ความคิดเห็นที่ 1
บทที่ 3
เมื่อมาคิดๆ ดู เมลิสาก็ต้องประหลาดใจที่พบว่า เวลาหนึ่งเดือนที่มาอยู่ในลอสแองเจลีสนี้ มันช่างผ่านไปเร็วเสียเหลือเกิน หลังจากเช้าวันแรกนั้นแล้ว เจสิก้าไม่เคยเอ่ยปากขอให้เธอช่วยเขียนจดหมายให้อีกเลย ถึงจะกล่าวชมเมลิสาที่ทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพก็ตาม คำขอให้ช่วยเขียนจดหมายของหล่อนเป็นเรื่องจริง ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับเรื่องงาน และอีกสองสามฉบับเขียนให้เพื่อนฝูงในต่างประเทศ
เจสิก้าฉลาดพอที่จะไม่ถามตรงๆ ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับริค แต่กลับชวนคุยตั้งข้อสังเกตเรื่องเสื้อผ้าที่เมลิสาสวมใส่เมื่อคืนก่อนที่เธอเพิ่งบินมาถึง พูดอ้อมๆ ว่าไปซื้อมาจากไหน ราคาเท่าไร ไปซื้อเสื้อผ้าที่ร้านรีฟ โกช บ่อยหรือเปล่า ถึงจะรู้แน่แก่ใจว่าในอัตราเงินเดือนของเลขานุการที่ได้รับอยู่นี้ ไม่ว่าจะสูงสักเท่าใด เมลิสาก็ไม่มีปัญญาที่จะไปช้อปปิ้งซื้อของจากร้านหรูแห่งนี้แน่นอน แต่ดาราสาวก็ไม่เอ่ยปากทักถามสักคำเรื่องเงินทอง และในเวลาต่อๆ มาที่เมลิสายังคงสวมใส่เสื้อผ้าราคาแพงเกินฐานะอย่างสม่ำเสมอ หล่อนก็ปิดปากเงียบ เพราะคำพูดท่าทางของอดีตสามี ถึงจะไม่ได้แสดงออกอย่างโจ่งแจ้งโดยตรง แต่ก็เท่ากับเป็นการบอกกันนัยๆ อยู่แล้ว
ลำแขนที่ทอดมาโอบบ่าของเมลิสาไว้อย่างรักใคร่นานเกินกว่าที่จำเป็น กิริยาแตะบั้นท้ายของเธอในลักษณะที่เกินกว่าเพื่อนฝูงจะทำกัน และสายตาที่จับจ้องแลมองเลขาสาวอยู่ตลอดเวลา เป็นการกระทำที่จงใจค่อยๆ แสดงให้เห็นภาพของชายหนุ่มที่พยายามจะเก็บซ่อนความรักที่มีต่อหญิงสาวที่อ่อนวัยกว่าสิบปี ไม่ให้ปรากฏออกมาสู่สายตาผู้อื่น มันเป็นการแสดงที่แนบเนียน และฉลาดอย่างยิ่ง เมลิสาเองยังอดไม่ได้ที่จะชื่นชมบทบาทนอกจอนี้ มากกว่าบทบาทที่เคยแสดงในจอทั้งหมดของเจ้านายเสียอีก
"วันนี้ เราต้องเข้าฉากเลิฟซีนกัน แล้วเจสิก้าก็พยายามทุกท่าที่จะยั่วให้ตบะแตก แต่ผมก็ทำสำเร็จ ไม่ยอมร่วมสนองตอบหล่อนสักกะติ๊ดเดียว" ริคเล่าอย่างดีใจ "ผมแค่ปิดตา แล้วก็คิดแต่ว่า เดี๋ยวก็จะมีเงินเพิ่มขึ้นในบัญชีอีกครึ่งล้านเหรียญแล้ว!"
