พวกเสี่ยวซาสามพี่น้องนำพาหลี่ซังซังเข้าพักแรมในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งนัยว่าเป็นบ้านที่เสี่ยวโกยจัดไว้สำหรับเวลามาที่หยางโจว
เสี่ยวโกยเล่าให้ทั้งหมดฟังว่าสาเหตุที่ทุกคนไม่พักโรงเตี๊ยมในเมือง เนื่องเพราะโรงเตี๊ยมเหล่านั้นล้วนเป็นของฉิกจับอิด หากต้องการหลีกเลี่ยงจากสายตาของพวกฉิกจับอิด ได้แต่พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเช่นนี้
กล่าวถึงตรงนี้เสี่ยวโกยอดมิได้ที่จะหันไปมองหลี่ซังซัง ทว่าที่พบเห็นเพียงเส้นผมที่ดกดำราวขนกาน้ำของนาง เนื่องเพราะเด็กสาวก้มหน้าลงไม่กล่าวอันใด เสี่ยวซาเห็นพี่สามมองเด็กสาวเช่นนั้นรีบกล่าวว่า
"พี่สาม เวลานี้ ซังเอ๋อ มิใช่คนของฉิกจับอิดแล้ว นางกับหลี่เฉินเชียงตัดขาดกันแล้ว"
ฟาหลินซีและเสี่ยวโกยรับฟังด้วยความสงสัย เสี่ยวโกยถึงกับดวงตาเบิกกว้างด้วยความสงสัย ส่งผลให้ดวงตาที่โปนโตอยู่แล้วของมันยิ่งโปนโตมากยิ่งขึ้น ทว่ามิกล้าซักถามมากความ ส่วนหลี่ซังซังรู้สึกถึงบรรยากาศอันกระอักกระอ่วน ในที่สุดอ้างว่าดึกดื่นแล้ว ขอตัวไปพักผ่อน ทั้งที่ความจริงพึ่งจะหัวค่ำ
หลังจากเด็กสาวออกจากห้องไป เสี่ยวซาจึงบอกกับพี่ชายทั้งสองว่า
"พี่ใหญ่ พี่สาม เรื่องของซังเอ๋อ กับ ฉิกจับอิด นั้นยืดยาวยิ่งนัก อีกทั้งไม่สะดวกกับการกล่าวออกมา หวังว่าพวกท่านคงเข้าใจ"
เสี่ยวโกยขยับปากเหมือนอยากจะพูดอะไร ทว่าฟาหลินซียกมือห้าม พลางยิ้มกว้างเอ่ยขึ้นว่า
"น้องสี่ พวกเราเมื่อเป็นพี่น้องกัน เจ้ารู้สึกเช่นไรกับนางมีหรือที่พี่ใหญ่จะดูไม่ออก เจ้าเมื่อกล่าวเช่นนี้ พวกเราก็จะไม่ถามอีก ฮา ฮา ใบหน้าของเจ้าไฉนแดงดุจผลของลูกท้อ"
ที่แท้เสี่ยวซาอับอายจนใบหน้าแดงซ่าน
"พี่ใหญ่ พี่สาม เหตุใดจึงมาที่นี่? พวกท่านมิใช่ติดตามเรื่องคนที่ป่วยเป็นโรค "ผีตายซาก" อยู่หรอกหรือ?" เด็กหนุ่มรีบเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน
ฟาหลินซีและเสี่ยวโกยเปลี่ยนเป็นใบหน้าเคร่งเครียด ถอนใจออกมา
"เดิมทีพวกเราติดตามเรื่องนั้นอยู่ ทว่า เวลานี้มิอาจไม่มายังที่นี่!!"
"เพราะเหตุใด?" เด็กหนุ่มรีบถาม
"หอห้ากระบี่ภายใต้การนำของจื่ออิงเปิดศึกกับฉิกจับอิดแล้ว!!!" เสี่ยวโกยตอบ
"พวกท่านว่ากระไร?!!"
