CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    ควายน้อยกลอยใจ4

    ควายน้อยกลอยใจ

    ตะวันเริ่มคล้อยบอกเวลาบ่ายอ่อนๆ หลังเลิกเรียนเพื่อนบางคนยังนั่งอ้อยอิ่งอยู่ในห้อง บางคนรีบไปเรียนพิเศษ หรือไปเที่ยว ศศิชายังนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนเพราะรอพ่อมารับ ส่วนนภัสหยิบกีตาร์ตัวโปรด มาดีดเล่นและร้องเพลงไปไม่หยุดไม่หย่อน จนศศิชาตะโกนว๊ากไปหลายรอบแต่เค้าก็ยังไม่สำนึก ในที่สุดเธอก็เลิกสนใจไปเอง
    “ ไข่ตุ๋นเล่นเพลงนี้ให้ฟังหน่อยสิ” อ้อมสาวผิวสีน้ำผึ้งเพื่อนคนหนึ่งในห้อง เปิดหนังสือเพลงเลือกเพลงที่กำลังนิยมอยู่ตอนนี้
    “ เอาเพลงนี้จริงๆเหรอ ” คนถูกขอ ชะงัก เมื่อเห็นชื่อเพลง ถ้าเล่นไปจะโดนยัยพจน์ฆ่าตายมั้ยเนี่ยะ
    “ ไม่ชอบหรอ” หน้าอ้อมแสดงความผิดหวัง
    “ เปล่า เราเล่นให้ฟังก็ได้” มือใหญ่ดีดเพลงและกดคอร์ดกีตาร์อย่างคล่องแคล่ว จนแทบไม่ต้องดูหนังสือเพลง

    เพื่อนคนนึงแอบรักเธอ เก็บงำความลับนั้นอยู่ภายใน
    ก็ไม่เคยเปิดเผยไป ด้วยกลัวจะเสียใจจะเสียเธอ

    * ปิดบังอยู่ตั้งนาน แหละมันอัดอั้นใจ ยิ่งเราใกล้ชิดกัน
    ยิ่งหวั่นไหว เธอสบตา กลับหลบตาเธออยู่เรื่อยไป
    ** ห่างแค่เพียงเอื้อมมือแต่มันก็แสนไกล
    ยิ่งเธอเป็นเหมือนเพื่อนสนิท ยิ่งไม่มีสิทธิ์จะบอกไป อืม...

    หากเป็นใครไม่ใช่เธอ สักวันอาจให้รู้อาจบอกไป
    แต่เป็นเธอที่คุ้นเคยก็เลยต้องยับยั้ง คอยชั่งใจ

