CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    พรหมลิขิตอลวน ตอน 3

    ช่วงนี้หายไปนาน เลยเอานิยายมาแปะให้อ่านสองเรื่องค่ะ

    ตอน 3

    ภายในรถของมะพร้าว อีตาผู้กำกับจอมโหดทำหน้าที่เป็นคนขับพาหญิงสาวไปกองถ่าย
    "นี่ ถ้าคุณจะฟังชั้นซักนิด มันคงไม่เสียเวลาหรอกนะ"
    "เรื่องอะไร"ถามไปก็ขับรถต่อไป

    "จริงๆแล้วชั้นไม่ได้เป็นสต้งสตาฟอะไรหรอก ทั้งหมดน่ะชั้นโกหก"

    เอี๊ยด!!!!!!!
    "โอ๊ย อะไรกันนึกจะเบรคก็เบรค หัวเกือบโขกกระจกแน่ะ"
    "เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ"ทีนี้มาทำเป็นหูตึง ไม่ได้ยินที่เธอพูด ตาเบื๊อกเอ๊ย

    "ฟังนะคุณ ดูปาก ชั้นไม่ได้เป็นสตาฟของคุณ คราวนี้ได้ยินชัดยัง น่าจะมองออกนะ ว่าสตาฟส่วนใหญ่น่ะเขาขี่รถเครื่อง ไม่มีคนไหนขับรถเก๋งหรูอย่างชั้นหรอก"มะพร้าวทำท่าชี้ที่ปากของตนเองแต่แอบแขวะเขานิดหน่อย

    "ถ้าไม่ได้เป็นสตาฟ แล้วคุณทำงานอะไร" สนใจเชียวนะนายโหด จะโกหกว่าอะไรดีล่ะในขณะที่หญิงสาวกำลังนั่งนึกถึงคำพูดและอาชีพหรูๆในสังคม อยู่ๆมือถือส่วนตัวของเธอก็ดังขึ้น

    "ตื๊ด ตื่อ ดื้ด ตื่อ ดื้อ ตือ ดื๊ด ๆ มะพร้าวล้วงลงไปในกระเป๋าเป้ของตัวเองหยิบสากกะเบือ เอ๊ย โทรศัพท์ขึ้นมามองเบอร์ตาโตและรับสาย

    เสียงเหมือนขีปนายุทธเริ่มทำงานโดยที่หญิงสาวไม่ทันตั้งรับกับสิ่งที่แผดลั่นมาทางโทรศัพท์
    "ยัยมะพร้าว นี่เธออยู่ไหน ป่านนี้ทำไมยังไม่กลับมาบริษัท รู้มั้ยว่าเด็กรออยู่ เธอต้องเป็นคนพาเด็กไปส่งนะ"เสียงอีเจ๊ใหญ่แห่งบริษัทสร้างฝันโวยวายอย่างดัง จนเธอแทบเอาออกห่างไม่ทัน

    "รู้แล้วเจ๊ว่าหน้าที่ส่งเด็กวัยรุ่นน่ะเป็นหนู เขารออยู่ใช่มั้ย เดี๋ยวจะกลับไปรับทันที อย่าบ่นน่ะเจ๊ หนูไม่ทำเจ๊เสียหรอก เชื่อมือดิ บ้ายบาย เดี๋ยวเจอกัน"จากนั้นมะพร้าวก็วางสาย หันกลับมาเจอสายตาของอีตาผู้กำกับอีกครั้ง

    ดูจากท่าทางสงสัยอีตานี่จะคิดกับเธอในแง่ดีอีกแล้วแน่ๆ
    "มองไรคุณ ไม่เคยเห็นคนคุยโทรศัพท์เหรอ"
    "เห็น เมื่อกี้คุณกำลังจะบอกว่าทำงานอะไรนะ แต่ดูท่าเหมือนว่าผมจะรู้แล้วว่าคุณทำงานอะไร"

    อะไรของตานี่ เดาเป็นตุเป็นตะอีกล่ะสิท่า
    "ก็เมื่อกี้ไงเห็นบอกจะรีบไปส่งเด็กวัยรุ่น คุณทำอาชีพเสริมอย่างนี้ด้วยเหรอ"เฮ้อ นี่เดาเป็นอะไรอีก หวังว่าคงไม่นึกว่าเธอมีอาชีพเป็นแม่บ้านเลี้ยงเด็กนะ เพราะเด็กที่พุดถึงน่ะเป็นวัยรุ่น

    "ผิดกฏหมายนะคุณทำอาชีพนี้นะ คนเขากำลังรณรงค์กันอยู่"พูดอะไรกัน ไม่เห็นรู้เรื่องเลย ท่าจะเดามั่วอีกตามเคย
    "นี่คุณคิดว่าชั้นทำอาชีพอะไรอีก คงไม่ใช่อาชีพที่ดีนักหรอกใช่มั้ย"

