CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    ใต้แสงออโรร่า... (รักเราฟ้ามิอาจกัน ช่วงที่4)

    รักเราฟ้ามิอาจกั้น [ช่วงแรก]
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2905034/W2905034.html

    รักเราฟ้ามิอาจกั้น [ช่วงที่ 2]
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2930461/W2930461.html

    รักเราฟ้ามิอาจกั้น [ช่วงที่ 3]
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2963900/W2963900.html


    ใต้แสงออโรร่า [ รักเราฟ้ามิอาจกั้น ช่วงที่4]

    สิ่งแรกที่ทำให้นึกถึงพวกเขาคือ โจรสลัดและความรุนแรง ต่อมาที่นึกได้ก็คือ นอกรีตและความแข็งแกร่ง นักรบที่มีแต่อาวุธครบมือ ร่างกายอันกำยำล่ำสัน ราวกับหล่อหลอมมาจากเหล็กกล้า ล่องเรือไปทั่วเมดิเตอร์เรเนียน ด้วยความสันทัดจัดเจน เข้าปล้นสะดมกวาดเอาข้าวของที่ต้องการบรรทุกลงเต็มลำเรือ รวมทั้งผู้คน แล้วจากไป ผู้ขัดขวางจะได้รับ “จุมพิตมรณะแห่งคมขวาน” ตัดศีรษะผู้โชคร้ายกลิ้งลงพื้น ไม่ยำเกรงความศักดิ์สิทธิ์แห่งคริสตจักร ผู้คนต่างสวดอ้อนวอนอย่างเซ็งแซ่ด้วยความหวาดกลัว ไม่ขอเผชิญหน้ากับ “คนเหนือ” ที่เรียกตัวเองว่า… ไวกิ้ง!

    ปี ค.ศ.ที่ 800
    คาลาลิท นูนาท*1 ทางตะวันออกเฉียงเหนือของภูมิภาคนอร์ดิก*2
    หมู่บ้านโบเรลลิส แหล่งซ่องสุมและท่าจอดพักเรือลับโพ้นทะเลของชาวไวกิ้ง

    เสียงก้อนน้ำแข็งกระทบใต้ท้องเรือดังกึกกัก หัวเรือไม้แกะสลักรูปงูทะเลลำตัวยาว ท้ายเรือเรียวสูงปลายม้วนงอ โยกคลอนพร้อมลำเรือไปตามสันคลื่น เชือกหนาที่ผูกโยงไว้กับท่าลั่นตึงเอี๊ยด ใบเรือลายทางขาวเขียวถูกม้วนเก็บไว้กับคานพยุงใบอย่างดี บนเรือมีเด็กหญิงร่างผอมกะหร่อง แก้มตอบใบหน้าซีดขาวราวกับซากศพ ดวงตาสีฟ้าดูหม่นหมองไม่สดใส อยู่ลำพังตัวคนเดียวบนเรือไม้โอ๊กความยาว 25 เมตร กว้าง 6 เมตร จุลูกเรือได้ถึง 70 คน ต่อเรือเข้าด้วยกันโดยใช้แผ่นไม้ประกบซ้อนและยึดด้วยหมุดโลหะ ถูกยาด้วยส่วนผสมระหว่างขนสัตว์และน้ำมันดิน

    เด็กหญิงในชุดหนังสัตว์เย็บด้วยเส้นเอ็น ทอดถอนหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อย เธอเพิ่งเสร็จจากการทำความสะอาดคราบเลือดที่นองเป็นหย่อมๆ ไปทั่วพื้นเรือ

    …พวกผู้ใหญ่นี่ทำไมถึงชอบตัดหัวเชลยบนนี้ด้วยนะ รู้ไหมว่าเลือดพวกนี้น่ะ มันขัดออกยากจะตาย! เด็กหญิงบ่นในใจ แต่ทว่างานประจำวันนี้ยังไม่หมดสิ้นดี เมื่อมีเสียงตะโกนเรียกมาจากกระท่อมใกล้ท่าเรือ

    “อิงกริด!! ขัดเรือเสร็จหรือยังวะ นังนี่ชักช้าฉิบ! วางมือแล้วมาเตรียมอาหารให้พวกข้าก่อน!!”

