ความคิดเห็นที่ 1 ๒. ลำแสงแรกแทรกฝ่าอุษาสาง กล่อมเลือนรางมืดมนให้วนกลับ เพื่อปลดปล่อยฟ้าครามให้ตามรับ รอลำดับโชติช่วงแห่งดวงไฟ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 47 12:01:27 แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 47 12:40:59 จากคุณ : สดายุ... - [ 13 ก.ย. 47 13:29:44 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ๓. ปรากฏความแดงเรื่อขึ้นเหนือที่ จับเหลื่อมริ้วเมฆีแต้มสีใส่ อรุณรุ่งพลุ่งแสงจึงแจ้งไกล และผลักใจต้องแสงให้แจ้งจาร แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 47 12:01:54 แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 47 12:42:01 จากคุณ : สดายุ... - [ 13 ก.ย. 47 13:31:11 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ๔. ปรากฏนั้นงดงามทุกยามเห็น เป็นภาพความโดดเด่นเกินเร้นผ่าน รอยต่อของช่วงภพเมื่อพบพาน บอกช่วงกาลยิ่งใหญ่ตราให้จำ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 47 12:33:15 แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 47 12:43:02 จากคุณ : สดายุ... - [ 13 ก.ย. 47 13:32:13 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ๕. และแล้วทั้งมณฑลก็พ้นเปลี่ยน สู่กระแสเวียนดับของสรรพส่ำ โล้คลื่นทุกข์โลมหลากความตรากตรำ ลอยพลิกคว่ำพลิกหงายกับสายเกลียว แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 47 12:33:46 แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 47 12:43:43 จากคุณ : สดายุ... - [ 13 ก.ย. 47 13:33:19 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ๖. สะท้านกลางคลื่นโถมที่โหมผ่าน แตะวิญญาณตื่นรับการขับเคี่ยว ลูบเล็มความเค็ม-คาวอยู่กราวเกรียว ลิ่วกับความกราดเกรี้ยวที่เชี่ยวล้น แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 47 12:34:22 แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 47 12:47:33 จากคุณ : สดายุ... - [ 13 ก.ย. 47 13:34:15 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ๗. สะท้อนผืนเกล็ดแก้วอยู่แวววับ แสงทอดทอรอขับความอับหม่น เกินช่วงกาลจักยืดความมืดมน เมื่อช่วงชนม์ภาคไฟเริ่มใยยอง แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 47 12:34:48 แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 47 13:00:25 จากคุณ : สดายุ... - [ 13 ก.ย. 47 13:35:26 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ๘. ชั่วเพียงตะวันเปล่งแสงเร่งเร้า หยาดงามเงาก็ถึงวายสลายล่อง น้อยนักจะหาญเปลื้องความเรืองรอง เหลือแต่ต้องน้อมรับระยับนั้น แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 47 12:35:53 จากคุณ : สดายุ... - [ 13 ก.ย. 47 13:36:32 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ๙. ฤทธิ์เดชยามพาดผ่านหอมหวานนัก หมื่นแสนล้านอุปสรรคหรือจักหวั่น กับอำนาจที่คอยหนีบคอยบีบคั้น ไพศาลรังสีสั่นหรือทันเทียม แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 47 12:36:25 จากคุณ : สดายุ... - [ 13 ก.ย. 47 13:37:34 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ๑๐. ชีพในโลกถึงแม้นว่าแสนสั้น แต่นานพอโมหันต์จะทันเสี้ยม ไร้เย็นแลสะท้อนแต่ร้อนเกรียม ทั้งหาญเหี้ยมเปี่ยมพลังเกินรั้งลง แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 47 12:37:24 จากคุณ : สดายุ... - [ 13 ก.ย. 47 13:38:13 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ๑๑. ระหว่างทิวาอันตะวันล่อง แทรกผ่านความเรืองรองที่ส่องส่ง คือผัสสะเนื่องนำเป็นจำนง ตั้งดำรงเป็นถวิลแทรกวิญญาณ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 47 12:38:12 จากคุณ : สดายุ... - [ 13 ก.ย. 47 13:54:12 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ๑๒. ความหลงเลื่อนเยือนสลับสุดนับถ้วน กระแสความเรรวนที่ป่วนผลาญ คลื่นระลอกความทดท้อทรมาน นั้นเนิ่นนานแนบอยู่ไม่รู้จาง แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 47 12:38:39 จากคุณ : สดายุ... - [ 13 ก.ย. 47 14:15:43 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ๑๓. หม่นม่านหมอกต้องสำแดงด้วยแสงส่อง จึงใสผ่องรองรับอยู่กับสาง หากห้วงจิตล้าเลื่อนอยู่เลือนราง จะฝ่าขวางล่วงไปอย่างกัน แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 47 12:39:12 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 47 09:12:19 จากคุณ : สดายุ... - [ 13 ก.ย. 47 14:34:59 ]

ความคิดเห็นที่ 13 รูปสวยจังค่ะ ไว้จะเอามาอวดบ้างนะคะ วันนี้ขอบายไม่ริอาจแต่งกลอนเทียบค่ะ จากคุณ : รวยระรินกลิ่นชา - [ 13 ก.ย. 47 14:35:53 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ๑๔. ถวิลจักจำรัสด้วยรัศมี เฉกสุรีย์เปล่งกล้าเกินกว่ากั้น เผามารในห้วงอกให้ตกทัณฑ์ และเผาทิพย์ในฝั่งฝันให้บรรลัย ๑๕. ละอองเมฆเสกม่านบันดาลหม่น ยังอาจป่นแสงระยับหยุดขับไข ฤทธิ์เดชแม้นแกร่งเกรียงสักเพียงใด คงยากใช่เยี่ยมยอดตลอดกาล แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 47 12:41:44 จากคุณ : สดายุ... - [ 13 ก.ย. 47 14:53:04 ]

ความคิดเห็นที่ 15 หวัดดี....รวยระรินกลิ่นชา แต่งมาเหอะ.... ผมเขียนนี่...ก็ไม่ได้ดีเด่อะไร...อย่ากังวลเลย อ่านได้ทั้งนั้นแหละ รูปสวยๆก็เอามาลงสิ....อย่าให้เมมโมรี่มากเกินไปหละ เดี๋ยวถูกเก็บไว้ใน...attach file...ไม่โชว์ในกระทู้ จากคุณ : สดายุ... - [ 13 ก.ย. 47 17:04:08 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ฮั่นแน่...คุณสดายุท่าจะว่างแล้ว วางกลอนทีเดียวเป็นพวงเลยอ่ะค่ะ รูปสวย กลอนเพราะ งดงาม เฉยไม่ได้แล้วค่ะ ขอคิดสักครู่นะคะ เดี๋ยวมาใหม่ค่ะ จากคุณ : ตะวัน - [ 13 ก.ย. 47 17:26:29 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คำยอด ภาพเยี่ยม และสวย จากคุณ : Psycho man - [ 13 ก.ย. 47 18:52:05 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ลองแต่งแต้มเติมสีสันวันสดใส กลบรอยใจเจือหม่นยามคนหมอง แลลิบลิ่วริ้วเรื่อตาฟ้าสีทอง แล้วครรลองแห่งไฟฝันพลันร่ายรำ... สวัสดีค่ะพี่ยุ  กลอนเพราะภาพสวย  ชวนชมชวนเขียนจริง ๆ จากคุณ : ศาลาไทย (salathai) - [ 13 ก.ย. 47 19:44:17 ]

ความคิดเห็นที่ 19 วันล่วงคืนแล้วล่วงอีกช่วงวัน เป็นเดือนผันเคลื่อนที่แล้วปีเปลี่ยน โลกผ่านการรับแสงล้านแรงเทียน และล้านน็อตแรงเฆี่ยนกระแสลม เป็นโลกที่กร่อนกะเทาะอยู่ทุกเมื่อ ล้านริกเตอร์ยวบเนื้อโลกขย่ม คลื่นที่กราวเกรียวด้วยเกลียวคม ก็ข่มเขี้ยวคลื่นลงผืนทราย โลกกระเทาะเช่นนี้ - ล้านปีมา ทั้งห่าฝนสานล้านล้านสาย เราเกิดแก่เจ็บตรมแล้วล้มตาย ก็อยู่ภายใต้กฏของโลกนี้! จากคุณ : หมี่เป็ด ไอ้รูปหล่อมะลิเอ้ย-- - [ 13 ก.ย. 47 22:25:27 A:203.172.90.51 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 ทั้งภาพทั้งภาษา... ตัดสินใจไม่ได้เลยค่ะว่าอันไหนสวยกว่ากัน @^_____^@ จากคุณ : p_jung - [ 13 ก.ย. 47 22:28:58 A:210.246.68.152 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 Tonight........ Give me a whisper And give me a sigh Give me a kiss before You tell me goodbye And please remember that I never lied Nothing last forever And We both know hearts can change But lovers always come and lovers always go... จากคุณ : หัวใจสีม่วง - [ 13 ก.ย. 47 23:24:53 ]

ความคิดเห็นที่ 22 "สวย" ทั้งภาพและกลอนค่ะ.. สวยจริงๆ..^^ จากคุณ : กุ๊กๆ - [ 14 ก.ย. 47 02:37:04 ]

ความคิดเห็นที่ 23 บท 13-14 สะใจที่สุดค่ะ... เหมือนวิ่งถึงหน้าผาแล้วกระโดดทิ้งตัวลงล่าง งานนี้ตีตั๋วฟรีอ่านตลอด ^__^ จากคุณ : ไกลถิ่น - [ 14 ก.ย. 47 04:10:55 A:24.0.29.222 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 #16 คุณตะวันครับ พอดีเขียนไว้สักพักแล้วครับ....วกไปเวียนมา อ่านแล้วเหมือนคนลมปราณติดขัดอย่างไรอยู่....ฮิๆๆ ผมเคยคิดจะว่าเป็นโคลงสี่ฯ....คือบทละภาพ ให้ต่อเนื่องและสื่อความกับภาพได้ตรงกัน แต่หารูปลำบากครับ.... นี่ก็ฉกรูปจาก....www.webshots.com...เขามาเพราะ เมมโมรี่น้อยดี....10-20กว่าเอง มันเลยโผล่ทุกภาพ หากว่ารูปกลอนดีขึ้น....คงเพราะเรียนรู้จากคุณตะวัน บางส่วนแหละครับ จากคุณ : สดายุ... - [ 14 ก.ย. 47 07:35:43 ]

ความคิดเห็นที่ 25 #17 สวัสดีครับคุณ จี หายไปหลายเพลา....อาจารย์จี...ไม่คิดถึงลูกศิษย์สาวๆบ้างเลยเหรอ....ฮิๆๆ จากคุณ : สดายุ... - [ 14 ก.ย. 47 07:37:22 ]

ความคิดเห็นที่ 26 #18 สวัสดีครับน้องศาลาไทย อิๆ...ได้รูปจากที่เดียวกันเลย ๐ แฉกประกายพรายสีรวีส่อง ผสานต้องผ่องทุกข์เป็นสุขสม จรัสนั้นคั้นวิจิตรให้พิศชม จึงจ่อมจมงามภาคไม่จากจาง ๐ หอมหอม..รินรินรื่น..ชื่นนาสา กุสุมาสอดกลิ่นแต่สิ้นสาง ชะลอลงผจงมั่นห้อมสรรพางค์ พร้อมน้ำค้างหยาดให้ห้วงใจซึม จากคุณ : สดายุ... - [ 14 ก.ย. 47 07:46:05 ]

ความคิดเห็นที่ 27 #19 คุณหมี่เป็ด รูปหล่อ กลอนคุณใช้คำถูกใจจริง.... เคยตามไปอ่านตามที่ที่น้องซอมพอแดงแนะนำ... ชอบอยู่หลายชิ้นครับ โดยเฉพาะชิ้นที่.."ชม"...ใครสักคนที่กำลังมีอำนาจในบ้านเมือง...ฮิๆๆ....อ่านแล้วได้อารมณ์ ผมเป็นแฟน...ตั้งแต่ที่มีคนโขมยเอามาโพสต์นั่นแหละ เขียนดีจริง.... ขอคารวะหนึ่งถ้วย...คาปุชชิโน...ครับ... ฮิๆๆ จากคุณ : สดายุ... - [ 14 ก.ย. 47 07:53:33 ]

ความคิดเห็นที่ 28 #20 คุณ p_jung อย่าไปตัดสินเลยครับ...อิๆๆ เรื่องนานาจิตตัง....ชอบกันก็แวะมาบ่อยๆครับ จากคุณ : สดายุ... - [ 14 ก.ย. 47 07:55:33 ]

ความคิดเห็นที่ 29 #21 คุณหัวใจสีม่วงครับ ชอบสองบรรทัดสุดท้ายครับ แม้ผมจะไม่ค่อยสันทัดภาษาอังกฤษสักเท่าไร แต่รู้สึกได้ว่าการสื่อของฝรั่ง...มักสื่อให้แง่คิด ลึกซึ้งเสมอ เขียนเป็นไทยบ้างสิครับ จากคุณ : สดายุ... - [ 14 ก.ย. 47 07:58:33 ]

ความคิดเห็นที่ 30 #22 สวัสดีครับกุ๊กๆ แหมมาสั้นจัง คุณลองอ่านกลอน... คุณหมี่เป็ด... คุณตะวัน... คุณคัมภีร์โบราณ... ดู...แล้วจะรู้ว่าผมยังต้องฝึกอีกนาน... อิๆๆ จากคุณ : สดายุ... - [ 14 ก.ย. 47 08:02:15 ]

ความคิดเห็นที่ 31 #23 น้องสาวคนไกล.. เฮ้อ...เอาเปรียบ...! อ่านอย่างเดียวได้ไง ตัวเองก็เขียนได้...และเขียนดีด้วย รออ่าน..!...อย่าช้าหละ..! อิๆๆ จากคุณ : สดายุ... - [ 14 ก.ย. 47 08:04:46 ]

ความคิดเห็นที่ 32 แวะมาอรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ยุ  ศาลาไทยชอบเว็บนี้ค่ะ  สมัครเป็นสมาชิกด้วยล่ะ งามนักแพรสีเพลิงชวนเริงหลง อยู่ในดงแดงแสดกลางแดดใส เพียงพรายพริบวิบวับจับหัวใจ ราวแรงไฟรอนสุมมารุมทรวง งานเยอะเหมือนเคย  เห็นกระทู้กลอนแล้วอดไม่ได้  ยิ่งมีภาพสวย ๆ ยิ่งอยากเขียนด้วย จากคุณ : ศาลาไทย (salathai) - [ 14 ก.ย. 47 09:25:46 ]

ความคิดเห็นที่ 35 สวัสดีค่ะท่านเจ้าบ้านและทุกท่าน... ขอวางกลอนอะไรไม่รู้มั่งนะคะ  แอบอ่านอย่างเดียว เดี๋ยวพี่สดาฯ จะไม่รัก ฮิ ๆ... โลกหมุนวน คนหมุนเวียน โลกหมุนไม่แปรเปลี่ยน แต่คนเวียนเปลี่ยนทุกกาล เกิดแก่เจ็บตาย วนว่ายวัฎฎะสงสาร พรุ่งนี้ วันนี้ เมื่อวาน เคลื่อนผ่านอีกนานเพียงใด เพียงชั่วกระพริบวิบตา จากทารกแล้วชรา-อายุขัย เกิดขึ้นแตกดับตายไป หาใดจีรังยั่งยืน จะเอาอะไรกันนักหนา ต่อสู้ให้ได้มา อย่างครึกครื้น เพียงครู่ก็ลับกลับคืน มีเพียงกองฟืนที่เผากาย โลก..ยังคงหมุนวน ผู้คน..ยังคงเสาะค้นความหมาย และคงเป็นเช่นนี้ ตราบโลกทลาย จนทุกสิ่งสลายไป..ไร้ตัวตน.... ..................... เอ่อ.. พี่สดาฯคะ  พี่หมี่แกรับสมัครแฟนคลับเฉพาะ สาว ๆ อายุไม่เกิน ๒๔ เ่ท่านั้นค่ะ แกเคยสั่งเสียน้องเอาไว้ว่า ถ้าโดนข้อหาพรากผู้เยาว์ ช่วยส่งผัดไทย กับโอเลี้ยงให้ด้วย อิอิ... ปล.  เฮียหมี่!.. ยังขำชื่อไม่หายเลยนะ ตั้งเข้ามาได้ไงเนี่ย แม่มะลิเอ้ยยย.... ฮ่าๆๆๆ... จากคุณ : ซอมฯ - [ 14 ก.ย. 47 10:46:02 A:202.129.2.9 X: ]

