ไม่มีใครรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วทำไมกฤษณะจึงไม่กลับบ้าน
บ่อยครั้งที่เขามักจะหมกตัวอยู่ที่โต๊ะทำงานจนดึกดื่นทุกวัน
บ้างก็ลงความเห็นว่าเขาคงขยันและบ้างาน
บ้างก็ว่าเขาคงมีปัญหาอะไรสักอย่างทางบ้านจนไม่อยากกลับไป
ก็สุดแล้วแต่พวกนั้นจะเข้าใจ คงมีแต่เขาเท่านั้นที่รู้
คืนนี้เป็นอีกคืนหนึ่ง ที่เขายังคงนั่งอยู่ในห้องทำงานเพียงลำพัง
นาฬิกาข้างฝาบอกเวลา 23.45 น. อากาศภายในห้องร้อนอบอ้าวได้ที่
เพราะฝ่ายอาคารปิดเครื่องปรับอากาศไปตั้งแต่หัวค่ำแล้ว
ภายในห้องมืดมิด ซึ่งมันมืดเกินกว่าจะกล่าวได้ว่านี่คือบรรยากาศของการทำงาน
มีเพียงแสงสีขาวจากจอแอลซีดีขนาด 17 นิ้วส่องผ่านเลนส์เว้าเข้าดวงตาที่เบิกโพลงเป็นประกายวาว
เสียงเพลงจากไฟล์ เอ็มพี 3 บรรเลงเบา ๆ ขับกล่อมให้ภายในห้องไม่เงียบงัน
แป้นคีย์บอร์ด รับปลายนิ้วสัมผัสบ้างเป็นครั้งคราว มือขวาของเขากำเม้าท์ไว้แน่น
ปลายนิ้วกระดิกคลิกเลือกไฟล์ภาพนับร้อยบนหน้าจอ
สลับกับมือซ้ายที่ขยับไปมาตรงส่วนล่างสะดือซึ่งขณะนี้ไม่มีอาภรณ์ใด ๆ
ห่อหุ้มเจ้ากล่องดวงใจดวงน้อยของเขา กางเกงสแล็คสีดำและกางเกงชั้นในยี่ห้อเจเพรส
ถกลงมาวางกองปลิ้นข้างในออกข้างนอก อยู่ที่ข้อเท้าที่ไขว้ไว้ใต้โต๊ะทำงาน
โห! หลุดมาได้ไงวะ ดวงตาของเขาเป็นประกายภายใต้กรอบแว่นหนา เขาจ่อหน้าเข้าใกล้หน้าจอ
เพ่งมองภาพหญิงสาวที่เปลือยกายโชว์ปทุมถันทั้งสองข้างยืนปั้นหน้าปั้นจิ้มปั้นเจ๋อเหมือนจะน่าเอ็นดู...
เธอคือดารายอดขวัญใจของเขา
น้องต๊าก! ตัดต่อหรือเปล่าวะเนี่ย
กฤษณะคลิกขยายภาพเพื่อดูร่องรอยความแตกต่างของจำนวนจุดพิกเซลในภาพ
เรื่องแค่นี้ไม่เกินความสามารถของกราฟฟิคดีไซด์เนอร์อย่างเขาหรอก ภาพจริงนี่หว่า
เขาเพ่งพินิจเจ้าเม็ดปทุมถันสีน้ำตาลเข้มที่ขยายเต็มหน้าจอขนาด 1200 เท่า
เมื่อเจอของดีของเด็ดเข้าให้ ใครจะอดใจไหว แต่...
มือซ้ายที่กำลังกระตุกไต่สวรรค์กลับเริ่มล้าและเกร็งพอ ๆ กับใบหน้าที่เหยเก
เขาละมือขวาจากเม้าท์ มาบังคับเจ้าวัตถุแห่งพันธุกรรมแทนมือซ้าย
และยกมือซ้ายขึ้นปาดเหงื่อเม็ดโป้งบนใบหน้าโดยลืมไปว่าจะมีอะไรติดใบหน้าแทนเหงื่อ
กฤษณะอุ่นเครื่องโดยใส่เกียร์ว่างแล้วบิด 4-5 ที
ก่อนจะตบเกียร์ลงและเหยียบคันเร่งมิดทะยานไปสุดทาง
"โอ้ว! น้องต๊าก...ก...ก"
หลังมือขวาของเขากระเด้งชนกับแผ่นกระดานใต้โต๊ะในจังหวะสาวขึ้น
จนแก้วล้มน้ำหกไหลนองหยดจากโต๊ะลงพื้น
กฤษณะหาได้สนใจ เพราะข้างหน้านั่นคือสวรรค์รำไร
เขาสูดลมเข้าปากแล้วค่อย ๆ พ่นออกเป็นจังหวะ
นัยน์ตายังคงจับจ้องที่จอมอนิเตอร์ไม่กะพริบ
ความเมื่อยและความมัน ผสานกันจนในที่สุดก้อนเจลลาตินใสก็ทะลักไหล
โอ้ว! ในที่สุด โลกใหม่ก็ปรากฏแจ่มชัดอย่างง่ายดายด้วยน้ำมือของเขา
กฤษณะหลับตาพริ้ม... กระดกสะเอวร่อนไปมาซ้ายขวา
อนิจจา! เขาหารู้ไม่ว่า ยังมีอีกโลกหนึ่งรออยู่ข้างหน้าซ้อนทับโลกใหม่ของเขาอยู่อีกชั้น
เจ้าหยดเจลลาตินใสพุ่งไหลใส่หน้าขาที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ไหลย้อยหยดลงปนกับเจ้าหยดน้ำบนฝาเครื่องสำรองไฟ ใต้ขาของเขา
เนื่องจากเจ้าก้อนเจลลาตินใสมีความหนาแน่นต่างจากน้ำ
มันจึงกึ่งลอยกึ่งกลิ้งไปที่ขอบของเครื่องสำรองไฟฟ้า
ทันใดนั้นมันก็หยดแหมะลงตรงร่องปลั๊กสีดำช่องอินพุท เกิดเป็นประกายไฟสีแดงจ้า
พรื่บ! ควันสีขาวคละคลุ้งไปทั่วห้องที่มืดสนิท ห้องพลันเงียบกริบไร้เสียงเพลง
ผิวหนังดำแดงของกฤษณะแปรสภาพเป็นดำปี๋ด้วยกระแสไฟฟ้าขนาด 220 โวลต์
ที่ไหลผ่านซ่านไปทั่วร่างโดยสื่อไฟฟ้าชั้นดีที่เรียกว่าเหงื่อ
แหง็ก!
กฤษณะไม่มีโอกาสลุกหนีจากความตาย เพราะขาของเขาพันธนาการไว้ด้วยกางเกงทั้ง 2 ตัว
เขาดิ้นทุรนทุรายและกระตุก 2 ที ก่อนจะแน่นิ่ง
อนิจจา! แม้จะสิ้นชีวา มือขวาก็ยังคงกำท่อนพันธุกรรมไว้แน่นปานฟางเส้นสุดท้าย
ที่ไขว่คว้าได้ในโลกนี้
...
(มีต่อ)
จากคุณ :
{``-_-}{-``-}{-_-``}
- [
8 ก.ย. 47 00:46:11
]