CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    !!!!!!!........ ห ม า ข้ า ง บ้ า น ......!!!!!!

    หมาข้างบ้าน

    มันยืนอิงแอบอยู่กับดงกล้วย ท่อนล่างอ่อนเปลี้ยตั้งแต่ปลีน่องจนถึงสะบักหลัง  ยิ้มให้กับเจ้าของบ้านซึ่งไม่มีทางจะรู้ว่ามันหลบอยู่ตรงนี้  พ่อพระของคุณนายในบ้านนั่น ส่งเสียงทักทายอย่างกับสามีดีๆ ในหนังฝรั่ง  

    “ผมกลับมาถึงบ้านแล้วครับที่รัก”

    และหลังจากนี้มันไม่รับรู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นในนั้น  เพราะเวลาอีกสองสามชั่วโมงนี่มีค่ายิ่งนักกับการผ่อนพักเอาแรง

    เมื่อหันหลังกลับสู่บ้านตน ก็เพิ่งเห็นว่าเขายืนมองอาการทั้งหมดของมันอยู่ก่อนแล้ว

    “ไอ้ตัวสู่รู้!”  

    มันสบถในลำคอ  ขยับขาเหมือนอยากจะเตะเขาสักป้าบ ทั้งที่เขานิ่งมองโดยไม่ส่งเสียงอันใด ที่จริงเขาคงแทบจะไม่มีแรงส่งเสียงอะไรออกมาด้วยซ้ำ  แต่ก็นั่นแหละเขามักจะต้องเป็นเหยื่ออารมณ์ของมันเสมอ  ทุกครั้งที่มันค้างคามาจากในบ้านคุณนาย

    อาจเป็นเพราะรูปร่างหน้าตาค่อนไปเป็นพันทางลูกรังคลุกขี้โคลนโดนขี้ทรายเกรอะกรัง  จนไม่ชวนให้ใครรักหรือหลงใหลได้ปลื้มกับการได้สบหน้า…ไม่เหมือนกับมันที่คุณนายบ้านข้างๆ พร้อมอ้าแขนรับเสมอ แม้มันจะตะกายตะกุยเข้าหาตรงหว่างอกอย่างไม่มีมารยาท

    แต่สตรีคนเดียวกันนี่แหละ ที่มองมาด้วยแววตาอันปรานี และคอยเอื้อเฟื้อเจือจานแก่เขาอยู่เสมอ  บางครั้งที่เขาจะโดนเจ้าถิ่นในบ้านนั้นรุมรังแก เธอก็จะออกมาช่วยห้ามปรามและปลอบโยน แม้เขาจะไม่โชคดีอย่างนั้นทุกครั้ง แต่ก็ยังมีแก่ใจจะคอยลุ้นว่าวันนี้…พรุ่งนี้ คุณนายคนสวยจะออกมาช่วยคุ้มครองอีกหรือไม่  นี่คงเป็นความหวังหนึ่งเดียวในชีวิตอันแสนลำเค็ญเข็ญใจ

    “สมน้ำหน้า…” มันส่งคำเย้ยหยันมาทางสายตา……การมองดูเขาด้วยสายตาเช่นนี้เริ่มจากวันหนึ่งที่เขาไปด้อมๆ มองๆ และส่งเสียงเรียกมันเมื่อเห็นว่าหายเข้าไปในบ้านคุณนายนานจนผิดสังเกต  เพราะความเป็นห่วงแท้ๆ โดยไม่ได้มีเจตนาเป็นอื่นแม้แต่น้อย  

    วันนั้นถ้าเขาไม่เรียกให้มันโผล่หน้าออกมา  มันจะรู้ไหมว่าสามีของคุณนายกำลังเลื่อนประตูรั้วเตี้ยๆ นั่นเพื่อนำรถเข้ามาจอดในบ้าน  

    กระนั้นเขายังไม่วายโดนมันค้อนใส่หลายตลบ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันหลายหนอย่างคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรกับเขาดี  สลับกับการมองเข้าไปในบ้านอย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนลัดหลบกิ่งกาหลงและดงกล้วยจนกลับถึงบ้าน โดยมีเขาวิ่งตามแทบไม่ทัน

