CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    " หมา ในใจ "

    เข้าเวรเข้ากรรมตั้งแต่เช้า หาวหวอดๆ เนี่ยพึ่งตีสี่ห้าสิบเองนะ งานก็ม่ายมี…เล่นเกมซ่อนตาดำ หลับตาแว้บ แผล็บเดียว เผลอหลับม่อยกะรอก... .. ครอก…..zzzz

    รู้สึกเคลิ้มๆ คล้ายๆ ลอยๆ เบาๆ เห็นหมาในจินตนาการ ..มาเข้าฝันกันทำมาย มันเป็นหมาไทย ขนสีดำ ตาสีน้ำตาล ยืนตั้งหน้าตรงเหมือนคนทำท่าถ่ายบัตรประชาชน หน้าตาทะลึ่ง คิ้วขมวด แถมยิ้มที่มุมปากอีกต่างหาก….มันเป็นหมาที่หล่อที่สุดตั้งแต่เคยเห็นมา

    ตื่นจากภวังค์ ก็มานั่งเกาหัวแกร็กๆ ….งงกับปรากฏการณ์หมาเข้าฝัน ( เปลี่ยนเป็นบอกหวยก็ไม่ได้ ….เว็งกรรม ) ….เลิกเวร ขับรถกลับบ้านมา เห็นหมาข้างทางหลายตัว เลยนึกถึงหมาที่อยู่ในสมอง…… อดีตหมาๆ ที่เคยผ่านมา ยังฝังรากทุกความจำสัมผัสอยู่ในนั้น ( สมอง )... ... .

    นึกย้อนหลังกลับไปตอนเด็กๆ ผูกพันธ์กับหมาหลายตัว มีทั้งหมาดี…..หมาไม่ดี….. บางตัวก็รักมัน บางตัวก็เกลียดมันเข้าใส้……. แต่ก็ยังรักมัน เพราะมันคือหมา ….หมาก็คือหมา จะไปเอาอะไรกะมันนักหนา ฮะ!.…แม้เดี๋ยวนี้จะไม่ได้เลี้ยง แต่ส่วนใหญ่ก็ยังเจอกัน โดยบังเอิญ….ริมถนน…..ริมร้านลาบ ..ลานวัด ที่สุดท้ายที่ไม่อยากเจอ คือ หน้ารถเราตอนขับไปทำงาน…….


    หมา... หมา... หมา... บ๊อก... บ๊อก... บ๊อก….พูดคนละภาษา แต่หมาดันผูกพันธ์ ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีพันธุ์ใกล้กัน... .. แต่มันก็ดันรักคน ติดคน จนงง... .….งง… ว่ามันมาติดทำไม... .. ทำไมหมาไม่อยู่ส่วนหมา

    ลูกหมาตัวเล็กๆ จะชอบคน มันจะกระดิ้กริ้กๆ มาหาคนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นใคร รู้จักหรือไม่รู้จัก มันก็อยากเข้ามาหา มาเล่นด้วย ให้ลูบหัวลูบตัว จริงๆ มันควรจะกลัวคนซะมากกว่า เพราะคนตัวใหญ่ เหมือนยักษ์... ... ถ้าเราเป็นมัน เจออะไร ตัวใหญ่ขนาดนั้น เราคงวิ่งป่าราบสถานเดียว ไม่รู้จะมาลูบหัวหรือจะมาบีบคอ ….หนีสิ …อยู่ทำไม…


    หมาตัวแรก เป็นลูกหมาไทย หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ขนปุกปุย ตากลมๆ ดำๆ แป๋วๆ แบ้วบ๊องติงต๊องดี สีขนมันออกเทาๆ เลยตั้งชื่อมันว่า “ สีเทา “ เลี้ยงมันได้ไม่กี่เดือน ลุงมาจากต่างจังหวัด มาเที่ยวบ้าน ก็เกิดติดใจ มาง้อเราขอเราอยู่หลายเพลา สุดท้ายเลยใจอ่อน ยกให้ลุงไป…….
    ……….แล้วก็นานนน มาากกกกกกกกกกกกกกกกกก…………. จนลืมมันไปแล้วว่าโลกนี้มี
    “ สีเทา “ ... ..ไอ้หมาสีดอกเลาตัวนั้น …..

