสบอลทีมชาติยิ่งไม่ต้องพูดถึง อย่างเช่น หวังเจิ้นจื้อ กวอหยวนจื้อ สวี่จินมู่ หยางชิงฉง เจิ้งไป่เซิ่ง .... ทั้งโด่งดังและเป็นที่ชื่นชมเด็ก ๆ แทบทั้งประเทศ

    ไม้เบสบอลของผม คุณพ่อเป็นผู้ให้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณย่าไม่สามารถทำใจยอมรับได้ ในความคิดของท่าน ผู้เป็นพ่อไม่ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ก็ไม่สมควรให้ของเล่นเป็นของขวัญให้ลูกเด็ดขาด สมัยที่คุณย่าเป็นสาว ได้ยินมาว่าท่านเป็นคุณหนูในตระกูลใหญ่ เมื่อไหร่ที่ท่านอารมณ์ดี ท่านก็จะให้ดินสอ กระดาน สมุดจดการบ้าน ... เป็นของขวัญให้ผม ท่านมักจะเล่าเรื่องวีรชน บุคคลสำคัญต่าง ๆ ให้ผมฟัง สอนให้ผมท่องคัมภีร์โบราณ ซันจื้อจิง แล้วก็ซื้อแบบฝึกหัดคัดพู่กัน พู่กันจีน แล้วก็แท่งฝนหมึกให้ผมเป็นของขวัญ ท่านต้องการให้ผมเขียนหนังสือเยอะ ๆ จะได้เป็นคนที่เอาถ่านในอนาคต

    เห็นได้ชัดอย่างยิ่ง ว่าเราสองคนมีความเห็นที่ไม่ตรงกัน

    ทุก ๆ วันเช้าตรู่ ผมก็จะคว้าไม้เบสบอลของผม ออกจากบ้านไป
    “นายรู้หรือเปล่า จะเล่นเบสบอลให้เก่ง ๆ ต้องฝึกหนัก” อวดฉลาดมันบอกผม
    “ฝึกหนักยังงัย”
    “นายต้องฝึกจ้องแมลงวัน”
    “จ้องแมลงวัน?”
    “ก็ใช่นะสิ นายคอยจ้องแมลงวันนะ ตอนมันบินหึ่ง ๆ นะ จะได้ฝึกสายตา แล้วนายก็จะไม่กลัวลูกมาเร็ว”

    บางที รอไปเถิดครึ่งค่อนวันเราก็หาแมลงวันไม่เจอสักตัว จึงต้องวิ่งไปข้างรางรถไฟ เพื่อรอรถไฟ แล้วคอยจ้องตัวเลขอารบิคข้างรถ เพื่อฝึกสายตาและความตื่นตัว

    จนกระทั่งเที่ยง ใกล้ถึงเวลาอาหาร คุณย่าไม่เห็นเด็ก ๆ ก็จะถือไม้เรียวออกตามหาด้วยความโมโห โดยทั่วไปแล้วก็มักจะหาผมเจอตรงสนามหญ้าของโรงเรียน ผมจะฝึกหวดไม้ ตีลูกอยู่ตรงนั้นเสมอ คุณย่าผมจะอ้วนมาก เวลาวิ่งไขมันจะกระเพื่อมทั้งตัว พอท่านวิ่งมาหา เพื่อน ๆ ผมก็จะคอยส่งข่าวเป็นระยะ ๆ
    “คุณย่าของนายมาโน่นแล้ว”

    ส่วนผมซึ่งยังไม่อยากเลิกซ้อม รอจนกระทั่งท่านวิ่งหอบแฮ่ก ๆ มาใกล้มาก ๆ แล้ว จึงโกยแน่บ...
    ผมจะเริ่มวิ่งซักระยะหนึ่ง แล้วก็หยุดดู คุณย่าก็จะหยุดดูผมด้วย พอเริ่มไล่ล่ากันจริง ๆ ผมจึงวิ่งกลับบ้านสุดชีวิต

    ผมแอบแว่บเข้ามาทางประตูหลังบ้าน เพิ่งจะกระหยิ่มยิ้มหย่องว่าแผนการได้ผล คุณพ่อก็คว้าคอเสื้อผมหมับเข้าให้โดยไม่ทันรู้ตัว

    “ทำอะไรมา”

    “ผม ผม ...”

