ค้นงานอยู่แล้วไปเจอเรื่องนี้เข้า เป็นนิทานเด็กของเอมี่ ตัน นักเขียนอเมริกันเชื้อสายจีนที่มีชื่อเสียงมาก ปรกติเอมี่ ตันจะเขียนนิยาย แต่พอเขียนเรื่องเด็กก็น่ารักดี เลยแปลให้ทุกคนอ่านเล่น^^
ลิงค์เดิม
http://www.tampines.org.sg/story1.html
@@@@@@@@@
นี่เป็นเรื่องของแมวสยามจีน ซึ่งหมายความว่ามันไม่ใช่แมวสยาม แต่เป็นแมวจีน แมวจีนมีหน้า หู อุ้งเท้า และหางที่จะเป็นสีดำขึ้น ดำขึ้นตามอายุ เรื่องทั้งหมดเป็นดังนี้
ส่ากวา ( ส่า กวา ) เป็นลูกแมวตัวเมียสีมุก เป็นหนึ่งในลูกสามตัวของหม่าม้าเหมียวและป่าป๊าเหมียว หม่าม้าเหมียวกับป่าป๊าเหมียวอาศัยอยู่ในวัง ซึ่งทุกคนเรียกว่า วังของท่านขุนนางโง่ ท่านขุนนางคือคนที่ดูแลเรื่องการออกกฎหมายต่าง ๆ ในจังหวัด ส่วนที่ว่าทำไมท่านขุนนางคนนี้เป็น ท่านขุนนางโง่ ก็เพราะชอบทำอะไรโง่ ๆ เช่นชอบออกกฎหมายที่ดีเฉพาะกับตัวเอง
ท่านขุนนางโง่อยากให้คนเคารพ จึงสั่งประชาชนและสัตว์ทั้งหลายให้โค้งให้ตน ท่านขุนนางโง่กลัวว่าคนอื่น ๆ จะหัวเราะเยาะตนลับหลัง จึงออกกฎไม่ให้ประชาชนหัวเราะ และท่านขุนนางโง่อยากได้เงินมาก ๆ จึงออกกฎปรับประชาชนที่ทำผิดกฎเสียด้วย
ที่ส่ากวา ( หมายถึงเจ้าแตงบ๊อง ) ชื่ออย่างนี้ก็เพราะมันเป็นแมวซุ่มซ่าม ทำเรื่องเป็นประจำ ส่ากวามักจะชนแจกันตกแตก หรือเผลอฝนเล็บกับธงตำแหน่ง ครั้งหนึ่ง มันถึงกับตกลงไปในอ่างปลายักษ์ตอนที่เล่นอยู่ข้าง ๆ อ่างนั้น
พวกแมวจีนจะเกิดมาโดยมีขนสีขาวสะอาด แต่พออายุมากขึ้น หางของหม่าม้าเหมียวกับป่าป๊าเหมียวก็กลายเป็นสีเหมือนหมึก เพราะว่าท่านขุนนางโง่ใช้หางของทั้งคู่ต่างพู่กัน
หม่าม้าเหมียวกับป่าป๊าเหมียวฉลาดมาก ไม่ต้องให้ท่านขุนนางบอก ก็สามารถใช้หางเขียนเป็นคำต่าง ๆ ได้เอง แต่ถึงอย่างนั้น ท่านขุนนางโง่ก็ยังบอกให้พวกมันเขียนข้อความต่าง ๆ เช่น ห้ามเต้นรำ ห้ามเล่น ห้ามมีงานฉลอง
วันหนึ่ง ท่านขุนนางโง่เรียกหม่าม้าเหมียวกับป่าป๊าเหมียวมาที่ห้องทำงาน และสั่งว่า
กฎใหม่ของวันนี้
แมวทั้งสองจุ่มหางลงไปในขวดหมึก แล้วจ่อลงบนม้วนกระดาษขาว
ตั้งแต่นี้ต่อไป ทุกคนต้องไม่ร้องเพลงจนกว่าพระอาทิตย์จะตกดิน
ท่านขุนนางโง่คิดว่าถ้าคนร้องเพลง หมายความว่ามีความสุข และถ้ามีความสุข ก็คงทำงานไม่หนักเท่าที่ควร
