กรุ๊งกริ๊ง...
"Freindly Book ยินดีต้อนรับครับ" ผมพูดประโยคที่พนักงานทุกคนในร้านนี้ต้องพูดได้ เมื่อผมพูดจบผมก็เงยหน้าขึ้นจากงานที่ผมกำลังทำอยู่ แล้วผมก็พบผู้หญิงคนหนึ่งแต่งชุดนักศึกษาสถาบันที่มีชื่อแห่งหนึ่ง เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ความสูงของเธอไม่น่าจะเกินร้อยหกสิบ หน้าตาของเธอนั้นดูเด็ก นี่ถ้าเธอใส่ชุดไปรเวทมาผมคงนึกว่าเธอเป็นเด็กมัธยมปลายแน่เลย ผิวของเธอขาวแบบมีสุขภาพดี ผมของเธอซอยสั้นทำให้เธอดูทะมัดทแมง หน้าตาของเธอใสไร้เครื่องสำอางค์ ตาของเธอเรียวเล็กบ่งบอกถึงเชื้อชาติที่เธอมีอยู่ และดูท่าทางเธอคงไม่ใช่สาวเปรี้ยวเพราะดูจากการแต่งตัวของเธอแล้วออกจะเรียบร้อยด้วยซ้ำไป เธอสวมกระโปรงประมาณหัวเข่า ส่วนเสื้อที่เธอใส่นั้นก็พอดีตัวไม่ได้ฟิตเปรี๊ยะเหมือนที่นักศึกษาสาวๆส่วนใหญ่ใส่กัน และถ้าผมจำไม่ผิดผมว่าเธอคงมาร้านนี้เป็นครั้งแรกแน่ๆเลย คุณผู้อ่านคงนึกว่าผมมีความจำเป็นเลิศถึงขนาดจำหน้าลูกค้าได้หมดทุกคน เปล่าเลยครับผมดูเอาจากท่าทางการหาหนังสือของเธอเอาน่ะครับ เธอเดินหาซะทั่วเลยครับ เพราะปกติแล้วลูกค้าประจำของที่นี่ส่วนใหญ่จะจำได้ว่าหนังสือประเภทไหนอยู่ที่ชั้นไหน
'นี่ทำไมเราถึงต้องสนใจเธอขนาดนี้ด้วยนะ ใช่ว่าร้านนี้ไม่เคยมีผู้หญิงเข้าร้านสักหน่อย' ผมคุยกับตัวเองอยู่ในใจ
"ขอโทษนะค่ะ ที่นี่มีหนังสือแปลเรื่อง...มั้ยคะ" เธอเดินมาถามผมที่เค้าน์เตอร์ หลังจากที่เธอเดินก้มๆเงยๆตามชั้นหนังสือทั้งร้านแล้ว
"อ๋อ...มีครับอยู่ที่ชั้นวรรณกรรมแปลน่ะครับ เดี๋ยวผมไปหาให้นะครับ"
"ขอบคุณค่ะ" เธอพูดจบก็เดินตามผมไปที่ชั้นหนังสือ
"นี่ครับหนังสือที่คุณตามหา" ผมยื่นหนังสือให้เธอหลังจากที่ผมหามันเจอ
"ขอบคุณค่ะ เอ๊ะ! ทำไมเมื่อกี้หาไม่เจอนะ" เธอหันมาขอบคุณผม ส่วนประโยคหลังเธอบ่นพึมพำกับตัวเอง แล้วเธอก็เดินไปจ่ายเงินที่เค้าน์เตอร์ด้านหน้า
"ขอให้มีความสุขกับการอ่านหนังสือนะค่ะ" เสียงของพนักงานหญิงคนหนึ่งในร้านบอกกับเธอก่อนที่จะส่งหนังสือที่ห่อปกเสร็จแล้วให้กับเธอ
เมื่อเธอได้รับหนังสือแล้วเธอก็เดินออกจากร้านไป และจากการที่ผมได้คุยกับเธอนิดหน่อยนั้น ก็ทำให้ผมได้รู้ว่าเสียงของเธอนั้นเล็กเหมือนเสียงเด็กเลย
'เรานี่ท่าจะเพี้ยนแฮะ จะไปยุ่งเรื่องอะไรของเขาละเนี่ย' ผมบ่นกับตัวเองในใจ
กรุ๊งกริ๊ง...