    ผมเงยหน้าขึ้น เห็นคุณย่าวิ่งกลับมาบ้าน เหงื่อไหล่ไคลย้อย หอบแฮ่ก ๆ แล้วเสียงก็ดังมาก่อนตัว

    “วิ่งหนีอาม่าเหรอ ตั้งใจจะให้อาม่าเหนื่อยจนตายใช่มั๊ย”

    “ใครใช้ให้แกทำให้อาม่าโกรธขนาดนี้ฮึ” คุณพ่อรับไม้เรียวมาจากคุณย่า ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ฟาดก่อนแล้วค่อยว่ากัน

    “โอ๊ย ๆ เจ็บ ๆ ทีหลังผมไม่ทำแล้ว ผมเข็ดแล้วค๊าบบ” ผมยืนพิงอยู่มุมกำแพง จริง ๆ ไม่ค่อยจะโดนไม้สักเท่าไหร่ แต่ต้องร้องให้ดังเข้าไว้ พร้อมกับต้องสอดคล้องกับท่าตีด้วย

    “ครั้งที่แล้วบอกว่าเข็ดแล้ว ครั้งที่แล้วที่แล้ว ก็บอกว่าเข็ดแล้ว มีครั้งไหนที่แกไม่ได้พูดว่าเข็ดแล้วบ้าง”

    “โอ๊ย ๆ ครั้งนี้เข็ดแล้วจริง ๆ คร้าบบ ไม่กล้าแล้วคร้าบบ” ตามความคาดหมาย เพียงชั่วครู่ คุณแม่ของอู๋เหม่ยลี่ อาอี๊ข้างบ้าน แล้วก็ยัยอู๋เหม่ยลี่จอมกวน ก็มากันครบทีม

    “เอาน่า เด็กมันรู้ตัวแล้วว่าผิด ก็ยกโทษให้มันซักครั้งเถอะ” คุณแม่ของอู๋เหม่ยลี่ช่วยขอร้องให้

    “โอ๊ย ๆ รู้ตัวแล้วครับ ผมผิดไปแล้วครับ ทีหน้าทีหลังไม่ทำอีกแล้วครับ” มีกองหนุนแล้ว เสียงผมก็ชักจะดังขึ้น

    หลังจากพยายามเช่นนี้ไปไม่นาน คุณย่าก็มักจะใจอ่อน พูดว่า

    “เอาเถอะ ๆ ครั้งนี้จะยกโทษให้ ถ้ามีครั้งหน้าอีก รับรองว่าจะตีให้ตายคาไม้เลยคอยดู”

    ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี นอกจากยัยอู๋เหม่ยลี่เท่านั้น ที่ทำหน้ากิ๊ว ๆ หน้าไม่อายใส่ผม ทำให้ผมรู้สึกเสียเหลี่ยมเป็นอย่างมาก

    ผมจะเป็นเด็กดีได้ไม่ค่อยจะเกินหนึ่งวันเต็ม เช้าวันรุ่งขึ้น ผมก็จะลืมเรื่องโดนตีนั้นจนหมดสิ้น ว่าแล้วก็แบกไม้เบสบอล วิ่งจู๊ดออกไปหาสถานที่ฝึกหนักต่อไป กล้าหาญชาญชัยรับผิด ไม่มีทางแก้ไขในสิ่งผิด

    ความฝันอันสูงสุดของผมคือได้ลงแข่งสักครั้ง แต่ผมเป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆ พวกเด็กโตส่วนใหญ่จะไม่ต้องการให้ผมร่วมทีม เพราะนั่นจะทำให้ประสิทธิภาพของทีมพวกเขาลดลง ถ้าหากบังเอิญโชคไม่ดีจำนวนคนไม่พอ หรือไม่ก็ทนถูกผมอ้อนวอนขอร้องแทบจะร้องไห้ขี้มูกโป่งไม่ได้ จนฝืนใจให้ร่วมทีม พวกเขาก็ห้ามผมหวดไม้เด็ดขาด

