CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    เรื่องสั้นวันแม่ : กะเพราจานนั้นที่ผมฝันถึง

    ผมยังจำภาพนั้นได้ดี ภาพของหญิงวัยกลางคนที่วุ่นวายอยู่กับหน้าเตา หน้าของเธอเป็นมันเยิ้มจากหยาดเหงื่อและไอน้ำมันที่พวยพุ่งขึ้นมาจากระทะ ผิวหนังที่หุ้มมือตลอดไปจนถึงแขนเต็มไปด้วยสะเก็ดฝ้าสีน้ำตาลคล้ำเป็นกระหย่อม ๆ เนื่องจากน้ำมันร้อนฉ่ากระเด็นใส่ยามที่โยนเนื้อและเครื่องเทศลงไปในระหว่างการทำอาหารครั้งแล้วครั้งเล่า

    เมื่อเสียงหวูดจากโรงเลื่อยไม้ดังขึ้นไม่นาน ก็ปรากฏคนงานเดินรายเรียงออกมา บ้างก็เดินเข้าร้านก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ตรงข้าม บ้างเดินหายไปในซอกหลืบของห้องแถวที่เหยียดยาวเพื่อกลับที่พัก หลายคนเดินข้ามถนนมายังร้านของเราเพียงชั่วอึดใจเพิงหมาแหงนที่ไม่ใหญ่อยู่แล้วก็คับคั่งไปด้วยผู้คน ไอระอุของแผ่นสังกะสีเบื้องบนแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ รวมเข้ากับไอร้อนจากร่างกายที่กร้านกรำงานหนัก กลายเป็นความอึดอัดอบอ้าวที่แสนทรมาน แต่ยังดีที่มีลมพัดแผ่ว ๆ มาจากดงกล้วยข้าง ๆ ร้านพอจะทำให้คลายความร้อนลงได้บ้าง แม้จะเพียงน้อยนิดก็ตามที

    อาหารขึ้นชื่อของร้านคงไม่พ้นผัดกะเพรา ที่สามารถทำได้อย่างรวดเร็วแต่ แม่ของผมมีกฏเหล็กอย่างหนึ่งว่าจะไม่ทำกะเพราทีละเยอะ ๆ ในกระทะหนึ่ง ๆ จะต้องแบ่งได้เพียงสี่หรือห้าจานเท่านั้นนั่นหมายความว่าถ้าได้รับใบสั่งให้ทำอาหารกล่องห้าสิบกล่อง แม่ก็จะต้องผัดถึงสิบเที่ยวหรือมากกว่านั้นเลยทีเดียว ด้วยเหตุผลของแม่เองที่ว่ารสชาติจะไม่เข้มข้นถ้าเราทำเยอะเกินไป ต่อมาอีกนานผมถึงได้เรียนรู้ว่าคุณภาพและปริมาณมักจะแปรผกผันกันเสมอ

    ผู้คนหลากหลายนั่งกันอยู่ปนเปมีทั้งขาประจำและขาจร เหล่าเสมียนที่ทำงานออฟฟิศแต่งตัวกันสวยงามมีสีสันและมักจะมากันเป็นหมู่คณะ ในขณะที่พวกคนงานใส่เสื้อสีมอซอ มีรอยขาดรอยเย็บป่ะมากมาย แต่ทุกคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันในยามนี้ ขาประจำหลายคนมักแซวแม่โดยการทวงถามอาหารที่เพิ่งสั่งไปไม่ถึงนาทีด้วยรู้กิตติศัพท์ดีในความประณีต แต่บางครั้งก็มีบ้างที่รอไม่ไหวเดินออกจานร้านไปโดยที่ไม่ได้บอกยกเลิกรายการอาหารที่สั่งไว้

    ผมในยามนั้นซึ่งเป็นทั้งลูกชายและลูกมือ เมื่อถึงวันหยุดก็จะนั่งประจำการที่อ่างน้ำใบโตล้างแก้ว จาน ชาม ช้อนส้อม ที่ถูกส่งเข้ามาไม่ขาดสาย ผมมีโรคประหลาดอยู่อย่างหนึ่งคือเวลาไม่มีคนเข้าร้านผมกลับนั่งสบายไม่รู้สึกหิวเลยแม้แต่น้อย แต่พอมีลูกค้าเข้ามาอาการหิวท้องกิ่วจนเหมือนไส้มันบิดพันกันอยู่ภายในก็เกิดขึ้นอย่างเฉียบพัน หลายคนจึงมักเห็นเด็กสิบขวบผอมเกร็งนั่งหน้านิ่วอยู่หน้าอ่างเป็นประจำ เพราะต้องนั่งทนหิวภาวนารอช่วงเวลาพักกลางวันผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่า