"Freindly Book ยินดีต้อนรับครับ" ผมพูดพร้อมกับมองไปทางประตู แล้วผมก็ได้พบกับเธอคนนั้นอีกครั้ง หลังจากที่เธอหายไปนานเกือบอาทิตย์จนผมนึกว่าเธอจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว เธอมาเวลาใกล้เคียงกับเวลาเดิมที่เธอเคยมาในครั้งแรก เธอก็ยังแต่งตัวเหมือนเดิม คราวนี้เธอเดินไปที่ชั้นหนังสือประเภทวรรณกรรมแปลและหยิบหนังสือที่เธอต้องการขึ้นมา เดินมาจ่ายเงินที่เค้าน์เตอร์
"ขอให้มีความสุขกับการอ่านหนังสือนะครับ" ผมพูดกับเธอเมื่อผมยื่นหนังสือที่ห่อปกเรียบร้อยให้เธอ และเธอก็เดินออกจากร้านไป
กรุ๊งกริ๊ง...
"Friendly Book ยินดีต้อนรับครับ" ผมพูดพร้อมกับมองไปที่ประตูอย่างเคย แล้วผมก็ได้พบกับเธอคนนั้นเหมือนเดิม แต่คราวนี้เธอไม่ได้มาคนเดียวอย่างเคย เธอมีคนมาด้วยอีกสองคน หญิงหนึ่งชายหนึ่ง ท่าทางผู้ชายคนนั้นจะเอาอกเอาใจเธอเป็นพิเศษ
'สงสัยจะเป็นแฟนเธอแหงเลย' ผมพูดกับตัวเองในใจ
และคราวนี้เมื่อเธอได้หนังสือที่เธอต้องการแล้วเธอกับเพื่อนของเธอก็เดินขึ้นชั้นลอยของร้านที่ตั้งเป็นร้านขายเครื่องดื่มมีทั้งชา กาแฟ นม น้ำสมุนไพรชนิดต่างๆ และยังมีทั้งขนมเค้ก ขนมปัง จากเค้าน์เตอร์ข้างล่างที่ผมทำงานอยู่นั้น ผมสามารถมองเห็นเธอได้ ผมเห็นเธอหัวเราะกับเพื่อนๆเธออย่างมีความสุข เธอนั่งอยู่ที่ร้านได้สักชั่วโมงเธอก็ออกจากร้านไปพร้อมกับเพื่อนเธอ คราวนี้ผมไม่ได้เป็นคนพูดประโยคที่ว่า"ขอให้มีความสุขกับการอ่านหนังสือนะครับ" เพราะเธอจ่ายเงินกับเค้าน์เตอร์ด้านบนแล้ว
'แล้วเธอจะมาอีกเมื่อไหร่นะ' ผมถามตัวเอง
'เธอจะมาเมื่อไหร่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเราด้วยเล่า' อีกสียงนึงดังออกมาจากตัวผม นั่นสิเธอจะมาเมื่อไหร่ก็ไม่เกี่ยวกับผมสักหน่อย ผมนี่ท่าจะเพี้ยน คุณผู้อ่านว่ามั้ยครับ
กรุ๊กริ๊ง...
"Friendly Book ยินดีต้อนรับครับ" ผมพูดประโยคเดิมที่ใช้สำหรับการต้อนรับลูกค้าของร้านเรา แล้ววันนี้เธอคนนั้นก็มาอีกแล้วครับ เธอก็ปฏิบัติเหมือนเดิมครับ คือเดินไปที่ชั้นของหนังสือประเภทวรรณกรรมแปล แล้วก็เดินๆดูอยู่สักพักก็จะหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากชั้น แล้วก็จะเดินมาที่เค้าน์เตอร์เพื่อจ่ายเงิน
"เอ่อ...สนใจที่จะสมัครเป็นสมาชิกของร้านเรามั้ยครับ" ผมถามเธอเมื่อเธอเดินมาถึงเค้าน์เตอร์เพื่อจะจ่านเงิน
"เป็นแล้วมีสิทธิพิเศษอะไรบ้างล่ะค่ะ" เธอส่งเสียงใสๆเหมือนเด็กของเธอมา
"ก็จะได้รับส่วนลด 5% ในการซื้อหนังสือ และก็จะได้รับส่วนลด 10% ในการซื้อเครื่องดื่มจากทางร้านครับ" ผมตอบเธอไป
"น่าสนใจดีนะค่ะ แล้วถ้าจะสมัครต้องทำยังไงบ้างล่ะคะ" เธอถามผมกลับมา
"ไม่ต้องทำอะไรมากหรอกครับ คุณก็แค่กรอกรายละเอียดในใบสมัครให้เรียบร้อย แล้วคุณก็รอรับบัตรได้เลยครับ" ผมถามเธอ
"แล้วค่าสมัครละค่ะ" เธอถามต่อ
"50 บาทครับ สนใจมั้ยครับ" เธอให้คำตอบผมด้วยการพยักหน้า ผมก็เลยหยิบใบสมัครขึ้นมาเพื่อให้เธอกรอกรายละเอียด เมื่อเธอกรอกเสร็จ ผมก็อ่านรายละเอียดของเธอให้เธอฟัง เพื่อให้เธอเช็คว่ารายละเอียดนั้นถูกต้องทุกอย่าง และจากการอ่านประวิติของเธอในครั้งนี้ทำให้ผมได้ทราบว่าเธอมีชื่อว่า'กันตฤทัย' ส่วนชื่อเล่นของเธอนั้นก็คือ'สีน้ำ' เธออายุประมาณ 19 ปี เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยไม่ใกล้ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยของผมสักเท่าไหร่
"นี่ครับบัตรของคุณ" ผมพูดพร้อมกับยื่นบัตรสมาชิกของเธอให้เธอ
"ขอบคุณค่ะ" เธอพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูน่ารักเหลือเกินครับ เมื่อเธอได้รับบัตรมาเธอก็ใช้มันทันทีในการซื้อครั้งนี้
"ขอให้มีความสุขกับการอ่านหนังสือนะครับ" ผมพูดแล้วยื่นหนังสือพร้อมกับบัตรสมาชิกให้เธอ และเหมือนเดิมครับ เมื่อเธอจ่ายเงินเสร็จแล้วเธอก็เดินออกจากร้านไป
กรุ๊งกริ๊ง...