ความคิดเห็นที่ 36 ..๏ การทอถักอักษรเป็นกลอนสวย เทียบเคียงด้วยดนตรีมีจังหวะ ทิงทิงทิง..ทิงทิง..ทิงทิงจ๊ะ เท่งเท่งป๊ะ..เท่งเท่ง..บรรเลงกัน ทิงทิงทิง..ทิงทิง..ทิงทิงจ๊ะ เท่งเท่งเท่ง..เท่งป๊ะ..จังหวะผัน แค่สองแบบแยบคายร่ายรำพัน จำให้มั่นให้แม่นเป็นแก่นกลอน จังหวะนำทำนองต้องเคร่งครัด ทุกวรรคจัดใจความเป็นสามท่อน หลังจากที่ฐานแน่นไม่แคลนคลอน ค่อยถึงตอนตรองคำสัมผัสเรียง ๚ะ๛ ไม่มีรูปสวย มีแต่เสียงดนตรีมาประกอบ ได้ บ่ พี่ชาย .. จากคุณ : จังงัง - [ 14 ก.ย. 47 11:33:30 ]

ความคิดเห็นที่ 38 หวัดดีค่ะ พี่สดา ฯ และทุกทั่น  ^_^ ชะแว๊บเข้ามาแอบอ่านก่อน  ยังมะมีกลอนมาแจม ขอแปะโป้งไว้ก่อนเน่อเจ้า  ^_^ จากคุณ : Sunflower (หิ่งห้อยน้อยใจ) - [ 14 ก.ย. 47 11:35:13 ]

ความคิดเห็นที่ 39 #35 น้องซอมพอแดง "แกเคยสั่งเสีย....น้องเอาไว้ว่า"... สั่งเสียเลยเหรอ....แหมคำน้องนี่...หวาดเสียว แช่งพี่แช่งเชื้อ...ฮิๆๆ ฮื่อ...แฟนคลับดูวัยแล้วกำลังดี... ขีดบน24-25....ขีดล่างสัก18-19....จ๊าบ..! อิๆๆ ๑๖. แล้วไยเล่าต้องคอยเลียบคอยเปรียบค่า แลตั้งความปรารถนามหาศาล เกียรติศักดิ์อักโขอันโอฬาร เฝ้าไขว่ควานบนวันที่ผันเวียน แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 47 12:44:28 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 47 11:59:35 จากคุณ : สดายุ... - [ 14 ก.ย. 47 11:39:50 ]

ความคิดเห็นที่ 41 จังงัง... ขอออกความเห็นหน่อย.... ไม่เห็นด้วยกับประโยคข้างล่างนี่หรอกนะ.... "จังหวะนำทำนองต้องเคร่งครัด ทุกวรรคจัดใจความเป็นสามท่อน" ใครๆก็รู้....3-2-3... แต่มันเอียน...เลี่ยน...เบื่อ...เป็นระเบียบเกินไป อาจจะมีคนที่บูชากฎเกณฑ์เป็นสรณะ ในหัวใจ...นั่นแหละที่อาจยึดถือ....ก็ต้องปล่อยแกไป.... แก่แล้ว...ขัดคอกันมาก... เดี๋ยวพานเป็นลมเป็นแล้ง....เอา ฮิๆๆ ๑๗. ต้องกี่ศัพท์นับคั่นนะสรรเสริญ กี่ยอ-เยิน-ยิน-ยลตราบล้นเลี่ยน จึงพอเพียงลดระดับพ้น-อับ -เอียน และพอเปลี่ยนแปรปรับพ้น-อับจน แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 47 12:46:08 จากคุณ : สดายุ... - [ 14 ก.ย. 47 11:53:47 ]

ความคิดเห็นที่ 42 หิ่งห้อย ไม่มีกลอนแค่เห็นชื่อมาก็ชื่นใจแล้ว จากคุณ : สดายุ... - [ 14 ก.ย. 47 11:56:51 ]

ความคิดเห็นที่ 43 #32 น้องศาลาไทย ผมไม่ได้ข้ามหรอกนะ....แต่โพสต์ตอบแล้ว 3-4หน...มันหายวับไปกับตา ตั้งแต่ #33...#34....#37....#40 เลยต้องย้ายกลอนกันอุตลุต มีปัญหาอะไรกันหนอ.... จากคุณ : สดายุ... - [ 14 ก.ย. 47 12:04:12 ]

ความคิดเห็นที่ 44 รูปสวย ขอยืมไปใส่ประดับไดอารี่หน่อยนะครับ จากคุณ : เชษฐภัทร - [ 14 ก.ย. 47 12:04:38 A:161.200.255.161 X: ]

ความคิดเห็นที่ 45 พี่ยุคะ  ระบบของพันทิปตั้งกรองอัตโนมัติไว้  คือโพสต์ได้ แต่ถ้าเกิดบังเอิญไปตรงกับข้อความต้องห้ามเข้า (โดยไม่ตั้งใจ) ระบบจะลบออกไปเองประมาณสองนาทีให้หลังน่ะค่ะ เอ...แอบว่าอะไรศาลาไทยหรือเปล่าน้อ จากคุณ : ศาลาไทย (salathai) - [ 14 ก.ย. 47 12:47:21 ]

ความคิดเห็นที่ 46 #44 เชษฐภัทร เอาไปเลย....ตามบาย.. จากคุณ : สดายุ... - [ 14 ก.ย. 47 12:57:14 ]

ความคิดเห็นที่ 47 #45 ศาลาไทย ไม่มีอะไรเลยแค่พูดถึง..webshots... ว่าผมยังไม่ได้เป็นสมาชิกหรอก.... แต่จัดการ....ด..สระอู...ด...ภาพของเขาเรียบวุธ....อิๆๆ หรือว่าคำนี้มันต้องห้าม..?.! ท่าจะใช่...เนาะ...ช่างเหอะ จากคุณ : สดายุ... - [ 14 ก.ย. 47 13:01:15 ]

ความคิดเห็นที่ 48 มาลงชื่อ เบิ่งรูปงามๆ กับกลอนเพราะๆ อะค้าบ!!! เอิ้ก ๆ ๆ ๆ จากคุณ : บอกอกูรู - [ 14 ก.ย. 47 13:39:56 ]

ความคิดเห็นที่ 49 หวัดดีบอกอ ย้ายที่มากระดานนี้ก็ได้นะ... เขียนได้สารพัดเรื่อง....ไม่เฉพาะการเมืองหรอก คนเยอะกว่าราชดำเนินนา....สาวๆสวยๆทั้งนั้น เชื่อเหอะ....ฮิๆๆ จากคุณ : สดายุ... - [ 14 ก.ย. 47 14:06:42 ]

ความคิดเห็นที่ 50 สวัสดีครับคุณสดายุ ขอวางกลอนตามอารมณ์สักนิด สั้นจุ๊ดจู๋ ข้ออ้างความสั้น อยู่ข้างล่างครับ คนวางคำงำความให้ตามไข สุดแต่ใครตีความว่างามขำ โลกของเราเขาต่างระหว่างคลำ คือเช้าค่ำครอบต่างระหว่างคน ความไม่เหมือนเตือนว่าถ้าตระหนัก จะพบลักษณ์หลายลอยในปอยฝน ที่ถั่งเทเห่โหมโพยมบน ที่เกลื่อนกล่นกล่อมพื้นอย่างรื่นรมย์ ล้วนผสานแทรกสับสลับสร้อย และแบ่งซอยสอดซังการสั่งสม เป็นความงามตามใจควรใคร่ชม มิใช่บ่มจิตหมางเพราะขวางมอง/. .......................................... ไปเจี๊ยะจิ้วก่อนเน้อ ไป 'ยุดยา จะเอาพม่ามาฝาก แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 47 23:52:05 จากคุณ : ราม ลิขิต - [ 14 ก.ย. 47 16:21:37 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ...๏แสงสีเส้นเน้นสายที่ปลายฟ้า เหยียดกายาเยื้องย่างจากกลางหาว งามพลิ้วกรอ่อนลายสาดฉายพราว สายรุ้งวาวราวสรวงสู่ห้วงภูมิ๚ะ๛ ~ เหนื่อยด้วยยากด้วยอะ ~ ../|\...นมัสเต ครับ คุณสดายุ ที่นี่สาวสวยเยอะเหรอฮับ อืม...น่าสนแฮะ อิอิ เหมือนโดน ซื้อตัวเลยเนอะ ดอ สระ อู..ด แถว ราชดำเนินกำลังฮิตครับ เอิ้ก ๆ ๆ ล้อเล่นนะครับ ยังงัยว่างๆ ผมก้อคงต้องมาแวะเวียน เที่ยวเล่นหาเรื่อง ให้คุณ สดายุ ปวดหัวอยุ่แล้วครับ ต่อไปนี้จะมาประจำๆ ละกันครับ ... แต่บอกก่อนนะ ครับ ว่า ชวนหนึ่ง ได้สอง .... เกรงจะปวดสมองยิ่งๆขึ้นนะสิครับ (( เจ้าตัวยังไม่รุ้แอบเอามาขายก่อน )) ปล....ไปขมายรูปมาจากที่เดียวกันเลยอะ !!! จากคุณ : บอกอกูรู - [ 14 ก.ย. 47 16:25:18 ]

ความคิดเห็นที่ 52 #50 สวัสดีครับท่านพี่ ... คนวาง"คำ"งำ"ความ"ให้ตาม"ไข" สุดแต่"ใคร"ตี"ความ"ว่างาม"ขำ" ผมชอบเล่นสัมผัสอักษรตำแหน่ง...3/5/8...แบบนี้นะ รู้สึกว่าคุณคมทวนเคยแสดงไว้ในวรรณวิเคาระห์อะไรนี่แหละ คล้ายๆกลบทนะผมว่า ไปยุด-ยา....พม่าไม่เอาครับ.... ถ้า..สาวๆไม่เกิน24...ล่ะก็...เอา เขาว่าสาวยุดยา...งามไม่เบานะท่านพี่ สมัยทำงาน..มินิแบร์...ไปวนอยู่แถวหัวรอ กินราดหน้ายอดผักเจ้าอร่อย....มองสาวๆไป เพลิน..!.ครับ...ฮี่ๆๆ จากคุณ : สดายุ... - [ 14 ก.ย. 47 16:39:15 ]

ความคิดเห็นที่ 53 #51 บอกอครับ นั่นสินะ...เอ..ชักยังไงอยู่นะ เวลามาก็ต้องจูงไม้จูงมือกันมา เวลาหาย...ก็เกาะแขนหายไปด้วยกัน.... ตามหลังกันต้อยๆ...อย่างนี้ ท่าทาง...หนุ่มอื่นคงหมดลุ้น...ซะละมั๊ง ไปเป็นพี่ชายที่แสนดีให้เขาปลื้มตั้งแต่เมื่อไรล่ะนี่ โดยทฤษฎีแล้ว...ว่ากันว่า(ใครว่าน่ะอย่าไปรู้เลย..อิๆ) เวลาสาวเจ้าชอบ-อยากทำอะไร... แล้วมีสักหนุ่มทำด้วย-ทำได้ดีกว่า-ทำให้เขารู้สึกทึ่ง จากทึ่ง...จะเปลี่ยนเป็นประทับใจ แลจะพัฒนาเป็น...ความจดจ่อ...รอคอย ติดตาม....ในที่สุด ฮิๆๆ.... ว่าเป็นตุเป็นตะเชียว มาอ่านเจอเข้า...เดี๋ยวค้อนตากลับ....อิๆๆ จากคุณ : สดายุ... - [ 14 ก.ย. 47 16:55:17 ]

ความคิดเห็นที่ 54 "จังหวะนำทำนองต้องเคร่งครัด ทุกวรรคจัดใจความเป็นสามท่อน" ลิงตอบได้ซะที่ไหนอ่ะ พี่ชาย .. แหมมมม !! ก็รู้นี่นา จากคุณ : จังงัง - [ 14 ก.ย. 47 17:06:04 ]

ความคิดเห็นที่ 55 Sawaddee ka P' Sdayu #51 ..tricky, cheating and always teasing.. #53...wait and see ka may your theory's not always true!! (don't know whose) By the way, I.. just say something through the wind, I've never had พี่ชายที่แสนดีให้..ปลื้ม ka. Should I ปลื้ม, the one who said แต่บอกก่อนนะ ครับ ว่า ชวนหนึ่ง ได้สอง .... เกรงจะปวดสมองยิ่งๆขึ้นนะสิครับ (( เจ้าตัวยังไม่รุ้แอบเอามาขายก่อน )) ??? I will go home and dying to type in Thai , the most จากคุณ : รำนำ (Poison_Rose) - [ 14 ก.ย. 47 17:53:32 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ...๏แผดเสียงระเบิดเปรี้ยง........กัมปนาท เปลวอัคนีระอุดาษ....................ประทุล้น ไหลนองแผ่นไผทชาด...............ทาทั่ว ท่วมม่านลาวาท้น.....................กวาดสิ้นพงพนาฯ.... Engineer!!..... So u learn this theory from ur faculty , it 's true, right? เจ้าตัวอุทานมาแค่นี้ก่อนจะวางบอมบ์ วิศวะกร นึกว่าจะตายหมู่ ด้วยระเบิดลูกใหญ่ อิอิ!! ผิดคาดแฮะ !! ปล...เหนื่อยแฮะไม่ได้แต่งนานๆเนี่ย !! แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 47 20:58:06 จากคุณ : บอกอกูรู - [ 14 ก.ย. 47 20:56:46 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ยามเย็นแสงแดดร่มลมพัดโบก เหล่าวิหคเหิรละลิ่วลับทิวไม้ เมฆหมอกค่อยคล้อยเคลื่อนเลื่อนลอยไป แสงรำไรส่องลอดพ้นยอดภู     วะวิบวับกระทบส่องต้องผิวน้ำ สีสันงามสดใสคล้ายแพรหรู พลิ้วไหวยามเยื้อย่างของพธู งามน่าดูไม่รู้เบื่อเมื่อยามเย็น     ^__^ จากคุณ : หิ่งห้อยน้อยใจ - [ 15 ก.ย. 47 00:23:37 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ภูน้ำแข็ง... ลอยร่างอย่างสงบ เอียงซบเนิ่นนิ่งอิงน้ำไหล เถิดเปรี้ยงอัสนีซัดที่ใด ยากสะเทื้อนภูไหว... ในเยือกเย็น http://p.webshots.com/ProThumbs/58/43458_wallpaper280.jpg (ไม่มี login วางรูปไม่ได้... ตามลิงก์ไปดูเอาเองนะคะ ^_^") /* ไม่ได้เอาเปรียบ! แค่ไม่อยากให้ปวดลูกตา... เท่านั้นค่ะ! (จี้ใจดำไกลถิ่นนะนี่) จากคุณ : ไกลถิ่น - [ 15 ก.ย. 47 04:19:36 A:24.0.29.222 X: ]

ความคิดเห็นที่ 59 #54 จังงัง ถ้าหากเห็นด้วยกับคำแนะนำใดๆก็ทำไปเหอะ ไม่ได้เสียหายอะไร....ของอย่างนี้...นานาจิตตัง.... เพียงแค่จะบอกว่า.... จะให้คนทั้งโลกคิดเหมือนกัน-คงยาก.... และคนที่"พยายามอยู่"...เกรงจะเหนื่อยเปล่า ปล่อยวางกันมั่งเน้อ.... หัด...มองโลกตามที่เป็นจริง อย่าพยายามมองให้สวยงามเกินเหตุ และอย่ามองให้เลวร้ายเกินไป สาธุ....ฮิๆๆ จากคุณ : สดายุ... - [ 15 ก.ย. 47 07:19:42 ]

