รู้สึกว่าตัวเองร้างราจากงานเขียนไปนานพอสมควร ไม่รู้สองสามวันนี้เป็นอะไร คิดถึงงานที่ตัวเองเขียนมากๆ เลยขอขยับแป้นพิมพ์ แต่งเรื่องสั้นสักเรื่อง....
แม้ว่าเรื่องนี้อาจดูไม่ค่อยเข้ากับฤดูฝนที่กำลังเป็นอยู่ แต่เราก็ยังอยากฝากเรื่องสั้นหวานๆ เรื่องนี้ไว้ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน เผื่อหนาวหน้าที่กำลังจะมาถึงจะได้อบอุ่นเพราะมีคนรู้ใจอยู่เคียงข้าง
คิดถึงทุกคนนะคะ ^__^ ไฟลี่(sea)
****************************************************
ขออยู่ได้ไหม...ในหัวใจเธอ
พี่ไม่รู้หรอกว่าวันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร หากเพียงแค่วันนี้ที่รับรู้... คือมีน้ำอยู่ในทุกห้องใจ
ไม่ว่าวันไหนๆ ไม่เคยมีสักครั้งที่พี่จะไม่คิดถึงน้ำ...
ไม่เคยเรียกร้องสิ่งใด หากเพียงสิ่งเดียวที่อยากบอก...
ไม่ว่าอีกนานเพียงใด หัวใจดวงนี้จะยังคงอยู่กับน้ำตลอดไป...
วันใดที่น้ำพร้อม... วันใดที่น้ำมั่นใจ ว่าความรักที่พี่มีให้ควรคู่กับความไว้วางใจของน้ำ
ขอให้มาเถอะ... พี่พร้อมที่จะดูแลน้ำเสมอ...
โปรดอย่าลืมว่าหัวใจดวงนี้เป็นของน้ำ...
เสียงพลิกหน้ากระดาษสุดท้ายดึงสติสัมปชัญญะของน้ำหนึ่งให้กลับคืนมา กี่ครั้งกันหนอที่เธอเที่ยวเวียนอ่านข้อความๆ นี้ เป็นสิบเป็นร้อยครั้งเห็นจะได้ที่เฝ้าแต่เปิดบันทึกหน้าสุดท้าย... บันทึกของใครคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าเข้ามานั่งอยู่ในหัวใจตั้งแต่เมื่อไร
น้ำหนึ่งยังจำภาพของพี่ภีมได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผิวขาวในชุดนักศึกษาที่คอยเดินตามเธอแทบทุกวัน
ณ เวลานั้น แทบไม่มีวันไหนเลยที่น้ำหนึ่งไม่ได้เจอหน้าพี่ภีม
นับตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกันในคืนวันงานคริสต์มาสของมหาวิทยาลัย วันนั้นด้วยความป้ำๆ เป๋อๆ ของตัวเธอเอง ทำให้น้ำหนึ่งพลัดกับกลุ่มเพื่อนที่มาเดินเที่ยวด้วยกัน และความซวยซ้ำสองก็คือ เธอดันฝากกระเป๋าพร้อมกับมือถือของตัวเองไว้กับเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่ม...
โอ๊ย! ตายแล้ว แล้วนี่ฉันจะโทรหาเพื่อนยังไงล่ะเนี่ย น้ำหนึ่งบ่นพึมพำ หลังจากที่เดินวนรอบงานอยู่เกือบสิบรอบจนทนไม่ไหว หญิงสาวจึงตัดสินใจเดินเข้ามานั่งในสวนด้านหลังของมหาวิทยาลัย
เวลานี้ปาเข้าไปเกือบจะห้าทุ่มแล้ว...
อ้าว น้อง นั่นมานั่งทำอะไรในที่มืดๆ อยู่คนเดียวตรงนี้ ยุงไม่หามเอาเหรอนั่น มีเสียงเรียกจากผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลังพุ่มไม้
น้ำหนึ่งหันกลับไปมองยังต้นเสียงด้วยความตกใจ จึงได้ทันเห็นนัยน์ตาคมคู่หนึ่งจ้องมองเธออยู่ แววตานั้นช่างแตกต่างจากแววตาอื่นที่เคยสบมา
นั่นเป็นครั้งแรกที่เส้นชีวิตของคนสองคนได้ขีดมาบรรจบกัน...
