ตอนที่แล้ว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2915866/W2915866.html
++++++
ความเดิม
ให้มันได้อย่างนี้สิทูนหัว คุณยายที่ตอนแรกยินนิ่ง แต่ตอนนี้ก็กำลังทำท่าทางไขว่คว้าตะกายขึ้นไปในอากาศ มืองอหงิกบิดไปมาผิดรูป ใบหน้าที่สงบเงียบกลายเป็นกำลังแลบลิ้นปลิ้นตาอย่างน่าสยดสยอง ลิ้นยาวเหยียดตวัดแลบเลียไปมาเหมือนหิวกระหายเสียเต็มประดา ศีรษะสะบัดรุนแรงจนน่ากลัวคอหักจนได้ยินเสียงกระดูกต้นคอลั่นชัดเจน
วินาทีนั้น ผมบอกกับตัวเองว่ากำลังถูกผีหลอก แบบนี้มันไม่ใช่อาการประสาทหลอนแล้ว
เอาศพออกมา....เอาศพออกมา
เสียงแหบโหยสั่นประสาทดังซ้ำซากออกมาจากปากของคุณยายสยอง
+++++++
สิ่งที่จะต้องทำในตอนนี้คือนี้ออกจากตรอกผีสิงนี่ก่อนที่จะถูกอำนาจของความกลัวโถมทับจนสติแตก มองเห็นทางออกอยู่ไกลๆ แสงสว่างถามถนนปรากฏให้เห็นเป็นช่องราวประตูสวรรค์ ผมพยายามไม่มองอะไรทั้งนั้นรวบรวมกำลังที่ยังเหลือวิ่งตรงไปยังถนนใหญ่สุดชีวิต เสียงฝีเท้ากระทบพื้นดังสะท้อนไปมาในตรอกนั้นเหมือนมีเสียงฝีเท้าผู้คนจำนวนมากวิ่งไล่หลังตามมาติดๆเสียงอุบาทว์นั่นไล่มาตั้งแต่พื้นผิวถนนชื้นแฉะ ไต่ขึ้นมาตามสองขาที่อ่อนล้า คืบคลานมาตามไขสันหลังอย่างช้าๆ ราวกับกับตัวหนอนมรณะอันเยือกเย็นที่น่าพรั่นพรึง
จะเรียกว่าเป็นการวิ่งแบบล้มลุกคลุกคลานก็ได้ เพราะความมืดทำให้ลื่นล้ม โดยฝีเท้าโซซัดโซเซ หรือไม่ก็ชนถังขยะล้มลงไปหลายใบ กลิ่นเหม็นเน่าแสะสาบสางโชยออกมาแทรกอณูอากาศ แมลงบางชนิดวิ่งพล่านไปตามแขนขา หลายตัวส่งเสียงหึ่งๆอยู่ข้างหู ถังขยะพวกนี้มันมีสำหรับทิ้งอะไรกันนะ ถึงได้เหม็นอับๆบรรลัยวายวอดแบบนี้ สิ่งที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นเมื่อมือควานไปถูกมันมีลักษณะเหมือนเศษหนังตากแห้ง บางชิ้นก็หยุ่นเหนียวเย็นชืดจนน่าขนลุกจนชวนให้คิดไปว่าเป็นเศษชิ้นส่วนของซากศพตายซาก ยังดีที่ความมืดทำให้มองไม่เห็นว่ามันคืออะไรกันแน่ บางอย่างไม่รู้เสียเลยจะดีกว่า
แต่ในที่สุดก็มาถึงปากซอยจนได้ถนนใหญ่จนได้ พ้นจากตรอกนรกเสียที
ถนนด้านหน้าเวิ้งว้างว่างเปล่า ว่างเปล่าจนน่ากลัว
ตาฝาด ประสาทหลอน เราจินตนาการไปเอง
พยายามคิดอย่างนี้จนสุดความสามารถ เพราะนั่นดูเหมือนจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของคำตอบที่ควรจะเป็นไปได้ ทั้งที่ความรู้สึกลึกๆบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ไม่มีใครจะประสาทหลอนชัดเจนเป็นจริงเป็นจังขนาดนี้