ความคิดเห็นที่ 60 #55 มาแล้ว...จริงๆด้วย สวัสดีสาวเจ้า... หลอกให้เราเขียนกลอนให้น้องจุ๋ย.... แล้วหายเข้ากลีบเมฆไปเลยนะ....ในกระทู้คุณมัชฌิมา เปลี่ยนชื่อซะหน่อย ๐ แด่..นางฟ้าเดินดิน ๐ ๐ สุดห้วงนึกคำนึงภาคหนึ่งนั่น คือรูปรอยร่างฝันความมั่นหมาย หยั่งสู้อ้อมอกเปลี่ยวผู้เดียวดาย สอดเป็นพันธะสายคอยว่ายเวียน ๐ คำนึงนั่นเกิดดับเกินนับชาติ กับอาวรณ์หนึ่งนาฏไม่อาจเปลี่ยน อาลัยที่ดับยากเกินพากเพียร เสมือนหนึ่งส่วนเสี้ยนตรึงเจียนตาย ๐ ประพิมพ์ภาพเฉกภู่อันรู้หอม ถวิลล้อมปทุมมาลย์เมื่อบานผาย ออกับกลิ่นเกสรที่ร่อนราย ด้วยไขว่ขวายตฤปหวานสำราญรส ๐ ในขอบเขตลำธารละหานห้วย ลำบากด้วยขวากขวางจะย่างจด เพียรเลียบกลิ่นลมพาไม่ล้าลด ทอนกำสรดอันสร้างด้วยห่างนั้น ๐ หากเหาะได้เหมือนปักษาสดายุ ด้วยน้ำใจโชนคุระอุนั่น จะเหินหักโอบอุ้มปทุมวรรณ ถนอมแนบแอบขวัญนิรันดร ๐ นี่สุดเอื้อมจะเชื่อมชาติให้พาดช่วง ต่อสูงสรวงชั้นลำดับด้วยอัปสร จักโน้มก้านน้อมกิ่งหรือทิ้งกร ก็สุดแต่ความอาทรเจ้าย้อนนำ ๐ ผ่านประกายเนตรวับให้รับรู้ กับซาบซึ้งตรึงอยู่ที่กรูกล้ำ ว่าหยัดแล้วไม่เลือนเสมือนกรรม คอยเนื่องนำเสน่หาให้คาคง ๐ หวังเพียงแววเนตรเจ้าช่วยเร้าแสง ตอบต่อหวานผ่านแต่งเป็นแรงหลง แม้นเพียงน้อยปล่อยยื่นหากยืนยง จะประสงค์อื่นใดคงไม่มี. จากคุณ : สดายุ... - [ 15 ก.ย. 47 07:50:51 ]

ความคิดเห็นที่ 61 #56 บอกอ เอ้า...แจมโคลงหวานๆสักบท ๐ รอนรอนสุริยะอ้อม            อัสดง โรยรัตตะภาคผจง                จูบฟ้า แก่ก่ำดุจแก้มอนงค์              อุธัจลูบ  โลมแม่ แลหวั่นไหวฤๅว้า                 หวั่นชม้อยเรียมหรือ ๐ แลจันทร์ดั้นมืดด้วย           ดาริกา เผยสุระภพอาภา                 ผ่องแผ้ว สุวภาคสุวลักขณา                เนาเนตร เผยแม่ เผยเพื่อพิมพภาพแพร้ว         ผ่านให้คะนึงหา ๐ รวยรินระหว่างเวิ้ง              วิญญาณ เฟื้อยฝ่าสุบินธาร                  เที่ยวค้น ละอองทิพย์เอ่อผสาน           ซอนอก พี่แม่ คลื่นถวิลหลากเชี่ยวล้น          ลากคว้างกลางกระแส   ๐ ลออหอมละล่องเลี้ยว           ชโลมลน ตรึกแต่สร้อยเสาวคนธ์            คลับคล้าย สร้อยศรีกมลาศพิมล              เสมอฝ่า  ฝันพี่ กรึงกลิ่นละเมียดละม้าย          แม่แม้นพันธนา. แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 47 10:23:37 จากคุณ : สดายุ... - [ 15 ก.ย. 47 07:57:06 ]

ความคิดเห็นที่ 62 รูปถ่ายสูงไปนิด เห็นไม่ชัด แต่พอลุ้นได้ว่า ... ภูเขา จริงๆ 555 จากคุณ : จังงัง - [ 15 ก.ย. 47 07:57:47 ]

ความคิดเห็นที่ 63 #57 น้องหิ่งห้อย ๐ ขวัญเอยขวัญเคว้งคว้างอยู่กลางเปลี่ยว ใต้เหลื่อมฟ้าจันทร์เดียวโดดเดี่ยวเหลือ แอบม่านหมอกขาวขุ่นที่จุนเจือ เหมือนโอบเอื้ออาลัยอย่าให้วาย รอเถิดรอตะวันรุ่งขึ้นพลุ่งฟ้า จะทาบทาโรจน์รุจีรังสีสาย เพื่อมรรคาซ่อนเร้นจักเห็นปลาย และเพื่อหมายในขวัญจะพันธนา. จากคุณ : สดายุ... - [ 15 ก.ย. 47 08:07:33 ]

ความคิดเห็นที่ 64 #58 น้องไกลถิ่น หากมีคำใดสร้างความขุ่นเคืองใจ โดยมิเจตนา...ขอให้อภัยด้วยเถิดหนา ภูน้ำแข็งจะร่วงจมถล่มพื้น คงเพราะคลื่นร้อนเร่าย้อนเข้าหา กับเยียบเย็นในอกที่ปกคา เพียงสายตาเชื่อมสู่ย่อมรู้ร้อน อสนีวาดสายทักทายเสียง ปล่อยรุ้งเรียงสะเทือนสั่นไม่ผันผ่อน สะท้านผ่านแววตาความอาวรณ์ นั้นสะท้อนสำหรับให้รับรู้. จากคุณ : สดายุ... - [ 15 ก.ย. 47 11:16:42 ]

ความคิดเห็นที่ 65 เจองานงามๆ ของท่านสดายุ สุดหล่อหมดมุข. ไม่กล้าเขียน ประหม่าหนัก.   อิ อิ จากคุณ : Ar@p - [ 15 ก.ย. 47 12:46:21 ]

ความคิดเห็นที่ 66 สวัสดีอีกทีค่ะพี่สดายุ และทุกท่าน รัมไม่ได้เบี้ยวค่ะ โธ่ๆๆๆ ไม่หลอกด้วยค่ะ รัมรอให้กระทู้ครบร้อยต่างหากนี่คะ แหะๆ..จะหาว่ารัมลื่นไถลอีกหรือเปล่าเนี่ย แต่พี่สดายุรักจริงขนาดนี้ รัมจะเอามาสแกนแปะให้ ..ขอผลัดไปนิดนะคะ รัมหายๆไปมั่งนับเป็นความสบายของพี่สดายุแล้วล่ะค่ะ รัมอยู่..จะปวดหัว 2-3-4 เท่าเอาได้นะคะ ...ไม่เชื่อ พี่สดายุลองอ่านดูก็ได้ มีคนหาเรื่องรัมได้ตลอดเวลา รัมมาอ่านก่อนนะคะ รัมยุ่งหัวฟูเลยค่ะช่วงนี้.. เดี๋ยวคิดออกว่า จะ..อิอิ จัดการยังไง เอ๊ย..ต่อกลอนให้เพราะ ยังไง แล้วรัมจะมาแปะส่งนะคะ พี่สดายุว่าไม๊คะ.. ว่าทฤษฎีหลายเรื่องที่มันไม่ได้ใช้ได้ กับทุกเรื่องทุกคน แล้ว หมองู ก็ตายเพราะงูมาตั้งมาก แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 47 15:39:29 จากคุณ : รำนำ (Poison_Rose) - [ 15 ก.ย. 47 15:37:21 ]

ความคิดเห็นที่ 67 #62 จังงัง ฮิๆๆ...ตาดีจริง เอาโคลงมั่ง ๐ วาวสีวาบส่องเวิ้ง                เวหน ผายเยี่ยมโพยมบน                 บ่ายหน้า หางลากห่างลิบจน                 จบสู่ ตาแล ปรุงกลั่นประกายกล้า              ก่อซ้อนพันแสง ๐ พรายรุ่งรัศมินั้น                   นันทนา งามภาพชุติประภา                  นักแล้ว     วาบชั่วขณะเวลา                    แล้วลับ เลือนแม่ ภาคพิสดารเพริดแพร้ว            ผ่านพ้นเร็วเสมอ                   ๐ อัจกลับกลางโอบอ้อม           อนธการ พรายย่อมพอตระการ               กล่าวอ้าง เพียงเนตรพิศนับนาน               แนบอยู่ ยลหนึ่งย่อมพอล้าง                 ลบด้อยมืดดำ ๐ หนึ่งขอนกลางเชี่ยวล้น         ชลาลัย พอต่อกอดอาศัย                   อยู่บ้าง สิบขอนเมื่อน้ำไหล                อ้อยอิ่ง คืออุปสรรคสลอนสร้าง           สกัดกั้นทางไหล.   จากคุณ : สดายุ... - [ 15 ก.ย. 47 15:44:25 ]

ความคิดเห็นที่ 68 วันนี้ไม่มีกลอนมาฝาก เพราะตกใจกระทู้วิ่ง กลอนที่ถือมาเลยหก ตกหมดค่ะ จะมาเล่าว่า เมื่อคืนไปดูคอนเสริต์ KITARO มา เยี่ยมสุดๆ อิ่มเอมค่ะ คอนเสริต์ฝรั่งหัวทองสู้ไมได้ นอกจากความไพเราะแบบ World Music ที่เหมือนถ่ายทอดภาพงามแห่งธรรมชาติแล้ว ยังสามารถส่งผ่านพลังอันยิ่งใหญ่ ผ่านท่วงทำนอง ออกมาได้ด้วย เสมือนกลอนชุดงามของคุณสดายุ ที่ทำให้นึกถึงบทเพลงแห่งค่ำคืนที่ผ่านมาค่ะ จากคุณ : ตะวัน - [ 15 ก.ย. 47 15:52:53 ]

ความคิดเห็นที่ 69 #65 คุณ Ar@p งานผมยังคงรอ...ความงามที่อนาคตข้างหน้าครับ... อิๆๆ ตอนนี้ยังงามไม่พอ ยินดีครับที่สมาชิกจากอาศรมชาวโคลง แวะมาทักทาย ขณะที่โคลงสี่สำหรับผม...ยังอยู่ในช่วงอนุบาลครับ เขียนพอได้ครึกครื้นกับพี่ๆน้องๆครับ ไม่ชอบกลอน...วางโคลงก็ได้ครับ กระทู้นี้ยำใหญ่ใส่สาระพัด....ตามแต่ใจคนเขียนครับ ยกโคลงยังค่อนด้อย.........ดังเห็น ลำบากลำบนเข็น..............เคลื่อนถ้อย ชั้นลองชักลำเค็ญ.............เข็ญทบ ทวีแฮ เชิงเชิดจะชดช้อย.............ช่างน้อยจริงหนอ แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 47 17:04:29 จากคุณ : สดายุ... - [ 15 ก.ย. 47 17:02:40 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ย่อง ๆ มาลงชื่อว่าอ่านแล้วค่ะ ธรรมชาติงามจับตาพาเพลินจิต ใจนิ่งคิดแนบสนิทชิดความสวย เพลินได้ชมยลธรรมชาติงามระรวย ประจักษ์ด้วยสายตาค่าความงาม แวะเอาบทความดี ๆ มาฝากด้วยค่ะ http://www.senate.chula.ac.th/Aree.html จากคุณ : รสา รสา - [ 15 ก.ย. 47 17:15:45 ]

ความคิดเห็นที่ 71 #66 น้องรำนำ... "พี่สดายุว่าไม๊คะ.. ว่าทฤษฎีหลายเรื่องที่มันไม่ได้ใช้ได้ กับทุกเรื่องทุกคน" ฮิๆๆ...ที่ว่านั่นมิใช่ทฤษฎีครับ เป็นเพียงข้อ...สมมุติฐาน...ข้อสังเกตุ ต่อให้เป็นทฤษฎี....ยังมีข้อยกเว้น...ในด้าน..เวลา-สถานที่ กฎของนิวตันเกี่ยวกับแรง....ก็ใช้ไม่ได้ในอวกาศ ทฤษฎีความเร็ว-การหักเหของแสง...ยังต้องมีข้อยกเว้น...เมื่อพิจารณาใน...บริเวณขอบเขตของหลุมดำ... นับประสาอะไรกับ...อารมณ์-ความรู้สึก...ของหนุ่ม-สาว ในบริบทของความสัมพันธ์อันมิอาจจะนิยามด้วยทฤษฎีใดๆได้เลย... ความอ่อนหวาน...ด้วยอารมณ์อันเร้นลับ..ที่อุบัติขึ้นเองอย่างยากที่จะควบคุม... ความแง่งอน...ด้วยเหตุผลอันพิสดาร...อัน"เขา"มิอาจเข้าใจได้เลยแม้แต่น้อย...อย่างไร้เหตุผล ความคิดคำนึง...ที่แปรปรวนไปตามวิถีของจิตใจที่ กระเพื่อมด้วยระลอกแห่งความปรารถนาในส่วนลึกของแต่ละบุคคล เหล่านี้...หากจะนิยามออกมา....คงยากเย็นแสนเข็ญ และอาจสรุปได้ว่า..มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นจริง..น้อย! และหากว่าจะมี..."ใคร"..มาหาเรื่อง..."ใคร"...บ้างในกระทู้นี้ พี่ก็คงไม่ปวดหัวอะไร...ฮิๆๆ ๑๗. ในระหว่างยามวันของพันแสง สร้างความหมายเติมแต่งทุกแห่งหน ทั้งแก่นแท้ให้เลือกทั้งเปลือกปน สุดแต่ปัญญาตนจักยล-เยือน แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 47 12:47:47 จากคุณ : สดายุ... - [ 16 ก.ย. 47 07:55:08 ]

ความคิดเห็นที่ 72 #68 คุณตะวันครับ อิจฉาจัง...ผมไม่มีเวลาไปดู นี่..อีเกิ้ล...ก็จะมาอีก...เฮ้อ ไม่มีวาสนาเลยเรื่องคอนเสิร์ตนี่ ๐ แทรกเสียงระเรียงศัพท์ เสนาะกรับสลับกลอง เป่านำลุทำนอง อุระก้องกะเกริกกล ๐ สังคีตดีดกล่อม ปะเหลาะล้อมประโลมลน เอื้อชาติพาดชนม์ สุขล้นละล่องลอย ๐ ราตรีและคีตา สมค่าสิควรคอย สำเนียงผิว์เพียงน้อย ผัสสะพลอยจะเพริดแพร้ว ๐ แสงสีรุจีสร้าง ก็สล้างวะวาบแวว ข่มนิลสิ้นแนว ขณะแว่วกังวานเวียน จากคุณ : สดายุ... - [ 16 ก.ย. 47 10:06:18 ]

ความคิดเห็นที่ 73 สุดท้ายปลายทางเหลือว้างเปล่า กับเงาวันวานเคยสานฝัน หยาดเหงื่อแห้งหาย... ใจหายพลัน ทุกรอยฝ่าฟัน... รอฝ้าฟาง... http://p.webshots.com/ProThumbs/64/48564_wallpaper280.jpg /* ไม่มีอะไรขุ่นเคืองค่ะ... แค่ช่วงนี้ใจไม่สบายนิดหน่อย ร้อน ๆ พิกล... -_-" จากคุณ : ไกลถิ่น - [ 16 ก.ย. 47 10:10:44 A:24.0.29.222 X: ]

ความคิดเห็นที่ 74 เป็นอะหยังฤๅ สาวเจ้า...ไกลถิ่น... ข้าพเจ้าก็ครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนกัน คล้าย ๆ จะเป็นไข้ แต่ก็ไม่เป็น ปวด ๆ ตึบ ๆ ตรึม ๆ อยู่ใน หัวนี่แหละ .... พี่สดาฯ เคยได้ยินคำพูดทำนองนี้มั้ยคะ ... การต่อล้อกับสตรี ทำให้ความสามารถในการควบคุมตัวเอง ลดลง  ฮิๆ .. โดยเฉพาะกับสตรีเจ้าแง่แสนงอน มันช่างปวดกบาลจริงหนอ.. หนูมีคำถามอีกแล้วค่ะพี่... ถ้าพี่เจอสตรีเช่นนี้ พี่จะจัดการ เจ้าหล่อนอย่างไรคะ จากคุณ : บุหรง - [ 16 ก.ย. 47 10:59:41 A:202.129.2.9 X: ]