    “ค่ะนาย! หนูเสร็จพอดีเลยค่ะ กำลังจะไปเดี๋ยวนี้แล้ว!” เธอรีบตะโกนตอบ

    อิงกริดมิวายบ่นกระปอดกระแปด ก่อนที่จะยันตัวขึ้นด้วยขาข้างที่ดี เดินกะโผลกกะเผลกหิ้วถังน้ำขึ้นจากเรือ เมื่อมาถึงข้างในห้องครัวด้านหลังกระท่อม เธอนั่งลงบนเก้าอี้ พลางเลิกชายกระโปรงขนสัตว์ขึ้น นวดขาข้างที่ลีบเล็กมาตั้งแต่กำเนิด ก่อนที่มันจะชาดิกจนไร้ความรู้สึก ด้วยความหนาวที่เสียดแทงลึกเข้าไปถึงข้างในกระดูก

    ประตูถูกผลักออก พร้อมกับใบหน้าใหญ่ ดกไปด้วยเคราครึ้ม ส่อแววถึงความกักขฬะ และหยาบกระด้างยื่นโผล่มา

    “เร็วๆ เข้าสิโว้ย!! ไหนล่ะมิด์ดาก*3 ข้าไม่อยากให้พวกเพื่อนๆ คอยนาน”

    อิงกริดรีบลุกขึ้นยืน ทั้งๆ ที่ปลายเท้ายังชาและเจ็บจี๊ด

    “สักครู่ค่ะนาย หนูเตรียมไว้หมดแล้ว ขอเวลาแค่ 15 นาทีเองค่ะ”

    ชายร่างใหญ่เต็มไปด้วยมัดกล้าม จ้องเธอเขม็ง   แขนที่ล่ำสันแข็งแรงยกขึ้นมา พร้อมกับใช้นิ้วอ้วนป้อมชี้หน้า พูดจนน้ำลายแตกกระเซ็นเป็นฝอย

    “ข้าให้แค่ 10 นาที ขืนชักช้ากว่านี้แกเจอตบบ้องหูแน่!!”

    “ค่ะๆ ได้ค่ะนาย” เด็กหญิงรีบรับคำลนลาน

    “เฮ้! ฮาราลด์! ไม่ต้องไปเร่งเด็กมันนักหรอกน่า เดี๋ยวมันก็ยกมาเองแหละ เข้ามาดริคเกอ*4 กับพวกข้าดีกว่า อุตส่าห์ได้เหล้าดีๆ มาทั้งที คืนนี้ต้องล่อให้เต็มคราบ!”

    เสียงเรียกจากด้านหลังของฮาราลด์ ดังแทรกมาจากเสียงสรวลเสเฮฮากันอย่างอึกทึกครึกโครม เขาหันไปพูดอะไรบางอย่างกับเพื่อน แล้วจึงหันกลับมาที่อิงกริด

    “อิ ดาค*5 นะโว้ย!! ไม่ใช่ อิ มอร์น*6 ~!!” ฮาราลด์ตวาด แล้วปิดประตูใส่หน้าโครมใหญ่!!

    เสียงคำรามราวกับสัตว์ป่าของฮาราลด์ ยังคงดังก้องสะท้อนในหัว เด็กหญิงร่างผอมแห้งทรุดกายลงนั่งด้วยความเหนื่อยอ่อน ซบหน้าลงกับฝ่ามือที่เปื้อนเปรอะสะอื้นเบาๆ

    ตั้งแต่จำความได้ เธอก็ถูกใช้ให้ทำงานอย่างหนักเยี่ยงนี้มาตลอด อิงกริดอาศัยอยู่และทำงานบ้านให้กับฮาราลด์ผู้เป็นนายมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กๆ เธอเคยมีทั้งพ่อและแม่เมื่อนานมาแล้ว แต่ทว่าพวกเขาถูกสังหารเสียสิ้น ด้วยน้ำมือและคมขวานของไวกิ้งเหล่านี้นี่เอง เด็กหญิงตัวน้อยที่ขาพิการไปข้างหนึ่ง นั่งร้องไห้อยู่ข้างศพบิดามารดา ฮาราลด์หัวหน้านักรบผู้หยาบช้ากลับทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง เขาหิ้วอิงกริดกลับลงเรือ แล้วนำไปฝากให้แม่นมในหมู่บ้านเลี้ยง เมื่อโตพอจนใช้งานได้ก็ถูกสั่งให้ดูแล และทำงานรับใช้เขาในกระท่อมหลังนี้ ปรกติแล้วนายของเธอมักใช้ชีวิตอยู่แต่บนเรือท่ามกลางท้องทะเลเสียมากกว่า นานๆ ครั้งถึงจะกลับมา แต่เมื่อได้กลับคราใด ก็มีแต่นำมาซึ่งความเจ็บช้ำทั้งกายและใจให้เธอเสมอ ทั้งเฆี่ยนตีด้วยแส้จนเนื้อแตก ทั้งตบหน้าเธอด้วยฝ่ามือที่หนาและหยาบกร้านจนเลือดกลบปาก ด่าสำรากด้วยคำพูดหยาบๆ คายๆ แต่ละวันที่ผ่านไปของอิงกริด ได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในวังวนแห่งความรันทดสิ้นหวัง และรอนายกลับมาหมู่บ้านอย่างหวาดผวา

