CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    ใครว่าความแก่ไม่ดี

    ก่อนที่ดิฉันจะปลงและยอมรับความแก่ ต้องผ่านการโมโหตัวเอง โทษตัวเองหลายครั้ง ยกตัวอย่างเช่น กำลังก้าวอยู่ที่บันใด ทันใดนั้น สมองก็ไม่สั่งงาน ต้องยืนนิ่งชั่วขณะ และคิดว่านี้เรากำลังจะขึ้นหรือลงกันแน่ ต้องยืนทบทวนอยู่พักใหญ่จึงนึกได้ เจอเรื่องจริงอย่างนี้แล้วคุณจะโทษใคร?

     
    เหล้าบรั่นดีรสเยี่ยม เก็บยิ่งนานยิ่งดี


    ต่อมาเรื่องแปลก ๆ นับวันยิ่งแยะขึ้น ตัวอย่างเช่น บางครั้งเสียอกเสียใจ น้อยอกน้อยใจจนร้องไห้ แต่แปลกไม่มีน้ำตาสักหยด แต่เวลาหัวเราะ กลับน้ำหูน้ำตาแย่งกันไหล

    ทำไมการ์ดเชิญไปงานแต่งน้อยลง แต่การ์ดเชิญไปงานศพกลับมากขึ้น

    ยิ่งกว่านั้นบางมื้อทานข้าวอิ่มแล้ว แต่ก็คิดว่ายังไม่ได้กิน ทำไมวันนี้ พวกแกไม่จัดอาหารกินกัน! โถยายเพิ่งจะเก็บล้างจานเสร็จ

    นับจากนั้นมา ฉันเพิ่งรู้ตัวว่า กำลังแก่แล้ว ฉันจะตั้งสติให้ดี ไม่ตกอกตกใจ กับอาการแปลกใหม่ที่เพิ่มขึ้นกับตัวเองเท่าไหร่  เพื่อความ สบายใจ ฉันก็เริ่มวางแนวจิตวิทยาปลอบใจตัวเอง ใครว่าฉันนับวันก็มีแต่แก่ขึ้น ฉันนะ นับวันยิ่งดูดีขึ้นต่างหาก!

    ก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ นี่ พอยิ่ง แก่ตัวขึ้น ใบหน้านับวันก็มีความ เมตตาเพิ่มขึ้น บวกกับเคยผ่าน ประสบการณ์มาเยอะ ชีวิตมาถึงจุดนี้ ก็เหมือนเหล้าบรั่นดี ที่หมักยิ่งนาน ก็ยิ่งรสดี คุณภาพสูง ใครได้เคยชิมมา ต่างต้องชมเชยเป็นเสียงเดียวกันว่า “ยอดเยี่ยม”

    คนเราพอเริ่มมีอายุ ไม่ต้องคอยกังวลว่าใครจะมาลวนลาม ตรงกันข้าม กลับได้รับความเคารพเป็นพิเศษด้วย แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่า ต่างคนต่างมีค่านิยม ในการได้รับความเคารพนั้น ๆ อย่างไร  ยกตัวอย่าง เมื่อสิบปีที่ผ่านมา ดิฉันมีเพื่อนรักคนหนึ่ง อายุก็ยังไม่ถึงเลข 5 สุขภาพแข็งแรง จนสามารถ วิ่งปราดเปรียวคล่องแคล่วในสนามเทนนิสได้นั่นแหละ แต่ว่าได้รับมรดก ตกทอดจากคุณแม่เรื่องผมหงอกขาวโพลนทั้งหัว

    มีอยู่วันหนึ่งขึ้นรถเมล์ไปทำงาน พอดีต้องยืนโหนอยู่หน้าลูกเสือ ตัวเล็กคนหนึ่ง พอดีเจ้าหนูน้อยคนนี้เคร่งครัดกฎระเบียบลูกเสือ ที่ได้รับการอบรมมาอย่างดีว่า ต้องทำแต่ความดี ต้องเสียสละ ว่าแล้วก็ ลุกขึ้นยืนแล้วเชิญเขานั่งด้วยความเคารพ

    ภายใต้สายตาของคนในรถ ซึ่งต่างก็มองดูกัน อยากจะอธิบายเรื่อง ความขาวโพลนของสีผมก็ไม่มีโอกาส จึงจำใจต้องนั่งลงด้วยความลำบากใจ นั่งลงแล้วก็จริง แต่ก็ทำให้เขาคิดมากจนนอนไม่หลับไปหลายวัน เจ้าหนู ลูกเสือตัวน้อยคนนี้เห็นเขาเป็นคนแก่ได้อย่างไร เสียศักดิ์ศรีเสียเกียรติ กระไรเช่นนี้

    แต่เขาก็ยังไม่มีความคิดว่าต้องไปย้อมผม จนกระทั่งวันหนึ่งได้รับเชิญ ไปบรรยายหัวข้อวิชาการที่ประเทศจีน คนในหมู่บ้าน ต่างก็จูงลูกจูงหลาน มาให้การต้อนรับ มีชายคนหนึ่งจูงเด็กอายุประมาณ 10 ขวบมาด้วย พอเดินเข้ามาถึงข้างหน้าเขา ชายคนนั้นก็สะกิดเด็กชายคนนั้นและพูดว่า  : “สวัสดีคุณปู่ซิ” นั่นแหละที่ทำให้เขายอมกัดฟันไปย้อมผมจนได้