"Freindly Book ยินดีต้อนรับครับ" ผมพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปมองทางประตู แต่แล้วคนที่ผลักประตูเข้ามากลับไม่ใช่คนที่ผมเฝ้ารอมาทั้งอาทิตย์
'เอ๊ะ! นี่มันก็เลยเวลาที่เธอจะมาแล้วนะ ทำไมยังไม่มาอีกนะ' ผมถามตัวเองในใจ
'แล้วทำไมเราต้องไปรอเขาด้วยล่ะ เป็นห่วงเขางั้นเหรอ' อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
'ไม่หรอก เป็นไปไม่ได้หรอก เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานเองนะจะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง' ผมบอกกับตัวเองในใจ แล้วก็ส่ายหัวเพื่อให้เลิกคิดถึงเรื่องนี้สักที และหลังจากนั้นสักพักฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ผมมองออกไปข้างนอกอย่างเซ็งๆ
กรุ๊งกริ๊ง...
"Freindly Book ยินดีต้อนรับครับ" ผมพูดพลางมองไปที่ประตู แล้วผมก็ได้เจอคนที่ผมรอ หลังจากผมรอจนเลิกรอไปแล้วเพราะนี่มันก็เย็นมากแล้ว จวนจะได้เวลาผมออกกะแล้ว
'เอ๊ะ! ทำไมวันนี้เธอดูแปลกไป เธอเปียกฝนด้วย' ผมถามตัวเอง หลังจากที่ผมสังเกตเห็นผมของเธอยุ่งเหยิงผิดปกติ และหน้าตาของเธอไม่สดใสเหมือนเคยเลย แถมเธอยังตัวเปียกด้วย
"เอ่อ...ขอโทษนะค่ะ ฉันขอนั่งรอพี่ชายในร้านนี้หน่อยได้มั้ยคะ" เธอถามผมหลังจากที่ยืนอยู่หน้าเค้าน์เตอร์สักพัก
"ได้ครับ นี่คุณเปียกฝนด้วยนี่ครับ ขึ้นไปนั่งข้างบนดีกว่านะครับ จะได้ทานอะไรร้อนๆจะได้ไม่หนาว" ผมบอกกับเธอพร้อมกับพาเธอเดินขึ้นไปชั้นลอยของร้าน
"พี่ตุ๊กตาครับ ขออะไรร้อนๆให้น้องคนนี้หน่อยสิครับ" ผมหันไปบอกกับพนักงานรุ่นพี่ที่ประจำอยู่ที่เค้าน์เตอร์ข้างบน
"ว้าย! น้องค่ะ น้องไปตากฝนที่ไหนมาค่ะ คงจะหนาวแย่ เอาเสื้อนี่ไปใส่ก่อนละกันนะค่ะ แล้วก็ดื่มโกโก้ร้อนๆก่อนนะค่ะ เดี๋ยวพี่จะไปลองหาดูว่าที่ร้านเรามียาแก้หวัดติดเอาไว้รึเปล่า" เธอพึมพำขอบคุณเบาๆ พี่ตุ๊กตาพูดแล้วก็เดินไปหายามาเพื่อให้น้องกันตฤทัยหรือมัดหมี่ทาน
"หนาวมากมั้ยครับ ถ้าหนาวผมจะไปปรับแอร์ให้" ผมถามเธอเมื่อเห็นเธอกระชับเสื้อแจ็คเก็ตที่พี่ตุ๊กตาให้แน่นขึ้น
"เอ่อ...ไม่ค่ะ คุณไปทำงานเถอะค่ะ" เธอบอกกับผม
"ไม่เป็นไรครับ ผมอยู่ได้" ผมบอกกับเธอ