    "อ้าวก็ส่งเด็กวัยรุ่นน่ะ จะมีอาชีพอะไรอีกถ้าไม่ใช่แนวนั้น" โอ๊ย อยากจะบ้าตาย นี่ในสายตาของนายชั้นมันไม่มีดีเลยใช่มั้ย
    "ใช่ชั้นเป็นเอเย่นค้าเด็ก แล้วทำไมล่ะ ก็งานอื่นมันไม่เวอร์คนี่ สู้งานนี้ไม่ได้ ส่งของปุ๊บก็ได้เงินมาใช้ปั๊บ"แล้วหล่อนไปโกหกเขาทำไมกัน ยิ่งมองในแง่ร้ายอยู่ ก็คนหมั่นไส้น่ะ ไม่เคยมองอะไรเธอดีๆเลย ยัดเยียดข้อหาอะไรนักก็ไม่รู้

    "รู้อย่างนี้ก็รีบลงไปจากรถชั้นเลย จะได้ไม่ติดร่างแหว่าเป็นผุ้สมรู้ร่วมคิด"ธราดลมองหน้าผู้หญิงตรงหน้านิ่ง ชายหนุ่มไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้ มองจากภายนอกก็ดูไม่มีพิษสงดีหรอก แต่เบื้องหลังน่ารังเกียจสิ้นดี

    รีบๆ ลงไปเลยไป ถูกนายเกลียดยังดีกว่าถูกเจ๊ที่บริษัทโกรธ รู้ๆอยู่ว่าเจ๊เป็นประเภท พายุทอร์นาโด ถ้าไปทำให้โมโหเมื่อไหร่เป็นได้เรื่องแน่
    "เชิญคุณลงไปจากรถชั้นได้ละ เดี๋ยวจะติดเชื้อไม่ดีจากชั้น"ไม่ต้องบอกคำสอง ชายหนุ่มก็ก้าวลงจากรถของเธอแถมยังมองหญิงสาวด้วยสายตาน่าสมเพชและรังเกียจ

    โอ้ นี่ชั้นคิดผิดรึเปล่าเนี่ยที่ใช้วิธีนี้ไล่เขา ดูสายตาสิทำเหมือนตัวเธอเป็นปฏิกูลหรืออุจจาระทำหน้าได้อารมณ์มาก ทนไม่ได้ ไม่อยากให้หนุ่มหล่อเข้าใจผิด แต่ทำไงได้ในเมื่อเขาไม่เคยมองเธอในแง่ดี ต่อให้พูดความจริงแค่ไหนก็คงจะไม่เชื่ออีกนั่นล่ะ

    ช่างเถอะ หากชาตินี้มีบุญเราคงได้เกิดมาคู่กัน โอมเพี้ยงแด่เจ้าแม่ทางม้าลายทั้งหลาย ลูกช้างไม่เคยคิดร้ายกับใคร ก็ขอให้ได้แฟนหล่อๆ รวยๆ เก่งๆด้วยเถอะเจ้าประคู้ณ

    หญิงสาวทำท่าร่ายเวทย์มนต์เหมือนแฮรี่พอสเตอร์หนังที่เธอไปชมมา ดูเหมือนสาวติงต๊องก็ไม่ปาน ชายหนุ่มส่ายศีรษะ ไม่อยากเชื่อว่าคนเราจะเป็นไปได้ถึงเพียงนี้ อย่ากระนั้นเลยรีบๆถอยออกมาห่างๆเจ้าหล่อนดีกว่าเกิดเชื้อบ้ากระเด็นมาโดนจะแย่เอา

    ธราดลก้าวเท้าลงจากประตูอีกด้านหนึ่ง แต่ก่อนไปก็ฝากคำลาที่มะพร้าวได้ยินแล้วรู้สึกเจ็บกระดองใจมากสุดๆ
    "หวังว่าเราสองคนคงจะไม่เจอกันอีกนะ เพราะนั่นคงเป็นโชคร้ายของผมแน่ๆ ลาก่อน"เอ่ยจบชายหนุ่มก็ก้าวเท้าเดินออกไป แม้แต่หางตาก็ไม่เหลียวกลับมามองเธอ

    "โธ่ พ่อเทพบุตรกรีกของชั้น ลา………………………………..เลียนแบบโฆษณาเวลาจากแฟน ก่อน พร้อมกับทำหน้าเศร้าเหมือนตัวตลกร้องไห้ ระหว่างที่เล่นบทละครในรถเสียงโทรศัพท์ข้างตัวก็ดังขึ้นอีก ทำให้เธอนึกออกว่าตนเองลืมอะไร
    ก้มลงมองนาฬิกาก็ร้องออกมา
    "ตายแล้ว นี่มันเลยเวลา 1 ชั่วโมงแล้วนี่หว่า สงสัยเจ๊แน่ๆที่โทรมาตาม"ไม่รับหรอกปล่อยให้มันดังไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงหน้าบริษัท มะพร้าวหยิบสำลีอุดหูของตัวเองเป็นการด่วน