    ยืนอยู่บนตำแหน่งผู้ตี แต่ถูกห้ามหวดไม้ จะให้ทำอะไรละ คุณทายถูกต้องแล้วครับ คอยให้พิชเชอร์ ขว้างลูกมาฟาวล์ 4 ลูก เพื่อจะได้สิทธิ์คลื่อนที่ไปครอบครองเบส 1 ทันที ที่เรียกว่า “การได้เบสโดยบอล” (Base on Ball) นั่นแหละครับ เฮ้อ !  คอยไปเหอะ

    บางทีผมเกิดทนไม่ได้ หลังจากพิชเชอร์ขว้างมา ลูกดีสองครั้ง ลูกฟาล์วสามครั้ง ผมก็เลยตั้งใจหวดไม้ซักทีนึงแล้วเกิดวืด จึงต้องจบอินนิ่งนั้นด้วยผลงาน สไตรค์เอ้าท์ (Strike Out) ก็ปรากฎว่าเด็ก ๆ ทุกคน รวมทั้งพวกคนที่ ถูกสไตรค์เอ้าท์ (Strike Out) เมื่ออินนิ่งก่อนหน้า ต่างก็จ้องตาถลน พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า


    “เป็นเพราะนายคนเดียว”

    เอาเป็นว่าทีมของพวกผมแพ้ประจำ และทุกคนก็ลงความเห็นว่า เป็นความผิดของผมเสมอ


    ผมมักจะฝันอยู่บ่อย ๆ ฝันว่าตัวเองได้ตีโฮมรันที่แสนสวยงาม ช่วยกู้สถานการณ์อันย่ำแย่ เหมือนป๊อบอายได้กินผักโขม กลับแพ้เป็นชนะได้ทันท่วงที จากนั้นผมก็ค่อย ๆ วิ่งเหยาะ ๆ กลับไปที่โฮมเพลท ท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้อง และเสียงโห่ร้องยินดีจากกองเชียร์ทั้งสนาม


    ผมพยายามฝึกซ้อมเรื่อยไป ในที่สุดวันหนึ่ง โอกาสก็มาเคาะประตูบ้านผมจนได้

    รอ รอ รอ จนกระทั่งถึงตาผมได้เข้าตำแหน่งผู้ตี

    คะแนน 1 ต่อ 3 ฝ่ายตรงข้ามนำอยู่ 2 แต้ม สองลูกดี สามลูกฟาล์ว ผู้ตีสองคน ไสตร์คเอาท์ เบส 1 และเบส 2 มีคน เป็นช่วงอินนิ่งสุดท้าย

    “นายหาทางทำให้ลูกบอลมาโดนตัวนายให้ได้ เพื่อทำให้เบสเต็ม” คำสั่งของโค้ช

    “เราต้องทำได้” ผมบอกตัวเอง

    แต่ทว่า ในวินาทีที่พิชเชอร์กำลังเตรียมขว้างลูกนั่นเอง โอ้ พระเจ้า พวกคุณทายสิครับว่าผมเห็นอะไรเข้า

    ถูกต้อง คุณย่าของผมนั่นเอง ก่อนหน้านี้ก็ไม่มา หลังจากนี้ค่อยมาก็ไม่ได้ วิ่งถือไม้เรียว หอบแฮ่ก ๆ มาแต่ไกล

    “สีโนวเกี้ย กี่โมงเข้าไปแล้ว ไม่รู้จักกลับบ้านไปกินข้าว” เสียงของท่านแผดมาแต่ไกล

    พิชเชอร์กำลังจะขว้างลูกแล้ว คุณย่าก็วิ่งใกล้เข้ามาทุกที โอ้ เวลามีไม่มากแล้ว

    ตอนนี้เอง ผมไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น หลับหูหลับตาหวดไม้ออกไปเต็มแรงเกิด