    วันนึงเราไปเยี่ยมลุงที่ต่างจังหวัด พอเปิดประตูรถก้าวเท้าลงมา ก็มีหมาจากใหนไม่ทราบ ตัวใหญ่เกือบเท่าเอวเรา ( ตอนเด็กๆ ) กระโจนเข้ามาหา หน้าตาดีใจเหลือหลาย แต่เราตกใจตาเหลือกเกือบตาย ตั้งตัวไม่ทัน ไม่ได้ตั้งรับ ปรับอารมณ์ไม่ถูก กระโดดกลับขึ้นรถไปอีกรอบ……….ลุงตะโกนบอกว่า “ ไอสีเทาไง “ เราเลยหายตกใจหันไปดูมันอีกที มันกระโจนเข้ามาหาด้วยความดีใจ ส่ายหางดิ้กๆ ไม่ยอมหยุด….. มันนาาาาานมากแล้วนะที่ไม่ได้เจอกัน และมันก็ตัวโตจนไม่เหลือเค้าเดิม…… แต่มันก็ยังจำเราได้ ทำให้เราประทับใจหมา รักหมาตั้งแต่นั้น มา

    หลังจาก เจ้าสีเทา แล้ว เราก็เลี้ยงมาอีกหลายตัว ไม่มีตัวไหนเป็นหมาพันธ์ราคาแพง เพราะว่า มันแพง…..มีแต่หมาธรรมดาราคาถูก หาได้ตามท้องถนนทั่วไป …..อุ้มมาจากข้างทางบ้าง ขอเค้ามาบ้าง ... .. ไม่ว่าหมาไทยหมาฝรั่งก็น่ารักเหมือนกัน เพราะไม่ได้รักมันที่หน้าตา แต่เอ็นดูมันเพราะความที่เป็นมันตะหาก…..


    แมวก็น่ารักไปอีกแบบ ขี้อ้อน ขี้ออเซาะ คลอเคลีย เคลียคลอ อยู่รอบกายไม่ยอมห่าง ชอบมานอนบนตักแล้วให้เกาคาง ถ้ามันชอบใจ มันจะกรนดัง ครืดดดดดดดดดด…..บ่งบอกว่ามันสุขใจยิ่งนัก…….

    เวลาเรานอนคว่ำ หลังของเราก็เหมือนเป็นเตียงโปรดของมัน มันจะกระโดดขึ้นมาแล้วก็ย่ำเท้าอยู่กับที่ สลับซ้ายขวาไปมา ย่ำ... .. ย่ำ... .. ย่ำ... .. ช้า... .. ช้า... ... . ประมาณสิบทีก็จะทรุดตัวลงนอน ซึ่งเป็นตอนที่เราชอบเหมือนกัน เหมือนมีใครมานวดเบาๆ และแล้วก็หลับทั้งคนทั้งแมว……


    แต่แมว ไม่เหมือนหมา จำเจ้าของไม่ค่อยได้ ความจำด้านบุญคุณเสื่อม….. วันไหนอยากให้เล่นก็จะเล่น วันไหนไม่อยากเล่น เรียกเท่าไหร่ก็ไม่มา ทำหูทวนลมเชิดหน้าเชิดตาน่าตบคว่ำ แถมถ้าข้างบ้านเล่นด้วย เลี้ยงดูดีกว่า หอบข้าวหอบของ พร้อมลูกเต้าไปอยู่บ้านเค้าเฉย….. เจอกันวันหลังแถมไม่ทักอีกต่างหาก…….

    …. ไม่เหมือนหมา ที่ไม่ลืมเจ้าของ ( อย่างเจ้าสีเทา )….

    หมาก็เหมือนคน มี หมาดี,หมาไม่ดี,หมานักเลง ( ชอบรวมแก๊งตั้งก๊วนไปกัดกับหมาซอยอื่น ),หมาโรคจิต ( ชอบไล่มอเตอร์ไซด์... .. พอหยุดรถ เหมือนไม่เร้าใจ หยุดไล่หยุดเห่าเอาซะเฉยๆ พอรถวิ่ง ก็เริ่มเห่าเริ่มไล่กันใหม่….โรคจิตจริงๆ ข้างบ้านเรามีอยู่ตัวนึง ชื่อ “ ปีศาจหมาจู “ ) ,หมาซุบเปอร์โรคจิต ( ชอบไล่รถยนต์ …ไม่รู้จะไล่ไปทำมาย…. ประสาท..จะกัดตรงไหนเข้าหละ เหล็กทั้งคัน ) ,หมาพูดมาก (เห่าไม่หยุด) ,หมาเพ้อเจ้อ (เห่าไม่มีสาเหตุ หาวัตถุต้นเหตุไม่เจอ) ,หมาเรียบร้อย ขี้อาย ( ไม่ค่อยเห่า ) ,หมารับแขก ( ใครไปใครมา ก็ไม่เห่า โจรเข้าบ้านก็คงไปเล่นกับเค้าอีกมั้ง ) ไอประเภทหลังเนี่ยมีจริงๆ เป็นหมาบ้านเราเอง มันเป็นหมาประเภทผิดฝาผิดตัว เป็นแมวกลับชาติมาเกิด ใครไม่รู้จะหาว่าเราใช้หมาผิดประเภท เพราะมันไม่เห่าซักแอะ…..