    นับจากนั้นเขาหวังเพียงแค่ให้มันทำหน้าที่ของมันบ้าง  ให้สมกับความรักความซื่อสัตย์ การคอยช่วยเหลือระแวดระวังภัยที่เขามีต่อมัน  เขาไม่แน่ใจว่ามันจะทำอาการเฉยชาและพูดกับเขาเฉพาะเมื่อต้องการด่าว่าอย่างหยาบคายไปถึงเมื่อไหร่

    ประตูเกือบจะกระแทกกับจมูกของเขา เมื่อมันผลุบผ่านเข้าไปอย่างไม่ไยดีโลก  เขาเดินคอตกวนเวียนไปมาอยู่ตรงนั้นอีกนาน จะบอกมันว่าตนหิวจนไส้กิ่วก็ไม่ทัน มิหนำหากเผลอส่งเสียงอะไรออกมาอีก มันอาจจะออกมาเตะเขาจริงๆ จากที่แค่เงื้อง่าอยู่เมื่อครู่   เขาจึงกัดกินความหิวนั้นประทังกายให้ทรงตัวอยู่ได้อย่างยากเย็น

    จนเสียงโทรศัพท์ในบ้านดังขึ้น ประตูหน้าบ้านจึงแง้มออก มันโผล่เฉพาะส่วนหัวออกมาแล้วมองไปยังระเบียงห้องนอนของบ้านคุณผู้หญิงบ้านโน้น

    เขามองตามขึ้นไปเห็นคุณนายรูปสวยยืนเท้าแขนหนึ่งกับลูกกรงแก้ว อีกมือหนึ่งถือโทรศัพท์เครื่องเล็กๆ  เธอพูดคุยกับมันพร้อมกับส่งยิ้มหวานฉ่ำมาทางเขา   แล้วมันก็ยื่นมือข้างหนึ่งโผล่ออกมาจากประตู ทำสัญญาณอะไรสักอย่างเพื่อแสดงว่ามันรับรู้จุดมุ่งหมายของคนโทรมา

    เขาไม่ต้องเดาหรอกว่ามันกับคุณนายนั่น นัดแนะกันเรื่องอะไร  เพราะเดี๋ยวสามีเธอก็จะหลับเป็นตายโดยเหลือไว้เพียงเสียงกรนสนั่นเท่านั้น

    จะว่าไป..ถ้าตัดความเลวร้ายที่มันปฏิบัติต่อเขา  มันก็จะเหลือข้อดีมากมายให้คุณนายได้ยินยอมพร้อมใจกาย ให้มันล่วงผ่านเข้าไปถึงไหนๆ  เขาออกจะเข้าข้างมันเสียด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับสามีของเธอ  เพราะเมื่อความไม่ยอมอุดหนุนจุนเจือมีเสมอกัน  รูปร่างและพละกำลังของมันก็กินขาด

    ขาของเขาทรุดลงด้วยความอ่อนเพลีย เพราะยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เย็นวาน  เมื่อเช้าลองพยายามแล้วครั้งหนึ่งที่จะย่องไปในครัวบ้านคุณนายแต่ไม่สำเร็จ   ตรงประตูหลังซึ่งจะเปิดไว้เสมอสำหรับสมาชิกอีกส่วนหนึ่งของบ้าน ไอ้สองตัวนั่นก็ดันนั่งขวางลำไว้เสียมิดชิด  พวกมันตั้งใจจะกันท่าแน่ๆ เพราะหลายครั้งที่เขาได้รับการเชื้อเชิญเมื่อยามที่โผล่หน้าเข้าไป  แน่นอนแต่ละครั้งนั้นๆ ส่วนแบ่งของพวกมันจะน้อยลง  

    “ตุ๊กตุ่น ตุ๊กตาอย่ารังแกพี่เค้านะคะ”  คุณนายเคยคอยบอกเจ้าถิ่นทั้งสองด้วยสำเนียงหวานหยดทุกครั้งที่เขาเข้าไปร่วมวงด้วย   จนเขาแอบสารภาพกับตัวเองว่า เขาก็หลงรักคุณนายอย่างเต็มหัวใจ  ถ้าทำได้อย่างมันหรือถ้าคุณนายอยากให้ทำได้อย่างมัน เขาจะไม่มีวันปฏิเสธโดยเด็ดขาด