"ดินก็ไม่เป็นไรเหมือนกันค่ะ ขอบคุณนะค่ะ ที่ให้รอพี่ชายอยู่ที่ร้านอ่ะค่ะ" เธอพูดเสร็จก็ก้มหน้าลงดื่มโกโก้ร้อนที่พี่ตุ๊กตาชงมาให้ และไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาอีกเลย ทำให้ผมต้องลุกลงมาทำงานที่เค้าน์เตอร์ต่อ เพื่อนๆที่ทำงานร่วมกับผมหันมาซักกับผมเป็นการใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมก็ได้แต่ตอบว่า"เราก็ไม่รู้เหมือนกัน" และจากการที่ผมมองขึ้นไปข้างบนผมเห็นเธอกำลังร้องไห้ ผมแน่ใจว่าผมตาไม่ฝาด ผมอยากรู้จังเลยว่าเธอไปทำอะไรมาถึงได้อยู่ในสภาพนี้ และสักพักต่อมาผู้ชายที่ผมเคยเห็นเดินมากับเธอเมื่อคราวก่อนโน้นก็เปิดประตูขึ้นมา
'งั้นก็แสดงว่าผู้ชายคนนี้เป็นพี่ชายของเธอล่ะสิ' ผมบอกกับตัวเองด้วยความดีใจ
'เฮ้ย! นี่ไม่ใช่เวลามานั่งดีใจนะ' อีกเสียงหนึ่งในตัวผมส่งเสียงเตือนออกมา
"ขอโทษนะครับ คุณเห็นผู้หญิงที่ใส่ชุดนักศึกษา มาที่นี่รึเปล่าครับ" เสียงของพี่ชายเธอถามผม
"ใช่คุณกันตฤทัยรึเปล่าครับ" ผมถามเขากลับไป พี่ชายของเธอก็ตอบรับว่าใช่ ผมก็เลยพาเขาขึ้นไปบนชั้นลอยที่เธอนั่งอยู่ เมื่อเธอเห็นพี่ชาย เธอก็เข้ามากอดเขาแน่น แล้วร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร
"พี่เทียน สีน้ำกลัว" เธอบอกกับพี่ชายของเธอ เมื่อเขาพาเธอมานั่งที่โต๊ะแล้ว
"ไม่ต้องกลัวแล้วนะยัยสีน้ำ พี่อยู่นี่ ไปกลับบ้านกันดีกว่า ขอบคุณมากนะครับคุณ..." พี่ชายของเธอปลอบเธอ ส่วนประโยคสุดท้ายนั้นเขาหันมาถามพี่ตุ๊กตากับผม
"แสงระวีค่ะ แล้วนี่ก็ดนัยค่ะ" พี่ตุ๊กตาตอบเขาพร้อมกับตอบแทนผมด้วย
"ผมกิตติพลครับ ขอบคุณอีกทีนะครับ สวัสดีครับ" เขาพูดจบก็พาเธอเดินลงแล้วก็เดินออกจากร้านไป
เมื่อผมหมดกะสำหรับวันนี้แล้วผมก็นั่งอยู่ที่ชั้นลอยของร้าน เพื่อนั่งคิดทบทวนอะไรบางอย่าง
'นี่เราขอบเธอคนนั้นเหรอ' เสียงในตัวผมถามขึ้น
'ใช่' ผมตอบตัวเองอย่างไม่อาย หลังจากที่คิดสักพัก
'เพราะอะไรถึงชอบเธอคนนั้นล่ะ' เสียงในตัวผมถามอีก
'ไม่รู้สิ หาคำตอบไม่ได้ รู้แต่ว่าชอบ' ผมตอบตัวเอง
'ชอบเธอตั้งแต่เมื่อไหร่' เสียงคำถามดังขึ้นอีก
'ตั้งแต่ครั้งแรกเลยมั้ง' ผมให้คำตอบกับตัวเอง ผู้อ่านหลายๆคนคงคิดว่าผมนี่นำเน่าจริงๆเลย แต่ผมก็ไม่รู้จะอธิบายให้ทุกๆคนฟังยังไงดีอ่ะครับ มันอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงเคยมีอาการแบบผมเหมือนกัน
'แล้วนี่เราจะได้เจอเธออีกเมื่อไหร่' เป็นคำถามที่ผมก็ให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้เช่นกัน
จากคุณ :
@หนูเอ๋อ@
- [
8 ส.ค. 47 16:39:22
A:168.120.26.20 X:
]