ความคิดเห็นที่ 75 #70 คุณรสาครับ ขอบคุณกับข้อมูลในเวปที่มีประโยชน์ครับ โดยเฉพาะคนชอบโปรทีนอย่างผม ต้องระวังทีเดียว สัททุลฯ ๐ รื่นรื่นหรรษประทิ่นระรินก็กุสุมา กรุ่นหอมตะล่อมหา.........บ่หาย ๐ เหลืองแดงเกสรแย้มแอร่มระดะขจาย ยั่วยวนจะชวนหมาย.......ภมร ๐ แผกผึ้งภู่ภุมรินถวิลมธุมุฟอน ตฤปหวานอันซ่านชอน........ประชัน ๐ ไหวลมแผ่วพรรณส่ายระร่ายกลจะนันท์ เอนกิ่งและอิงกัน........ตระกอง ๐ เวหาห้วงสกุณาถลาพละประลอง เหินลมภิรมย์นอง........สนาน ๐ เรื่อเรื่อแดดกระอุไอไฉนบ่ละบ่ลาญ แผดร้อนขจรดาล.........ประดัง ๐ วับวับไหวรวิแสงทะแยงนภนภังค์ ลอดว่างอันว้างบัง.........เพราะใบ ๐ แสงวับแวมประลุต้องลำยองรัศมิใส ชำแรกละแวกไพร..........ประภา ๐ เพลิดเพลินพิศธรรมชาติพิลาสนยนา จึงตรึกระลึกสา-..........ระสรร ๐ แต่กำเนิดระยะกาลนะผ่านมหอนันต์ เห็นยากลำบากครัน..........จะคง ๐ ความโมหันตทะลายสยายทุรประสงค์ เพื่อทรัพย์อันนับหลง..........พรรลาย ๐ ความล้นโลภะประการปหารประหัตหาย ห้วงมนอันข้นปลาย..........ฤๅแปร. ไฟล์รูปภาพ จากคุณ : สดายุ... - [ 16 ก.ย. 47 12:07:23 ]

ความคิดเห็นที่ 76 #73 น้องคนไกล ไปหักอกใครไว้หนอ....ถึงไม่ค่อยสบายใจ ++ เสียงร้องจากลำน้ำ ++ ๑. ๐ ผืนน้ำย้อนสรรพสียงระเรียงปะทะหทัย แฝงโศกวิโยคนัย...........ปณาม ๐ ฝ่าจวงจันทรซ้อนสะท้อนทุกรลาม เผยล้วนกระบวนทราม..........ผสม ๐ แสงแลเสียงวิตถารผ่านคตินิยม ปานยุคสุขสม.............จะสูญ ๐ มรรคาสุนทรเลือนเพราะเบือนทิฐิวิทูร หลงเพริดและเทิดทูน.............เอาทารย์ ๐ ผืนน้ำพลิ้วชะระลอกกระฉอกภวตระการ เนิ่นในหทัยนาน.............ประนัง ๐ รวยรินมาลยพรมภิรมยประดัง ย้อมอกและยกหวัง..............บ่วาย ๐ เรณูหอมภุมรินถวิลรสละลาย ตฤปหวานก็หวานผาย...........ฤ พอ ๐ ไพศาลภาพสรรพรงคทรงภวพะนอ อิ่มเอมเขษมคลอ..............บ่คลา ๐ พิศหลากหลายนยะผ่านตระการติณลดา วัลย์ล้วนชนวนตรา................ตริตรอง จากคุณ : สดายุ... - [ 16 ก.ย. 47 12:16:03 ]

ความคิดเห็นที่ 77 วันนี้อากาศดี มีอ๊อกซิเจนเต็มปอด (แต่ทำไมหนอ ..ไม่ยักจะทำให้ปอดขยายคับเสื้อ ก็ไม่รู้แฮะ..) หมู่นี้งานมาก แต่พอจะปลีกเวลามาบ้าง กลัวจะโดดคัดชื่อออกจากกองมรดก ..กิ..กิ.. หน้าที่อีกอย่างคือต้องปลอมเป็น กบขวางคลอง (ไม่ใช่..กองขี้ควาย..) แถว ๆ เนี๊ยะ เผลอเป็นไม่ได้ มดแยะ มดแยะ .. 555 อั่นแน่ ! ใครอมลิ้น เอ๊ย อมยิ้ม ถูกใจจ่ายสองบาท น๊า ... ..๏ แม่ดูหนูย่างทางคด เหลืออดจึงเอื้อนเตือนให้ “ อย่าย่างโย้เย้เฉไป ลูกไฉนผิดเหง้าเหล่าปู” ลิงนั่งบังไพรในพฤกษ์ หนอนึกเห็นใจไอ้หนู แม่คอยเคี่ยวเข็นเป็นครู ยิ่งดูสมเพชเวทนา แม่ปูยิ่งเปรยเอ่ยเอื้อน ยิ่งเหมือนเปล่าไปไร้ค่า แยบยลกลมีลีลา “ ลูกจ๋าจงแลแม่นำ” แบบอย่างย่างไปให้เห็น กลับเป็นเพียงแค่แง่ขำ ทางคดลดเลี้ยวเกลียวกรรม ตอกย้ำธาตุแท้แม่ปู ๚ะ๛   จากคุณ : จังงัง - [ 16 ก.ย. 47 12:51:48 ]

ความคิดเห็นที่ 78 #74 น้องบุหรง... "การต่อล้อกับสตรี ทำให้ความสามารถในการควบคุมตัวเองลดลง " อันนี้...ไม่จริงหรอก เพราะเมื่อ"เลือก"ที่จะต่อล้อด้วยแล้ว...มันมักจะมาจาก เหตุบางประการอัน-บ้างอาจดูออกไม่ยาก....แม้น-บ้างอาจยากที่จะดูออก.... การต่อล้อมักเกิดจากความ...หมั่นไส้-เอ็นดู...หรือเดียดฉันท์ อย่างใดอย่างหนึ่ง..... ความเดียดฉันท์-มักจะเกิดขึ้น... บนความไม่เสมอภาคทางสถานะสังคมและสภาวะอารมณ์ บนความที่เหตุผลไม่อาจสอดรับกันและกันได้ ทั้งด้วยบุคคลิกภาพอันขัดแย้งกันอย่างรุนแรง... เหมือนคนเอะอะโวยวายกับผู้ดีเงียบขรึม.... การต่อปากคำอาจเกิดขึ้นได้ อันนี้มักเป็นเรื่องของคนที่มีอาวุโสมากหน่อย....ที่มีขนาดของอัตตาใหญ่และเข้มข้นตามวัย.... สำหรับรุ่น..หนุ่มมากรัก-ดรุณีริรัก เกิดจากความหมั่นไส้-เอ็นดู...มากกว่า และหากว่า..ด้วยอารมณ์และคารมที่เหนือกว่าในตัวชายหนุ่มที่มีอยู่อย่างเปี่ยมล้นแล้วล่ะก็.... อีกฝ่ายคงไม่ต่างจากลูกไก่ในกำมือ... ระดับอารมณ์ของเจ้าหล่อนก็จะกระเพื่อมขึ้น-ลง ปานผืนทะเลยามต้องลม...ยามถูก"แต่ง"ด้วยลมปาก ฉะนั้น....ฮิๆๆ การต่อล้อกับ... สาวน้อยปากไว-ย่อมเกิดจากหมั่นไส้เป็นสำคัญ ความไม่ยอมลดราวาศอก...นั่นย่อมก่อให้เกิดอาการคันยิบๆในหัวใจชายหนุ่มผู้พอใจในรูปโฉมนั้นเป็นยิ่งนัก และกับสาวน้อยคุณหนูผู้อ่อนใสต่อโลก-ย่อมเกิดแต่ความเอ็นดูนักแล้ว... ความแสนงอนเกิดจากความไร้เหตุผลทางพฤติกรรม ต้องแก้ด้วยความไร้เหตุผลเช่นเดียวกัน เป็นความไร้เหตุผลที่แม้กระทั่งคนไร้เหตุผลแรกจักต้อง ตกตะลึงพรึงเพริดในความไร้เหตุผลนั้น...! ฮี่ๆๆ จากคุณ : สดายุ... - [ 16 ก.ย. 47 12:59:25 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ฮี่ๆๆ... พี่สดาฯ พูดซะเห็นภาพเชียวนะ   ว่าแต่..พี่ท่านเคยแก้ไขด้วยความไร้เหตุผลเช่นนั้นฤๅไม่.. แหม..มันคันยิบ ๆ ในหัวใจ ใคร่รู้ยิ่งนัก !!!!.... จากคุณ : บุหรง - [ 16 ก.ย. 47 14:12:28 A:202.129.2.9 X: ]

ความคิดเห็นที่ 80 คุณสดายุ เหมาะยิ่งนักจะเป็นปราชญ์ ทุกแขนง ฮี่ ๆ ๆ รู้ลึกรู้ดี !!! ยิ่งกว่าคมชัดลึก 555555 แถมมีนักเรียน ช่างซักอย่าง นู๋น้อยซอม ด้วยแล้ว !! มานั่งฟังคำตอบครับ!! จากคุณ : บอกอกูรู - [ 16 ก.ย. 47 15:00:20 ]

ความคิดเห็นที่ 81 หนูไกลถิ่น เป็นอะไรไปคะ พยายามทำใจให้สบาย ให้มีความสุขนะคะ ลองอ่านอันนี้ดูนะคะ เผื่อจะสบายใจขึ้นค่ะ แต่ส่วนมากที่นี่จะฟัง CD เอาค่ะ ขี้เกียจอ่าน แหะ ๆ "ดูก่อนอานนท์ เราตถาคตแสดงมานี้โดยพิสดารให้กว้างขวางทั้งเบื้องต้น และเบื้องปลาย แท้จริงบุคคลผู้มีปัญญาจะเจริญอสุภะกัมมัฏฐาน ท่านมิได้เจริญแต่ต้นเป็นลำดับไปจนถึงปลายเพราะเป็นการเนิ่นช้า ท่านยกอาการอันใดอันหนึ่งขึ้นพิจารณาสงเคราะห์ลงอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ท่านก็ย่อมได้ถึงมรรคผลนิพพานโดยสะดวก การที่เจริญอสุภะกัมมัฏฐานนี้ ก็เพื่อจะให้เบื่อหน่ายในร่างกายของตนอันเห็นว่าเป็นของสวยงาม ทั้งวัตถุภายในและภายนอก ให้เห็นเป็นของเปื่อยเน่าผุพัง จะยกตนให้พ้นจากกิเลสตัณหา ผู้มีปัญญารู้แล้วไม่ควรชื่นชมยินดีในรูปตนและรูปผู้อื่น ทั้งรูปหญิงรูปชาย ทั้งวัตถุข้าวของดีงามประณีตบรรจงอย่างใดอย่างหนึ่งเลย เพราะว่าความรักทั้งปวงนั้นเป็นกองกิเลสทั้งสิ้น ถ้าห้ามใจให้ห่างจากกองกิเลสได้ จึงจะได้รับความสุขทั้งชาตินี้และชาติหน้า ถ้าหากใจยังพัวพันอยู่ในกองกิเลสแล้ว ถึงแม้จะได้รับความสุขสบายก็เพียงแต่ชาตินี้เท่านั้น เบื้องหน้าต่อไปไม่มีทางที่จะได้เสวยสุข มีแต่เสวยทุกข์โดยฝ่ายเดียว ผู้มีปัญญาเมื่อได้เจริญอสุภนุสสติกัมมัฏฐาน เอาทวัตติงสาการ ๓๒ เป็นอารมณ์ ก็ควรละกองกิเลสตัณหาให้ขาดสูญ เมื่อรู้แล้วปฏิบัติตามจึงจะเป็นผลเป็นกุศลต่อไป เมื่อรู้แล้วไม่ปฏิบัติตามก็หาผลอานิสงส์มิได้เพราะละกิเลสตัณหามิได้ เปรียบเหมือนบุคคลผู้ตกเข้าไปอยู่ในกองเพลิง เมื่อรู้ว่าเป็นกองเพลิงก็รีบหนีออกจึงจะพ้นความร้อน ถ้ารู้ว่าตัวตกเข้าอยู่ในกองเพลิง แต่มิได้พยายามที่จะหลีกออกหนี จะพ้นจากความร้อนความไหม้อย่างไรได้ ข้อนี้อุปมาฉันใด บุคคลผู้รู้แล้วว่าสิ่งนี้เป็นโทษ แต่มิได้ละเสีย ก็มิได้พ้นจากโทษเหมือนกับผู้ไม่พ้นจากกองเพลิงฉันนั้น" จาก คิริมานนทสูตร ส่วนอันนี้พูดถึงเรื่องในกามสุขระดับต่าง ๆ ค่ะ http://www.84000.org/true/036.html ถ้าสนใจเมล์ที่อยู่มานะ จะเผา CD ส่งไปให้ค่ะ ตอนนี้มีการ์ตูนพระพุทธประวัติด้วยค่ะ แม่นางซอมพอฯ ข้าพเจ้าทราบแต่ว่า อันว่าอิสตรีนั้น มักนิยมใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง โดยไม่ใคร่จะคำนึงถึงเหตุผลหลักสักเท่าไหร่ ดังนั้นการต่อล้อกับอิสตรี ก็เหมือนกับ การเอาน้ำมันชโลมในกองเพลิงให้ไฟความร้อนประทุยิ่งขึ้น ผู้ที่ชโลมน้ำมัน จึงได้รับแต่แรงราคะ หรือไม่ก็บันดาลโทสะ อันเกิดจากมิจฉาทิฏฐิเป็นที่ตั้ง แต่ที่จริงแล้ว สตรีนั้น นับว่าเป็นศัตรูสำคัญของบุรุษเพศ เช่นเดียวกับบุรุษนั้น ก็ถือว่าเป็นศัตรูของสตรีเพศเช่นกัน ลองเขียนเลียนแบบท่านสดายุดูค่ะ จากคุณ : รสา รสา - [ 16 ก.ย. 47 20:31:50 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ท่านสดายุ ในบทความนั้นที่สำคัญคุณหมออารีย์ท่านเน้น ๗ อ. ค่ะ คือ อาหาร เน้นผักและผลไม้ เนื้อสัตว์อาจทานได้พวกปลาบ้าง งดพวกชา กาแฟ น้ำอัดลม ทานพวกน้ำผลไม้แทน เน้นทานน้ำอุ่นมาก ๆ อย่างน้อยวันละ ๒ ลิตรค่ะ อากาศบริสุทธิ์ เอนกายหรือพักผ่อนให้เพียงพอ อุจจาระทุกเช้าให้เป็นเวลา ป้องกันสิวได้ค่ะ หรือทำดีท๊อกซ์เสริม คือการสวนทวารด้วยน้ำกาแฟ ช่วยชะล้างสารพิษในลำไส้ได้ ออกกำลังกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ อารมณ์แจ่มใสอยู่เสมอ มีอิทธิบาท ๔ บาทฐานแห่งความสำเร็จ หมายถึง สิ่งซึ่งมีคุณธรรม เครื่องให้ลุถึงความสำเร็จตามที่ตนประสงค์ คือ ๑. ฉันทะ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น ๒. วิริยะ ความพากเพียรในสิ่งนั้น ๓. จิตตะ ความเอาใจใส่ฝักใฝ่ในสิ่งนั้น ๔. วิมังสา ความหมั่นสอดส่องในเหตุผลของสิ่งนั้น จากคุณ : รสา รสา - [ 16 ก.ย. 47 20:38:15 ]