    เมื่อก่อน หน้าบ้านเราจะมีหมานักเลงอยู่ฝูงนึง หมาที่ไหนหลงมา มันจะกัดจนตาย ไม่ตายไม่หยุด มันเป็นภาพที่โหดร้ายไม่น่าดูที่เห็นหมาเหยื่อนอนหงายไร้ทางสู้ ดิ้นสุดชีวิต แหกปากร้องด้วยความเจ็บ และตกใจกระเจิงจนเสียงหลง หมานักเลงต่างก็ล้อมรุมกันงับ งับท้อง งับตัว งับหัว….. และก็ งับ... งับ... งับ….. งับกันใหญ่ราวกับเป็นอาหารจานโปรด โดยที่คนก็เดินผ่านกันไปเหมือนเป็นเหตุการณ์ปกติในชีวิตประจำวัน ไม่มีอะไร……. แค่หมากำลังจะตายเพิ่มอีกตัว……… มันทำให้เราไม่กล้าเข้าไปช่วย... . กลัว เพื่อนว่าขี้ใจอ่อน อีกอย่าง เราก็ยังเด็ก ถ้าไปห้ามมันเดี๋ยวมันเกิดไม่พอใจ หันมางับเราแทน เราคงแย่แทนหมาตัวนั้น เข้าทำนอง หมารอดฉันตาย คงไม่ไหว สุดท้ายเราเลยต้องยืนมองมัน จนมันร้องแอะสุดท้าย ก่อนจะนิ่งไป และขาดใจตาย... ... ไอพวกหมานักเลง ก็เดินจากไปอย่างมีความสุขสนุกสนาน หยอกล้อเล่นกันไป เหมือนพึ่งทำอะไรที่ทำให้สมองสดชื่นมาหมาดๆ ….สะใจได้จัดการไปอีกหนึ่ง ประกาศศักดาคับซอย……..
    เราเดินไปดูอดีตหมาอย่างใกล้ๆ ……………แล้วก็พบปรัชญาที่เรี่ยราดอยู่ข้างกองเลือด…..
    ………
    เวลากับการตัดสินใจ แค่ชั่วพริบตา สามารถชี้เป็นชี้ตายให้ใครบางคนได้…… 5นาทีที่แล้ว…… ถ้าเราเลือกที่จะช่วย ภาพนี้คงไม่มีอยู่ต่อหน้าเรา คงเปลี่ยนเป็นภาพมันเดินเล่นอยู่ในบ้านเรา รู้สึกปลอดภัยจากอันตรายที่พึ่งผ่าน ……..
    มันนอนตาค้าง ตาเบิกโพลงด้วยความตกใจจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต เราเห็นน้ำตามันไหลแฉะไปทั่วริมขอบตา……. มันคงเจ็บน่าดู หรือไม่ก็คงเสียใจที่เราไม่ช่วยมัน…….
    มันเป็นอุทาหรณ์ให้เราตัดสินใจช่วยใครทันทีที่เห็นเค้ากำลังอยู่ในอันตราย( ช่วยตามสภาพนะ ประทานโทษ ..ไม่ใช่พระเอกหนัง ) จะรู้สึกผิดทันทีที่ต้องมารู้สึกว่า ถ้าเมื่อกี๊ฉันอย่างงั้นยังงี้ เค้าคงไม่ตาย…มันเหมือนเป็นบาปติดตัว………