    อีกครู่เดียวคุณนายก็จะลงมาที่ห้องครัวในเสื้อคลุมผ้าโปร่งตา สีขาวเนียน เธอผูกสายคาดไว้ที่สะเอวด้านซ้าย มันเป็นการง่ายกว่าการผูกไว้ด้านหน้า หากใครสักคนจะแกล้งกระตุกให้รุ่ยหลุด

    ทุกครั้งที่คุณนายลงครัวนี้ สามีคุณนายจะยังกรนลั่นอยู่ชั้นบน  มันจำต้องซุ่มนอนเงียบอยู่ในบ้าน มีนาฬิกาเป็นเพื่อนและมีเวลานัดหมายเป็นเครื่องปลอบใจ

    …เพราะครั้งหนึ่งด้วยความคะนอง มันถลาเข้าไปปลดเสื้อคลุมของเธอ อาการตกอกตกใจจึงไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะคนที่ถูกจู่โจมให้เปลือยเปล่าทั้งๆ ที่มือยังถือชามข้าว  ด้วยบรรดาพวกที่รายล้อมอยู่ตรงนั้นก็พลอยส่งเสียงระงมเป็นโกลาขึ้นมาด้วย  กว่าคุณนายจะใช้ความเชี่ยวชาญในเชิงนี้สงบสถานการณ์ลงได้ มันและเขาก็โดนไล่ตะเพิดออกมาได้พักหนึ่งแล้ว

    พยาธิในลำไส้กำลังก่นด่าเขาอย่างไม่เหลือดี  น้ำกรดน้ำย่อยในกระเพาะรวมตัวกันเป็นพายุคะนองปั่นป่วนเสียดแสบสนั่นดัง  น้ำลายแห้งผากเพราะพยายามกลืนมันลงไปล้างคอแห้งระโหย  ตาปูดโปนช้ำยับยิ่งพร่าเลือน  กลิ่นสาบของพรมเช็ดเท้าแปรตนให้กลายเป็นกลิ่นอาหารย่างอย่างบาบีคิวหรือสัตว์หัน

    ดูเถิดชีวิตในบ้านนี้ ชีวิตที่มีเพียงมันกับเขา  ช่างเลวร้ายอย่างเหลือเชื่อ  แม้อาหารการกินในบ้านจะบริบูรณ์ด้วยเมตตาจากคุณนาย แต่เขาซึ่งอยู่ร่วมชายคาเดียวกันแท้ๆ กลับอดอยากเหมือนพวกจรจัด  เที่ยวต้องลักต้องขโมยเศษอาหารบ้านอื่นเขากิน

    เสียงเรียกหา “ตุ๊กตุ่น” “ตุ๊กตา” ทำให้เขาหูผึ่งได้ทันที  รีบยันกายขึ้นจากความน้อยเนื้อต่ำใจ ค่อยๆ ย่องเงียบกริบเหมือนแมวพิการ เหลือบมองขึ้นไปบนห้องสำหรับนอนของคุณนายนิดหนึ่ง มีอะไรไหวๆ อยู่หลังม่านบาง

    “กลางวันแสกๆ คงไม่ใช่ขโมยขะโจรที่ไหน” เขาคิดและไม่ยอมตะแคงหูฟังต่อไปว่าเสียงกรนอันเป็นปกติวิสัยของสามีคุณนายก็เงียบไปพร้อมรอยเคลื่อนไหวอันนั้น

    กว่าจะมาแอบนิ่งอยู่ตรงข้างประตูก็ทรมานสังขารแทบทนไม่ได้  กลิ่นหอมแชมพูของไอ้ “ตุ๊กตุ่น-ตุ๊กตา”  โชยฉุนมาถึงจมูก  เขาค่อนข้างแน่ใจว่าพวกข้างในคงจะไม่ได้กลิ่นของผู้ที่หมอบหลุบหุบหูหางอยู่ตรงนี้ เพราะจมูกสวยๆ นั่นคงตั้งใจแต่จะสูดแต่กลิ่นอาหารหอมๆ อยู่อย่างไม่ใส่ใจอะไรอื่น