    ในวันหนึ่งผมนั่งล้างจานเหมือนเช่นเคยแต่ที่มากกว่าเดิมคือท้องที่ร้องโครกครากอยู่ภายใน มันส่งเสียงร้องโหยหวนขอความเห็นใจจนผมต้องตัดสินใจไปกระซิบบอกแม่ว่า ขอข้าวผัดกะเพราจานหนึ่ง แม่พยักหน้าพร้อมกับเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ในร้านแว้บหนึ่งก่อนจะผัดข้าวต่อ ผมรู้ในทันทีว่าแม่กำลังคะเนว่าข้าวในหม้อที่หุงไว้จะเพียงพอหรือไม่ ซึ่งผมก็คิดว่าน่าจะพอเพราะได้ตรวจดูก่อนแล้วจึงนั่งลงล้างจานต่อด้วยความหวังว่าแม่จะลัดคิวให้เป็นกรณีพิเศษ แต่ในที่สุดสัญญาณร้ายก็เกิดขึ้น เมื่อมีลูกค้ากลุ่มใหม่เข้ามาในร้าน แม่บอกให้ผมออกไปเช็ดโต๊ะรับแขก ก่อนที่จะลงมื้อผัดอาหารตามคำสั่งที่ได้มา

    หลังจากออกไปเช็ดโต๊ะเก็บจานเก่าของลูกค้าที่ออกจากร้านไปแล้ว ผมก็เดินออกไปจากร้านทันที นึกน้อยใจตัวเองอยู่คร้ามครันเฝ้าแต่คิดว่าแม่ประเภทไหนกันที่เห็นลูกค้าดีกว่าลูกของตัวเอง ผมคิดแม้กระทั่งจะหนีออกไปจากบ้านไปให้ไกล ๆ ออกไปอยู่อย่างเด็กจรจัดค่ำไหนนอนนั่น ก่อนที่จะม่อยหลับไปทั้ง ๆ ที่หิวในแปลญวนใต้ต้นมะม่วงสามฤดูหลังบ้านนั่นเอง

    เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ผมไม่พูดอะไรกับแม่ไปหลายวัน ก่อนที่จะกลับมานั่งประจำการหน้าอ่างจนกระทั่งการปิดเทอมสิ้นสุดลง ทุกอย่างดูจะเหมือนเดิม แต่มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไปก็คือผมไม่กินผัดกะเพราอีกเลย แม้ว่าในมื้อนั้นจะมีกับข้าวเพียงอย่างเดียว ผมก็จะขวนขวายหาน้ำปลาเปล่า ๆ มากินกับข้าวแทน และทุกครั้งที่ผมเห็นผัดกะเพราผมจะคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น ซึ่งก็จะทำให้เจ็บปวดใจแทบทุกครั้ง

    วันเวลาผ่านไปผมเปลี่ยนแปลงไปจนกระทั่งถ้าตัวของผมเองตอนเด็กนั่งไทม์แมชชีนมาหาได้ก็คงไม่เชื่อว่านี่คือตัวของเขาเองในอนาคต จากที่เคยเก้งก้างกลับกลายมาเป็นร่างท้วมสมบูรณ์ไม่สูงอย่างที่คิดว่าน่าจะสูงแต่ก็ไม่ได้เตี้ยจนเกินไป ร้านและบ้านเพิงหมาแหงนของเราถูกรื้อทิ้งไปนานแล้ว แต่แม่ก็ยังขายอาหารตามสั่งอยู่เหมือนเดิม คราวนี้เปลี่ยนสถานที่มาเป็นอาคารพาณิชย์ซึ่งเป็นของน้าสาว ผมอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่เข้ามหาลัยจนจบออกมามีงานทำและกำลังจะออกเดินทางไปทำงานในต่างแดนในปัจจุบัน

    แม่ยังผัดกะเพราให้ลูกค้าเช่นเคย กระและฝ้าบนมือและแขนมีเพิ่มมากขึ้น บางครั้งยังมีอาการชาบริเวณมืออีกด้วย แม่บอกว่าตอนกลางคืนอยู่ดี ๆ มือก็จะชาขึ้นมา บางครั้งก็ปวดหนึบๆ หยิบจับอะไรไม่สะดวกเหมือนเคย ผมให้น้องสาวพาไปหาหมอก็พบว่าสาเหตุเกิดมาจากการใช้งานมากเกินไป มาลองนั่งคำนวนดูแล้วในแต่ละวันแม่ใช้มือจับกระทะพลิกไปพลิกมาเป็นจำนวนครั้งที่น่าตกใจทีเดียว

    พวกเราซึ่งหมายถึง พ่อ ผม และน้องสาว เคยขอร้องให้เลิกขาย เพราะสุขภาพของแม่ที่ทรุดโทรมลงไปทุกวัน อีกทั้งฐานะเราก็พอมีพอกินไม่ต้องดิ้นรนอีกต่อไป แต่แม่ก็ยังดื้อไม่ยอมเชื่อราวกลับว่าการผัดกะเพรานั้นเป็นจุดมุ่งหมายสุดท้ายในชีวิตของแกก็ปาน