    แจ๊ดๆๆๆ แว๊ดดๆๆๆๆๆๆๆ คันหูยิกๆ นี่ดีนะที่เธอป้องกันแก้วหูไว้ไม่งั้นคงแย่แน่ จนกระทั่งต้นเหตุเสียงระเบิดเมื่อครู่เงียบลง พร้อมกับเจ้าของเสียงก็นั่งลงที่เก้าอี้

    "นี่ค่ะเจ๊"หญิงสาวยื่นยาดมให้กับเจ๊ใหญ่
    "ขอบใจย่ะ รู้มั้ยว่าเจ้าของงานเขาโทรกลับมาโวยวายใหญ่ โทษฐานที่ทำให้บริษัทเสียผลประโยชน์ เดือนนี้ชั้นจะตัดเงินเดือนเธอ 15 %

    "เจ๊ขา ได้โปรดเห็นใจหนูด้วยเถอะค่ะ ทุกวันนี้ก็กระเบียดกระเสียดจะแย่อยู่แล้ว เจ๊มาหักเงินหนูแล้วจะพอเหรอคะ"เธอเกาะหัวเข่าของเจ๊ใหญ่ขอความเมตตา
    "ช่างเธอไม่เกี่ยวกับชั้น คราวหลังจะได้ไม่ทำอีก"พูดจบก็สะบัดร่างเดินเข้าห้องทำงาน

    "โธ่เจ๊ ไม่ใช่ความผิดหนูสักหน่อย อีตาผุ้กินกับนั่นต่างหากทำให้มีปัญหา เจ๊ฟังหนูหน่อยสิคะ"มะพร้าวก้าวตามเจ๊วราตรีเข้าไปในห้องทำงาน

    ข้างฝ่ายธราดลหลังจากก้าวลงจากรถ ชายหนุ่มก็เรียกรถกลับมาที่ห้าง ขับรถไปที่กองถ่าย แต่ดูเหมือนว่าอารมณ์โหดของเขาจะลอยตามร่างของเธอไปด้วย และวันนี้อาการจริงจังของชายหนุ่มก็ไม่มีให้เห็น ขนาดปกติถ้าดาราที่เล่นแสดงไม่ดี มักจะถูกว๊ากทันที แต่นี่กลับไม่ดุไม่ว่า พุดเพียงแค่ เดี๋ยวเริ่มใหม่อีกครั้งละกัน คนในกองถ่ายก็งงกันเป็นแถว เพราะไม่เคยเจอกับอารมณ์นี้ของเขา

    "วันนี้เทพบุตรของเราเป็นอะไรน่ะ ดูไม่ดุเลย"
    "อ้าวไม่ดีเหรอ เวลาเขาดุเธอก็กลัวจนหงอ พอไม่ดุก็สงสัยอีก"ผู้หญิงสองคนซึ่งเป็นตัวประกอบยืนนินทาผุ้กำกับสุดหล่อ

    "ก็มันไม่เคยเห็นนี่เธอ รู้สึกเหมือนไม่ชินเท่าไหร่"
    "ชั้นก็ว่าอย่างนั้น ท่าทางพวกเราจะคุ้นกับภาพเทพบุตรมารนะ พอกลายร่างเป็นเจ้าชายทำให้รับไม่ทัน

    ในระหว่างที่เก็บของนั้น กระเป๋าเป้ส่วนตัวของชายหนุ่มซึ่งวางไว้บนโต๊ะเล็กแถวนั้นถูกพวกสตาปเผลอทำหล่นลงมา คนทำหน้าซีดเผือดกลัวอารมณ์อันร้ายกาจของเขาที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจาก ธราดลเดินมาเก็บและปัดฝุ่นออกจากเป้

    ก่อนจะเก็บกระเป๋าสตางค์ของตนขึ้นมา ซึ่งวางหงายอยู่พร้อมกับรูปสมัยเรียนของเขา มีรูปของหญิงสาวคนหนึ่งตัดผมม้ากำลังทำหน้าบึ้งโดยมีเขาหัวเราะอยู่ข้างๆ

    เห็นภาพในนี้แล้วนึกถึงสมัยเรียน ไม่รู้ว่ายัยตัวเปี๊ยกนั่นตอนนี้จะเป็นยังไง หน้าตาจะเปลี่ยนไปรึเปล่าน้า แต่คนที่เขานึกถึงกำลังนั่งซดบะหมี่ประชดเจ๊ใหญ่แห่งบริษัท ที่ไม่ยอมฟังเหตุผลของเธอเลย แถมยังไล่ให้ออกมาอีก