    เพลงเพื่อนสนิทของEndrophine

    ศศิชาเริ่มไม่มีสมาธิอ่านหนังสือการ์ตูนเล่มโปรด เพราะเสียงห้าวแต่อ่อนโยนของเค้า บวกกับเนื้อหาของเพลง ที่ชวนให้เคลิบเคลิ้มและคิดตาม
    “ อย่าเพิ่งอ่านการ์ตูนเลยบุ้ง มาฟังเพลงกันเถอะไข่ตุ๋นร้องเก๊ง เก่ง ” อ้อมเห็นสายตานภัสว่ามองไปทางคนข้างหน้าตลอดเวลาจึงลากตัวต้นเหตุมาฟังเพลงด้วยกัน ยัยบุ้งจะได้เลิกหูหนวกตาบอดซะที
    “ งั้นๆ ” ปากก็บอกว่าไม่สนใจ แต่ศศิชาก็ลากเก้าอี้มาฟังเค้าร้องเพลง
    “ ใครจะไปเก่งเท่าแกล่ะ ” เจ้าของกีตาร์ประชดให้
    “ เอาน่าก็เก่งกันทั้งคู่นั่นแหละ ไข่ตุ๋นเล่นกีตาร์เพลงเดิมให้เรากะบุ้งฟังอีกรอบหน่อยสิ”
    “ อย่าเลย เดี๋ยวใครบางคนเค้าจะว่าเราเสียงเหมือนควายออกลูก” นภัสค่อนขอดคนที่ชอบกัดทุกครั้งเวลาเค้าร้องเพลง
    “ เพลงนี้เพราะจังเลยนะบุ้ง” อ้อมเขย่าแขนเพื่อน
    “ ไม่รู้สิไม่เคยฟัง ” ศศิชายักไหล่อย่างเสียมีได้ นี่มันเพลงโปรดเธอนี่นา
    “ จำผิดรึเปล่า ซีดีเพลงนี้เราเพิ่งยืมบุ้งไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว บุ้งเองยังบอกเลยว่าหวงมาก”
    “ อ๋อเหรอ เราไม่ค่อยสนใจ พอดีพ่อซื้อมาให้ ” ถ้ามีซาวเอฟเฟค ตอนนี้คงต้องใช่เสียงเพล้ง ศศิชารีบโยนให้พ่อทั้งที่มันไม่เป็นความจริง
    “ เย็นแล้ว เรากลับบ้านก่อนนะ” อ้อมยกนาฬิกาขึ้นมาดูและเดินแยกวงออกไป
    “ แกชอบเพลงนี้จริงๆเหรอ”
    “ ก็บอกแล้วงัยว่าพ่อซื้อมาให้” ศศิชาเปิดหนังสือเพลงผ่านๆ
    “ แล้วไป คิดว่าชอบเหมือนกัน”
    “แกว่าอะไรนะ” ก่อนที่ศศิชาจะมีโอกาสซักไซ้ต่อ พ่อเธอก็โทรมาบอกว่ามาถึงหน้าโรงเรียนแล้ว ศศิชาหยิบกระเป๋านักเรียนเตรียนมเดินออกจากห้อง
    “ พรุ่งนี้แกไปให้ตรงเวลาด้วยนะ เรียนพิเศษเริ่ม 8 โมงเช้า ไม่ใช่9 โมง” นภัสสั่งการเรื่องเวลาเรียนพิเศษ ที่สถาบันกวดวิชาแห่งหนึ่ง ปกติหญิงสาวจะไปเรียนสายแทบทุกอาทิตย์
    “ ไปนะ บาย” เธออมยิ้มรับคำ