ระหว่างนั้น ส่ากวาซ่อนตัวอยู่บนชั้นหนังสือ แอบดูเหตุการณ์ทั้งหมด หลังจากที่เขียนกฎใหม่เสร็จแล้ว ทุกคนก็ออกจากห้องทำงาน ส่ากวาจึงกระโดดลงมาจากชั้น ทายสิว่าเจ้าบ๊องไปลงตรงไหน
ใช่แล้ว กลางขวดหมึกพอดี แล้วน้ำหมึกก็กระเซ็นไปโดนใบหน้ากับหูของส่ากวาเสียจนดำปี๋ทีเดียว
ส่ากวามองไม่เห็นไปชั่วขณะ เลยรีบเช็ดจมูกกับกระดาษที่อยู่ใกล้ที่สุด
ที่อยู่ใต้เท้ามันนั่นละ และใช่อีกแล้ว มันคือกระดาษแผ่นซึ่งเพิ่งใช้เขียนกฎไปสด ๆ ร้อน ๆ นั่นเอง
ตอนแรก ส่ากวาตกใจกับสิ่งที่ตัวทำ เพราะมันเพิ่งเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น จมูกของส่ากวาไปถูโดนคำว่า ไม่ เข้า ดังนั้นกฎเลยกลายเป็นแบบนี้ ทุกคนต้องร้องเพลงจนกว่าพระอาทิตย์จะตกดิน
ต้องร้องเพลงเหรอ
เป็นกฎที่ดีอะไรแบบนี้ ส่ากวาครางครืด ๆ ในคอ
คิดดูสิ คนตั้งหลายพันคน พากันร้องเพลงอย่างมีความสุข
ส่ากวาพอใจกับผลงานของตัวเอง เลยกระโดดออกจากโต๊ะ แล้วก็เห็นเงาตัวเองในกระจกเข้าพอดี
ว้าย หน้า หู อุ้งเท้า กับหางของส่ากวากลายเป็นสีดำหมดเลย
แย่แล้ว มันคิด แบบนี้ท่านขุนนางต้องรู้ว่าเราเปลี่ยนกฎ แล้วก็ต้องลงโทษป๊ากับม้าที่มีลูกซน ๆ แบบนี้แน่ ๆ
ส่ากวาคิดได้อย่างนั้นก็เลยหนีไปซ่อนอยู่ใต้เก้าอี้มังกรของท่านขุนนาง
พนักงานผู้ประกาศกฎหมายมาถึง เขามีหน้าที่เอาแผ่นกฎหมายออกไปอ่านให้ทุกคนฟัง พอเห็นกฎเข้าเท่านั้น เขาก็ประหลาดใจและตื่นเต้นมาก รีบออกจากห้องไป
ระหว่างทางไปจตุรัสกลางเมือง พนักงานผู้ประกาศก็ร้องเพลงไปด้วย ตามที่ม้วนกฎหมายสั่ง ประชาชนทุกคนฮือฮาด้วยความประหลาดใจ ท่านขุนนางกลายเป็นคนใจดีไปแล้วหรือนี่
ข้าพูดความจริงนะ พนักงานอ่านประกาศบอก มาดูเองสิ
ครั้นแล้ว ทุกคนก็เริ่มร้องเพลง เพลงสมัยเด็ก ๆ เพลงเกี่ยวกับการเก็บเกี่ยวที่ดี เพลงรัก เสียงเพลงดังขึ้นดังขึ้นจนราวกับเสียงฟ้าร้อง
อะไรกัน ท่านขุนนางอุทาน เขาวิ่งออกจากสนามพลางร้องตะโกน ไอ้พวกนี้กล้าดียังไงมาแหกกฎของข้า
พอส่ากวาได้ยินอย่างนั้น ก็ขดตัวเสียกลม พยายามให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้
ระหว่างที่พนักงานอ่านกฎกำลังเดินร้องเพลงกลับเข้ามา ท่านขุนนางก็กระชากม้วนกฎหมายไป เขากางมันออก ตั้งใจว่าจะเอาให้ทุกคนดู พลางคิดวิธีลงโทษประชาชนทั้งหมดไปด้วย แต่ทันใดนั้น เขาก็สังเกตเห็นรอยเปรอะบนกระดาษ