แต่มันต้องเป็นเราต้องเพี้ยนไปเอง..ผมภาวนาให้ตัวเองวิปริตผิดเพี้ยนไปจริงๆ อย่างนั้นก็พอปลอบใจได้ว่าสิ่งที่เผชิญเมื่อครู่ไม่ใช่เรื่องจริง เพราะเรื่องจริงที่น่ากลัวแบบนี้ยากที่จะทำใจรับได้
ถนนใหญ่เงียบกริบ ด้านซ้ายขวาไม่มีรถผ่านมาสักคัน แสงไฟตามเสาไฟฟ้าเหลืองซีดและหม่นมัว ไฟตามตึกรามบ้านช่องข้างทางดับเกือบหมดแล้ว เบื้องบนตอนนี้เห็นดวงจันทร์กำลังพยายามสลัดตัวเองออกจากม่านเมฆมืดดำเคลื่อนผ่านกราดเกรี้ยว ก้อมเมฆบางก้อนปั้นหน้าทะมีนดำปานผีนรกสิงสู่
ตอนนั้นเองผมถึงรู้ว่าความหวาดกลัวที่แท้จริงคืออะไร
ความหวาดกลัวมันประกอบขึ้นมาจากสภาพจิตใจที่อ่อนแอราวไฟกำลังสิ้นเชื้อ ความเงียบ ความโดดเดี่ยวอ้างว้าง ความไม่เข้าใจ ความสับสนและสิ้นหวัง นี่มันคืนนรกอะไรกัน ทำไมต้องเกิดเรื่องน่ากลัวแบบนี้กับผมด้วยนะ
สายลมยามราตรีเย็นยะเยือก พัดมาจากตรอกซอกซอยอันลี้ลับมืดดำ พัดไปตามถนนอันเปล่าเปลี่ยวอ้างว้าง พัดผ่านหัวใจอันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และอ่อนแอ พัดผ่านมุมตึกและป้ายโฆษณาต่างๆดังหวีดหวิวเหมือนเสียงปีศาจคร่ำครวญหวนไห้ ป้ายโฆษณาบางอันแกว่งไปมามาตามลมกรรโชกดัง เอี๊ยดอ๊าด บาดความรู้สึก ผ้าประดับหน้าร้านบางผืนหลุดร่วงบางมุม และหมายถึงการสะบัดพลิ้วราวผ้าพันคอใครบางคนซึ่งมองไม่เห็น
แต่ในที่สุดผมก็เริ่มต้นเดินย่ำไปบนผิวถนนอันเต็มไปด้วยฝุ่นละอองและเศษขยะ เดินไปอย่างไร้จุดหมายสุดแต่เท้าจะพาไป ให้ตายเถิด ...ทำไมเมืองมันสกปรกอย่างนี้ พวกนักการเมืองที่แหกปากเห่าหอนให้กับความดีของตัวเองหายหน้าไปไหน...
เสียงบานหน้าต่างกระชากตัวเองกระแทกขอบหน้าต่างดังกึง ดังพอที่ทำให้สะดุ้งเฮือก มนุษย์หน้าไหนฟะ มาปิดหน้าต่างยามวิกาล แต่ภาพที่มองเห็นคือความดำมิดและความเงียบซึ่งปราศจากร่องรอยความมีชีวิต เออ..มันอาจเป็นแรงลมกระชากหน้าต่างสักบานก็ได้ แต่ลมก็ไม่เห็นพัดแรงเท่าไร ช่างหัวมันเถอะ คิดมากเดี๋ยวประสาทเสีย
กลิ่นอะไรบางอย่างลอยมาตามลม กลิ่นคุ้นๆเหลือเกิน เหมือนกลิ่นธูป ที่ลอยมาจากหน้าโลงศพ มันฉุนเหมือนผสมมากับน้ำยาดับกลิ่นและศพค้างเดือน ทำให้นึกถึงเรื่องเล่าของคนสมัยเก่า ซึ่งมีชีวิตอยู่ในความไร้ความเจริญทางวัตถุ เล่าถึงประเพณีแห่ศพไปยังป่าช้า ซึ่งมักจะอยู่นอกหมูบ้าน บางครั้งสภาพศพยังไม่พร้อม แขนขาถูกหักและดัดจนผิดรูปให้เข้ากับโลงศพมาตรฐานสากล
เอ้ย....คิดอะไรบ้าๆ ผมกระชากความคิดตัวเองกลับมาอย่างรุนแรงและเฉียบพลัน