    วันนึง หมานักเลงก็ถึงเวลาใช้กรรม รับโทษที่มันทำ ที่มันเที่ยวไปงับเค้าตาย...
    รถเทศบาลมากำจัดหมาจรจัด มันก็รู้งาน วิ่งกันซะตั้งแต่รถยังไม่จอด ไม่รู้ รู้ได้ยังไง มีสายรึเปล่า ไอตัวหัวหน้าฝูง วิ่งผ่านบ้านเราไปเข้าไปแอบในถังขยะ เจ้าหน้าที่ก็ตาดี ย่องเข้าไปช้าๆ เป่าลูกดอกใส่ตูดมัน ไม่ทันถึง2นาที มันเกร็ง... . แข็ง... . สั่น... . แล้วก็ชักขาดใจตายไปต่อหน้าต่อตาเรา……… ขนาดตายแล้ว ตามันยังมองขวางเอาเรื่อง ……….

    นิสัยที่น่ายกย่องของหมา คือ หมาไม่กัดเจ้าของ รู้คุณข้าวทุกมื้อที่เลี้ยง เคยลองแกล้งมัน ตีมันขู่มัน จนมันเข้าไปหลบใต้โต๊ะ หมอบอยู่อย่างนั้น ไม่ตอบโต้แต่โมโหสุดขีด แยกเขี้ยวใส่เรา ตีมันต่อมันก็ไม่กัด ก็ยังแยกเขี้ยวเหมือนเดิม ( ตีต่ออีก……ไม่ทราบ…….เพราะไม่กล้าลอง….. ) จนเราวางไม้เดินเข้าไปลูบหัว มันก็ไม่ได้โกรธอะไรอีก แม้หน้าตามันยังไม่หายเครียด แต่มันก็ยอมให้ลูบหัวแต่ โดยดี มันเป็นสเน่ห์อย่างนึงที่ทำให้ใครหลายคนรักหมา เหมือนหมาเป็นลูกคนนึง เพราะข้อดีข้อนี้ทำให้หลายคนพบสัจธรรมว่าหมาดีกว่าคนบางคนที่รู้จัก คนที่เลี้ยงคนที่รักฟูมฟักมากับมือ กลับลำได้ตลอดเวลาถ้าผลประโยชน์เปลี่ยน นินทาได้ในระยะแค่คล้อยหลังกับคนที่เคยช่วยเหลือมาตลอดตั้งแต่เสื่อผืนหมอนใบ….. มันทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ เปลี่ยนใจไปรักหมาแทน…….

    หมาไม่ลืมบ้านเกิด รักบ้านเกิด และเป็นเรือนตาย

    เคยนั่งรถสองแถวไปโรงเรียน “ เจ้าน้ำตาล “ หมาที่เคยเลี้ยงที่บ้าน วิ่งตามรถมา ไล่ให้กลับก็ไม่กลับ มองมันจนมันลับตา…… ตั้งแต่วันนั้น ก็ไม่เห็นมันอีกเลย คิดว่ามันคงตายไปแล้ว………… หลายเดือนต่อมา…. มีหมาอยู่ตัวนึง มันยืนโงนเงนโงนเงนอยู่หน้าบ้าน……. ผอม…… สกปรก ซกมก โทรม จนจำแทบไม่ได้... ... มันคือ ไอน้ำตาล หมาที่หายไป……. เราเปิดประตูให้มันเดินเข้ามา……. มันเดินแทบจะไม่ไหว ก้าวขาไม่ออก จนต้องอุ้มมัน วางมันตรงที่จอดรถในบ้าน มันนอนหายใจรวยระริน เหมือนเหนื่อยอ่อนเต็มที เอาน้ำเอาข้าวให้กินก็ไม่กิน ได้แต่นอนเหลือกตามามอง เรานั่งกับมันอยู่อย่างนั้น ... ... .. ไม่ถึง 1 ชม.มันก็หยุดหายใจ…….. เราได้นั่งอยู่ตรงนั้น ดูใจมันจนลมหายใจสุดท้าย ให้มันสมกับที่มันอุตส่าห์รวบรวมกำลังทั้งหมด เพื่อกลับบ้าน…… บ้านที่เป็นบ้านเกิด และบ้านที่เป็นเรือนตายของมัน……

