CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    ####ในค่ำคืนนั้น......... ณ ที่แห่งหนึ่ง####

    ในค่ำคืนนั้น…ณ สถานที่แห่งหนึ่ง

    ในค่ำคืนที่มืดสนิท ดวงจันทราลอยเด่นอยู่กลางนภา ไร้แสงสุกสกาวจากหมู่ดาวที่วันนี้หลบลี้หนีหายไปมาเคียงคู่ บริเวณริมบึงท่ามกลางหญ้าที่ขึ้นสูงเกือบท่วมหัว มีเด็กน้อยนั่งหน้าเศร้า จ้องมองเงาตนเองที่สะท้อนกลับขึ้นมาจากน้ำใส

    “คุณพ่อ..คุณแม่..”

    เด็กสาวเอ่ยเสียงเครือ เมื่อเธอนึกย้อนถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ น้ำตาก็ไหลทะลักออกมาจากดวงตาเศร้า ๆ คู่นั้นทันที

    #####################################################################

    “แถวนี้มืดจังเลยค่ะ คุณพ่อ คุณแม่ กำลังจะพาหนูไปไหนหรือคะ”

    เด็กสาวตัวน้อยอายุประมาณ 8 ปี เอ่ยถามเสียงใส ดวงตาจับจ้องอยู่ภายนอก บรรยากาศเย็น ๆ สบายตาที่หาดูได้ยากยิ่งในเมืองแห่งความวุ่นวายนี้ บ้านแต่ละหลังปลูกอยู่ค่อนข้างห่างกัน ตัวเรือนส่วนใหญ่ทำด้วยไม้ ชานบันไดขึ้นตัวบ้านด้านล่างมีโอ่งดินเผาใบใหญ่ใส่น้ำเต็มวางอยู่ ข้าง ๆ กันเป็นที่วางกระบวยตักน้ำสำหรับดื่ม มีสุ่มไก่วางอยู่หน้าลานบ้าน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เด็กน้อยไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้เธอตื่นตาตื่นใจไปกับสิ่งแวดล้อม

    “พ่อกับแม่กำลังจะพาลูกไปสถานที่ที่เราสองคนพบกันครั้งแรกจ้ะ”

    คุณพ่อตอบพลางหัวเราะ สายตาที่มั่นคงแน่วแน่สมกับเป็นหัวหน้าของครอบครัวจ้องตรงไปข้างหน้า

    “แล้วทำไมต้องพามาตอนกลางคืนด้วยล่ะคะ น่ากลัวออก เกิดผีโผล่ออกมาจะทำยังไง”

    เธอพูดพร้อมกับทำหน้าสยอง เป็นผลให้คุณแม่หัวเราะออกมาเบา ๆ

    “ถ้าไม่มาตอนกลางคืนมันก็จะไม่มีความหมายน่ะสิจ้ะ เอาเป็นว่าตอนนี้อย่าเพิ่งถามเลยนะ พอไปถึงแล้วหนูก็จะรู้เองล่ะจ้ะ เพราะว่าแม่คิดว่าตอนนี้มันคงจะยังเป็นที่แห่งเดียวในกรุงเทพที่คงความสวยงามเช่นนั้นเอาไว้ได้ มันสวยมากเลยล่ะลูก สวยราวกับยืนอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวที่ไม่มีขอบเขตสิ้นสุด...”

    “เอ้า! คุณก็เริ่มเพ้อไปเองเหมือนกันแล้วนะ พ่อว่าเราคงต้องพาแม่ไปส่งที่โรงพยาบาลก่อนแล้วล่ะลูก เดี๋ยวอาการของแม่เค้ากำเริบ”

    “เอ้! คุณนี่ ! มาว่าคนอื่นบ้าได้ยังไง”

    ภายในรถอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะ ใบหน้าทุกคนล้วนแจ่มใสและเปี่ยมไปด้วยความสุข สามารถสัมผัสได้ถึงความรักอันมากมายที่มีให้ต่อกันและกัน เสียงเพลงที่เปิดคลออยู่เริ่มครื้นเครงขึ้นราวกับรู้บรรยากาศภายในรถ เมื่อถึงซอยที่เป็นทางเข้าสู่สถานที่แห่งความหลังนั้น คุณพ่อจึงหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าซอยไป แต่เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น! กลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่วิ่งออกมาขวางหน้ารถอย่างกะทันหัน ทำให้คุณพ่อต้องหักหลบเป็นผลให้ไปชนกับเสาไฟฟ้าข้างทาง ชายที่คาดว่าเป็นหัวหน้ากลุ่มถือปืนเล็งมาที่รถ ส่วนที่เหลือล้วนแต่ถือไม้หน้าสามพาดเอาไว้ที่บ่า

    “ลงมาจากรถ!”

    ชายหัวหน้ากลุ่มตะคอกใส่คนในรถ แสงไฟที่กระพริบอยู่ข้างทางทำให้คุณพ่อพอจะประมาณกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ได้ว่ามีประมาณ 7 คนและทุกคนก็น่าจะยังมีอายุไม่เกิน 25 ปี

    แม่หนูน้อยเริ่มตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว น้ำตารื้นอยู่ในดวงตาทั้งสองข้าง คุณแม่ค่อย ๆ เอื้อมมือไปกอดลูกสาวซึ่งเป็นแก้วตาดวงใจไว้แนบอก ทั้งหมดค่อย ๆ ก้าวลงมาจากรถ

    “หันหน้าเข้ากำแพงไป! แล้วอย่าตุกติกคิดหนีเด็ดขาดนะ ไม่งั้นพ่อยิงไม่เลี้ยงแน่!”