    ศศิชาคิดว่าการเรียนพิเศษเลขนั้น ออกจะหนักเกินไปสำหรับหัวสมองของคนอย่างนภัส พอเลิกเรียนปุ๊บมือใหญ่ก็คว้าข้อมือเล็ก ลุกขึ้นเดินไปตามแรง สวนทางกับทางกลับบ้านเธอ เธอจึงฝืนไม่ไปตามแรง และ แว้ดใส่
    “ แกจะลากฉันไปไหน”
    “ สวนสัตว์ ” นภัสตอบโดยไม่สนใจคนตรงหน้า แล้วลากเธอขึ้นรถเมล์
    “ บ้า ” ปากก็ด่าเค้า แต่เท้าก็ยอมไปตามแรงลากของอีกฝ่าย ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
    ไม่ถึงอึดใจ นภัสกับศศิชาก็เข้ามาเยี่ยมเพื่อนๆแล้ว ทั้งคู่ลืมเรื่องที่อยากจะพูดกันไปจนหมดสิ้น ความทรงจำในวัยเด็กไหลย้อนกลับมาอีกครั้ง ทั้งคู่เห็นฮิปโปร่างอ้วนอ้วนใหญ่ ดวงตาละห้อย เหมือนรออาหารจากใครสักคน เพราะศศิชาเป็นคนขี้สงสารจึงทนเห็นอาการนั้นไม่ไหว
    “ กินซะ!ไอ้อ้วน” ขนาดเป็นสัตว์ เธอยังไม่เว้นที่จะหาเรื่องค่อนขอดมัน
    “ หน้าตามันเหมือนแกตอนฉันแบ่งขนมให้เลยว่ะ”
    “ ฝากไว้ก่อนนะแก ” พูดเสร็จก็ชี้นิ้วแต่คนถูกคาดโทษก็ทำเป็นไม่สนใจ หัวเราะหึๆ แล้วหันกลับไปดูกรงควายฝั่งตรงข้าม
    “ แก!มาดูเร็ว น่ารักจังเลย ควายตัวดำมันแผล็บ ” ใครๆก็รู้ว่าเค้าชอบควายมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ยิ่งควายตัวดำๆ เค้ายิ่งหลงเสน่ห์นัก
    “ ฝาแฝดแกรึเปล่าว่ะ” ศศิชาได้ทีเอาคืนชายหนุ่ม
    “ ก็ดีสิจะได้ไปนอนบ้านแกทุกคืน” พูดพร้อมกับเสมองไปทางอื่น
    “ ทะลึ่งแล้ว ” ศศิชาอมยิ้มหันไปด้านตรงข้ามกับชายหนุ่ม
    “ หิวว่ะ ไปกินข้าวกัน ” นภัสเพิ่งสำนึกว่านี่ก็บ่ายคล้อยแล้วจึงชวนศศิชาไปกินข้าวแก้เขิน
    ข้าวหน้าไข่ตุ๋นถูกยื่นมาตรงหน้าศศิชา เธอจำใจรับมาและชะโงกหน้าไปมองข้าวของอีกฝ่าย
    “ ทำไมแกกินแต่ผักบุ้งว่ะ ” ในที่สุดความอยากรู้อยากเห็นก็ชนะทันที
    “ แกไม่รู้เหรอว่าฉัน....ชอบ....ผักบุ้ง ”นภัสจงใจเน้นเสียง
    “ เหรอ แต่ฉัน...เกลียด...ไข่ตุ๋น ” ศศิชาจึงเก้อด้วยการมองอาหารตรงหน้าแล้ววิจารณ์
    “ จริงหรอ...” จิตใจที่เบิกบานของนภัสหุบลงทันที
    “ แต่ไข่ตุ๋นเป็นกับข้าวอย่างเดียวที่ฉันทำเป็น ” แค่ประโยคห้วนๆประโยคเดียวก็เหมือนน้ำฝนที่ชโลมจิตใจที่กำลังจะเหี่ยวเฉาให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
    “ แกพูดน่ารักจัง ”
    “ขนาดน่ารักแกยังหาเรื่องแกล้งฉันตลอด”
    “แกเคยได้ยินมั้ยที่ว่า เด็กผู้ชายจะชอบแกล้งเด็กผู้หญิงที่ตัวเองแอบชอบเพื่อเรียกร้องความสนใจ”
    “แกกำลังจะบอกอะไรฉัน”
    “ฉันชอบแก” พูดความในใจออกไปโดยที่ไม่รู้ตัว เล่นเอาคนตรงหน้าก้มหน้าก้มตา ตักข้าวไข่ตุ๋นที่เธอแสนจะเกลียดเข้าปากโดนไม่กล้ามองหน้าคนพูด