ความคิดเห็นที่ 83 หูย... พี่สดาฯ ถามได้น่ารักจัง ฮ่า ๆ ๆ... ตั้งแต่เกิดมาไกลถิ่นยังไม่เคย หักอกใครเลยพี่... (ไม่สาบาน :p) แค่อารมณ์แปรปรวนตามกระแสโลก อะค่ะ... -_-" อ่านบทวิเคราะห์ #74 ด้วยคน... เกิดความสงสัยตามมา (เหมือนเคย) ว่า... คนที่มีอาวุโส เริ่มแต่วัยไหนคะ... แหะ ๆ ๆ ^_^" อย่าง 20 กว่า ๆ นี่อาวุโสรึยัง... คือถามเผื่อเจ๊ ๆ ทั้งหลายด้วยอะค่ะ :p บุหรง... อ๊ะ! ออกอาการพิเรนในช่วงเดียวกันนี่... ใจตรงกันเนอะ ฮิ ๆ ๆ ^-^ ของแบบนี้เป๋นเมิน ๆ บ่ได้ กั๋วโดนยอก... ^_^" จังงัง... เป็นกบขวางคลองก็ดีอะดิ จะได้ยืมหลังเป็นสะพานข้ามฝั่งน่ะ... ฮิ ๆ ๆ ^-^ จากคุณ : ไกลถิ่น - [ 17 ก.ย. 47 03:40:40 A:24.0.29.222 X: ]

ความคิดเห็นที่ 84 พี่รสา... เมื่อกี้ไม่เห็นพี่รสา... ^_^" ไกลถิ่นสนใจการ์ตูนพระพุทธประวัติค่ะ... จะส่งแมวไปให้ที่ไหนคะ... แง้ว ๆ ^-^ (คุยกะเด็กอย่างไกลถิ่น... ล่อได้ด้วยการ์ตูน :p) จากคุณ : ไกลถิ่น - [ 17 ก.ย. 47 03:45:35 A:24.0.29.222 X: ]

ความคิดเห็นที่ 85 #79 น้องบุหรง อันว่ารูปแห่งบุรุษ....น้ำเสียงแห่งบุรุษ...กิริยาแห่งบุรุษ ย่อมยังความหวั่นไหวแก่สตรีฉันใด.. รูปแห่งนารี...น้ำเสียงแห่งนารี...กิริยาแห่งนารี ย่อมยังความหวั่นไหวแก่บุรุษฉันนั้น.. ในโลกแห่งการรับรู้...แห่งวัยหนุ่ม-สาว จึงแทบจะทอดทับด้วย เงื้อมเงาของปฏิภาคสัมพันธ์ใน ความเป็นบุรุษ-สตรี..ฉะนี้ การจัดการเรื่องราวตามเหตุปัจจัยอย่างรู้เท่าทัน ย่อมยังความสำเร็จระดับหนึ่งมาให้โดยมิยาก การรู้เท่าทันย่อมเกิดแต่การผ่านประสบการณ์ การสังเกตุ....วิเคราะห์...วิจัย...ผ่านช่วงระยะเวลาหนึ่ง ที่สมองได้ทำงาน(บ้าง) ฉะนั้นแล้ว...ประสบการณ์ทางจิตวิญญาณหรืออารมณ์ ย่อมเป็นเรื่องสำคัญก่อนที่จะฝ่าผ่านไปได้ กระนั้นแล้ว... การตกตะลึงพรึงเพริดในเหตุการณ์บางอย่าง ของสาวน้อยวัย18-19....อาจเป็นความน่า หัวร่อของสตรีวัย30ต้นก็เป็นได้.(แฮ่ม-บ่ได้พาดพิงใคร เน้อ).. และอาจเป็นสิ่งอันน่าเดียดฉันท์ของวัย40ขึ้น อันตีคุณค่าของบางเหตุการณ์เป็นสิ่งไร้สาระ ความเต้นระทึกในหัวอกหัวใจ ก็จะเปลี่ยนเป็นการเต้นตุ๊บๆในสมอง ซีกที่ใช้เหตุผลมากหน่อย...เมื่อผ่านวันเวลา..ฮิๆ วันเวลา... การเปลี่ยนรูปของความประทับใจ เกิดพร้อมกับการพาดผ่านของเส้นรอย บนใบหน้าสตรียามผ่านช่วงเวลา การร่ำไห้จะเป็นจะตายของวัย17-18 เมื่อรู้ว่ามีใจให้"เขา"ข้างเดียว...เคยยิ่งใหญ่ใน การรับรู้อย่างไร....กลับไม่อาจตั้งอยู่ได้ โดยตลอดรอดฝั่ง....มันหายไปไหน? ความตกตะลึงพรึงเพริด...ความเต้นระทึกในอก มันหายไปไหน? ไปได้อย่างไร? จากคุณ : สดายุ... - [ 17 ก.ย. 47 05:35:08 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ต่อ... ย่อมหายไปโดย.."ตัวรู้"...ที่แทรกเข้ามาตั้งมั่น ตัวรู้ย่อมแทรกผ่านกาลเวลา...และช่องว่าง ระหว่างการซึมซับในเหตุการณ์ต่างๆของ อารมณ์ทีละน้อยๆ แต่หากว่าเมื่อผ่านกาลเวลาขนาดนั้นแล้ว อารมณ์สาวน้อยยังมิอาจมีพัฒนาการใต่ระดับ ของความสามารถในการควบคุมตนเองได้ จนถึงวัยแห่งร่องรอยบนใบหน้าปรากฏ และเมื่อ ภาพสตรีวัยกลางคน หากอารมณ์แบบสาวน้อย ปรากฎขึ้นตรงหน้าท่านแล้วล่ะก็ ก็คงต้องตัวใครตัวมันล่ะวุ๊ย ฮิๆๆๆ จากคุณ : สดายุ... - [ 17 ก.ย. 47 07:45:05 ]

ความคิดเห็นที่ 87 #80 บอกอ... ฮะๆๆ....พูดเกินเหตุ ผมไม่ได้รู้อะไรมากหรอก.... จำขี้ปากเขามาพูดต่อน่ะ แล้วนี่ไปเที่ยวแหย่"เค้า"...ทำไมนักนะ.. ฮะแอ้ม จากคุณ : สดายุ... - [ 17 ก.ย. 47 07:48:01 ]

ความคิดเห็นที่ 88 #82 คุณรสาครับ อ่านแล้วก็แนวชีวะจิตที่เคยสร้างกระแสสูงมากใน เมืองไทยนั่นแหละครับ โดยลักษณะพื้นฐานสรีระช่องปากของมนุษย์แล้ว สังเกตุได้ว่าเรามีฟันกรามลักษณะที่ใช้..."บด"มากกว่าลักษณะเขี้ยวแหลมคมไว้สำหรับ...กัด...ฉีก...กระชาก เหมือนสัตว์ตระกูลแมวทั้งหลาย มนุษย์จึงน่าจะเป็นสัตว์ประเภทกินพืชผักเป็นอาหารมากกว่าเนื้อสัตว์.... เมื่อเราประพฤติผิดจากธรรมชาติอันกำหนดให้ จึงเป็นเหตุให้เกิดปัญหานานับประการตามมา จากการกิน เหมือนว่าระบบในร่างกายมันสามารถรับได้ระดับหนึ่ง แล้วเกิดปฏิกิริยาอันสะท้อนเป็นปฏิปักษ์ตามมา หลังจากหลายชั่วอายุคนผ่านไป เป็นการเดาแบบมวยวัดครับ การทานผักจึงน่าจะถูกต้องกับคนมากกว่าเนื้อสัตว์ จากคุณ : สดายุ... - [ 17 ก.ย. 47 07:56:07 ]

ความคิดเห็นที่ 89 #83 ไกลถิ่น "คนที่มีอาวุโส เริ่มแต่วัยไหนคะ." ไม่มีนิยามของ..วัย...แห่งความอาวุโส อยู่ที่ใจ...และอยู่ที่การให้คุณค่าต่อสิ่งรอบข้าง อันอาจแตกต่างกันไป เคยได้ยินไหมกับนายทหารใกล้เกษียนที่ออกมาทะเล่อทะล่า...พูดประเด็นล่อแหลมทางการเมือง เรายังเรียก.."ไร้เดียงสาทางการเมือง"หรือ"ละอ่อนทางการเมือง"....ถือว่าอาวุโสทางการเมืองมีน้อย เนื่องจากความสนใจจดจ่อ-วิเคราะห์-วิจัยน้อย คนอายุมาก...ขาดอาวุโสทางความคิดก็เยอะแยะไป เรียก...ขาดวุฒิภาวะ...เมื่อเอาตัววุฒิหรือความรู้มาจับ แต่โดยความเข้าใจก็ประมาณ30กลางขึ้นไปสำหรับหญิง และสำหรับชายคงสัก40กลางขึ้น ฮิๆๆๆ จากคุณ : สดายุ... - [ 17 ก.ย. 47 08:04:49 ]

ความคิดเห็นที่ 90 นั่นไง... ไม่ยุติธรรมแล้วอะพี่ ทำไมหญิงมีอาวุโสเร็วกว่าชายเล่า... ...ฮู่ว์ แต่ก็นะ... อีกนานกว่าไกลถิ่นจะถึงเกณฑ์อาวุโส... ^_____^ จากคุณ : ไกลถิ่น - [ 17 ก.ย. 47 08:20:49 A:24.0.29.222 X: ]

ความคิดเห็นที่ 91 ก้อ... คนเขียนเป็นผู้ชายนี่นา....เอิ๊กๆๆ อีกอย่างนึง ยอมรับมั๊ยว่า....หญิงดูจะ...แก่เร็วกว่าชาย.... ในอายุวัยเดียวกัน จากคุณ : สดายุ... - [ 17 ก.ย. 47 09:02:16 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ผู้หญิง... มีสัญชาตญาณของความเป็นแม่  การดูแล ห่วงใย เอาใจใส่  ต่อบุคคลอันเป็นที่รัก บางครั้งอาจมากเกินไป จนกลายเป็นจุกจิก จู้จี้ นั่นอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รู้สึก แก่กว่าเวลาอันควร ในขณะที่ ผู้ชาย.. แม้จะเป็นพ่อคนแล้ว  แต่หากได้มา นอนหนุนตักแม่แล้วล่ะก็  อายุกี่ขวบ ก็ยังเหมือนเด็กอยู่ นั่นแล... ยามแรกรุ่น ดรุณวัย....ไม่ว่าหญิงหรือชาย.. สิ่งใดมากระทบอารมณ์  มักรู้สึกเป็นเรื่องใหญ่โต คอขาด บาดตายทั้งนั้น...อย่างที่พี่สดาฯ ว่า  เวลาผ่านไป ความรู้สึกตื่นเต้น ตกใจ กับอะไร ๆ  มันหายไปไหนหนอ.... วัยรุ่น ... ที่เปราะบางทางอารมณ์ วัยผู้ใหญ่..ที่ไร้ความรู้สึก.. ทางอารมณ์.. เวรก๊ำ..เวรกรรม... ^_^' จากคุณ : บุหรง - [ 17 ก.ย. 47 09:33:40 A:202.129.2.9 X: ]

ความคิดเห็นที่ 93 น้องบุหรง.. ไอ้..."เวรก๊ำ..เวรกรรม... ^_^' "...นั่นนะ อย่า"กำ"แรงนักนะ.... ฮิๆๆๆ จากคุณ : สดายุ... - [ 17 ก.ย. 47 12:17:12 ]

ความคิดเห็นที่ 94 งานเก่า เอามาโหมก่อนกระทู้จะลาโรง ๐ จากวันนั้น ๐ วสันตดิลกฉันท์๑๔ ๐ รื่นรื่นก็คลื่นวรรษวสันต์ ละสวรรคโปรยปราย หยาดชลหล่นปะทะขจาย แตะสลายชโลมติณ ๐ สืบสมอุดมอภิรัฐ บริพัตรแดนดิน สืบสร้างมล้างอริอริน ทรสิ้นบ่สืบทรง ๐ สิ้นนั้นถวัลยประเวศ- นพิเศษเขตคง อำนาจและอาชญดรง คก็ปล่งบ่อาจแปลง ๐ เสี้ยนเศิกบ่เกริกพละสมร ฤทธิรอนและอ่อนแรง จึงวัตรพิพัฒนแสวง ประลุแหล่งประโลมชม ๐ บรรยงประสงคปริวรรต วิทวัสปรารมภ์ ปราการจะทานอรินิคม ยุติข่มบ่ล่มคาม ๐ นองสินธุรินระดะละหลั่ง ดลหวังวะวาบวาม นองกลบนบุรพยาม ดลงามตระหง่านเงย ๐ เสริญศักดิศักยะนคร กลพรรำเพย บรรสมภิรมยเสวย ผิวะเผยก็เพรียบแพง ๐ เพราเพรงเชลงสิรินิทัศ- นจรัสเรื่อแรง เรื่องกล่าวระราวรัศมิแสง รุจะแต่งนภางาม จากคุณ : สดายุ... - [ 17 ก.ย. 47 12:20:11 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ๐ ถึงวันนี้ ๐ อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ ๐ หอมกลิ่นประทิ่นเก สรเรณุกากรอง ฟุ้งฟ่องละอองฟอง รสล่องก็หลงไหล ๐ เชื้อชนปะปนชาติ ฤ จะกวาดระหว่างไกล ขีดเขตนิเวศม์ไย ฤ จะไพล่จะแยกผืน ๐ สำรวจและตรวจเรื่อง บ่จะเปลื้องจะปลดปืน ป้องรัฐหยัดยืน ศิระขืนบ่โค้งใคร ๐ กุดหัวให้หัวหด ผิวะรดไผทไทย อาจเลือดเพราะเชือดไหล ประลุให้ละเหี้ยมหาญ ๐ ล้มร่วงอย่าห่วงเลย สละเกยอุดมการณ์ มาร้อยก็ร้อยลาญ มรดาลโดยดี ๐ แหวกทางและวางทอด ศพพลอดกะธาตรี เขียนการณผ่านผี บทนี้บ่ปรองดอง ๐ แผ่นผืนไผทเดียว ผิวะเทียวจะยกครอง คิดแปลกจะแยกสอง ผิวะร้องก็จันไร               ๐ หลากชนระคนชาติ จะผงาดเพราะร่วมใจ ศาสน์ศรัทธ์บ่ตัดใย สหได้ก็นานมา ๐ จึงผู้จะคิดแผก จะละแหลกก็ชีวา น้ำสัตย์พิพัฒน์อา วุธบ่าจะคาชนม์. จากคุณ : สดายุ... - [ 17 ก.ย. 47 12:27:53 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ๑๙. รังสีลับกับเนตร..ด้วยเหตุไหน.? หรือเหม่อลอยวูบใหญ่จากใจเคลื่อน..! ปลายปีกนกโผกระหยับจนลับเลือน ที่เบิกเบือนพรับอยู่ฤๅรู้ความ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 47 12:51:29 จากคุณ : สดายุ... - [ 17 ก.ย. 47 13:06:10 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ๒๐. เชี่ยวนักเหมือนลำน้ำในสำนึก ลากสู่ก้นเหวลึกเกินตรึกข้าม พ้นเหลื่อมตะวันแจ้งจะแบ่งตาม เพิ่มวาววามผ่องใสแก่นัยน์ตา แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 47 12:55:24 แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 47 16:10:39 จากคุณ : สดายุ... - [ 17 ก.ย. 47 13:24:49 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ๒๑. จึงเมื่อความเร่าร้อนเริ่มอ่อนฤทธิ์ และเมื่อความครุ่นคิดเริ่มผิดท่า มิอาจต้านแสงลอดที่สอดมา จึงรับรู้ความเจิดจ้าในตาวัน. แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 47 12:56:07 จากคุณ : สดายุ... - [ 17 ก.ย. 47 16:38:15 ]

ความคิดเห็นที่ 99 เหมี๊ยว ๆ ๆ   มาประท้วงทั่นสดายุ # 89 & 91 ^_^  ม่ายจิงสักกาหน่อย  กฏทุกข้อมีย่อมมียกเว้น  ^_^   จากคุณ : หิ่งห้อยน้อยใจ - [ 17 ก.ย. 47 20:43:27 ]