    ชายกลุ่มนั้นเริ่มทำการรื้อค้นรถ ในขณะเดียวกัน คุณพ่อก็กระซิบปลอบลูกสาวที่ยังไม่หายสั่น

    “ฟังพ่อนะลูก ถ้าพ่อผลักหลังลูกเมื่อไหร่ ให้วิ่งไปทางท้ายซอยทันที แล้วอย่าหันกลับมามองพ่อกับแม่อีก ไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไรก็ตาม ไม่ต้องหันกลับมามอง รีบวิ่งเต็มที่แล้วหลบอยู่ในทุ่งหญ้าตรงนั้นจนถึงเช้านะลูก”

    “พ่อขา....หนูไม่อยากไปคนเดียว หนูอยากอยู่กับพ่อกับแม่”

    เด็กน้อยพูดพลางสะอื้นไห้ คุณแม่กระชับตัวบุตรสาวแน่นขึ้นไม่อยากจะเสี่ยงกับการกระทำนั้น แต่ก็รู้ดีว่าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้เหตุการณ์จะเป็นเช่นไรก็สุดจะคาดเดา

    “ไม่ต้องกลัวนะลูก เดี๋ยวพ่อกับแม่จะตามไป พ่อกับแม่อยู่กับลูกเสมอ”

    คุณแม่ก้มลงหอมแก้มยุ้ยของบุตรสาวเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะค่อย ๆ ผลักตัวเธอออกจากอ้อมอกในขณะที่ชายทั้งกลุ่มกำลังสาละวนอยู่กับการรื้อค้นหาสิ่งของมีค่าในรถ แต่ในช่วงเวลานั้น ชายที่ถือกระบอกปืนก็หันมาเห็นเข้าพอดี

    “เฮ้ย! เมิงจะหนีไปไหน”

    เขาเล็งปากกระบอกปืนไปที่เด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เหนี่ยวไกปืน พร้อมยิง

    “อย่านะ!”

    คุณพ่อรีบวิ่งออกไปขวางทางวิถีกระสุนแทนแก้วตาดวงใจของเขา

    เปรี้ยง!!!

    สิ้นเสียงปืน เด็กสาวก็หยุดวิ่งพร้อมกับหันมาดู เลือดที่ไหลทะลักออกมาจากปากแผลเจิ่งนองไปทั่วพื้น ทำให้เธอตัวชาไปทั้งร่าง จะกรีดร้องก็ไม่มีเสียง ขาทั้งสองข้างได้แต่หยุดนิ่งอยู่กับที่

    “วิ่งหนีไปลูก วิ่งต่อไป!!”

    คุณแม่ตะโกนมาสุดเสียง ปลุกเด็กน้อยออกจากวังวนแห่งความโศกเศร้าและโหดร้าย เธอค่อย ๆ เริ่มออกวิ่งอย่างสุดแรง แม้โสตประสาทจะได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้เป็นมารดา และเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือด้วยแรงเฮือกสุดท้ายของบิดา เธอก็ไม่สามารถบังคับให้หันกลับไปมองภาพอันโหดร้ายนั้นได้อีก เด็กสาวได้แต่รวบรวมกำลังวิ่ง วิ่ง และวิ่ง จนมาถึงสถานที่แห่งนี้....สถานที่ที่พ่อและแม่บอกให้เธอมาและรอคอย

    เธอนั่งอยู่ท่ามกลางความมืดมิด รอบ ๆ ตัวแวดล้อมไปด้วยทุ่งหญ้าที่สูงเกินหัว มีเพียงเสียงหรีด ๆ เรไรอยู่เป็นเพื่อน ขอบตาบวมแดงช้ำจากการร้องไห้อย่างหนัก ดวงตาเหม่อมองไปที่ท้องฟ้า แล้วค่อย ๆ เลื่อนลงมาจับยังต้นไม้สูงใหญ่ต้นเดียวที่ตั้งอยู่กลางทุ่ง

    ....อย่างน้อยก็ขอที่พิง....

    เด็กน้อยค่อย ๆ ยันตัวลุกขึ้นยืน มือน้อย ๆ สองข้างแหวกทุ่งหญ้าเป็นทางให้ตนเดิน จนเมื่อเกือบจะถึงต้นไม้ใหญ่ เธอก็เหยียบกิ่งไม้แห้งที่ตกอยู่ใกล้ ๆ นั่น ทำให้แสงสีเรือง ๆ ค่อย ๆ ลอยขึ้นมาจากผืนดิน

    “หิ่งห้อย....อย่างนั้นหรือ”

    เธอพูดพลางหอบหายใจ ร่างทั้งร่างพิงลงกับต้นไม้แล้วทรุดตัวลง เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากปากแผลที่ช่องท้องซึ่งเกิดจากกระสุนลูกที่สองที่ชายคนนั้นยิงออกมา

    “นี่สินะคะคือเหตุผลที่ว่าต้องมาตอนกลางคืน”

    หิ่งห้อยจำนวนมากที่บินอยู่ ทำให้ทุ่งหญ้าที่มืดสนิทอยู่เมื่อครู่ พลันสดใสขึ้นมา

    “อา...สวยจังค่ะ คุณพ่อ....คุณแม่ เหมือนอยู่ในอวกาศเลย”

    เธอค่อย ๆ กะพริบตาและหลับตาลงอย่างช้า ๆ หยาดน้ำตาไหลลงมาตามร่องแก้ม

    “รอ...รับหนู...นะคะ....คุณพ่อ......คุณแม่......”

    จากคุณ : peary - [ 24 ก.ค. 47 22:32:44 A:202.183.165.222 X: ]