"จื่ออิงนำกำลังชาวยุทธนับพัน บุกโจมตีสาขาใหญ่พรรคฉิกจับอิดเมืองหยางโจว อ้างว่าเพื่อแก้แค้นแทนเหล่าชาวยุทธที่เสียชีวิตที่เชิงเขาบู๊ตึ๊ง!" ฟาหลินซีกล่าวขึ้น จากนั้นนิ่งไปนิดหนึ่ง จึงกล่าวต่อ
"เวลานี้คิดว่ากำลังชุดแรก ประกอบด้วยสำนักกระบี่ดาว และหอมรกต คงเดินทางมาถึงที่นี่แล้ว!"
"ดังนั้นพวกเราสองคนเป็นห่วงพี่ฮั่น จึงรีบเดินทางติดตามมา ก็มาพบกับเจ้าและซังเอ๋อนี่แหละ" เสี่ยวโกยกล่าวเสริม
เสี่ยวซานึกถึงตอนที่หลวงจีนกระต่ายน้อย หัวหลินไต้ซือได้รับนกพิราบสื่อสาร จากนั้นท่านก็มีสีหน้ายุ่งยากใจ บอกให้ตนเองรีบพาหลี่ซังซังจากมา
ที่แท้เป็นเพราะสาเหตุนี้เอง!!!!
..............
.............................
ยามวิกาลมืดมิด จะมีก็เพียงแสงเดือนดารา
เวลามืดค่ำ ชาวบ้านร้านตลาดต่างหลบเข้าสู่ที่พัก เพื่อพักผ่อนอดออมกำลังไว้ดิ้นรนต่อสู้ต่อไปในวันรุ่งขึ้น ทว่ายังมีกลุ่มคนหลายร้อยคนมิสนใจว่าจะมืดค่ำเพียงไร พวกมันแบ่งกำลังเป็นสองส่วนพากันลัดเลาะดั้นด้นไปตามชายป่าเลียบทะเลสาบไป๋หม่าอย่างเงียบเชียบภายใต้การนำของบุรุษวัยกลางคนสองคน หนึ่งชุดสีทอง หนึ่งชุดสีเขียวมรกต
"เรียนเจ้าสำนัก พวกเราส่งคนล่วงหน้าไปดูลาดเลาก่อนหลายสิบคน คิดว่าภายในหนึ่งชั่วยามคงสามารถกลับมาแจ้งข่าว" บุรุษหนุ่มสวมใส่ชุดสีเหลืองผู้หนึ่งกล่าวเรียนต่อบุรุษชุดทองผู้นั้น
"พี่หลง! พวกเรารอจนกองหน้ากลับมารายงาน จากนั้นค่อยร่วมกันวางแผนปฏิบัติการดีหรือไม่?" คนชุดทองกล่าวพลางหันไปปรึกษากับชายกลางคนชุดเขียวมรกต
ชายชุดเขียวมรกตพยักหน้าเป็นเชิงรับคำ กล่าวว่า
"ตามแต่พี่เอี๊ยบ เห็นสมควรเถิด ข้าพเจ้าเพียงต้องการเข่นฆ่าพวกฉิกจับอิด ล้างแค้นให้สมใจเท่านั้น" มันกล่าวพลางใช้สายตาที่คมวาวราวประกายดาบ จ้องมองไปในความมืดเบื้องหน้า
ที่แท้พวกมันคือกองกำลังชุดแรกของหอห้ากระบี่ สำนักกระบี่ดาว และหอมรกต ซึ่งนำโดย เอี๊ยบแชเจ้าสำนักกระบี่ดาว และหลงซิง เจ้าหอมรกตนั่นเอง!!!
.............
.........................