เหมือนรอยอุ้งเท้าเล็ก ๆ ของแมวไม่มีผิด เขาโกรธมาก รีบนึกถึงวิธีที่จะลงโทษเจ้าแมวให้สาสม
ทว่าในเวลานั้นเอง ท่านขุนนางก็ได้ยินเสียงเพลงของทุกคน เพลงนั้นสรรเสริญเขา ขอบคุณที่นึกถึงประชาชน ท่านขุนนางโง่รู้สึกประหลาด
หลายปีมานี้ ไม่เคยได้ยินใครพูดอะไรดี ๆ ถึงเขาเลย แต่ตอนนี้ทุกคนร้องเพลงดี ๆ ให้เขาด้วย
น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของท่านขุนนาง และใจหินของเขาก็ละลายไปด้วยความอบอุ่นของน้ำตา
เพลงไม่จบจนกระทั่งพระอาทิตย์ตกตามคำสั่ง เมื่อประชาชนแยกย้ายกันไปในที่สุด ท่านขุนนางก็กลับเข้าห้องทำงานพร้อมกับม้วนกฎหมายในมือ เขานั่งลงบนเก้าอี้มังกรที่ส่ากวาซ่อนตัวอยู่
แน่นอน ส่ากวาไม่เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นข้างนอก มันจึงยังคงตัวสั่นด้วยความกลัว และทำให้ต้องจามดัง เช้ย เช้ย เช้ย
ใครนั่น ท่านขุนนางถาม เขามองลงไปใต้เก้าอี้มังกร และหิ้วลูกแมวที่ตื่นกลัวออกมา เห็นทันทีว่าบนขนของส่ากวามีรอยดำ ๆ อยู่
เจ้านี่เองที่เปลี่ยนกฎของข้า เขาบอก ยกเจ้าแมวเข้ามาใกล้ใบหน้า
หม่าม้าเหมียว ป่าป๊าเหมียว มาที่นี่เดี๋ยวนี้ เขาสั่ง ดูสิว่าลูกของพวกเจ้าทำอะไร
เมื่อหม่าม้าเหมียวกับป่าป๊าเหมียวเห็นส่ากวา พวกเขาก็หูตกด้วยความกลัว และก้มหัวลง
เนื่องจากเรื่องที่ส่ากวาทำ ข้าจึงต้องการให้เจ้าเขียนกฎใหม่สามม้วน
หม่าม้าเหมียวกับป่าป๊าเหมียวจุ่มหางลงในกระปุกหมึก พร้อมจะทำงาน
กฎข้อแรก ท่านขุนนางเริ่ม ข้าขอลบล้างกฎเดิมทั้งหมด ทุกคนสามารถหัวเราะ เล่าเรื่องตลก เต้นรำหรือว่าผิวปากได้ตลอดเวลาตั้งแต่เช้าถึงเย็น เมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ
หม่าม้าเหมียวสะดุ้งตกใจ ระหว่างที่ป่าป๊าเหมียวเขียนข้อความลงไป
กฎข้อที่สอง จากนี้ไป บ้านของข้าจะเปิดรับแมวจรจัดทุกตัว พวกมันสามารถเข้ามากินอาหารแมวมากเท่าไรก็ได้ที่ต้องการ
และกฎข้อสาม ท่านขุนนางว่า แต่นี้ไป แมวจีนทุกตัวจะมีหน้า หู อุ้งเท้า และหางเป็นสีดำ เป็นเกียรติแก่เจ้าแมวที่ยิ่งใหญ่ ส่ากวาแห่งเมืองจีน
และนี่ก็เป็นเหตุว่าทำไมแมวจีนถึงดูเหมือนแมวสยาม แต่จริง ๆ แล้วเป็นแมวจีน
ซึ่งมีหน้า อุ้งเท้า หู และหางเป็นสีดำ
แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 47 16:23:10
แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 47 23:47:30