ความคิดเห็นที่ 100 หนูไกลฯ คลิกดูอีแมวในอมยิ้มได้ค่ะ แล้วจะส่งไปให้ค่ะ เหตุผลของท่านสดาฯ คล้าย ๆ กับที่เพื่อนของข้าพเจ้าชอบพูดหรือเปล่า คือเพื่อนผู้ชาย มันชอบพูดว่า สาเหตุที่ผู้หญิงอาวุโสเร็ว อาจเป็นเพราะ "ช่วงการใช้งานสั้น" ก็เป็นได้ เห็นด้วยว่า ถ้าคนเราไม่เครียดมาก ใบหน้าก็ยังอ่อนเยาว์อยู่ค่ะ แอบกระซิบนิดหนึ่ง สังเกต คำนี้ไม่มีสระอุค่ะ เรื่องอาหารผัก ตอนนี้ได้สูตรใหม่ ส้มตำแอบเปิ้ลเขียว ใส่กุ้งแห้งตำด้วย ถ่ายท้องดีนักแลค่ะ จากคุณ : รสา รสา - [ 18 ก.ย. 47 01:48:09 ]

ความคิดเห็นที่ 101 น้องหิ่งห้อย เอ้า....ไม่จริงก็ไม่จริง การต่อล้อกับสาวน้อย....ต้องยอมแพ้สถานเดียว ฮิๆๆ จากคุณ : สดายุ... - [ 18 ก.ย. 47 08:09:16 ]

ความคิดเห็นที่ 102 พี่สดาฯ... ไกลถิ่นยังไม่รู้ ตอบไม่ถูกหรอกค่ะ... :p พี่หิ่งห้อยน้อย... นึกไงถึงลุกขึ้นประท้วงคะเนี่ย ฮิ ๆ ๆ ^-^ พี่รสา... ไกลถิ่นดูอมยิ้มบ่ได้เจ้า ไม่ใช่สมาชิกค่ะ ^_^" ให้ของไกลถิ่นแทนละกัน getmanga@yahoo.com ขอบคุณค่ะ ^__^ จากคุณ : ไกลถิ่น - [ 18 ก.ย. 47 08:13:05 A:24.0.29.222 X: ]

ความคิดเห็นที่ 103 คุณรสาครับ มีส้มตำอยู่สูตรหนึ่ง ร้านไกย่าง"นิตยา" เขามีสาขาหลายแห่งในกรุงเทพ ใช้ผลไม้แทนมะละกอครับ.....ประเภทแอปเปิล...องุ่น...ฯ แล้วใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์คั่ว....ปรุงเป็นสามรส เปรี้ยวนำ-หวานตาม-เผ็ดตบท้าย ปริมาณน้อยจนทานได้ครั้งละสองจานทีเดียว... แต่อร่อยมาก เขาใช้วิธีหั่นของเป็นชิ้นเล็กแล้วคลุก....ไม่ใช้ตำ เพราะมันจะแหลกไม่น่าดู มีโอกาสกลับเมืองไทยไปลองดูสิครับ หรือลองทำทานเองที่เมืองนอกก็น่าจะได้ จากคุณ : สดายุ... - [ 18 ก.ย. 47 08:16:46 ]

ความคิดเห็นที่ 104 หมี่เป็ดดีกว่ามั้งฮเคุณรสา แล้วผมจะช่วยป้อนให้ด้วย   //อายจัง จากคุณ : หมี่เป็ด ไอ้รูปหล่อ - [ 18 ก.ย. 47 20:56:49 A:203.113.76.73 X:203.150.217.118 ]

ความคิดเห็นที่ 105 เป็นกระทู้สุดมันส์จริงๆ จากคุณ : GTW - [ 19 ก.ย. 47 13:13:25 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ฮี่ ๆ ๆ ทั่นสดายุ # 101 ยอมแพ้ง่ายจิง  ^_^ ไกลถิ่นคุง  # 102  ^_^  โธ่ ๆ ๆ ก็หิ่งห้อยน้อย.... มานั่งอ่าน  นอนอ่าน  เอกเขนกอ่าน  แถมไกลถิ่น # 90 ยังบอกว่าบ่ยุติธรรม  ^_^  ตะว่าไหงบ่มีไผปาท้วงอ่ะ ????       หิ่งห้อยน้อยก็ปาท้วงเองซะเรย  ฮี่ ๆ ๆ ........... จากคุณ : หิ่งห้อยน้อยใจ - [ 19 ก.ย. 47 18:21:41 ]

ความคิดเห็นที่ 107 เก่ง เยี่ยมกันทุกคนเลย เข้ามาทีไรไม่เคยผิดหวังสักครั้งเลย ที่นี่อบอุ่น แค่ได้มาอ่าน มาสัมผัสความอาทรที่ทุกคนมีให้กัน  หายเหงา หายเศร้า  ได้เยอะเลย ขอบคุณ ๆจากใจ พี่สดายุ(ถือโอกาสเรียกงี้น่ะค่ะ ^_^)และทุกคน  (แต่งไม่เก่งแต่อ่านเก่งค่ะ ^_* อิอิ) เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ จากคุณ : นาฬิกาทราย - [ 20 ก.ย. 47 00:00:12 A:203.113.77.132 X:203.150.217.116 ]

ความคิดเห็นที่ 108 หนูไกลฯ ขออภัยตอบช้า เผอิญมัวแต่ดูสุริโยไทอยู่จ้า ส่งแมวไปหาแล้วนะคะ ม้าว คุณสดายุ ตามปกติที่นี่มะละกอดิบโคตรแพง เลยใช้แครรอทแทนค่ะ แต่สำหรับผลไม้อย่างแอบเปิ้ลเขียว เคยไปทานที่โรงแรมตะวันนารามาด้า (ถ้าจำชื่อไม่ผิด) อร่อยดีค่ะ เห็นรสออกเปรี้ยว เลยลองทำดูค่ะ ว่าแต่สามรสที่ว่า ขอเปลี่ยนจากเผ็ดเป็นเค็มแทนนะคะ เพราะไม่งั้นมันจะกลายเป็นรสยำไปน่ะค่ะ ส่วนพวกถั่วต่าง ๆ รู้สึกทานแล้วแน่นท้อง จะพลอยผลิตลม ขอบายค่ะช่วงนี้ ส่วนร้านนิตยานี่ชอบน้ำพริกเขาค่ะ ใช่ร้านเดียวกันหรือเปล่าคะ ช่วงนี้กำลังคร่ำเคร่งกับการศึกษาประวัติศาสตร์ไทย จากการดูเรื่องสุริโยไท เลยมานั่งอ่านประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยสุโขทัย ไปจนถึงสมัยพระเจ้าตากสิน เพิ่งทราบว่าประวัติศาสตร์สมัยเรียนตอนเด็ก ๆ น่าจะปรับปรุงได้แล้วค่ะ คุณหมี่เป็ด ไอ้รูปหล่อ เราไม่ชอบทานเป็ด ขอเปลี่ยนเป็นบะหมี่อัศวิน เอาแบบที่ใส่ก้ามปูใหญ่ ๆ แทนได้ไหมคะ ถ้าเอามาให้ถึงที่นี่ จะให้ป้อนให้ด้วยค่ะ หุ หุ จากคุณ : รสา รสา - [ 20 ก.ย. 47 20:31:29 ]

ความคิดเห็นที่ 109 แหะๆ    ผมมีหมูแดง  ไก่พะโล้ด้วยนะฮะคุณราส คุณสดายุอยู่จังหวัดไหนละฮะ     แล้วผมควรจะเรียกพี่รึลุงดีล่ะครับ? จากคุณ : หมี่เป็ด ไอ้รูปหล่อ - [ 20 ก.ย. 47 21:01:47 A:203.113.76.8 X:203.150.217.118 ]

ความคิดเห็นที่ 110 คุณหมี่เป็ด ไอ้รูปหล่อ ให้สงสัยว่า หมี่เป็ดนี่ หมายถึงบะหมี่ หรือ เส้นหมี่คะ ถ้าเส้นหมี่ก็ให้นึกถึงกระเพาะปลาค่ะ อืมนะ คิดแล้วก็ไม่ได้ทานข้าวหมูแดงมานานแล้วด้วย ส่วนไก่พะโล้ น่าจะคล้าย ๆ กับปีกไก่น้ำแดงหรือเปล่าคะ ซึ่งปีกไก่น้ำแดงนั้น มีคนทำให้ทานบ่อยค่ะ ว่าแต่ข้าวหน้าไก่มีไหมคะ เอาแบบใส่ไข่ดาวด้วยนะคะ หิว ๆ อะ จากคุณ : รสา รสา - [ 20 ก.ย. 47 21:17:07 ]

ความคิดเห็นที่ 111 บะหมี่คือ หมี่เหลืองฮะ   ส่วนหมี่ขาวนั้น  ที่บ้านผมเรียกว่า หมี่ฮุ้น  แล้วก็ไม่น่าจะให้คิดถึงกระเพาะปลานาาา   ถ้าคิดถึง ข้าวยำ ละได้อยู่  เพราะเขาจขะมีหมี่ฮุ้นผัดคอยโปะหน้าข้าวยำ   อร่อย... ปีกไก่น้ำแดงไม่เคยกินฮะ     ของผมไก่พะโล้เครื่องยาจีน  นี่เลย    อร่อยและเปี่ยมคุณภาพที่สุด     เอ่อ-อยากเปลี่ยนรสมือคนทำให้กิน  บอกได้ฮะ  ผมทำขาหมูได้อร่อยด้วยนะฮะ   จากคุณ : หมี่เป็ด ไอ้รูปหล่อ - [ 20 ก.ย. 47 23:29:35 A:203.113.76.12 X:203.150.217.118 ]

ความคิดเห็นที่ 112 เคยเห็นพี่แถวบ้านเขาทำกระเพาะปลาราดเส้นหมี่น่ะค่ะ แต่เราก็ทานกระเพาะปลาอย่างเดียวค่ะ พูดถึงข้าวยำ ทำไมนึกถึงหมี่กะทิ สีชมพู้ชมพูน่ะค่ะ ถ้าพูดถึงเครื่องยาจีน ทานได้แต่เม็ดแดง ๆ ในซุป ไม่แน่ใจว่าเขาเรียกเก๋ากี้หรือเปล่าค่ะ ส่วนขนมชอบแปะก๊วยกับเห็ดหูหนูขาวและเผือกค่ะ ว่าแล้วจะมาทำให้ทานแถวนี้หรือคะ รีบ ๆ มานะคะ จากคุณ : รสา รสา - [ 21 ก.ย. 47 01:32:41 ]

ความคิดเห็นที่ 113 แห้งหนึ่ง น้ำหนึ่งฮ่ะ .... แล้วก็ ขาหมูติดมันหน่อย ๆ อีกจานนะฮะ.. ^_^ พี่หมี่... มาเรียกพี่สดาฯ ของน้อง เป็นลุงได้ไง ถ้าเทียบความน่ารักล่ะก็ ตัดสินกันที่กรอบแว่นนะฮะ..ฮิ ๆ.. ว่าแต่พี่นกยักษ์ ซุ่มนานจัง...ชักคิดถึงแล้วเด้อ... จากคุณ : ซอมฯ - [ 21 ก.ย. 47 09:10:51 A:202.129.2.9 X: ]

ความคิดเห็นที่ 114 รอแป๊บ...เดี๋ยวมาครับ จากคุณ : สดายุ... - [ 21 ก.ย. 47 12:58:14 ]

ความคิดเห็นที่ 115 คุณจีครับ กระทู้จับฉ่ายครับ ไม่มีเนื้อ....น้ำเต็มกะละมัง...ฮิๆๆ หิ่งห้อย พี่เป็นโรคแพ้ผู้หญิงแต่กำเนิด...ยิ่งหากชื่อออก...หญิงๆ...นี่ ไม่สู้เลย ฮิๆๆ น้องนาฬิกาทราย เรียกพี่ได้อย่างเดียวครับ.... เรียกอย่างอื่นไม่อนุญาตครับ...อิๆๆ คุณรสาครับ พอดีผมติดรสหวาน เห็นสาวหน้าหวานเดินผ่านเป็นต้องติด(ใจ)ไปซะหมด ร้านนิตยา...คงมีหลายเจ้าละมังครับ ที่ผมพูดถึงออกแนวอาหารอีสานครับ เพิ่งทราบว่าที่เยอรมัน....มะละกอแพง อย่างนี้หากมีมะละกอแปรรูปเข้าไปขาย น่าจะได้ราคาดีนะครับ พวกมะละกอดองเปรี้ยวๆที่เราทานกับขนมจีน ให้เขาเอาไปทานแทนผักดองได้ เรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทย...ยิ่งมาก็ยิ่งมึน เรามักพูดกันแต่สิ่งที่เราทั้งชาติอยากฟัง มากกว่าจะพยายามหาความจริงกันกระมัง ประวัติศาสตร์ชาติเราจึงเป็นเครื่องหมายคำถาม ตัวโตอยู่ในใจหลายคน....พ.ศ.นี้ อ่านงานอาจารย์...นิธิ เอี่ยวศรีวงศ์...มากเท่าไร ก็เพิ่มความลังเลสงสัยอยู่ตลอด แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 47 21:06:48 จากคุณ : สดายุ... - [ 21 ก.ย. 47 21:05:08 ]

ความคิดเห็นที่ 116 คุณหมี่เป็ดครับ ผมเป็นคนสมุย-คนสุราษฎร์ที่ถูกปล่อยเกาะนั่นแหละครับ... จบประถมก็เข้ามาเป็น... "เด็กเทพ"..ครับ...ตอนนั้นเบื่อบ้านนอก...มากเลย นี่ก็หลายสิบปีแล้ว....ยังออกทองแดงอยูเลยครับ ช่วยกันอนุรักษ์ไว้....ตอนนี้โลหลายตัง เพราะช่องแปดทีวีเพื่อคุณยังไม่มีจะดูเลย ดีอย่างเดียว...หน้า.."ลมพัดยา"...ไม่มียุง ตอนม.ต้น...เคยแต่งนิราศประตูน้ำด้วย คือนั่งรถเมล์สายสอง...สำโรง-สนามหลวง ผ่านเอกมัย...เลยได้มาและยังเหลือติด สมองอยู่บทนึง ผ่านท้องฟ้าจำลองต้องเหลียวหลัง นึกถึงครั้งมาดูดาวเมื่อคราวก่อน จากวันนั้นถึงวันนี้ที่จากจร ไม่เคยย้อนมาเยือนเหมือนอยู่ไกล ส่วนเรื่องวัย เป็นได้แค่พี่ชาย...ของสาวๆทั้งโลก ที่วัยไม่เกินน้องซอมพอแดง....ของคุณหมี่เป็ด และของใครต่อใคร..ฯลฯ...นั่นแหละครับ แต่ว่าไปแล้ว...ผมชอบก๋วยเตี๋ยวเป็ดนะครับ เล็ก-แห้ง-ไม่งอก-เนื้อล้วน-เลือดหน่อย ฮิๆๆ น้องซอมพอแดงคนงาม คิดถึงฉันจึงถามหา เห็นมีหนุ่มแต่งกลอนให้เป็นเรื่องเป็นราว แล้วก็รู้สึกว่าสาวเจ้าสิเหน่แรงจริงๆ กลัวสาวอื่นเขาจะหมั่นไส้เอานะสิ ฮิๆๆ ลองเขียนกลอนแบบคุณหมี่เป็ดบ้าง ลงในกระทู้คนรักเก่า แต่สำหรับพี่แล้ว....มีรักใหม่ได้ทุกวัน เวรก๊ำ...เวระกัม จากคุณ : สดายุ... - [ 21 ก.ย. 47 21:23:06 ]