อีกด้านหนึ่งของทะเลสาบไป๋หม่า กลุ่มคนหลายร้อยคนกำลังซุ่มอยู่ด้วยอาวุธครบมือ พร้อมที่จะลงมือจู่โจมได้ตลอดเวลา
"พี่ซุน เป็นเช่นไรบ้าง?" เสียงหนึ่งดังขึ้น พร้อมๆ กับการปรากฏกายของบุรุษผู้หนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าเล็กเรียว ร่างกายล่ำสัน ดวงตาทั้งคู่ปราดเปรียว กลอกกลิ้งไปมา ดูท่าเป็นคนเฉลียวฉลาดผู้หนึ่ง มือข้างหนึ่งของมันโผล่พ้นชายเสื้อออกมา มองเห็นนิ้วมือของมันเรียวยาวและมั่นคง ปลายเล็บทุกนิ้วตัดเล็มขัดถูอย่างเรียบร้อย ทว่ามืออีกข้างกลับซุกซ่อนอยู่ในแขนเสื้อยาว จนทำให้มิสามารถมองเห็นได้
เขาคือหัตถ์เทพบัญชา ซิเหวินคังนั่นเอง!
ถ้าเช่นนั้นคนแซ่ซุนก็ย่อมเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก รั่วซุนจื่อจิง(คัมภีร์เป็นซุนจื่อ) ซุนหยาง!
"เหวินคัง พวกเราสองคนมิได้ร่วมกรำศึกด้วยกันมานานเท่าไรแล้ว?" ซุนหยางมิเพียงไม่ตอบคำถามอีกฝ่าย กลับถามไปเรื่องอื่น
ซิเหวินคังทำท่าขบคิดชั่วครู่ ตอบว่า
"ถ้านับที่เป็นศึกใหญ่จริงๆ สิบสามปีเต็ม!"
"สิบสามปี... สิบสามปี เป็นเวลาที่ไม่น้อยจริงๆ" จากนั้นกล่าวต่อว่า
"ครั้งที่แล้วเราใช้แผนอัคคีเผาผลาญ จู่โจมทำลายกองกำลังข้าศึกนับพัน ตัวท่านอาศัยการทดกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก กลับจู่โจมคร่าชีวิตผู้คนนับพันเช่นกัน ทว่าท้ายที่สุด เรายังสามารถสังหารฝ่ายตรงข้ามมากกว่าท่านอยู่หลายร้อยคน ครั้งนั้นท่านกลับอ้างว่าเราใช้อัคคี พลังในการทำลายล้างสูง การเตรียมการก็สะดวกง่ายดายกว่า ดังนั้นจึงมีชัยเหนือท่าน ถึงท่านแพ้ก็มิยอมรับแก่ใจใช่หรือไม่? ครั้งนี้เราให้โอกาสแก้ตัว ท่านใช้อัคคีจู่โจม ดูว่าผู้ใดร้ายกาจกว่ากัน!" รั่วซุนจื่อจิงกล่าวพลางจ้องมองหน้าของอีกฝ่าย
"ฮา ฮา เรื่องสิบสามปีมาแล้ว พี่ซุนยังมิลืมเลือน เป็นอันว่าตกลง! ครั้งนี้ผู้น้องขอน้อมรับข้อเสนอของพี่ท่าน เราสองคนทดสอบฝีมือกันอีกครา ดูว่าผู้ใดเหนือกว่ากัน หากผู้น้องพ่ายแพ้อีก ครานี้คงไม่กล้าบ่ายเบี่ยงแล้ว"
ทั้งสองคนตบมือเป็นสัญญาต่อกัน จากนั้นซิเหวินคังนำกำลังกึ่งหนึ่งแยกย้ายจากไป ก่อนไปมันหันกลับมากล่าวว่า
"ผู้น้องนำคนไปตั้งค่ายที่ปากทางเข้า ริมทะเลสาบ ท่านก็คอยประสานเสริมแล้วกัน" กล่าวจบเดินจากไป
ซุนหยางรับฟังคำพูดอีกฝ่าย ในที่สุดยิ้มออกมา พลางคิด "ผู้แซ่ซิผู้นี้ แม้นมีนิสัยดื้อรั้น มิยอมรับความพ่ายแพ้ แต่แท้จริงก็ยอมรับในฝีมือเราอยู่ ไม่เช่นนั้นคงไม่แจ้งต่อเราว่าจะตั้งค่ายอยู่ปากทางเข้า ฮา ฮา"
จากนั้นหันไปสั่งการให้ผู้คนในสังกัดเตรียมพร้อม มุ่งหน้าไปยังต้นน้ำ ด้านปากทางเข้า
.............