ไม่มีอะไรค่ะ น้ำกำลังจะไปอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว น้ำหนึ่งบอกเสียงเครือ
เดี๋ยวสิครับ แล้วนั่นทำไมทำท่าอย่างกับจะร้องไห้ล่ะ ชายหนุ่มแปลกหน้าเอ่ยถาม
เหมือนทำนบกั้น ยามอยู่เพียงลำพังน้ำหนึ่งช่างดูเป็นคนเข้มแข็งนัก แต่ตอนนี้เมื่อมีคนมาสะกิด ช่างเหมือนกับเขื่อนที่ถูกเปิดประตูออก สายน้ำสายใหญ่กลับพรั่งพรูออกมาราวทำนบแตก
อ้าว! เฮ้ย! พี่ไม่ได้คิดทำอะไรน้องนะ แค่เป็นห่วงเลยถามดูเฉยๆ เขาบอกเสียงหลง รีบถอยตัวออกห่างจากม้านั่งที่หญิงสาวนั่งอยู่
หากก็ถอยไปได้ไม่ไกลนัก เขายังคงเดินวนเวียน รอให้หญิงสาวใช้เวลาสงบสติอารมณ์ตนเอง
จะไม่เช็ดหน้าสักหน่อยเหรอ เขาถาม พลางยื่นห่อกระดาษทิชชู่มาให้
ขอบคุณค่ะ ริมฝีปากคู่งามเอ่ยด้วยน้ำเสียงอู้อี้ ก่อนที่จะจัดการปิดเขื่อนน้ำตาตัวเองลงได้
ตกลงน้องบอกพี่ได้รึยังว่า ร้องไห้ทำไม
น้ำหนึ่งเงยหน้าขึ้นมองบุคคลเบื้องหน้า แม้เขาจะรักษาระยะห่างไว้ไกลพอสมควร แต่เธอก็ยังสามารถมองเห็นถึงแววตาแห่งความห่วงใยกำลังจ้องมองมา
เธอตัดสินใจเล่าเรื่องที่ตัวเองพลัดหลงกับเพื่อนให้ฟัง
หมายความว่า ทั้งกระเป๋าตังค์ มือถือ แล้วก็ของทุกอย่างของน้องอยู่กับเพื่อนหมดเลยงั้นสิ
น้ำหนึ่งพยักหน้าด้วยท่าทางหมดหวัง... เธอไม่น่ายอมให้ยายบีมช่วยถือกระเป๋าให้เลย
แล้วทำไมน้องไม่ไปหาพวกพี่ๆ ที่ประชาสัมพันธ์ให้ช่วยประกาศหาเพื่อนล่ะคะ หางเสียงหวานจากชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความปลอบประโลม
ที่นี่มีประชาสัมพันธ์ด้วยเหรอ? น้ำหนึ่งถามด้วยความแปลกใจ
อ้าว ก็เต็นท์ที่หน้าทางเข้างานไง เขาพูดด้วยความแปลกใจในความไม่รู้เรื่องของเธอ
จริงสินะ ทำไมเธอถึงได้ลืมนึกถึงข้อนี้ไปได้ ทั้งๆ ที่ตอนเข้ามาก็ยังคุยกับเพื่อนๆ อยู่เลย แล้วเพื่อนตัวแสบของเธอแต่ละคนก็ใช่ย่อย ไม่เห็นมีใครสักคนออกมาประกาศตามหาเธอ
พี่ว่าน้องกลับเข้าไปในงานดีกว่า อย่างน้อยก็ยังได้ยินเสียงประกาศจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ มานั่งอยู่แบบนี้ต่อให้เพื่อนตามหาตัวยังไงก็คงไม่เจอหรอก
เป็นอีกครั้งหนึ่งที่น้ำหนึ่งแทบจะกัดริมฝีปากตัวเอง เอาเข้าไปกับความซื่อบื้อของตัวเธอ เข้ามานั่งอยู่ในที่ลับหูลับตาคนแบบนี้ ใครเขาจะไปตามหาตัวเจอเล่า แถมบริเวณนี้ก็เงียบสงบเสียจนต่อให้คนโง่แค่ไหนก็คงรู้ว่าที่สวนแห่งนี้ไม่ได้ติดลำโพงขยายเสียงไว้
น้ำหนึ่งตัดสินใจเดินตามชายหนุ่มออกมาจากบริเวณสวนด้านหลัง ทางเดินปูด้วยหินสีเทาเข้มทอดยาวเลยออกไปจนเห็นถึงแสงไฟด้านนอกที่กำลังมีงานแสดงอยู่
ช่างต่างจากบริเวณสวนนี้ลิบลับ กลิ่นหอมละมุนของพวงแก้วมณีและสายลมเย็นฉ่ำในค่ำคืนฤดูหนาว ทำให้สวนนี้ต่างเต็มไปด้วยมนต์ขลัง
เบื้องหน้าของเธอคือแผ่นหลังของชายหนุ่มแปลกหน้า บุคคลที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อนในชีวิต...