    ถึงตรงนี้สถานการณ์ของเขากับมันได้มาพ้องกันเสียแล้ว  การมานอนรอของที่เขากินเหลือนี่อาจนับเป็นเกียรติก็ได้ หากนำไปเทียบกับการเที่ยวขู่กรรโชกหรือปล้นชิงเขากิน  และหากตัดคำว่า “ของเหลือเดน” ทิ้งไป ทั้งเขาและมันก็ย่อมมีอะไรที่สดใหม่วางแบรอไว้ตรงหน้าได้เสมอ

    เขาไม่รู้หรอกว่าพวกที่สมองมีพัฒนาการไปจนถึงกับกล้าเรียกตัวเองว่า “เจ้าโลก” นั่น จะวางบรรทัดฐานกติกามารยาทเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันไว้อย่างไร เขาไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าสารพัดคัมภีร์และรูปปั้นเพื่อการปฏิบัติบูชาเหล่านั้นจะช่วยให้พวกเจ้าโลกนั่นตั้งตนตรงตามเกณฑ์ไปได้ถ้วนทุกคน  เขารับรู้เพียงว่าทุกสรรพสิ่งในโลกก็ล้วน เสพรับ – ขับถ่าย เหมือนกันหมดทั้งสิ้น เขาจึงเชื่อว่าไม่ว่า “เขา” หรือ “มัน” ย่อมจะแสดงบทบาทชีวิตไปอย่างไร ที่สุดก็ต้องดำรงตนเพื่อตามสนองความต้องการของร่างกายและอารมณ์ทั้งสิ้น

    เขาจึงอดนึกสงสารมันไม่ได้  เพียงเพราะมันเกิดมาผิดที่ผิดทางผิดเพศพันธุ์เท่านั้น การกระทำของมันจึงต้องกลายเป็นการลอบลักหลบซ่อนไปเสีย ทั้งที่จริงหากมันเป็นอย่างเขา เรื่องนี้มันก็จะธรรมดาเหลือเกิน เพราะมันไม่ได้มีความจำเป็นมากไปกว่าการหาอะไรใส่ปากท้อง เขาคิดว่านี่ต่างหากที่สำคัญและควรค่าแก่การเสี่ยงภยันตรายต่างๆ

    การเสี่ยงเพื่อปากท้องนี่เอง ทำให้สภาพของเขาบอบช้ำถึงเพียงนี้  เพราะการไม่ดูดำดูดีของมัน ทำให้เขาเหมือนกับซากหมาแก่ๆ ตัวหนึ่งที่โดนหมาหนุ่มๆ รุมโทรมประทุษร้ายไม่วายเว้น ทุกครั้งที่จำต้องกล้าแหยมมาขอปันเศษเดนอาหาร

    เขาเคยปรับทุกข์เรื่องนี้กับคุณนวลซอยเจ็ด  เธอเป็นผู้เดียวที่ชื่นชมในวีรกรรมทำเพื่อปากท้องของเขา  เขาเกือบจะหลงรักเธอได้ หากไม่มีใบหน้าของคุณนายเข้ามาเบียดบังเสียก่อน  ถึงลูกที่คลอดออกมาของคุณนวลจะมีส่วนคล้ายกับเขาอยู่บ้าง แต่เราต่างเข้าใจกันว่ามันก็เป็นธรรมดาโลกอีกอย่างหนึ่งเท่านั้น  นับแต่จุดเริ่มต้นแห่งความคลับคล้ายนั่นเทียว  แล้วก็ปัญหาปากท้องของเธอกับบรรดาลูกๆ นั่นเอง ที่ทำให้คุณนวลต้องตายอย่างหมาข้างถนน  

    แล้วเขาก็กลับมานึกขันอยู่ในใจว่า ไยความอยากกระหายจึงชวนให้จิตใจฟุ้งซ่านได้ถึงเพียงนี้  มันจะรู้สึกอย่างเดียวกับเขาไหมหนอ  มันอาจจะโชคดีกว่าเขาหน่อยตรงที่ความอยากกระหายกระสันหาของมัน มีเครื่องบำรุงบำเรอที่แน่นอน  ต่างจากเขาที่จะต้องเพียรหาจังหวะเพื่อให้ตัวเองบอบช้ำน้อยที่สุดกว่าจะได้ดับกระหายในแต่ละคราว