ส่วนเจ้าของบ้านหนุ่มนั้น ก็แทบจะไม่ได้เห็นหน้ากัน เพราะในแต่ละวัน พอรถของสตูดิโอมารับริคและเจสิก้าไปเข้าฉากถ่ายทำแล้ว บาร์ตก็จะขึ้นรถประจำตัว ให้คนขับพาไปที่สำนักงานใหญ่ ณ ลอสแองเจลีสเหมือนกัน นอกจากนี้ ในบริเวณบ้าน ยังมีลานจอดเฮลิคอปเตอร์อีกด้วย และบางที บาร์ตก็จะกระโดดขึ้นเจ้าแมงปอยักษ์ เดินทางไปตรวจโรงงานที่ไหนไกลๆ สักแห่ง ที่ผลิตสินค้าหลากหลายตั้งแต่ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์จนถึงอาหารกระป๋อง
ผลประโยชน์ของบริษัทฮันติดันนั้น มีอยู่ทั่วโลก และบาร์ตตั้งใจที่จะเดินทางไปดูงานให้มากแห่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมลิสาสงสัย อยากจะรู้เสียจริงว่า ธุรกิจประเภทใดที่เขาสนใจมากเป็นพิเศษ
"ไม่มีนะ" เจ้าของบ้านหนุ่มตอบ เมื่อหญิงสาวเอ่ยปากถามกลางโต๊ะอาหารในค่ำคืนหนึ่ง "ธุรกิจทุกอย่างเป็นสิ่งท้าทายสำหรับผม และเมื่อคุณได้มายืนเป็นผู้บริหารของบริษัทขนาดยักษ์แล้ว ไม่ว่ากิจการไหนๆ ของบริษัทก็เหมือนกันหมด ระบบงานของมันต่างหากที่ผมสนใจมาก ก็เพราะเหตุนี้แหละ ที่พวกสื่อพากันเขียนว่า ผมเป็นเอามาก ถึงขนาดคลั่งไคล้บ้าทำงานอย่างเดียว" เขายิ้มนิดๆ คล้ายเสียใจ "ผมคิดว่า มันก็คงใช่ล่ะนะ เพราะนอกจากเล่นเทนนิสและวิ่งจ๊อกกิ้งตอนเช้าๆ แล้ว ผมแทบจะไม่สนใจอยากทำอะไรอื่นเลย"
"แล้วเครื่องกระเบื้องเคลือบ เครื่องลายครามต่างๆ ที่คุณสะสมไว้ล่ะคะ" เมลิสาถามต่อ "ฉันจำที่ริคเคยเล่าให้ฟังว่า คุณเคยเขียนหนังสืออกมาเล่มหนึ่ง และพวกมือโปร์ทั้งหลายในวงการต่างก็ยอมรับให้เอามาใช้เป็นมาตรฐานอีกด้วย"
"ก็ใช่ คุณฟังมาไม่ผิดหรอก" เขาตอบรับทันที ตามแบบฉบับของหนุ่มที่ไม่มีเวลาจะมาแสร้งทำเขินแค่ให้พอเป็นพิธี "เครื่องกระเบื้องเคลือบของ Sevres และ Limoges สมัยศตวรรษที่ 17 และ 18 เป็นสิ่งที่ผมถนัดที่สุด แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังสลัดให้หลุดจากวงจรธุรกิจไม่ได้อยู่ดี เวลาที่ซื้อมาได้ชิ้นหนึ่ง ถึงจะชอบมากมายแค่ไหนก็ตาม ถ้าเกิดมีใครมาเสนอซื้อ ให้กำไรอย่างงาม ผมปฏิเสธไม่ได้สักที" บาร์ตยักไหล่ "ฟังดูก็เหมือนกับบ้า คุณว่ามั้ยล่ะ คุณก็คงรู้ว่า มันไม่มีเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ เลย เพียงแต่ไอ้เรื่องซื้อๆ ขายๆ ทำกำไรไปเรื่อยๆ มันคงวิ่งพล่านอยู่ในสายเลือดของผมมากกว่า"
ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เชื่อคำพูดของเขาที่เกี่ยวกับเรื่องเงินทอง เพราะบาร์ตมีเงินเหลือเฟือพอให้ใช้ไปได้อีกหลายสิบชาติอย่างสบายๆ และสมาชิกของครอบครัวรวมทั้งตัวของบาร์ตเอง ก็เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องบริจาคเงินให้การกุศลเป็นจำนวนมากในแต่ละครั้ง
บาร์ตไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้เธอฟัง ริคก็ไม่ได้เอ่ยถึงสักคำ แต่เพราะเหตุผลที่อธิบายไม่ได้ เมลิสาอยากจะเก็บความใคร่รู้ของตัวเองไว้เป็นความลับ และเมื่อมีเวลาว่าง เธอจะไปที่ห้องสมุดของสำนักงานหนังสือพิมพ์แห่งหนึ่ง เพื่อค้นหาฉบับเก่าๆ มานั่งอ่าน
ในคอลัมน์สังคมซุบซิบ ต่างก็เอาชีวิตส่วนตัวของบาร์ตมาเขียนกัน สาวสวยชื่อดังที่เขาควงคู่ไปงานสังคมและเปลี่ยนหน้ากันไปเรื่อยๆ นั้น เป็นประเภทที่ชื่อดังขึ้นมาได้ก็เพราะมีคู่เดทที่เป็นอภิมหาเศรษฐี และพวกหล่อนก็จะโบยบินจากคนหนึ่ง ไปเกาะอีกคนหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว ชื่อของบาร์ตยังปรากฎในข่าวแวดวงไฮโซอีกด้วย แต่คราวนี้ คู่ควงของเขาจะเป็นสาวจำพวกที่ท่าทางเงียบเฉย เชิดหยิ่ง หน้าตาจืดๆ แต่สวรรค์คงมีตา ถึงให้เป็นเช่นนั้น เพราะถ้าจะประทานพรให้ลูกสาวของเหล่าอภิมหาเศรษฐีพวกนี้ นอกจากจะรวยทรัพย์แล้ว ยังรูปสวยหยาดฟ้ามาดินอีกด้วย มันคงไม่ยุติธรรมแน่นอน! บาร์ตคบหากับสาวๆไม่ยืดสักคน และไม่เคยมีข่าวถึงขนาดว่าจะแต่งงานสักครั้งเดียว ไม่ว่าจะมีการคาดเดากันไปต่างๆ นาๆ ยังไงก็ตาม
จากคุณ :
'ณวรา'
- [
26 ส.ค. 47 12:34:37
A:203.156.66.212 X:
]
|
|
|