.......................
"เรียนเจ้าสำนักเอี๊ยบ หัวหน้าหลง ข้าพเจ้าและพี่น้องหลายคนทำการลัดเลาะไปตามริมทะเลสาบประมาณ 20 ลี้ พบว่าด้านหน้านอกจากป่าโปร่ง แล้วยังมีหุบเขาอยู่แห่งหนึ่ง หากมิล่องเรือเข้าไปทางทะเลสาบ มีแต่ต้องผ่านช่องเขาแห่งนั้น ทว่า.."
"มีอันใด ยังมิบอกออกมา!!" เอี๊ยบแชตวาด
"ที่นั่นมีค่ายของพวกฉิกจับอิดตั้งขวางทางอยู่ หากมิถล่มค่ายนั้นให้สิ้นซาก น่ากลัวพวกเราคงมิสามารถเหยียบย่างเข้าสำนักใหญ่พวกมัน!!"
"อืม พี่หลงท่านว่าอย่างไร?" เอี๊ยบแชหันไปขอคำปรึกษาจากหลงซิง
หลงซิงนิ่งขรึมชั่วครู่ จึงกล่าวว่า
"เช่นนี้เถอะ พี่เอี๊ยบ ท่านนำกำลังศิษย์ในสำนักตัดต้นไม้ทำแพ ล่องไปตามลำน้ำที่แยกจากทะเลสาบไป๋หม่า เข้าจู่โจมค่ายนั้นจากด้านข้าง ส่วนข้าพเจ้าจะนำกำลังของหอมรกตเรา ทั้งสองร้อยคน! อ้อมชายป่าเข้าจู่โจมจากอีกทาง เมื่อเห็นพลุสัญญาณให้ลงมือพร้อมกัน ดีหรือไม่?"
เอี๊ยบแชนิ่งตรองตามแผนการณ์ ทันใดนั้นสายสืบคนดังกล่าวร่ำร้องขึ้น
"ทำไม่ได้ ทำไม่ได้"
"เหตุใดทำไม่ได้?" เอี๊ยบแชที่คิ้วขมวดมุ่นถามอีกฝ่าย
สายสืบผู้นั้นมีสีหน้าหวาดหวั่นเล็กน้อย เมื่อรู้ตัวว่ามิสมควรกล่าวคำพูดนั้นออกมา รีบกล่าวว่า
"มิใช่แผนของหัวหน้าหลงมิได้การ เพียงแต่สภาพแวดล้อมออกจะแตกต่างไปสักนิด" มันกล่าวเสียงเบา
"ต่างไป ต่างเช่นไร?" หลงซิงรีบถาม
"แม่น้ำน้อยแห่งนั้น มีน้ำอยู่น้อยนิด สูงแค่ไม่เกินศอก มิว่าเรือแพใดใด มิสามารถล่องไปตามลำน้ำได้!"
"อืมม นี่คงเป็นแผนการรับมือของพวกมัน มิให้พวกเราสามารถล่องไปตามลำน้ำเข้าสู่ที่ตั้งของพวกมันได้โดยตรง ถ้าเช่นนั้นพี่เอี๊ยบ ท่านก็เพียงแค่เปลี่ยนเป็นนำกำลังลัดเลาะเลียบไปตามลำน้ำ ส่วนแผนการยังสามารถคงเดิม ท่านเห็นว่าเป็นอย่างไร?" หลงซิงอธิบายแผนการต่ออีกฝ่าย
เอี๊ยบแชนิ่งคิด จากนั้นผงกศีรษะ
"ตกลง!"
ทั้งสองแยกย้ายกันนำกำลังออกปฏิบัติการ ในค่ำคืนอันเงียบสงบ มีเพียงแสงเดือนดารา การปะทะกันครั้งแรกโดยเปิดเผยระหว่างขุมกำลังของ "หอห้ากระบี่" และ "ฉิกจับอิด" กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว!!!
จากคุณ :
ทีมแต่งนิยาย
- [
9 ก.ย. 47 17:11:51
]