    เขาหลับตาตั้งสติมั่น เพื่อวางแผนการณ์อันรัดกุม เพื่อให้ผ่านมื้อนี้ไปได้อย่างไม่ต้องเจ็บตัวไปมากกว่านี้  ก่อนอื่นเขาต้องแผ่เมตตา  แล้วจึงอาราธนาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครอง  พับความละอายและการเกรงกลัวใดๆ ไปไว้เสียทางหนึ่ง  แล้วจึงค่อยทำมารยาตาละห้อยโผล่หน้าเข้าไปให้คุณนายรู้สึกว่าเขาน่าเวทนาเป็นที่สุด จนเธอต้องออกไปไล่พวกมันไปเสียให้ห่าง เพื่อเปิดทางให้เขาลิ้มรสฝีมือของเธอได้บ้าง

    เมื่อคิดได้ดังนี้ เขาจึงเริ่มพึมพำสิ่งที่อาศัยจดจำมาจากเสียงเย็นๆ เชยๆ ที่สามีของคุณนายเปิดอยู่ลั่นๆ ทุกวันตอนก่อนรุ่ง  “สัพเพสัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น” เขาตั้งใจจะท่องบ่นมนตราอันนี้ให้ครบ หากสัญชาติญาณการระวังภัยไม่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาเสียก่อน  

    เสียงคลิกเบาๆ พร้อมเสียงฝีเท้าที่หยุดลงตรงที่หนึ่งในบ้าน  และจิตสังหารตลบฟุ้งของไอ้สองตัวหรือสามตัวที่แผ่ออกมาพร้อมกับการหยุดเคี้ยวแจ๊บๆ จั๊บๆ  เสียงคุณนายอ้อนวอนให้พวกมันจัดการกับอาหารตรงหน้า เสียงจากบ้านของเขาซึ่งมันคงคิดจะทำอะไรสักอย่างจึงได้เปิดประตูออกมา

    เขาหันขวับไปมองที่มันขณะที่คุณนายถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก  เขาอยากจะเตือนมันถึงความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้น แต่จนใจเพราะเขาเองก็อยู่ในห้วงที่คับขันเหลือเกิน  หากเขาเผลอเอะอะอะไรออกไปตอนนี้  เขาอาจจะต้องเสียดวงตาข้างซ้ายไปตลอดกาลเพราะถูกจ้องเล่นงานมาเป็นประจำ แล้วขานี่ก็อาจจะถึงกับต้องพิการ หากการกรุ้มรุมนั้นช่วยกันย้ำรอยเดิม  จึงได้แต่สำรวมจิตอีกครั้งเพื่อแผ่เมตตาส่งไปให้ถึงมัน

    “อเวราโหนตุ  อย่าได้มีเวรซึ่งกันและกันเลย…”

    มันมาแอบอยู่ตรงดงกล้วยนี่แล้ว  ส่งเสียงกู่เหมือนนกเขาพิการอยู่สามสี่ครั้ง ก่อนที่ทางฝั่งคุณนาย บ่นออกมาเบาๆ  “จะรีบร้อนอะไรนักหนาก็ไม่รู้”  พร้อมกับดึงดันพาไอ้ “ตุ๊กตุ่น-ตุ๊กตา” ไปพักไว้อีกฝั่งหนึ่งของตัวเรือน ซึ่งจะมีอาหารสำเร็จรูปชั้นเลิศวางรออยู่อีกจานเบ้อเร่อ  

    พวกมันหันมาจ้องตาและแยกเขี้ยวใส่เขาได้นิดเดียว ก่อนที่คุณนายจะรีบกระตุ้นรุนให้มันเดินต่อไป ส่วนสายตาเธอก็ซอกซอนไปถึงดงกล้วยนั่นเรียบร้อยแล้ว…แล้วนกเขาพิการอีกตัวก็ขันขั้นเบาๆ

    เมื่อคุณนายเลี้ยวลับมุมบ้านไป เขาไม่สนใจอีกว่ามันจะเผยตัวออกมาจากที่ซ่อนเช่นกัน  เสียงผิวปากอย่างสบอารมณ์นั่นลอยผ่านหูซ้ายทะลุหูขวา เหมือนๆ กับอีกเสียงที่สูดหายใจลึกๆ อยู่ในบ้าน  เพราะมันไม่สำคัญเท่ากับอาหารสองชามโตตรงหน้า ที่เขาจะสามารถละเลียดกินได้อย่างไม่ต้องระแวดระวังภัยอะไรอีกแล้วในมื้อนี้

