"นี่แก พรุ่งนี้เราจะไปฝึกงานที่ดอยอ่างขางกันแล้วเน๊าะ" ไป่หยง เด็กสาวจากคณะเกษตรฯเอ่ยขึ้นกับเพื่อนสาวที่จะไปด้วยกัน
การไปฝึกงานในครั้งนี้เป็นความสมัครใจของตัวไป่หยงเอง และปานหทัยเพื่อนสาวร่วมคณะ ที่เรียนจบปี 2 แล้วอยากออกไปฝึกงานหาประสบการณ์ พอดีกับที่ทางอาจารย์ได้โปรเจคใหญ่ทำวิจัย เกี่ยวกับสตอเบอร์รี่ สองสาวเพื่อนรักจึงขันอาสาออกไปทำ
"อาทิตย์ที่ผ่านมาต้องฝึกทดลองทุกวันเหนื่อยจังว่ะ ผึ้ง"
"นั่นสินะ ฉันก็เหนื่อยเหมือนกัน นี่ไอ้ไป่แกกลับบ้านยัง?"
"ยังเลยว่ะ ฉันว่าจะกลับไปตอนฝึกงานเสร็จทีเดียวเลยขี้เกียจเปลืองค่ารถว่ะ ฉันว่า....ตอนนี้เรานอนเถอะพรุ่งนี้ต้องเดินทางกันอีกไกลเลย ตั้งเชียงใหม่เชียวนะโว้ย"
วันออกเดินทาง ทั้งสองสาวได้มาถึงคณะฯตั้งแต่เช้าตรู่ลำเลียงอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลองใส่รถอาจารย์ ทั้งสารเคมีเอย เครื่องแก้วเอย ที่สำคัญบิวเรตอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ในการไทเทรตสารก็ได้ตกมาอยู่ในมือทั้งสองสาวแล้ว
"อันนี้ราคาแพงนะไป่หยงรักษาให้ผมด้วยล่ะ" อาจารย์เจ้าของงานวิจัยกำชับ
เกือบเที่ยงรถจึงได้เคลื่อนตัวออกจากมหาวิทยาลัย มุ่งหน้าไปยังตัวจังหวัดเชียงใหม่จากนั้นจึงไต่ระดับความสูงที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละนิดๆ ไปยังเป้าหมายซึ่งก็คือดอยอ่างขาง ที่อำเภอฝางนั่นเอง เมื่อถึงที่หมายก็ปาเข้าไป 3 ทุ่มเข้าไปแล้ว ทันทีที่รถจอดสนิทกลิ่นดอกราตรีก็โชยเข้ามาในรถส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปหมด
"เหม็นว่ะ" ไอ้ผึ้ง หรือปานหทัยบ่น
"ไป สองสาวไปกินข้าวกันเดี๋ยวผมจะพาเข้าที่พัก พรุ่งนี้ผมจะพาไปรู้จักกับหัวหน้าศูนย์กัน"
คืนแรกบน "สถานีท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ โครงการหลวงอ่างขาง" ช่างเป็นคืนที่หนาวเหน็บเสียจริงๆ อุณหภูมิในคืนนั้นอยู่ที่ 4 องศาเชลเชียสทั้งสองสาวจึงนอนตัวซุกในผ้าห่มอย่างสบายอารมณ์
ยามเช้าที่สดใสบนดอยอ่างขางมีม่านหมอกบางๆปกคลุมไปทั่วบริเวณ สีเขียวของต้นไม้และดอกไม้หลายหลากสีร้องเรียกให้ทั้งสองสาวตื่นมาชื่นชมกับมัน แต่กระนั้นความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการเดินทางอย่างยาวนานก็เป็นฝ่ายชนะ ยามเมื่อแดดส่องแสงจ้าเต็มแรงสองสาวจึงเลิกผ้าห่มออกอย่างรีบเร่ง เพราะอาจารย์มาตะโกนเรียกสองสาวอยู่หน้าบ้าน กว่าจะทำธุระเสร็จก็ปล่อยให้อาจารย์ยืนรอจนเมื่อยไปหมด
