หลายคนอย่าเพิ่งสับสนนะคะ ช่วงนี้งานเขียนของเราขึ้นอยู่กับอารมณ์ตัวเองมากๆ และยิ่งกำลังวุ่นๆ ใกล้สอบแบบนี้ด้วยทำให้ไม่สามารถเขียนเรื่องยาวได้
ดังนั้นอย่าว่ากันเลยนะคะ ถ้าเราจะเอาเรื่องสั้นมาลงให้อ่านแทน และแนวเรื่องสั้นของเราก็ไม่ค่อยจะอยู่กับร่องกับรอยซะเท่าไหร่ด้วย
วันก่อนเป็นเรื่องความรัก... ส่วนวันนี้...ขอบอกได้เลยว่าไม่ใช่ค่ะ
แต่จะเป็นอะไรนั้น ฝากคนอ่านตัดสินกันเอาเองแล้วกันนะคะ
*******************************
มัน...ไม่มีชื่อ ไม่มีใครพร้อมที่จะตั้งชื่อให้ พวกเขาล้วนเรียกมันเป็นสัตว์จากตำนาน มันตื่นขึ้นมาบนโลกใบนี้จากน้ำมือมนุษย์ ชีวิตของมันล้วนถูกกำหนดขึ้นนับตั้งแต่อะตอมแรกถือกำเนิด มันจึงเป็นสิ่งมีชีวิตวิเศษสุด...เกินกว่าบรรดาสิ่งมีชีวิตใดๆ จะบรรเจิดเทียบเคียง
ลมหายใจแรกยามเมื่อสูดเข้าปอดคือลมหายใจของความสดชื่น อบอุ่น อวลไอไปด้วยกลิ่นอายแห่งรื่นรมย์ของชีวิตใหม่ที่กำลังเริ่มต้น
ณ วินาทีแรกยามเมื่อมือคู่หนึ่งเอื้อมมาปลดเปลื้องภาระอันหนักหน่วงของมันออก...มือคู่นั้นบรรจงแกะเปลือกไข่ใบหนาเป็นวงกว้าง ค่อยๆ ประคับประคองร่างที่ชุ่มด้วยเมือกใสขึ้นสู่อ้อมอก มันนึกได้เพียงแค่ความสุขทั้งหมดที่จะได้รับจากโลกใบนี้
ทว่ามันกลับคิดผิดมหันต์!!
หลายวันผ่านไปท่ามกลางความมืดมิดของดวงตาที่ยังไม่อาจใช้งานได้ มันยังคงซุกตัวอยู่ในรังอุ่น มีอวลไอแห่งความหอมหวาน ความปิติยินดีปะปนอยู่แทบทุกอณูของลมหายใจ
หากเมื่อดวงตาตื่นขึ้น ฝันนั้นกลับมลายสิ้น... ภาพของโลกใบใหม่แตกต่างจากจินตนาการโดยสิ้นเชิง
ประสาทตาเริ่มทำงานชัด มองเห็นถึงห้องกว้างสุดลูกหูลูกตา สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดเดินผ่านไปมาด้วยความรีบเร่ง จะมีบ้างที่หันมาก้มลงมองมัน รอยยิ้มบางครั้งดูอ่อนหวาน บางครั้งดูดุดันส่งผ่านมาถึงไม่เว้นแต่ละวัน
จมูกของมันเริ่มทำงานดีขึ้นกว่าเก่า กลิ่นหอมหวานที่คุ้นเคยแต่แรกแปรเปลี่ยนไป กลับกลายเป็นกลิ่นเหม็นฉุนของน้ำยาฆ่าเชื้อ พาให้แสบไปทั่วทั้งโพรงจมูก
ประสาทหูเริ่มใช้การได้ในหลายวันถัดมา มันได้ยินผู้คนเหล่านั้นสนทนากันด้วยถ้อยคำและภาษาแปลกประหลาด หลายครั้งจับใจความไม่ได้ แต่หลายครั้งสมองของมันกลับแปลความหมายเหล่านั้นออก
เป็นอย่างไรบ้างพ่อหนูน้อย สิ่งมีชีวิตที่สมควรเรียกว่า มนุษย์ กล่าวแก่มันในวันหนึ่ง
อ้อ...วันนี้นะหรือ มันสบายดี ขอแค่เพียงให้พวกเขาเลิกส่งกลิ่นเหม็นฉุนแบบนั้นเสียทีได้ไหม...