    ลืมไปด้วย ทั้งเรื่องบุญคุณ เรื่องความโกรธแค้น ลืม  ๆ  มันซะ กลับรู้สึกโล่งใจ ไม่ต้องทำให้นอนไม่หลับ

    หลายวันก่อน เดินไปกินข้าวเที่ยงที่ร้านอาหาร ที่ประตูหน้าร้านมีคน ยืนอยู่มากมาย ในขณะที่ดิฉันสาละวนกับการแทรกตัวเพื่อผ่านผู้คน เดินเข้ามานั้น ก็เจอกับอาเพ่ยเข้า เห็นเธอกำลังมองมาที่ฉันพอดี แต่พอเจอกัน จัง ๆ เธอกลับหันไปมองทางอื่นเหมือนคนไม่เคยรู้จัก จนฉันเดินเข้าไป ทักเธอก่อน เธอตกใจ แล้วมีสีหน้ารู้สึกผิดและพูดว่า : “โอย ! สมองฉันต้องมี ปัญหาแน่ ๆ ไม่งั้นทำไมแม้แต่เธอฉันยังจำไม่ได้ ?”

    ถึงแม้ว่าฉันได้ยินเขาโทษสมองตัวเอง ก็จริงแต่ฉันก็อดคิดไม่ได้ว่า ตัวฉันคงแก่ไปมากหรือนี่ ริ้วรอยคงเพิ่มขึ้นมาก กล้ามเนื้อคงหย่อนยาน ลงรวดเร็วมาก เพราะเจอกันเมื่อไม่กี่อาทิตย์นี้เอง เพื่อนรักเก่าแก่ ยังจำกันไม่ได้  ยังกะไม่ได้พบกัน 3 ปี

    สามีของเธอเดินเข้ามาพอดี เธอก็เล่าเรื่องที่จำฉันไม่ได้ให้สามีฟัง ได้ยินสามีของเธอตอบว่า : “แล้วมันแปลกตรงไหนละ ? วันก่อนเธอยังจำ พ่อตัวเองไม่ได้เลยมิใช่หรือ ? ”

    ที่ไหนได้มีอยู่วันหนึ่ง อาเพ่ยเดินอยู่บนถนน เห็นสุภาพบุรุษคนหนึ่ง เดินสวนมา เธอก็หยุดจ้องหน้าเขาสักพักหนึ่งก็พูดว่า :  “คุณนี่หน้าตาเหมือน พ่อฉันจังเลย”  สุภาพบุรุษท่านนั้นตอบกลับมาว่า : “ก็อั้วเป็นพ่อลื้อนี่นา!”


      ตามัวพร่า ใจไม่บอด ยิ่งแก่ยิ่งดูดี

    เมื่อได้ยินสามีเธอเล่าอย่างนี้ค่อยโล่งใจหน่อย ว่า ไม่ใช่เพราะสังขารฉัน ที่ทำให้เธอจำไม่ได้

    หลังอาหารวันนั้น ก็นัดอาเพ่ยออกไปดื่มกาแฟด้วยกันที่ร้าน เธอก็หยิบแว่นสายตายาวออกมาใส่อย่างใจเย็น แล้วหยิบรายการเครื่อง ดื่มขึ้นมาอ่าน พักใหญ่ทำหน้าเหยเก แล้วถามว่า นี้มันตัวอักษรของประเทศไหน ทำไมอ่านไม่ออกสักตัว

    ฉันนั่งตรงข้ามกับเธอได้ยินเช่นนี้ ก็เลยเหลือบตามองไป เห็นตัวหนังสือก็ชัดเจนดี เรียงเป็นแถวก็เรียบร้อย ทำไมอ่านไม่ออก รู้สึกภูมิใจ ตัวเองว่า อืม ! สายตาฉันก็ยังไม่เลวนะ พอดีผู้จัดการหญิงของร้านเดินยิ้ม ผ่านมา เธอขอรายการเครื่องดื่มไปจากมืออาเพ่ย แล้วก็กลับหัวใหม่ เสร็จแล้ว ยื่นกลับมาให้อาเพ่ย และพูดว่า : “ถือกลับหัวกันนี่คะ จะอ่านออกได้ยังไง ?”

    นั่นซินะ ถือกลับหัวแล้วจะอ่านออกได้ยังไง อาเพ่ยนี่ถือหนังสือกลับหัว ยังไม่รู้ตัวอีก แต่ เอ! ทำไมเมื่อกี้นี้ ฉันดูไม่ออกหละ? ว่าอาเพ่ยถือรายการ เครื่องดื่มกลับหัว?


    จูเสียวเยี่ยน

    อันนี้แปลไว้นานแล้วครับ จากหนังสือพิมพ์สากล
    ต้นฉบับผมว่าน่าจะมาจากไต้หวันอีกที

    แปลไว้นานมากแล้ว ค้นเรื่องเก่า ๆ แล้วเจอ เลยเอามาลงให้อ่าน ติชมกันครับ

    จากคุณ : beer87 - [ 17 ก.ค. 47 18:05:36 ]