ความคิดเห็นที่ 117 ใต้ร่มเถื่อนเงาทางที่วางทอด ฉันสวมกอดเกลือกแต่กระแสสรวล เฝ้ารินรดอบร่ำจิตคร่ำครวญ หวั่นแปรปรวนจักมาพรากกระชากเอา จากคุณ : สดายุ... - [ 21 ก.ย. 47 21:27:31 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ขอแซวคุณสดายุหน่อยค่ะ สาย ๒ น่ะ สำโรง-ปากคลองตลาดค่ะ เอ หรือว่าสมัยเมื่อสามสิบปีที่แล้วคะ ที่นี่ถ้าเป็นพวกผักอิมพอร์ต ก็แพงทั้งนั้นแหล่ะค่ะ อย่างเช่น แกงส้ม ต้องไปใส่ปลาแซลมอนแทนถึงจะถูก ใส่แครรอทแทนดอกแค เป็นต้นค่ะ รู้จักหัวโคลราบี (Kohlrabi) ไหมคะ เป็นหัวตระกูลกระหล่ำปลี แต่รสชาติคล้ายคะน้าค่ะ หรือถ้าเป็นแกงเลียง ต้องใส่ซูคินี่แทนบวบ เห็ดที่ใส่ก็ใช้เห็ดแชมปิยอง แกงเขียวหวานใส่มะเขือม่วงแทนมะเขือเปาะ มะเขือชุบไข่ ก็ใช้มะเขือม่วง ประยุกต์ไปตามผักที่นี่มีค่ะ ส่วนแกงที่ชอบทำก็แกงโฮะค่ะ คือมีอะหยัง (ในตู้เย็น) ก็โฮะลงไป สำหรับผลไม้ กล้วยหอมที่นี่มาจากสเปน ก็ไม่ค่อยหอมเหมือน กล้วยหอมไทยหรอกค่ะ แถมเอามาทำกล้วยบวดชี หรือเชื่อม ก็เละค่ะ ส่วนพวกทุเรียน เงาะ ชมพู่ โลละ ๔ ยูโรค่ะ เอา ๕๐ คูณเป็นเงินไทยนะคะ แถมต้องไปซื้อร้านที่ขายของเอเชียน่ะค่ะ เลยต้องทานแอบเปิ้ล ลูกแพร์ เชอร์รี่แทนค่ะ ปลากระป๋องที่นี่ก็ไม่อร่อยเหมือนบ้านเราค่ะ ชอบทำยำปลากรอบตัวเล็ก ๆ ก็ต้องให้ที่บ้านส่งมาค่ะ พวกบะหมี่สำเร็จรูป ซื้อที่นี่ขายห่อหนึ่งเกือบสี่สิบบาทได้ค่ะ ต้องซื้อยกลัง ๓๐ ห่อขาย ๖-๗ ยูโรค่ะ ก็ยังแพงกว่าบ้านเราอยู่ดีแหล่ะค่ะ จากคุณ : รสา รสา - [ 21 ก.ย. 47 22:18:13 ]

ความคิดเห็นที่ 119 หัว Kohlrabi ปอกเปลือกแล้วทานส่วนหัว ใส่ในแกงได้ค่ะ จากคุณ : รสา รสา - [ 21 ก.ย. 47 22:19:53 ]

ความคิดเห็นที่ 120 น้องล่ะกลุ๊มมมมใจ๊ กลุ้มใจ!!...นะพี่... ไม่เคยไปปล่อยผ้าเช็ดหน้าทิ้งไว้ให้ใครเหยียบซะหน่อย ไหงไปสะดุดตาตุ่มใครเขามั่งก็ไม่รู้ ฮิ ๆ.. ก็ว่ากันไป..เรื่อยเปื่อย...หนุก ๆ น่ะค่ะ   อย่าหมั่นไส้กันเล้ยยยย...   เพื่อนกันทั้งนั้น... คิดมากปวดหัวเปล่า ๆ... พี่สดาฯ แพ้ชื่อผู้หญิงเหรอคะ ฮี่ ๆ จะเล่าเรื่องตลกให้ฟัง... ตอนทำงานใหม่ ๆ เพื่อนผู้ชายคนนึงมาเที่ยวหา ทีนี้คุณเธอ จำชื่อจริงน้องไม่ได้  เขาถามว่ามาหาใคร ดันตอบว่า...  มาหาสมหญิงคับ!... ตูอยากจะบ้า!!!.. นึกชื่อที่มันเท่ ๆ กว่านี้ไม่มีรึไงฟะ.... ^^' จากคุณ : ซอมฯ - [ 22 ก.ย. 47 10:44:06 A:202.129.2.9 X: ]

ความคิดเห็นที่ 121 คุณรสาครับ ตอนไป...สต็อกโฮล์ม-สวีเดน...เมื่อสัก4-5ปีมาแล้ว อาหารในโรงแรมเขาอย่างหนึ่งมีลักษณะ เป็นชิ้นบางๆ...มีรสชาติเปรี้ยวคล้ายๆ...กิมจิ ของญี่ปุ่น....ปรากฏว่าเป็นปลาครับ เอาเนื้อมาหมัก...คงไว้แก้เลี่ยน....เพราะอาหารมี แต่ครีมทั้งนั้น....สงสัยผักจะหายาก ต้องปลูกกันในเรือนกระจก พอดีผมไปช่วงมกราคม.....-10C...ต้องใส่ เสื้อยืดรัดรูปไว้ข้างในประมาณ4-5ชั้น ถุงเท้า3ชั้น....จึงบังอาจออกไปเดินย่ำหิมะได้ แต่เพียงสักชั่วโมงเดียวก็เหน็บกิน ปลายนิ้วมือ-นิ้วเท้า...แล้วล่ะครับ เรื่องผลไม้....มิน่าล่ะ ฝรั่งมาเที่ยวไทย...เจอกล้วยหอม-สัปรด..มะละกอสุก ถึงชอบกันนัก.... สันณิษฐานได้ว่าการที่ประเทศในเขตหนาว มีค่าครองชีพสูงกว่าประเทศในเขตร้อนส่วนใหญ่คงเนื่องจากอาหารมีราคาแพง อาหารนี่เป็นต้นทุนระดับแรกสุดของชีวิต ทำให้การออกแรงทำอะไรเลยแพงไปหมด เพราะต้องใช้พลังงานจากอาหารซึ่งแพงเข้าไปช่วย ผมว่าเมืองไทย...นี่ดีสุดๆก็เพราะเราผลิตอาหารได้เหลือเฟือ....เกิดวิกฤตเมื่อไรมันก็ไม่ร้ายแรงเท่าชาวบ้านเขา เหมือน...อินโดนีเซีย...หรือเกาหลี ที่ต้องซื้ออาหารกินเป็นบางส่วน จากคุณ : สดายุ... - [ 22 ก.ย. 47 12:15:58 ]

ความคิดเห็นที่ 122 สาวบุหรง.. มีคนรักดีกว่ามีคนเกลียด.....ใช่ปะ คนเราได้รับผลบางอย่างก็เพราะสิ่งที่เราประพฤติปฏิบัติเป็นเหตุ การเป็นคนสนุกสนานเฮฮา....คนมักชอบ การไม่เก๊ก...ไม่เย่อหยิ่ง...ไม่จองหอง...ไม่ดัดจริต จะเปลี่ยนโลกด้วยสองมือ การเป็นคนง่ายๆ...ไม่มากเรื่อง.... มักได้รับความเป็นกันเองเป็นสิ่งย้อนกลับ อันนี้พี่ว่าเรามีในส่วนที่คนโดยมากชอบ เขาก็เลยมีน้ำใจไมตรีแลกเปลี่ยน ถือเป็นกำไรชีวิตนะ สาธุ ส่วนชื่อนั่นน่ะ....อะไรก็ได้ หากสวยล่ะก็...แพ้หมด.... เสื้อขาว-กระโปรงดำนี่...เห็นแล้วเป็นหนักขนาด ผื่นขึ้นทีเดียว.... แต่...ขึ้นที่หัวใจ...ทำให้คันยิบๆ เพราะมองแล้วชื่นหัวใจ..ซะ ฮิๆๆ จากคุณ : สดายุ... - [ 22 ก.ย. 47 12:25:28 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ทางสวีเดนอดีตนั้นมาจากพวกไวกิ้ง จับปลาเก่ง แถมติดทะเล อาหารพวกปลาก็เลยถูกค่ะ และช่วงหน้าร้อนสั้น ทำให้พืชผักผลไม้ปลูกยากด้วยค่ะ ถ้าไปแถวนั้นน่าจะได้ดูหนังอีโรติดนะคะ เพราะแถบสแกนเป็นประเทศค่อนข้างเสรีในเรื่องนี้ค่ะ แถวยุโรปค่าแรงแพงก็อาจมาจากค่าใช้จ่าย ก็เป็นได้ค่ะ แต่ค่าครองชีพแถบประเทศสแกนแพงกว่ามาก ๆ ค่ะ เยอรมันนี่นับว่าถูกกว่าเพื่อนในแถบยุโรปตะวันตกแล้วค่ะ อ้อ โปรตุเกสก็น่าจะถูกกว่า แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละเมืองด้วยค่ะ เมืองใหญ่ ๆ แถวนี้ อย่าง ฮัมบวร์ก มิวนิค เบอร์ลิน ก็แพงเป็นธรรมดา แต่ถ้าซื้อของมาทำเอง ก็ไม่แพงมากค่ะ เห็นด้วยค่ะว่าถ้าประเทศไทยเราปิดประเทศหนีหนี้ แบบมาเลเซียก็อยู่รอดได้ค่ะ หรือจะเลียนแบบหนีเหมือนเปลี่ยนจากสมัยแถวอีกฝั่งพระนคร มาเป็นสมัยปัจจุบัน น่าจะลองดูค่ะ แต่ตอนนั้นมันก็มีเหตุ เรื่องนี้น่าคุยกันหลังไมค์มากกว่าค่ะ จากคุณ : รสา รสา - [ 22 ก.ย. 47 16:43:51 ]

ความคิดเห็นที่ 124 ป้ารสาฮะ- ผมอยากมีเมียชาวสวีเดนนี่  ขั้นแรกต้องหัดพูดภาษาสวีดิชรึเปล่าฮธ? รึเอาแค่พูดข้าหลวงบ้านเราให้ชัดก่อนดีฮะ? จากคุณ : หมี่ทระนง - [ 22 ก.ย. 47 21:29:14 A:203.113.76.11 X:203.150.217.111 ]

ความคิดเห็นที่ 125 ถูกต้องคร้าบ....บ คุณหมี่ทระนง แต่ภาษาอังกฤษเขาก็แจ๋วนะคะ ว่าแต่เรามะเคยมีหลานแบบนี้นา จากคุณ : รสา รสา - [ 23 ก.ย. 47 01:11:27 ]

ความคิดเห็นที่ 126 คุณรสาครับ หนังอีโรติคน่ะมีจริงแหละครับ...ที่สวีเดน (ในขณะที่เยอรมันเห็นแต่หนังสือ และในโรงหนัง..อย่างว่า) มาหลังเที่ยงคืน....อย่างไม่น่าเชื่อว่า จะไม่มีวัยรุ่นสักคนตื่นขึ้นมาแอบพ่อแม่ดูกลางดึก แต่ตอนไปน่ะหน้าหนาวผมเลยไม่เห็นความเป็นแดน "ฟรีเซ๊กส์"...อย่างที่สื่อมวลชนไทยชอบตั้งฉายาให้ แต่อย่างใด ที่เห็นมากก็พวก...อิหร่าน..อพยพ...ที่คอยไปชุมนุมกันเป็นครั้งคราวต่อต้านรัฐบาลตัวเอง...กลางเมืองสตอร์กโฮล์ม...โดยการจุดเทียนกันเต็มจตุรัสเลยโดยสงบ คุณรสาครับ... จริงๆแล้ว..มาเลเซียไม่ได้ปิดประเทศหนีหนี้นะครับ แต่ใช้วิธีที่เรียกว่า...cash control ควบคุมกระแสเงินสดไม่ให้เข้า-ออกประเทศโดยเสรี เกินไป จากคุณ : สดายุ... - [ 24 ก.ย. 47 08:16:11 ]

ความคิดเห็นที่ 127 ทั่นสดายุเจ้า  ^_^ โรคภูมิแพ้นี่  ใครเป็นแล้วมิมีหายขาด โดยเฉพาะแพ้สตรีหน้อย ๆ ฮิ ๆ ๆ   เพื่อนหิ่งห้อยน้อยบอกให้กินวิตามินซีวันละ 1,000 กรัม  จะช่วยได้  ^_^         มิรู้ว่าจริงรึเปล่า  นี่ก็ลองกินไปตั้งหลายกะปุกแล้ว  ฮิ ๆ ๆ       เจ้ารุ่ง......  หลอกตูรึเปล่า (ฟะ)   ^_^ จากคุณ : หิ่งห้อยน้อยใจ - [ 24 ก.ย. 47 12:15:38 ]

ความคิดเห็นที่ 128 ที่เยอรมันก็มีค่ะ มาหลังเที่ยงคืนเหมือนกันค่ะ จะฉายเฉพาะช่องเคเบิลเท่านั้นน่ะค่ะ แต่แค่เรทอาร์ค่ะ ซึ่งทางสแกนนี่เรทเอ๊กซ์เลยค่ะ ถ้าจะดูว่าประเทศทางนี้เสรีทางด้านนี้เพียงใด ต้องไปเดินแถวย่านถนน red light road ค่ะ อย่างเมืองฮัมบวร์กนี่ เพื่อนเล่าว่า มีชื่อร้านไทยอย่างแบ้งคอกด้วยค่ะ และมีบางถนนที่เขาห้ามผู้หญิงเข้าไปด้วยค่ะ อ้าว ตกลงมาเลเซียไม่ใช่ปิดประเทศหรือคะ อันนี้ฟังจากเพื่อนเล่าให้ฟังอีกทีหนึ่ง ถ้าไม่ลำบาก รบกวนคุณสดายุช่วยเปิดตา เกี่ยวกับ cash control ด้วยค่ะ แล้วมัน control ได้จริง ๆ หรือคะ จากคุณ : รสา รสา - [ 24 ก.ย. 47 18:11:39 ]

ความคิดเห็นที่ 129 หิ่งห้อย วิตะมินซีวันละ1000เม็ด...ท่าจะกันมะเร็งตามสูตรชีวะจิตซะมากกว่า....กันความสิเนหาในสาวน้อยบ่ได้ดอกจ๊ะ คุณรสาครับ จริงๆแล้วผมไม่เคยศึกษารายละเอียดลึกซึ้งมากเท่าไร เอาเป็นว่า... มหาธีร์...แกไม่สนใจว่าตะวันตกจะมองยังไง แกสนใจว่ามาเลเซียจะเป็นอิสระอย่างไรจาก IMF องค์กร ที่อเมริกามีอิทธิพลอยู่... ปัญหาตอนนั้นคืออะไร.... มีการโจมตีค่าเงิน ทำไมจึงต้องโจมตี เพราะกองทุนเหล่านี้ต้องการกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน กำไรเกิดจากไหน.... จากส่วนต่างของราคา ในช่วงเวลาที่ต่างกัน โดยมีกฏเกณฑ์ระหว่างประเทศบางอย่างทำให้เล่นได้ เช่นว่ามองว่าค่าเงินบาทแข็งเกินความเป็นจริง เพราะจากการที่ไทยมีหนี้ต่างประเทศมาก ขาดดุลการค้า-ดุลบริการ-ดุลชำระเงิน...มหาศาล คือมีตัววัดอยู่ประมาณ 10 กว่าค่าในทางเศรษศาตร์ เมื่อคุณเก็งว่าบาทมันจะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลล่าร์ คุณก็สั่งขายก่อน...ในขณะที่ไม่มีสินค้าส่งมอบในมือ อันนี้เหมือนลักษณะการซื้อ-ขายหุ้นแบบ short sell อันอนุญาติเฉพาะกระดาน forein และเฉพาะรายใหญ่ สมมุติว่า...ขายที่25บาท มีกำหนดส่งมอบในอีก6เดือนข้างหน้า เมื่อขายอย่างหนัก....แปลว่าอะไร แปลว่าของอะไรก็ตามเมื่อออกมามาก....ค่าก็ตก เหมือนพืชผลการเกษตร คราวนั้นแบงค์ชาติกลัวค่าเงินตก...ก็ขนเงินสำรอง ระหว่างประเทศที่เป็นดอลลาร์ออกมารับซื้อเงินบาท เรียกว่าสวอร์ฟ...เรียกว่าเท่าไรเท่ากัน จนเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่เคยมี 38000-40000 ล้านเหรียญ....เหลือเพียง...1000 กว่าล้านเหรียญ...ถึงต้องวิ่งหา IMF เข้าสังกัดเรียบร้อย ทำไม...เพราะเรากู้ต่างประเทศมาเยอะมาก ผ่าน BIBF...ที่ธารินทร์ เปิดไว้ ไอ้ BIBF นี่ทำให้เอกชนกู้เงินนอกได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านแบงค์....เลยสนุกกันใหญ่ หากค่าเงินลดลงไปครึ่งหนึ่ง....เราจะเป็นอย่างไร กู้มา10เหรียญ...250บาท ถึงเวลาใช้คืน...ต้องใช้500บาท...เพื่อแลก 10เหรียญไปคืนเขา ตายกันทั้งประเทศ เงินบาทถูกโจมตีจนพับฐานลงไปถึง57บาทต่อดอลลาร์ ในคราวนั้น เขาเคยใช้เงินเพียงดอลลาร์เดียวได้ 25 บาท หากว่าอีก6เดือนข้างหน้าเขาเก็งถูก สมมุติว่าบาทอยู่ที่50ต่อดอลลาร์ ถึงกำหนดเขาต้องซื้อเงินบาทคืนเพื่อมอบให้ผู้ซื้อตามจำนวนที่สั่งขายเขาจะใช้เงินเพียง ครึ่งดอลลาร์...ต่อ25บาท เขาสามารถกำไรถึง100เปอร์เซนต์ ทีนี้สำหรับมาเลเซีย มหาธีร์คิดต่ออีกนิดเดียว...สมมุติกับกรณีเงินบาทนะ อนุญาตให้เอาดอลลาร์เข้ามาซื้อบาทได้ กำไรเท่าไรก็แล้วแต่...ห้ามนำออกนอกประเทศ มันยังเป็นของคุณอยู่นะโซรอส....แต่ให้ ใช้ในประเทศนี้ก็แล้วกัน เรามิได้ยึดเงินคุณสักหน่อย เมื่อออกท่านี้...เงินดอลที่ขนมาแลกบาทก็ยังอยู่ เงินบาทก็ยังอยู่...ยันกัน...ค่าเงินก็อยู่ได้ ผ่านช่วงตกใจไป...เหตุการณ์ก็จะค่อยๆคลี่คลาย ไม่ต้องกู้ IMF... คือเอาคนที่ฉลาดหน่อยมา บริหารประเทศมันก็ดีแบบนี้แหละ หากเอาแต่ตั้งก๊วนตีกอล์ฟ...ให้ลูกเมียทำไฮโซ... ดัดจริตดีดดิ้นไปวันๆ...ให้พักพวกผู้รับเหมา...วิ่งเต้น แย่งประโยชน์กับโครงการใหญ่ๆ....แบบนักการเมือง-นักการทหาร...ไทย...เราก็จะได้แค่นี้แหละ ฮิๆๆ....นักกฏหมายนี่ก็ไม่ค่อยได้เรื่อง ในการบริหารนะ..คับแคบ...มองไกลไม่เกิน เชียงราย-กาญจนบุรี-อุบล-นราธิวาส และเหล่านักเรียนทุนแบงค์ชาติ เรียนเก่ง...ส่งไปจบนอกกันมา....แต่คิดไม่ทันฝรั่งสักที ให้เขากำหนดเกมตลอด... นี่คือผลพวงของคนในสังคม...เชื่อ-ฟัง... ขาดการคิด ยาวแล้วครับ จากคุณ : สดายุ... - [ 26 ก.ย. 47 06:39:17 ]