ผ่านทางเท้าที่ยังพอมีคนจรจัดพากันนอนขดตัวในเศษผ้าเก่าๆ พวกคนเหล่านี้ทั้งน่ากลัวและน่าสงสาร พวกเขาจะรู้จักกับความหวาดกลัวบ้างไหมนะ เมื่อได้เสียงฝีเท้าของผมผ่านไปดูเหมือนจะผงกหัวขึ้นมาดูอย่างเงียบๆ และไม่ยินดียินร้าย บางคนซ่อนอยู่ในเงามืดของชายคาตึกจนแทบดูไปแล้วไม่ต่างจากศพที่รอการขนเอาไปทิ้ง กลิ่นอับๆโชยอกมาเตะจมูก
ผมใช้ไม่กล้ามองตรง ๆ ทำไมความคิดที่ว่าพวกเขาอาจเป็นเพียงซากศพที่นอนเรียงรายตามทางเท้ารอให้คนมาเก็บศพเท่านั้น ความคิดบ้าๆนี้มาจากไหนก็ไม่รู้ อย่างนั้นมันทำให้ประสาทเสียอย่างไม่มีเหตุผล ที่จริงน่าจะดีใจเพราะอย่างน้อยก็ไม่ได้อยู่คนเดียว แต่ทำไมมันยังคงรู้สึกวังเวงน่ากลัวเหมือนเดิม หรืออาจจะหนักกว่าเก่าเสียด้วยซ้ำ มีเสียงเหมือนคนถอนหายใจดังเฮือกดังมาจากผู้คนเหล่านั้น และหากคุณได้ยิน ผมเชื่อว่าคุณก็ต้องเชื่อว่า นั่นเป็นเสียงถอนหายใจของใครบางคนแต่บางทีอาจเป็นเพียงประสาทหลอนก็เป็นไปได้
เดินไกลเท่าไรไม่อาจคำนวณได้ แต่รู้สึกว่าแสงไปตามถนนลดน้อยลงทุกที เหมือนปราศจากการเอาใจใส่จากหน่วยงานซึ่งรับผิดชอบ แสงเหลืองซีดจากโคมไฟตามเสาไฟฟ้าเริ่มทิ้งช่วงให้ความมืดยึดพื้นที่ ตึกรามบ้านช่องข้างทางยิ่งไม่ต้องพูดถึง เหมือนไม่มีสิ่งมีชีวิต ถนนก็ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยฝุ่นที่กระจายตัวเป็นละอองหม่นมัวทุกครั้งที่ลมพัดผ่าน
เงาตามผนังตึกวูบวาบไปจากเงาของผมที่ยังพอมองเห็นทอดยาวไปตามผนังอันเป็นผลจากการเดินห่างออกมาจากเสาไฟฟ้าริมทาง เงาดูเหมือนภูติผีเคลื่อนที่ไปตามผนัง ในสถานการณ์แบบนี้อาการประสาทหลอนเกิดขึ้นง่ายๆ พยายามปลุกปลอบใจให้เข้มแข็ง เราเดินอยู่ในเมือง ตึกข้างๆนี้คงมีผู้คนนอนหลับไหลกันอยู่ อย่างสุขสบายบนที่นอนอันอบอุ่นเราไม่ได้อยู่คนเดียว เราไม่ได้อยู่คนเดียว
.
พยายามข่มใจมองเงาตัวเองบนผนัง .. มันก็แค่เงาเท่านั้น ใช่ มันแค่เงาธรรมดา แต่สิ่งที่ผมเห็นบนผนังตึกริมทางทำให้ผมขนลุกเกรียว ใจเต้นแรง ความรู้สึกวูบหวิวเหมือนจะหน้ามืดเป็นลมโดยกะทันหัน
ผนังตึกที่มองเผินๆเหมือนเป็นเพียงผนังราบเรียบ ความจริงไม่ใช่ มันมีตัวหนังสือเขียนอยู่ และดูเหมือนจะเขียนเรียงรายกันไปตลอดแนวตึก ภาพส่วนมีภาพลางๆ ของภาพถ่ายเก่าแก่จนซีดเหลืองติดไว้ด้วย พร้อมกับด้านล่างของภาพมีตัวหนังสือบอก ชาตะ มรณะ ไว้เรียบร้อย
นั่นมันชื่อคน ใบหน้าคนที่ไม่รู้จักมักคุ้น ราวกับที่นี่เป็นสุสานที่ฝังศพเรียงรายตามข้างทาง ในกำแพงตึกเหมือนเป็นที่บรรจุร่างไร้วิญญาณมากมาย และคงเรียงรายไปจนสุดลูกหูลูกตา
ชื่อคนตาย ภาพคนตายทั้งนั้นที่เรียงรายตามผนังตึก มันอะไรกันนี่!