    ผมกำลังจะจากไปไกลพอสมควร ด้วยหน้าที่การงานที่ก้าวหน้าจนต้องขยับขยายขอบเขต นั่นทำให้ต้องไปประจำต่างแดนนานหลายปี ผมนั่งมองเบื้องหลังของผู้ให้ชีวิต เสื้อสีฉูดฉาดลายดอกขยับไปมา อาการหยิบจับหั่นของยังกระชับกระเฉง แม่พลิกกระทะไปมาด้วยท่วงท่าที่ชำนาญการราวกับนักลีลาศประคองคู่เต้นไม่แสดงถึงอาการมีปัญหาของมือแต่อย่างไร มันทำให้ผมนึกถึงรสชาติของผัดกะเพราขึ้นมาหลังจากที่ไม่ได้แตะต้องมานานนับสิบปี ภาพความหลังครั้งนั้นผุดขึ้นมา ก่อนที่จะนึกอยากสร้างความแปลกใจให้แก่ตัวเองและแม่ ผมเดินเข้าไปกระซิบข้างหูด้วยความรู้สึกของเด็กอายุสิบขวบที่ผุดขึ้นมาจากส่วนลึกของใจ

    “แม่ครับ ขอข้าวผัดกะเพราจานนึง”

    แม่อึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่จะรีบจัดแจงเครื่องปรุง ทำกะเพราให้ผม ไม่นานนักกะเพราราดข้าวจานหนึ่งก็ปรากฏกายบนโต๊ะของผม ใบกะเพราดูสดใหม่เพราะใส่ไปทีหลังผุดแซมอยู่กับชิ้นเนื้อที่หั่นอย่างเป็นระเบียบและเศษพริกเขียวแดงซึ่งถูกตำได้ที่ เบื้องล่างเป็นข้าวสวยเรียงเม็ดงามที่โดนชะโลมด้วยน้ำสีน้ำตาลเข้มซึ่งเกิดจากซีอิ๊วดำและเครื่องปรุงรสอื่น ๆ ด้านข้างยังมีไข่ดาวสะเด็ดน้ำมันวางโปะไว้ ทั้งหมดแสดงถึงความประณีตที่อยู่คู่กับแม่ตลอดมา เมื่อกลิ่นเผ็ดร้อนลอยฟุ้งขึ้นมากระทบจมูก ผมเกือบจะจามออกมาแต่อาการแสบคันก็สลายไปทันใดเมื่อได้ยินข้อความกระทบใจจากเสียงแหบแห้งเนื่องจากสูดดมไอน้ำมันมานานปีของแม่เสียก่อน

    “รู้ไหม แม่รอลูกค้าคนหนึ่ง รอให้เขามาสั่งผัดกะเพราของแม่เป็นระยะเวลานานปี แม่บอกกับตัวเองไว้ว่าถ้าเขามาสั่งอีกครั้ง แม่จะไม่ทำให้เขาผิดหวังอีกเป็นอันขาด กะเพราจานนั้นจะเป็นกะเพราจานที่ดีที่สุดที่แม่เคยทำ และตอนนี้ลูกค้าคนนั้นก็อยู่ตรงหน้าของแม่แล้ว”

    หยาดน้ำใสไหลรินออกมาจากตาของผมโดยไม่ได้บีบบังคับ แม่ยังเก็บเรื่องวันนั้นไว้ในใจตลอดมา ผมนึกไปถึงความเจ็บปวดของตัวเองที่เกิดขึ้นทุกครั้งยามมองเห็นผัดกะเพรา แล้วความเจ็บปวดรวดร้าวของแม่ล่ะ ถ้าเป็นในกรณีเดียวกัน แม่ต้องผ่านความรวดร้าวมามากครั้งเท่าไหร่ แม่ผัดกะเพราทุกวัน ทุกกระทะนึกถึงความผิดหวังของผมในวันนั้น ผมได้สร้างรอยแผลไว้ในใจของแม่มาจนถึงทุกวันนี้เชียวหรือนี่

    สองเข่าของผมคุกลงไปกับพื้น ร่างใหญ่แนบซบลงแทบเท้าแม่มือประนมก้มลงไหว้ พร้อมกล่าวออกมาอย่างตื้นตัน

    “แม่ ครับ ผมขอโทษ”

    แม่ อึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่จะก้มลงมาประคองลูบหัวลูกชายทั้งน้ำตาคลอ กระซิบตลอดว่า

    “ไม่เป็นไรลูก ไม่เป็นไร”

    จนตราบทุกวันนี้ผมยังจำได้ดีถึงกะเพราจานนั้น จานที่ทำให้ผมตระหนักถึงความรักของแม่ ที่ไม่มีที่สิ้นสุด มันเป็นกะเพราจานที่อร่อยที่สุดในชีวิตของผม อีกทั้งยังเป็นกะเพราจานที่นำขึ้นมาทานในความทรงจำได้ไม่มีวันหมด และไม่เคยเบื่อเลย.

    *****

    แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 47 17:24:35

    จากคุณ : biblio - [ 5 ส.ค. 47 16:43:35 ]