หน้าตาของแกวันนี้ดูไม่ดีเลยนะ เอาเถอะ รอให้แกแข็งแรงกว่านี้อีกสักหน่อย ฉันจะพาแกออกไปชมโลกใบใหม่ มนุษย์ผู้นั้นบอก
นี่เป็นเหตุการณ์สำคัญครั้งแรกในชีวิต มันตั้งหน้าตั้งตารอดูโลกใบใหม่อย่างใจจดใจจ่อ
ร่างกายของมันเริ่มแข็งแรงขึ้นทุกวัน มันสามารถยกคอขึ้นเลยขอบทึบๆ มองออกไปผ่านกระจกใส เห็นโลกภายในห้องกว้างได้มากขึ้น ในนี้ไม่ได้มีเพียงแค่มนุษย์ที่อาศัยอยู่เท่านั้น เลยจากรังของมันไปไม่ไกลนัก ยังมีรังของสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดมากมายล้วนแล้วแต่ไม่เคยพบเคยเห็น ปีกทั้งสองข้างของมันในตอนนี้เริ่มกางออกกว้าง
และแล้ววันหนึ่งก่อนมนุษย์จะพามันออกไปชมโลกกว้าง มันได้ลองเริ่มต้นกระพือปีกกว้างคู่นั้น ขาเล็กๆ ทั้งสองเริ่มลอยสูงขึ้น...สูงขึ้น... ในที่สุดมันก็สามารถบินออกมาพ้นจากรัง
เฮ้ย! สัตว์หลุดออกมาจากกรง ช่วยกันจับเร็ว!! เสียงชุลมุนวุ่นวายดังขึ้นทั่วสารทิศ
บรรดามนุษย์ทั้งหลายต่างปรี่กันเข้ามาห้อมล้อมมันไว้ราวกับฝูงสัตว์ร้าย ดวงตาดุดันราวเพลิงไหม้โหมพัดกระหน่ำอยู่เต็มแววตานับสิบคู่
ความหวาดกลัวพุ่งขึ้นถึงขีดสุด... มันไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ ไยมนุษย์เหล่านี้ถึงจ้องมันราวกับกินเลือดกินเนื้อเช่นนี้...
มันพยายามกระพือปีกขึ้นสูง โผบินขึ้นให้ไกลเกินกว่าผู้ใดจะคว้าได้ แต่พวกมนุษย์ก็ยังคงไล่ตามมันมาติดๆ ไม่ว่าจะพยายามบินสูงเท่าไร ท่อนเหล็กยาวจากมือของพวกเขาก็เอื้อมสูงขึ้นจนเกือบแตะถึงตัวมันได้อยู่แล้ว
วินาทีเดียวที่มันผงกหัวลงเพื่อหลบคานเหล็กเบื้องบน ท่อนเหล็กยาวแท่งหนึ่งพุ่งขึ้นมาอยู่ในระยะประชิด
และ....