ช่วงเช้าของวันนี้อาจารย์พาไปแนะนำกับหัวหน้าศูนย์ และบรรดาเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยทั้งไป่หยงและปานหทัยก็ได้ซักถามข้อมูลที่ต้องการและจำเป็นไปได้เยอะเหมือนกัน ดูเหมือนว่ายิ่งถามคำตอบก็ยิ่งมาก จนเวลาร่วงเลยไปเกือบเที่ยง อาจารย์จึงพาลูกศิษย์ไปกินข้าวที่สโมสร
ไป่หยงเพิ่งรู้ว่าที่อาจารย์พาไปกินข้าวเมื่อวานตอนที่มาถึงนั่นเรียกว่า "สโมสร" และที่สโมสรนั่นเองก็มีนักศึกษาฝึกงานจากสถาบันอื่นมากินข้าวเหมือนกัน แต่กินคนละโซนกับที่ไป่หยงนั่งอยู่ ในบรรดานักศึกษาที่นั่งกินข้าวอยู่นั่นมีผู้ชายคนหนึ่งที่เด่นสะดุดตาไป่หยงตั้งแต่แรกเห็นเลยนะ เอ๊ะ!เหมือนใครนะคนๆนั่นน่ะ
"อืม..ตาคนนั่นก็ยังติดใจอยู่นะแต่ว่าต้องไปแล้วล่ะ " ไป่หยงพร่ำบอกกับตัวเอง เมื่อถึงเวลาที่อาจารย์พาไปดูแปลงทดลองที่ปลูกสตอเบอร์รี่ต่างสายพันธุ์ไว้
"โอ้โห อาจารย์สตอเบอร์รี่สีโครตแดงเลยค่ะ" ไอ้ผึ้งร้องอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นแปลงปลูกสตอเบอร์รี่จริงๆ
ไป่หยงเองก็ใช่ย่อยซะเมื่อไหร่ สตอเบอร์รี่ที่เห็นกันในแพ็คเกตตามท้องตลาดนั่นวันนี้ได้มาเห็นต้นจริง สัมผัสลูกที่ยังติดอยู่กับต้น อืม......พูดได้คำเดียววิเศษมาก
"อาจารย์ค่ะ ที่เหลือจากทำวิจัยแล้วหนูกินได้ไหมค่ะ"
อาจารย์มองทั้งสองสาวด้วยใบหน้าอมยิ้มแล้วกล่าวว่า " ได้สิ แต่คุณต้องทำวิจัยให้ผมก่อนนะไป่หยง ผึ้งด้วย "
"ค่ะ อาจารย์"ทั้งสองสาวรับคำแทบจะพร้อมกัน
และแล้วเมื่อถึงเวลาที่อาจารย์จะกลับ อาจารย์ได้เรียกสองสาวมาคุยและสั่งกำชับ "ไป่ ผึ้ง ผมฝากพวกคุณไว้แล้วนะ ข้าวไปกินพร้อมกับนักศึกษาฝึกงานกลุ่มที่เห็นเมื่อตอนเที่ยงนะ ค่าที่พัก ค่าอาหารผมจะออกให้พวกคุณเอง แล้วอาทิตย์หน้า ผมจะเอาสารมาส่งให้คุณ ถ้ามีปัญหาอะไร ให้คุณโทรถึงผมได้"
"ค่ะ อาจารย์"
เย็นแล้วๆทั้งไป่หยงและปานหทัยยังไม่รู้ว่าตัวเองจะไปที่ไหนดีอาจารย์ก็ลงกลับไปที่ม.ซะแล้ว ที่บ้านพักนี่ก็ยังไม่มีคนกลับมาสักคน
บ้านพักที่สองสาวอยู่นี้มีชื่อว่า "บ้านไต้หวัน"เป็นบ้านพักสไตล์ยุโรปมีเตาพิงอยู่ในตัวบ้าน "คงเอาไว้ใช้ในหน้าหนาวแหละ " ผึ้งเคยเปรยให้ฟัง ตัวบ้านชั้นล่างเป็นปูน ส่วนชั้นบนเป็นไม้ แน่นอนว่าชั้นล่างจะอากาศเย็นกว่าชั้นบนเพราะไม้จะดูดซับความร้อนได้ดีกว่าปูนหลายสิบเท่า
ห้องพักในบ้านหลังนี้มีอยู่ด้วยกัน 7 ห้อง มีห้องใหญ่อยู่ห้องหนึ่ง และมีห้องน้ำชั้นละห้อง ในห้องน้ำจะมีเครื่องทำน้ำอุ่นอยู่ด้วยหากว่าที่นี่ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นนะ คนที่นี่คงไม่อาบน้ำหรือไม่งั้นก็คงเป็นโรคปอดบวมไปแล้วแน่ๆเพราะอากาศเย็นอยู่ตลอดเวลาแม้ว่าเวลานี้จะล่วงเลยเข้าเดือนมีนาคมแล้วก็ตาม
จากคุณ :
แป้งร่ำ
- [
5 ส.ค. 47 20:24:04
A:202.28.21.6 X:
]