สน เป็นเด็กกำพร้าและยายเป็นคนเก็บมาเลี้ยง
สนไม่รู้หรอกว่ายายอายุเท่าไหร่ รู้แต่ว่าเวลาที่ยายยกมือเหี่ยวๆ มาลูบหัวสน
มาห่มผ้าให้สน สนอบอุ่นมีความสุขไม่แพ้ใคร
เพิงไม้มุมจากท้ายหมู่บ้าน คือศูนย์รวมของความอบอุ่น เป็นที่ซุกนอนยามอ่อนล้า
เป็นชายคาไว้หลบฝน และเป็นร้านอาหารชั้นดี
ยามที่หิวโหย สนเรียกมันว่า บ้าน
..
สน จบป.6 เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ยายเคยบอกว่าอยากให้สนเรียนต่อ ม.1
เพื่อที่จะได้จบออกมา และหางานทำได้เงินเยอะๆ ไม่ต้องลำบากแบบยาย
วันก่อนสนยังแอบไปดูเพื่อนๆ ที่โรงเรียนเดินเปลี่ยนห้องเรียน
หอบหนังสือหนังหาคุยกันสนุกสนานอยู่เลย
ที่สำคัญสนแอบได้ยินคุณครูประจำชั้นคุยกันอีกว่า
โธ่ เรียนฟรีที่ใหนกันรัฐบาลก็ประกาศออกมาได้
ครั้นเปิดภาคเรียนทีใหนจะค่าเสื้อผ้า ค่าหนังสือ จะไปหาที่ใหนทัน
สนเลยคิดว่าหากเป็นแบบนั้นสนไม่เรียนต่อดีกว่า สนตัดสินใจเลือกที่จะหนีเข้าเมือง
แอบไปรับจ้างล้างจานในวันที่เปิดภาคเรียนนั่นเอง
ยายรู้ข่าวจากคุณครูประจำชั้นก็บ่นอยู่สองสามวัน และก็เงียบไป ลึกๆ ในใจยายก็คงรู้ว่า เราไม่มีเงิน
อย่างน้อยค่าล้างจานรวมกับค่ารับจ้างวิ่งหยิบผักให้แม่ค้าในตลาดรวบรวมไว้ทุกวัน
ก็ทำให้ยายได้มีเงินไปจ่ายค่ายาตอนสิ้นเดือน
มีบางครั้งเหมือนกันที่สนเจียดเงินค่าล้างจาน
ไปซื้อ กุนเชียงดุ้นยาวสักดุ้น กลับไปด้วยตอนเย็น
ซึ่งนั่นหมายถึงว่ายายของสนจะได้ไม่ต้องออกไปหาผักหาปลา มาทำกับข้าวสัก 2-3 วัน
ระยะหลัง ยายมักจะเป็นลม และชักอยู่บ่อยๆ
มีอยู่ครั้งหนึ่งขณะที่นั่งกินข้าวอยู่ จู่ๆ ยายก็ชัก
สนทำได้แค่วิ่งไปหาช้อนมาให้ยายกัดไว้
ตามที่คุณครูเคยสอน เพื่อไม่ให้ยายกัดโดนลิ้นตัวเอง
ตอนที่สนเห็นยายชักแบบนี้หนแรก สนอายุแค่ 6 ขวบ
และยังไม่เข้าใจว่ายายเป็นอะไร สนได้แต่นั่งมอง จนยายหยุดชักไปเอง
และยายก็ต้องไปขอยาที่อนามัยมาทุกเดือน
ถามยายที่ไร ยายก็มักจะบอกสนแค่ว่า
คนแก่ก็แบบนี้แหละ ลูกเอ๋ย แล้วยายก็เอาแต่ยิ้ม
ฝนตกหนักตั้งกะเย็นวาน แล้ว แต่สนตื่นตั้งแต่เช้ามืด
เพราะกะจะแวะตลาดวิ่งหยิบผักให้แม่ค้าในตลาดสักสองสามเจ้า ก่อนจะไปล้างจานที่ร้าน เท่ากับว่าวันนี้
สนจะได้เงินค่าจ้างรวมกันเพิ่มอีกตั้ง 50 บาท
สนไม่อยากให้ยายออกไปตากฝนอีก ตอนตั้งข้าวในครัว
ได้ยินยายไอหนักๆ ติดกันหลายหน
เดี๋ยวเย็นนี้สนจะแวะซื้อกุนเชียงสักสองดุ้น แวะร้านอาโก ซื้อยาแก้ไอดีๆ ให้ยายอีกสักขวด
สนล้างจานไปพลางนั่งอมยิ้มไปพลาง เมื่อเช้าก่อนสนจะเดินออกมาจากครัว ยายยังตะโกนไล่หลังมาว่า
ให้สนกลับบ้านหัววันหน่อย ยายจะแกงปลาช่อนใส่ใบอีออมให้กิน ค่ำนี้สนจะกินข้าวให้พุงกาง
แล้วนอนให้ยายร้องเพลงแม่กาเหว่าเอ๋ย ให้สนฟัง
.