    --- ป๊อก ---

    ลูกบอลลูกนั้น ลอยไปลิบลิ่ว ทั้งสูงทั้งไกล แม่จ๋า นั่นมันโฮมรันนี่

    สมาชิกทั้งทีมตะโกนโห่ร้องขึ้นมาในทันที ส่วนคุณย่าของผมก็วิ่งใกล้เข้ามาทุกที สำหรับท่านนะ ไม่สนหรอกว่าใครจะทำโฮมรัน หรือใครจะ 3 สไตรค์เอาท์

    “วิ่งต่อไปสิ ดูสิวันนี้อาม่าไม่ตีแกให้ตายให้มันรู้ไป”

    “วิ่งเสะ รีบวิ่ง เดะ เร็วเข้า ๆ” เพื่อน ๆ ทุกคนส่งเสียงเร่ง เริ่มจากคนที่เบสสอง วิ่งกลับโฮมเพลท ตามด้วยคนที่เบส 1 วิ่งกลับโฮมเพลท

    โฮมรันนะเว่ย ... ผมบอกตัวเอง ว่าแล้วก็หลับหูหลับตาอีกครั้ง วิ่งไปยังเบสที่ 1

    “ดูสิ แกจะวิ่งหนีไปไหนพ้น” ผมวิ่งถึงเบส 1 คุณย่าก็ไล่มาทัน

    ผมเลี้ยวโค้ง วิ่งไปยังเบสสอง คุณย่ายืนเท้าสะเอว จ้องตามหลังผมอย่างไม่ลดละ

    รอจนผมเลี้ยวโค้งและกำลังวิ่งไปเบส 3 ไอ้หยา คุณย่าของผมยืนคอยผมอยู่ที่โฮมเพลทนั่นแล้ว

    ผมยืนลังเลอยู่ที่เบส 3  จะเอางัยดี

    “วิ่ง วิ่ง วิ่ง วิ่ง วิ่ง . . . . .”

    ผู้คนทั้งสนามตะโกนเสียงดังลั่นอย่างตื่นเต้น วิ่ง ! วิ่ง ! วิ่ง ! วิ่ง . . .

    “แน่จริงเอ็งก็วิ่งกลับมาสิ” คุณย่าของผมยืนจังก้าอยู่ที่โฮมเพลท กวัดแกว่งไม้เรียวในมือควับ ๆ ไปมา ทำท่าเหมือนกำลังจะตีโฮมรันอีกรอบนึง

    สามต่อสาม คะแนนเสมออยู่ “เร็วเข้าซี่ ถ้าแกยังไม่รีบวิ่งต้องตายแน่ ๆ” ความหวังและเกียรติยศ อีกแค่คะแนนเดียว ก็จะชนะอยู่แล้ว

    “วิ่ง วิ่ง วิ่ง วิ่ง วิ่ง . . . . .”

    ในที่สุดผมก็รวบรวมความกล้า สูดลมหายใจเต็มปอด ตัดสินใจหลับหูหลับตาอีกรอบ วิ่งกลับไปยังโฮมเพลทเพื่อได้แต้ม วินาทีนั้นเอง ผมได้ยินเสียงโห่ร้องยินดี และเสียงปรบมือดังกึกก้องยังกะพลุแตก

    ท่ามกลางเสียงโห่ร้องนั้นเอง ฮีโร่ของพวกเขาก็ถูกคุณย่าคว้าหมับไว้เต็มเปา โดนตีไปพลาง ร้องขอชีวิตไปพลาง


    “ไม่ทำแล้วคร้าบบ คราวหน้าไม่กล้าแล้วคร้าบบ ช่วยด้วย ๆ คราวหน้าผมไม่กล้าแล้วจริง ๆ ค้าบบบ ...”


    ขอบคุณ http://www.condorsclub.com/  เฮ้อ

    ฝากติชมด้วยครับ

    จากคุณ : beer87 - [ 14 ก.ค. 47 20:24:30 ]