    ถึงแม้ว่าเด็กหญิงคนนี้จะพิการ แต่เธอมีพรสวรรค์เป็นเยี่ยมในการทำอาหาร อิงกริดค่อนข้างมั่นใจและแน่ใจ ว่าถ้าหากไม่ได้ทำอาหารเก่งอย่างทุกวันนี้ละก็ อาจถูกฮาราลด์ปาดคอถลกหนังหัวไปแล้วก็ได้! อาหารที่เธอทำมักได้รับคำชมและเสียงหัวเราะ จากเพื่อนรอบข้างฮาราลด์เสมอ ซึ่งเขาเชื้อเชิญมาฉลองสังสรรค์กันอยู่เป็นนิจ หลังจบภารกิจจากการล่องเรือปล้นสะดมไปตามหมู่บ้าน และฆ่าบรรดานักบวชชาวคริสต์เสร็จสิ้น

    อิงกริดกลั้นน้ำตา สูดหายใจเข้าปอด แม้จะเหนื่อยล้ามาทั้งวัน แต่เธอยังต้องรีบจัดเตรียมมิด์ดากให้เสร็จ อาหารหลักที่เตรียมไว้ของวันนี้คือ เซาซาท เนื้อแมวน้ำเสิร์ฟพร้อมข้าวและหัวหอม อีกอย่างหนึ่งคือ มาททาค ซึ่งก็คือชิ้นเนื้อและไขมันปลาวาฬจานใหญ่ เสร็จแล้วจึงหันไปแล่เนื้อกวางเรนเดียร์ และเนื้อวัวมัลค์ที่ย่างไว้แล้ว นำไปราดกับน้ำผึ้งจนชุ่มจัดเตรียมลงในจานใบยักษ์ นอกจากนี้เด็กหญิงยังมีปลารมควันจากกิ่งเฮธเตอร์ ทั้งปลาแฮริ่ง แซลมอน และฮาลิบัท ตามด้วยของโปรดของฮาราลด์คือ รัคฟิสค์ ปลาเทราท์หมักกลิ่นฉุนจนขนาดไวกิ้งบางคนยังต้องลุกหนี และตบท้ายด้วยเนยแข็งรสหวานสีน้ำตาล และขนมปังกับแยมจากเบอร์รี่หลายชนิด ทั้งราสเบอร์รี่ คลาวด์เบอร์รี่ และบลูเบอร์รี่ที่เด็กหญิงกวนเก็บไว้ตั้งแต่ฤดูร้อน

    อาหารทั้งหมดถูกทยอยนำไปจัดวางไว้บนโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ ภายในห้องที่อบอุ่นไปด้วยไอร้อนจากกองไฟในเตาผิง ชายฉกรรจ์เกือบสิบคนนั่งล้อมวงพูดคุยหัวเราะร่า แต่ละคนใบหน้าเริ่มแดงก่ำ ยกเหล้าขึ้นซดอย่างเริงรื่น กลิ่นกายของพวกไวกิ้งที่อัดแน่นอยู่ในห้อง ผสมกับกลิ่นเบียร์หมัก ทำให้เหม็นฉุนระคายจมูกอย่างบอกไม่ถูก จนอิงกริดถึงกับทำหน้าเบ้

    เด็กหญิงมองฮาราลด์ที่มีร่างกายใหญ่โตสุดในกลุ่มยืนขึ้นชูแก้ว เขามองไปที่เพื่อนรอบโต๊ะแล้วตะโกนว่า

    “สโกล*7!! ให้กับการปล้นในครั้งนี้!!"

    แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 47 00:14:00

    จากคุณ : ณัฐกร - [ 25 ส.ค. 47 18:30:57 ]