แสงไฟอ่อนๆ สีม่วงส่องประกายแวบวับอยู่บริเวณง่ามทั้งสองข้างของแท่งเหล็ก ก่อนความเจ็บปวดจะพุ่งตรงเข้าใส่มันอย่างไม่ยั้ง
เรี่ยวแรงทั้งหมดราวกับถูกกระชากออกจากร่างกาย พร้อมกับอาการชาไปทั่วทุกอณูของพื้นผิว ร่างยักษ์ร่วงตกลงมากองกับพื้นราวนกปีกหัก
แกร๊กๆ มันส่งเสียงร้องครวญครางออกมา พร้อมสติสัมปชัญญะดับวูบลง
ความมืดมิดกลับเข้ามาเป็นเจ้าเรือนอีกครั้ง มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองหลับไปนานเท่าใด หนึ่งเดียวในบรรดาประสาทสัมผัสทั้งหกที่ตื่นอยู่คือหูทั้งสองข้าง
ดูแลกันประสาอะไรวะ ปล่อยให้สัตว์หลุดออกมาจากกรงได้ น้ำเสียงดุดันฟังดูร้อนรน ไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขอโทษครับหัวหน้า ต่อไปรับรองว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกแน่
เออ มันก็แน่อยู่แล้ว ฉันว่าเจ้านี่มันก็โตพอที่จะย้ายไปอยู่กรงใหญ่ได้แล้ว อีกไม่นานนี้เราจะพร้อมประกาศความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ให้สาธารณชนรับรู้
ถ้าหัวหน้าต้องการเช่นนั้น อีกสองวันผมจะสั่งคนย้ายมันไปกรงใหญ่เอง อีกฝ่ายรับคำแข็งขัน
อืม ตามนั้นแล้วกัน หลายฝ่ายกำลังจับตามองสัตว์พันธุ์ใหม่อย่างเจ้าตัวนี้อยู่ คิดดูแล้วกันทั้งชื่อเสียง เงินทอง และอีกหลายสิ่งหลายอย่างกำลังจะก้าวเข้ามาให้เรากอบโกย ดูแลมันให้ดีๆ ล่ะ นั่นคือประโยคสุดท้ายที่มันได้ยิน ก่อนจะดำดิ่งลงสู่นิทรารมย์
มันไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่มนุษย์ทั้งคู่เจรจากันนั้นคืออะไร แต่สัญชาตญาณในตัวกลับร้องเตือนอย่างกึกก้องว่า โลกใบนี้ไม่ได้สวยสดงดงามอย่างที่ใจฝันไว้เลยแม้แต่น้อย
สองวันผ่านไปท่ามกลางความกระวนกระวายกับบางสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเริ่มขึ้นในเช้าวันที่สอง เมื่อมนุษย์กลุ่มหนึ่งประมาณห้าคนดิ่งตรงเข้ามาหามัน
อะไรกัน?? นี่กำลังจะเกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?? มันทำอะไรผิด??
สติสัมปชัญญะทั้งหมดตื่นตัวโดยพลัน ท่อนเหล็กยาวที่เคยเข็ดขยาด บัดนี้ถูกกำอยู่ในมือมนุษย์ทั้งห้าคน
เฮ้! ล้อมไว้ให้ดี อย่าให้มันหนีออกไปได้อีกล่ะ หนึ่งในห้าคนนั้นเอ่ยขึ้นเสียงดัง
พร้อมกับท่อนเหล็กยาวถูกยื่นออกมาข้างหน้า
เฮ้ย... วันนี้มันยังไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย ทำไมมนุษย์พวกนี้ต้องทำร้ายมันด้วย
สัญชาตญาณดิบที่เก็บกดไว้ภายใน ถูกกระตุ้นขึ้นทันทีที่แสงไฟสีม่วงอ่อนถูกปล่อยออกมาจากง่ามทั้งสอง
จะงอยปากใหญ่ของมันอ้าออก พร้อมกับเปล่งเสียงร้องแหลมสูงกึกก้องไปทั่วทั้งห้องทดลอง
เสียงร้องแหลมบาดแก้วหูดังทะลุเข้าสู่โสตประสาทของมนุษย์ทุกคนในที่นั้น ปฏิกิริยาโต้ตอบของหูมนุษย์ดูเหมือนจะตอบรับเสียงร้องอันทรงพลังของมันได้ดี
มนุษย์ทั้งห้าที่รายล้อมมันอยู่ต่างยกมือขึ้นปิดหูด้วยอาการทุรนทุราย ท่อนเหล็กไฟฟ้าถูกปล่อยทิ้งตกลงสู่พื้น
นับเป็นจังหวะดีสำหรับมันในการกางปีกบินออกจากวงล้อม...
จากคุณ :
firely
- [
29 ส.ค. 47 10:04:48
]