    หมาตัวสุดท้าย เป็นหมาที่เลี้ยงที่บ้านเมื่อไม่กี่ปีมานี้ มันเป็นหมาขี้เรื้อนโซซัดโซเซมาจากไหนไม่ทราบ ลอดรั้วมาอยู่ในบ้าน ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป พอกลับมาจากทำงาน มันก็มุดเข้ามานอนอีก จนกำลังจะไปซื้อตาข่ายมากั้นไม่ให้มันลอดเข้ามา….
    แล้วคืนนึงฝนตกหนัก เราได้ยินเสียงลูกหมาร้องเบาๆ มาจากใต้ต้นไม้พุ่มเตี้ยๆ ริมรั้ว เอาไฟฉายไปส่องดู เห็นเจ้าหมาขี้เรื้อนตัวนั้น ยืนกางขาทำตัวเป็นร่มกันฝนให้ลูกอยู่ใต้พุ่มไม้ ขามันสั่นดิกๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ด้วยความหนาว…… ลูกมันก็เปียกมอมแมมไปหมด เดินไปร้องไปใต้ตัวแม่มัน…….. เป็นภาพที่สะเทือนใจไม่เบาในความรักลูกของมัน
    สุดท้ายเลยต้องเลี้ยงมันเอาไว้ เพราะแพ้ใจมัน…… เลี้ยงจนลูกโต ดูแลตัวเองได้ เลยตัดสินใจเอามันไปปล่อย (เพราะไม่อยากเลี้ยงอีกแล้ว มันเป็นภาระ ) เราขับรถข้ามเขาไป1ลูก 10 กม. 15 นาที ปล่อยมันไว้ข้างทาง ดูแล้วคงมีอาหารกินเพราะมีร้านข้าวร้านก๋วยเตี๋ยวเยอะ ขับกลับมาก็ยังอดเป็นห่วงลูกมันไม่ได้ เพราะกลัวหมาเจ้าถิ่นจะรุมทำร้าย แต่ก็ต้องตัดใจ เพราะตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่เลี้ยงอะไรอีก ……
    ผ่านไปเกือบปี เจ้าหมาตัวเดิมหมายืนตาละห้อยอยู่หน้าบ้าน มันเป็นหมาตัวนั้น จริงๆ มันใช้เวลาอยู่เกือบปีที่จะหาทางกลับมา สุดท้ายเลยต้องเลี้ยงมันเอาไว้ เลี้ยงมันจนอ้วน ขนขึ้นทั่วตัว แต่เราก็ยังตั้งชื่อมันตามที่เราเห็นครั้งแรก เราเลยตั้งชื่อมันว่า………. “ มอมแมม “

    หลังจากเจ้ามอมแมมตายก็ไม่เลี้ยงหมาอีก เพราะเลี้ยงแล้วผูกพันธ์ เป็นห่วงเป็นใย ไปไหนลำบาก กลัวมันอดตาย กลัวไม่มีใครให้ข้าวกิน….

    นั่นเป็นหมาที่อยู่ในใจ เท่าที่นึกออก เป็นความทรงจำที่ดี ที่น่าชื่นชม มีนิสัยดีดีของหมาที่น่าเอาเป็นตัวอย่าง เพราะหมาเป็นสัตว์ที่ดี ฝรั่งรักหมา แต่เราเอาหมามาเป็นคำด่า ใครเอาหมามาประกอบคำด่าว่าเรา เราก็จะโกรธ หัวใจติดไฟขึ้นมาทันที ทำไมไม่คิดถึงหมาในสิ่งที่ดี …………

    หมารักเจ้าของ…….รักเดียวใจเดียว ไม่เปลี่ยนนาย

    หมาไม่กัดเจ้าของ…….ไม่ทำร้ายผู้มีพระคุณ

    หมารู้บุญคุณ………ดูแล ปกป้อง พิทักษ์นาย จากคนที่จะเข้ามาทำร้าย

    หมาซื่อสัตย์……….ไม่เคยทรยศ

    หมาถูกเหยียดให้เป็นแค่คำด่า คำไม่ดี ……..มันสมควรน่าดูกับสิ่งดีๆ ที่มันให้
    ถ้าบอกให้มีหมาในใจคงไม่ดี…แต่ถ้าอ่านเรื่องนี้คงเข้าใจว่าสิ่งที่หมามี ควรเป็นคุณธรรมที่อยู่ในใจคน….
    ประพฤติเยี่ยงหมา... ... ... ระลึกไว้ในใจ……
    …………..
    …………..
    มีหมาในใจ………..

    จากคุณ : sonydiver - [ 22 ส.ค. 47 10:52:19 ]