พี่ชื่อภีม จู่ๆ เสียงจากคนเบื้องหน้าก็ดังขึ้น เขาหยุดเดินหันมามองร่างบางด้านหลังราวกับรับรู้ถึงความสงสัยภายในใจหญิงสาว
น้ำไม่ได้ถามชื่อพี่สักหน่อย เธอบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ
แต่นั่นก็มากพอจะให้อีกฝ่ายได้ยิน
ชื่อน้ำนี่ น้ำเฉยๆ หรือว่าน้ำอะไรคะ? อีกครั้งที่เสียงทุ้มหวานทอดผ่านมา
ไม่ใช่น้ำเฉยๆ แต่เป็นน้ำหนึ่ง รู้จักไหมคะ เพชรน้ำหนึ่ง
อืม รู้จักสิ เพชรน้ำหนึ่ง...ยอดอัญมณีที่ใครๆ ก็ต่างหมายปอง ภีมพึมพำกับตัวเองขณะที่จ้องมองดวงหน้าสวย แล้วเขาก็หันกลับไปเดินนำหญิงสาวออกจากสวนมา
ภีมใช้เวลาเพียงไม่นานนักในการตามหาเพื่อนของน้ำหนึ่ง พวกเขาทั้งหมดนั่งรอเธออยู่ในร้านกาแฟข้างมหาวิทยาลัย
อะไรกันยายน้ำ ฉันบอกเธอแล้วไงว่าถ้าเกิดหลงกันเมื่อไหร่ ให้มาเจอกันที่นี่ โอ๊ย! นี่เธอไม่ได้ฟังที่พวกเราพูดกันเลยรึไงนะ บีม...สาวเปรี้ยวประจำกลุ่มโวยวายเมื่อต้องนั่งรอเพื่อนสาวอยู่นานกว่าสองชั่วโมง
ขอโทษบีม น้ำลืมไปสนิทจริงๆ น้ำหนึ่งบอกเสียงอ่อย
โอ๊ย! เธอนี่ป้ำๆ เป๋อๆ ไม่เลิกเลย แล้วนี่เป็นไงมาไงถึงได้มากับพี่ภีมได้ล่ะ บีมหันไปถามชายหนุ่มหนึ่งเดียวที่เดินเข้ามาในร้านด้วย
ก็พี่ไปเจอเพื่อนของเรานั่งร้องไห้อยู่คนเดียวในสวนด้านหลัง ก็เลยเดินเข้าไปถาม
เอ๊ะ เดี๋ยวนะ บีมรู้จักพี่ภีมด้วยเหรอ? น้ำหนึ่งถามด้วยความแปลกใจ
ไปกันใหญ่แล้วยายน้ำ นี่เธอเป๋อหรือว่าสมองเสื่อมกันแน่ยะ ก็พี่ภีมคนนี้น่ะ...พี่ชายเราเอง บีมเฉลยเมื่อเห็นสีหน้างุนงงของเพื่อนสาว
พี่ชายของบีมเหรอ ทำไมน้ำถึงไม่เคยเห็นเลย... น้ำหนึ่งถามด้วยความแปลกใจ หันกลับไปมองหน้าชายหนุ่มเต็มตาอีกครั้ง
นัยน์ตาดำคู่นั้นกำลังจ้องมองเธออยู่ก่อนด้วยแววตาที่แสดงความห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด จนเธอรู้สึกร้อนวูบขึ้นมาทั้งดวงหน้า
จะไปโทษน้ำก็ไม่ถูก ในเมื่อเรายังไม่เคยเจอกันเลยนี่นะ พี่เองก็เกือบจะจำน้ำไม่ได้ นี่ถ้าไม่ได้ฉุกคิดถึงรูปที่บีมเคยเอามาให้ดู พี่ก็คงจำเพื่อนของเราไม่ได้หรอก ภีมหันมาบอกกับน้องสาว
ไอ้รูปใบนั้นน่ะหรือ โห มันตั้งเกือบสองปีแล้วนะ พี่ภีมนี่ความจำดีชะมัด บีมบอก
ใช่สิ ไยเขาจะจำภาพๆ นั้นไม่ได้ ภาพของสาวน้อยร่างบางนางหนึ่งกำลังถือช่อกุหลาบสีขาวสด นัยน์ตาหวานและรอยยิ้มจากริมฝีปากบางที่แย้มส่งมาราวกับจะเปิดโลกทั้งใบให้สว่างไสว ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเขา
ภีมยอมรับว่า ติดใจภาพของสาวน้อยนางนั้นตั้งแต่ครั้งแรกที่น้องสาวนำมาอวด เธอเหมือนนางในวรรณคดีที่หลุดออกมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นแสนบอบบางภายใต้ชุดแซกขาวติดตาเขามานับตั้งแต่วันนั้นมา
เธอ... ช่างโดดเด่น งดงาม สมดังชื่อ น้ำหนึ่ง เสียเหลือเกิน...
เพชรน้ำหนึ่ง... งามซึ้งจึงเป็นยอดมณี... ผ่องแผ้วสดสี...เพชรดีมีหนึ่งในร้อยดวง...
แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 47 09:18:58
จากคุณ :
firely
- [
22 ส.ค. 47 20:16:17
]