..
หกโมง ห้าสิบสามนาที ฝนยังคงเทลงมาไม่ลืมหูลืมตา
อาโกเจ้าของร้านยาบอกสนว่าน้ำป่าซัดเข้าท้ายหมู่บ้าน ให้สนรีบกลับไปดูยาย
สนไม่รู้ตัวหรอกว่าสนวิ่งกลับมาบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่
รู้แต่ว่าบ้านไม่เป็นบ้านอีกต่อไป เหลือเพียงเสาเรือน สี่ต้น ไม่มีแม้แต่ก้อนหินสี่ขา
ที่สนก่อไฟหุงข้าวให้ยายเมื่อเช้ามืด
สนวิ่งตามหายาย ล้มลุกคลุกคลานเพราะโคลนที่ถูกพัดมากับน้ำป่า
สภาพชุลมุนวุ่นวายที่เกิดขึ้น ไม่มีใครสนใจใคร แม้สนจะเพียรวิ่งถามคนโน้นคนนี้
แต่ไม่มีคนตอบสนได้แม้สักคน รู้แต่ว่าสนกระเซอกระเซิงมาจนถึงบ้านพ่อผู้ใหญ่
คนในบ้านเยอะกว่าปกติ ทุกคนหันมามองสนเป็นตาเดียว
พ่อผู้ใหญ่ก้าวเท้าออกมาดึงสนไปกอดก่อนที่สนจะอ้าปากถามอะไรออกไป
สนเอ๋ย เอ็งไปใหนมา
ยายเอ็งรออยู่บนบ้านแนะ ขึ้นไปหายายหน่อยไป๊
สนเดินตามพ่อผู้ใหญ่ขึ้นไปบนบ้านอย่างงงๆ สนเห็นแล้ว สนจำผ้าถุงที่ยายชอบนุ่งได้
ยายนอนอยู่บนเตียง มือเหี่ยวๆ ที่เคยลูบหัวสนเวลาสนงอแง
ไม่เคลื่อนไหวอีกต่อไป ยามสนก้มหน้าไปเกลือกกลิ้งที่ตัก
สายตาอ่อนโยนหลังเปลือกตาย่นๆ ของยายปิดสนิท
ผมขาวของยายถูกโคลนเกาะเกรอะกรัง
ยาย ทำไมไม่รอสนก่อน สนซื้อกุนเชียงกับยาแก้ไอมาให้ยายด้วยนะ นี่ไง
ยายไม่ต้องไปหาปลาหาผักอีกแล้วนะ เราจะทอดกุนเชียงกินด้วยกันไงจ๊ะยาย
หลายคนบนเรือนผู้ใหญ่บ้าน ปล่อยให้น้ำตาร่วงลงมากับภาพที่อยู่ตรงหน้า
ภาพเด็กชายตัวเล็กๆ ดึงแขนยายให้ลุกขึ้นมาโต้ตอบกับตนกับน้ำตาที่รินไหลเต็มแก้ม
สองมือกระหวัดพยายามยัดเยียด ถุงอาหารให้ผู้เป็นที่รักดั่งเคยทำทุกเมื่อเชื่อวัน.
ข่าวน้ำป่า ไหลหลากท่วมบ้านเรือนมีให้เห็นแทบทุกวันในช่วงฤดูฝนแบบนี้
อาจเพราะทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลายมากมาย..
อาจเพราะความเห็นแก่ตัวของมนุษย์กลุ่มหนึ่ง
ที่สุขและสบายอยู่บนตึกหรู กลางเมืองสวรรค์
ใหนเลยจะรับรู้ซึ่งพิษภัย และความสูญเสียที่เกิดจากความเห็นแก่ตัวแห่งตน
และหากสิ่งที่สูญเสียไปมิใช่มีค่าเพียงทรัพย์สมบัติ แต่เป็นคุณค่าสูงสุดของจิตใจ
อะไรเล่าจะทดแทนสิ่งที่หายไป
จากคุณ :
AcidRave
- [
27 ส.ค. 47 14:59:48
]