ผมเดินเข้ามาอยู่ในสุสานขนาดใหญ่หรืออย่างไร พอคิดอย่างนี้ความเย็นยะเยือกยิ่งวิ่งเข้าเกาะกุมความรู้สึกจนประสาทแทบชาค้าง นี่เรากำลังเดินอยู่ในสถานที่ซึ่งควรเป็นที่อยู่ของคนตายหรืออย่างไร หลับตาลงพยายามตั้งสติ ก่อนจะลืมตาขึ้นมาเพื่อหวังว่าภาพที่เห็นจะหายไป หวังว่ามันเป็นเพียงอาการประสาทหลอน
เป็นการหวังมากเกินไปจริงๆ ลืมตาขึ้นมาภาพและตัวอักษรพวกนั้นยังคงอยู่ แถมพอเอามือคลำดูยังรู้สึกได้ถึงรอยสลักลงไปในเนื้อคอนกรีตที่เย็นชืด
ไม่มีเมืองไหนหรอกที่จะเอาคนตายมาบรรจุในตึกรามบ้านช่องแล้วจารึกชื่อ ชาตะ มรณะ ตามผนังตึกแบบนี้ มันจะต้องมีอะไรผิดปกติสักอย่าง เพียงแต่ยังหาคำตอบไม่ได้เท่านั้น รู้สึกแข้งขาอ่อนหมดแรงจนต้องทรุดตัวลงกับพื้น สมองลั่นเปรี๊ยะ
เสียงกระหึ่มดังมาจากด้านหลัง เป็นเสียงที่จดจำได้ดีเหลือเกิน แต่ตอนนี้มีกำลังได้แค่หันไปมองเท่านั้น ร่างกายชาดิกเหมือนเป็นอัมพาตไปชั่วครู่
รถบรรทุกศพสีดำคันนั้นอีกแล้ว ต่อให้มองไม่ชัดก็จำได้ แสงไฟจากหน้ารถลุกเหลืองจ้าราวเป็นดวงตาแห่งปีศาจจากนรก คืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆเหมือนภาพในฝันร้าย จนวิ่งมาจอดอยู่ไม่ห่างออกไปมากนัก พร้อมกับกระจกด้านคนขับถูกไขเลื่อนลง ใบหน้าซีดเซียวและขาวจนน่ากลัวโผล่ออกมายิ้มกว้างและค้างอยู่นานจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ รอยยิ้มพิกลน่ากลัวแบบนี้มีเพียงเจ้าเดียว..
หลังจากนั้น เขาก็ก้าวลงจากรถ เดินอ้อมไปด้านหลังรถ เปิดประตูหลังพร้อมกับยกของสิ่งหนึ่งออกมาวางบนพื้นถนนด้วยท่าทางไม่ต้องออกแรงอะไรมากมาย
ภาพที่เห็นแม้จะมีแสงสลัวลาง แต่ก็ยังดูออกว่าสิ่งนั้นคือโลงศพ วางอยู่บนรถล้อเลื่อนอย่างเรียบร้อย เขาหันหน้ามายิ้มนรกให้ผมอีกครั้งก่อนจะออกแรงผลักล้อเลื่อนบรรทุกโลงศพให้พุ่งตรงมาหาผมอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เห็นสุดท้ายคือรอยยิ้มนรกใหญ่เต็มหน้าและเงาดำทะมึนของโลงศพที่พุ่งเข้ามาอย่างน่ากลัว
สติของผมดับวูบลงในตอนนั้นนั่นเอง หลังจากขมวดเกลียวตึงเครียดบีบเค้นมานาน
++++
จากคุณ :
Psycho man
- [
24 ก.ค. 47 15:15:56
]