    "ต้องกิน ๆๆๆ ให้มากๆ"ก่อนจะจิ้มลูกชิ้นปิงปองสีขาวลูกโต
    "นี่ๆๆๆ ตัวปัญหาทำให้ชั้นเดือดร้อน ถ้าไม่เจอนายก็คงไม่เป็นอย่างนี้หรอก"พูดไปก็จิ้มมันเข้าปากนั่งเคี้ยวตุ้ยๆด้วยความหมั่นเขี้ยว

    "เป็นอะไรไปมะพร้าว ทำเหมือนกับโกรธใครมาอย่างนั้นล่ะ"กีวี่ถามเพื่อนสาว
    "ก็โกรธน่ะสิ โมโหมากด้วย แถมเจ๊ยังไม่ฟังเหตุผลอีก เบื่อ"

    "เจ๊ก็เป็นอย่างนี้ล่ะ เดี๋ยวอารมณ์ดีก็หาย"
    "พูดแล้วแค้นใจไม่หายเลยนะกีวี่ ถามหน่อยอย่างชั้นเนี่ย ทำตัวเหมือนพวกผิดปกติมะ"สาวกีวี่นั่งมองหน้าของมะพร้าวและสั่นหน้าไปมา

    "ก็ไม่นี่"
    "นั่นสินะ คนสวยๆอย่างชั้น เพอร์เฟคขนาดนี้ จะเป็นพวกผิดปกติได้ยังไง คนใช้ตาตุ่มมองต่างหากที่จะพูดอย่างนี้ โฮะ โฮะๆๆ"อาการเก่าโรคหลงตัวเองกำเริบอีกแล้ว

    "ยัยมะพร้าว!!!!!!!"เสียงนี้เป็นของเจ๊วราตรีที่เดินตรงมาทางเธอ แต่หญิงสาวทำเป็นหูทวนลมไม่สนใจ เจ๊ใหญ่หมั่นไส้เลยขอสักทีหนึ่ง
    "โป๊ก!"

    "โอ๊ย อะไรล่ะเจ๊ มาถึงก็ทำร้ายกันเลยน่ะ"
    "เรียกแล้วทำไมไม่ขาน"
    "ก็หนูกำลังกินบะหมี่อยู่ค่ะ เลยไม่ได้ยิน"น่าน เถียงข้างๆคูๆอีกแล้วนางเอกเรา

    "ไม่ต้องมากวนอารมณ์"
    "ยังไม่มีพายเลยจะกวนได้ยังไงเจ๊"เธอแกล้งย้อนกลับ คราวนี้เจ๊ใหญ่ทำสายตาดุ๊ดุใส่หญิงสาว

    "ยัยแมวปากมอม ชั้นชักจะทนไม่ไหวกับเธอแล้วนะ เดี๋ยวปั๊ด"เจ๊เตรียมตัวหยิบแฟ้มขึ้นมาประเคนใส่มะพร้าว
    "เจ๊จ๋า มะพร้าวได้ยินแล้วค่ะ ชัดเจนเต็มสองรูหูเลย เจ๊มีอะไรเหรอคะ"

    "กลายร่างไวมากเลยเมื่อครู่ยังเป็นลิงกวนอยู่เลยทีนี้เชื่องเชียว"เจ๊แกล้งว่าเธอ
    "เจ๊น่ะ หนูออกน่ารักเรียกซะเสียหมด"

    "ไม่ต้องพูดมากเตรียมตัวพาเด็กไปถ่ายโฆษณาอีกครั้ง"เจ๊ใหญ่บอกกับลูกน้องสาว
    "อ้าว ก็ไหนว่ายกเลิกไปแล้วไม่ใช่เหรอเจ๊ หนูยังถูกหักเงินเดือนตั้ง 15 % น่ะ"

    "ถ้าพาเด็กไปทันตอน เย็นสี่โมง เจ๊จะยกเลิกคำสั่งทั้งหมด"
    "จริงรึเปล่าคะ ดีใจที่สุดเลย เดือนนี้ไม่ถูกหักเงินแล้ว เย่"หญิงสาวร้องออกมาอย่างเสียงดัง

    "ได้เลยครับผม ขอเวลาเคลียร์ชามก่อนและจะพาเด็กๆไปเอง"เอ่ยจบก็คว้าชามก๋วยเตี๋ยวเมื่อครู่หยิบไปล้างหลังบริษัท

    จากคุณ : ต้นข้าว - [ 7 ก.ย. 47 23:24:44 A:202.5.88.144 X: ]