    เพียงเขานั่งให้เรียบร้อย แสดงวิธีการรับประทานอย่างมีแบบแผนของผู้ได้รับการฝึกอบรมมาดี เพียงแค่นี้เมื่อคุณนายกลับเข้ามา เธอก็พร้อมจะโปรยยิ้มอย่างเอ็นดูมาให้เขา  เผลอๆ จะหาน้ำหาท่ามาตั้งรอไว้ด้วยซ้ำ

    ขณะที่เขาค่อยย่องเบาเข้าไปยังอาหารตรงหน้า มันก็คงย่องไปถึงประตูหน้าแล้ว และคงเปิดประตูเข้าไปรอในห้องรับแขกโซฟาใหญ่นั่นเหมือนกับทุกครั้ง  แล้วคุณนายก็เพียงแค่พยักทักเขาเล็กน้อยก่อนรีบผ่านเข้าไปยังห้องรับแขกส่วนหน้าอีกคน

    เขาจึงถือว่าอาการ “พยักเพยิด” ของคุณนายคือการอนุญาตให้เขาจัดการสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างจุใจ  ในชั่วเสี้ยวนาทีหนึ่งก่อนที่เขาจะทุ่มเทประสาททั้งหมดไปกับความอิ่มหนำตรงหน้า  ภาพของมันก็กลับมาปรากฏไหววูบอยู่ในห้วงคำนึง…

    มันไม่ใช่ภาพเปล่าเปลือยของคนคู่หนึ่งในห้องรับแขกอันเป็นที่ชินตาชินใจของเขามาเนิ่นนาน

    และไม่ใช่ภาพตอนที่มันตั้งท่าจะประทุษร้ายเขาเมื่อถูกขัดจังหวะด้วยเสียงสัญญาณเตือนภัยที่เขากู่ร้องขึ้นมา

    แต่ภาพนั้นก็ช่วยให้เขาถึงได้ถึงวัฏฏแห่งชีวิต

    ภาพนั้นทำให้เขานึกถึงการอโหสิกรรมอันเป็นกรรมที่ประเสริฐสูงสุดขึ้นมาได้เฉยๆ

    เสียงครวญครางอย่างกระสันรัญจวนดังแผ่วแว่วมาอย่างเคยอีกครั้ง มันคงกลบเสียงขึ้นนกและเสียงฝีเท้าที่ค่อยย่างก้าวลงมานั่นเสียด้วยในคราวเดียว  เขาก้มหน้าก้มตาเสพรสมือของคุณนายอย่างไม่สนใจใครอีกแล้ว

    ฉับพลันเสียงที่เคยได้ยิน “ที่รักๆ ผมกลับมาถึงบ้านแล้วนะครับ” ก็ดังขึ้น

    "ไอ๊สัตว์กะหมา มืงนี่เองที่กล้ามาตีท้ายครัวกู  อย่าอยู่ให้รกโลกเลยมืง!!!”

    เขาตกใจแทบสิ้นสติแต่สี่ตีนก็เผ่นแน่บหางจุกตูดออกจากห้องครัว

    “เปรี้ยง!…. เปรี้ยง!…. เปรี้ยง!…”

    เสียงปืนดังรัวขึ้นสามนัด  ตามด้วยเสียงกรีดร้องของคุณนายคนสวย

    เขายิ่งโกยอ้าวอย่างไม่คิดชีวิต  ไม่คิดจะรู้หรอกว่าในห้องรับแขกนั่นเกิดอะไรขึ้น  นึกโมโหอยู่แต่ว่า ไอ้สามีคุณนายนี่ช่างใจร้ายเสียจริง  แค่เข้ามาขออาศัยกินประทังชีวิตแค่นี้ก็ถึงกับจะฆ่าจะแกงกันได้ลงคอ

    *******************************



    แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 47 02:42:46

    แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 47 04:48:44

    แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 47 04:43:34

    จากคุณ : SONG982 - [ 19 ส.ค. 47 04:41:19 ]