    ฝูงปลาน้อยใหญ่อ้าปากพะงาบๆ ด้วยความหิวโหย เธอและเขาโยนขนมปังหัวกะโหลก ให้ปลาแก้เขิน จนกระทั่ง.......
    “ ปลามันอิ่มแล้ว ไอ้พจน์” เขาแซวเพราะตอนนี้เศษขนมปังลอยอืดอยู่เต็มบ่อน้ำ
    “ ว่าแต่ฉัน แกเองก็ไม่หยุดโยนขนมปังเหมือนกันแหละ” ศศิชานึกหมั่นไส้คนปากเสียที่หาเรื่องกัดกันได้ตลอด จึงยัดขนมปังที่เหลือใส่ปากเค้าให้หยุดพูด
    “ อี้!แหวะ ” คนที่โดนให้อาหารแทนปลาคายขนมปังออกมาและโยนลงไปในบ่อน้ำ ผลก็คือฝูงปลาน้อยใหญ่ แตกกระจายไปคนละทิศคนละทาง
    “ ฮ่าๆๆๆ ขนาดปลามันยังรังเกียจแกเลย ” ศศิชาหัวเราะเสียงใส
    “ มันอิ่มแล้วโว้ย แล้วแกล่ะ รังเกียจฉันรึเปล่า” ทั้งที่ตามองปลาในบ่อแต่ใจก็ลุ้นระทึกรอคำตอบจากหญิงสาว
    “ ไม่ แต่ฉันเกลียดแก เหมือนที่เกลียดไข่ตุ๋น ”
    “ แต่ฉันชอบแก เหมือนที่ชอบผักบุ้ง ”
    “ ชอบตั้งแต่เมื่อไหร่ ”ศศิชาขี้เกียจที่จะเถียงกับเค้าจึงหาเรื่องถามแทน
    “ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น จากนั้นฉันก็พยายามจีบแกทุกวิถีทาง ” ทำไมเค้าจะไม่รู้ว่าคนอย่างเธอขืนไปจีบแล้ว พูดกันตรงๆเธอคงไล่ตะเพิดไปเหมือนทุกๆคนที่ผ่านมา เค้าจึงต้องใช่ศาสตร์ชั้นสูง
    “ แกจีบสาว โดยการตีหัวเค้าทุกวัน ดึงผมเค้าทุกวัน หาเรื่องทำให้เค้าอับอายได้แทบทุกวัน บางวันก็เอาหมากฝรั่งไปแปะไว้บนเก้าอี้ให้เค้ามานั่งทับ วันวาเลนไทน์ก็ให้ตุ๊กตาควาย ว่างๆก็ขโมยรูปนู้ดเค้าตอนเด็ก แกแปลกมาก....แต่ฉันก็ชอบคนแปลกอย่างแก”
    “ ตกลงแกยอมให้ฉันเป็นควายที่บ้านแกแล้วใช่มั้ย”
    “ เออ แล้วแกอย่าขี้เกียจนะ ไถนาด้วย ” แก้มขาวใสเริ่มออกสีชมพูระเรื่อ
    “ แล้วควายตัวนี้จะได้นอนข้างๆ แกทุกคืนรึเปล่า” เค้าโผล่หน้ามาใกล้ๆ
    “ ลามปามแล้ว ”มือไวเท่าปาก ศศิชาผลักคนข้างๆ กายตกลงไปในบ่อปลา และรีบกระโดดหนีก่อนที่มือใหญ่ๆ จะดึงเธอลงไปด้วนอย่างครั้งก่อน
    “ เฮ้ยไอ้พจน์ ทำไมแกเขินรุนแรงขนาดนี้ว่ะ”คนในน้ำตะโกนโหวกเหวก
    “ พอดีขนมปังเริ่มพร่องแล้ว ฉันเลยหาอย่างอื่นให้ปลากิน ” ศศิชาลอยหน้าลอยตา
    “ ปลาบ้านแก กินควายเป็นอาหารหรอ” คนในน้ำเดินขึ้นมาด้วยตัวเปียกโชก
    “ จำไว้ ถ้าแกอยากเป็นควายของฉัน ห้ามตีหัว ห้ามดึงผม ห้ามเอาหมากฝรั่งแปะเก้าอี้ ห้ามให้ควายใครในวันวาเลนไทน์ ห้ามขโมยรูป ใครๆ” ศศิชาร่ายยาวอย่างผู้มีชัย
    “ ฮ้า ” คนตรงหน้าอ้าปากหวอ นี่มันกฎเหล็กเหรอเนี้ย
    “ นอก...จาก...ฉัน ที่สำคัญห้ามลามปามใครอย่างที่ลามปามฉัน” ศศิชาอดใจไม่ไหว บีบจมูกคนที่ทำหน้าเหลอหลา และเธอก็หลิ่วตาให้เค้า
    “ แกก็เป็นซะอย่างเนี้ย แล้วฉันจะไปลามปามใครได้” มือใหญ่รวมมือเล็กไว้
    “ กลับบ้านกันเถอะ ” ศศิชาเป็นคนเดินนำโดยที่ไม่แกะมือเค้าออก
    “ แม่แกจะว่ายังงัยบ้างก็ไม่รู้นะ ที่วันนี้แกมีควายตัวโตกลับบ้าน ” เค้าเดินตามแรงลากของเธอ สองมือจูงกันไปเรื่อยๆ อาจจะมีสะดุดหกล้มบ้าง ชะงักบ้างแต่คนทั้งคู่ก็จะเดินไปด้วยกันตราบเท่าที่มีแรงเดินอยู่ ทั้งคู่ไม่รู้หรอกว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร รู้แต่ว่าวันนี้จะมีคนคนนี้ เป็นส่วนเติมเต็มของกันและกันเท่านั้นเป็นพอ...รักเธอเสมอควาย

    จบ จบ จบ จบ จบ จบ จบ จบ
    BY MK สุกี้

    จากคุณ : mk สุกี้ - [ 5 ก.ย. 47 14:47:31 A:203.118.116.37 X: ]