ความคิดเห็นที่ 130 ขอบคุณมากค่ะ เห็นด้วยค่ะว่าอยู่ที่ผู้นำจริง ๆ แต่ตอนนี้คงทำได้แต่ ช่วยสวดมนต์อวยพรให้ประเทศอยู่รอด และหวังว่าไม่ให้ฟองสบู่แตกอีก และที่สำคัญคนอื่นคงไปทำอะไรกับเขาไม่ได้ เริ่มที่ตนเองก่อนเป็นดีที่สุดค่ะ จากคุณ : รสา รสา - [ 26 ก.ย. 47 21:01:10 ]

ความคิดเห็นที่ 131 ^_^  พี่สดายุ  ^_^   ก่อนทานยาโปรดอ่านฉลากข้างขวด       วิตามินซีครั้งละ 1000 เม็ด   มีสิทธิ์อิ่ม + อึดอัด & จุกเสียด ตายได้  ฮิ ๆ ๆ ๆ         เจ้ารุ่งบอกว่าจะช่วยบรรเทาโรคภูมิแพ้น่ะค่ะ  ^_^         ประเภท  แพ้ฝุ่น  แพ้อากาศ  แพ้ขนสัตว์  แพ้เกสรดอกไม้ ฯลฯ         ถ้ากันมะเร็งได้ด้วยนี่ก็น่าจะเป็นผลพลอยได้ค่ะ  ^_^       แพ้สารพัดแพ้แบบนี้  เมื่อไหร่จะชนะสักทีก็บ่ฮู้เนาะ  ฮิ ๆ ๆ                 มากอบโกยความรู้จากพี่สดายุไปอีกกระบุงโกยค่ะ         ขอบคุณ  ทั้งพี่สดายุ  และพี่รสา รสา ค่ะ  ^_^ จากคุณ : หิ่งห้อยน้อยใจ - [ 26 ก.ย. 47 21:28:46 ]

ความคิดเห็นที่ 132 เท่าที่ทราบมาถ้าคนปกติ ควรทานวิตามินซีวันหนึ่งไม่ควรเกิน หนึ่งพันมิลลิกรัมค่ะ ว่าแต่ครั้งล่ะพันเม็ดนี่ เม็ดนึงกี่มิลลิกรัมคะ แล้วอย่าลืมทานน้ำเยอะ ๆ ตามไปด้วยนะคะ อะไรที่ทานมากไปก็ไม่ดีค่ะ ยิ่งวิตามินซีละลายในน้ำได้ ถ้าร่างกายไม่ต้องการจะขับมาทางปัสสาวะ ทีนี้ถ้าทานมากไป ไตจะทำงานหนัก ถึงแม้โรคอื่นจะหาย แต่อาจเป็นโรคไตได้นะคะ จากคุณ : รสา รสา - [ 27 ก.ย. 47 01:39:03 ]

ความคิดเห็นที่ 133 คุณรสาเชื่อมั๊ย เริ่มมีการพูดกันแล้วว่า....คราวที่แล้ว คนที่ไม่กู้นอกมาเลย...ยังรอดได้อยู่ หากคราวหน้ามีอีก....ไม่เหลือเลยล่ะครับ ตอนนี้ก็มองกันว่า...อมริกา"ต้อง"..ลดค่าเงิน ในอีกไม่นาน...ขาดดุลสารพัด แต่ประเทศนี้มีลักษณะพิเศษที่พิมพ์เงินดอลได้โดย ไม่ต้องมีทองคำสำรองค้ำค่าไว้ แปลว่า...คนมั่นใจมากกว่าประเทศตัวเองซะอีก เขาจะลดขาดดุลก็ต้องลดการนำเข้า ลดการนำเข้าก็ต้องทำให้ของนอกแพง โดยทำให้ค่าเงินตัวเองถูกลง และประเทศที่พึ่งพาการส่งออกไปอเมริกา... จะตายอีกรอบ จากคุณ : สดายุ... - [ 27 ก.ย. 47 13:02:48 ]

ความคิดเห็นที่ 134 มาแล้วค่ะ แหะๆ... รัมหายไปหน่อย กลับมาอ่าน ตามอ่านนนน พบว่า พี่สดายุ ลำเอียง และเข้าข้างเพศเดียวกันจนออกนอกหน้า..ฮึ่ม (ขอวกหน่อยเถอะค่ะ อิอิ ขอบ่นนิกเดียว แล้วพอแล้วค่ะ ไม่ต่อความด้วยทั้งสิ้นทั้งปวง) มาแปะชื่อว่าเป็นสมาชิกแฟนนานุแฟนเหนียวแน่นนะคะ จากคุณ : รำนำ (Poison_Rose) - [ 27 ก.ย. 47 16:42:49 ]

ความคิดเห็นที่ 135 ถามว่าเชื่อมั้ย (ไม้โทนะคะ) ตอบว่าเชื่อค่ะ เพราะรัฐฯ ดั๊นเอาเงินเก็บสำรองของชาติ ไม่รู้กี่ปีมาใช้หนี้ IMF หมดไงคะ คนทั่วไปก็คิดว่ารัฐฯ ทำดี ประเทศไทยไม่มีหนี้แล้ว เฮ้อ คิดแล้วก็ให้ไม่แน่ใจว่า จะเก็บเงินสำรองได้ใหม่ไว้ใช้ อีกกี่ปีแค่ไหน อย่างที่บอกไป งานนี้ได้แต่สวดมนต์ค่ะ หรือไม่แน่นะคะ ท่านหลวงตามหาบัว อาจต้องออกโรงอีกรอบค่ะ พูดถึงประเทศมหาอำนาจก็งี้แหล่ะค่ะ ดูข่าวสงครามในอิรักทุกวัน เมื่อไหร่จะเลิกซะทีน้า มีเพื่อนบอกว่าประเทศมหาอำนาจนั้น ต้องการลดปริมาณคนที่ไม่มีสมรรถภาพ ในช่วงวัยรุ่นลงด้วโดยการส่งไปสงคราม เฮ้อ คิดได้ไงเนี่ย คนก็คนนะ มีแบ่งชั้นวรรณะด้วย ไม่ใช่ในอินเดียเสียหน่อย แวะมาดูผลิตภัณฑ์ต่างชาติในไทยบ้างค่ะ เริ่มจากพ่อแม่ของเพื่อนที่ทำร้านขายของชำ ก็เริ่มเจ๊งกันไปเป็นแถบ ๆ เพราะคนไทยเราไปอุดหนุนดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ใหญ่ ๆ ที่เป็นของคนต่างชาติ (แม้แต่คนที่บ้านตัวเองก็ไปซื้อเหมือนกันค่ะ) ที่เข้ามาตั้งทั่วบ้านเต็มเมืองอยู่ในขณะนี้ไงคะ อีกหน่อยตลาดสดอาจไม่มีเหลือก็ได้ค่ะ ไม่รู้จะแก้กันยังไงเหมือนกันค่ะ ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เริ่มจากไม่ใช่บัตรเครดิตเพิ่มหนี้ก่อน พยายามใช้สินค้าก่อน ถ้าจำเป็นจริง ๆ เช่น ยา ก็อนุโลมค่ะ คงดีแล้วค่ะตอนนี้ เรื่องอาหารการกิน ที่จริงคนไทยในต่างแดนนี่ ใช้สินค้าไทยกันเสียเป็นส่วนใหญ่ค่ะ อาจมากกว่าคนที่เมืองไทยด้วยซ้ำไปค่ะ ถึงแม้จะไปซื้อตามร้านขายของเอเชียของชาติอื่นก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นของคนเวียดนาม คนจีน หรือคนฟิลิปปินส์ก็ตาม แต่สินค้าผลิตภัณฑ์ไทย ซึ่งมีราคาแพงกว่าขายในเมืองไทยอีกค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 47 18:54:16 จากคุณ : รสา รสา - [ 27 ก.ย. 47 18:47:36 ]

ความคิดเห็นที่ 136 หิ่งห้อย หากอยากรู้เรื่องราวมากกว่านี้... ไปหาอ่านเอกสารของ...ปรส....หรือที่เกี่ยวกับ วิกฤตการเงิน....รู้ไว้เป็นผลดีมากกว่า คนที่รู้-ได้กลิ่น...วิกฤตล่วงหน้า เหมือนแมงปอล้อคลื่น....น้ำไม่กระเซ็นโดนหรอก น้องรำนำ จริงๆแล้วพี่ไม่ได้เข้าข้างเพศเดียวกันหรอก มักเอาใจเข้าข้างสาวน้อยทั้งหลายมากกว่า เพราะพี่ไม่มีความสนใจในสิ่งที่ตนเองเข้าใจดีอยู่แล้ว คือความเป็นผู้ชาย...สักเท่าไร แต่สนใจฝั่งตรงข้ามมากกว่า ทั้งความรู้สึกนึกคิด....ความใฝ่ฝัน.... ความแปรปรวนในอารมณ์ ความซ่อนเร้นในทีท่า ธรรมชาติจิตใจในส่วนที่ต้องปิดบังด้วยเหตุแห่ง ประเพณี วัฒนธรรม...อันเป็นกรอบอยู่ น่าสนใจกว่าเยอะ จากคุณ : สดายุ... - [ 28 ก.ย. 47 07:57:07 ]

ความคิดเห็นที่ 137 คุณรสาครับ... ไม่ใช่ว่าเห็นฝรั่งดี...หรือเห็นคนไทยแย่...นะครับ ผมมองว่าเป็นความรู้สึกกดดันลึกๆว่าตัวเองด้อยกันทั้งประเทศ-ภูมิภาค-จนกระทั่งทั้งทวีป...หรือยังไงก็ไม่รู้ เราแทบจะไม่เห็นคนผิวขาวรับเอาชุดไทยประยุกต์ ชุดกี่เพ้าของจีน....ส่าหรีของอินเดีย...ชุดสุ่มไก่ ของสาวอิสลามไปใส่เดินถนนในบ้านเมืองเขา.... ในขณะที่ยีนส์รัดรูปเอวต่ำ(ยิ่งต่ำยิ่งรู้สึกว่าฉันนี้ใจถึง) ของฝรั่ง...เราชาวเอเชียในเมืองใหญ่ทั้งหลายกลับ ไขว่คว้าอย่างลุ่มหลงคลั่งไคล้... เสื้อตัวน้อยรัดติ้ว...และ สะดืออันควรปิดไว้....ไปเปิดอวดตามชายหาด...กลับใส่โชว์กันเกร่อกลางเมือง.... แต่เมื่อไปชายหาด กลับใส่กางเกงขาสั้นสวมทับด้วยเสื้อยืดตัวใหญ่...ลงเล่นน้ำ....ผมดูๆแล้วมันเป็นอาการผิดที่ผิดทางแบบ ไม่รู้กาละ....สถานะ....เลย นี่คือวัฒนธรรมแบบไร้ราก....ขาดความเหมาะสม และวิตถาร....และอีกหลายเรื่อง การศึกษา...การโต้แย้งทางความคิด....รสนิยมพันธุ์ทาง ลูกผีลูกคนทั้งหลาย เป็นต้นว่าพอทำมาหากินร่ำรวย....ต้องขับเบนซ์ล่ะ ดีตรงไหนยังตอบไม่ได้เลย....ไม่ทราบฝรั่งเป็นเหมือนกัน หรือเปล่า.... ถามคุณรสาด้านแนวคิดของฝรั่ง...น่าจะถูกคน... ฝรั่งยุโรปนะ.....พวกโลกใหม่..อเมริกา-ออสซี่.ผมไม่สนใจเท่าไร....รากเขามาจากยุโรป อ้ค่านิยมบ้าบอแบบ....พวกดัดจริตบ้านเราเป็นกัน มีมากน้อยแค่ไหนครับ จากคุณ : สดายุ... - [ 28 ก.ย. 47 12:22:50 ]

ความคิดเห็นที่ 138 เขาหวังเขาว่าไว้             ให้หวัง ยอภาพยกพจน์ฝัง          เฟื่องฟุ้ง แม้นชอบจักเชื่อยัง         ยากก่อน นะแม่ กลเรื่องดั่งราวรุ้ง            รูปนั้นมีไฉน จากคุณ : สดายุ... - [ 28 ก.ย. 47 16:57:19 ]

ความคิดเห็นที่ 139 อ่านความคิดเห็นคุณสดายุ แล้วมานั่งนึกว่าตัวเองเจออะไรหรือเปล่า อืม ความที่เราเป็นผู้หญิงไทยมาอยู่ต่างแดน เริ่มจากในฐานะเป็นคนเอเชีย โดนมองว่าเป็นบุคคลชั้นสองอยู่แล้ว ในเรื่องของภาษา ตามปกติสัมมนาจะพูดเป็นภาษาเยอรมัน อาจารย์ไม่สนใจว่าตอนแรกเราจะฟังภาษาเยอรมันได้หรือไม่ ก็เข้าไปนั่งเล่น ๆ อย่างนั้นแหล่ะในเทอมแรก ๆ ของการสัมมนา แต่พอเทอมหลัง ๆ มีนักศึกษาอเมริกันมาเท่านั้น เริ่มปฏิวัติทันที ทุกคนต้องรายงานเป็นภาษาอังกฤษนะ แต่ก็เป็นกับเฉพาะอาจารย์บางท่านเท่านั้น ซึ่งบางท่านก็ใจดี เห็นเราไม่รู้ภาษาเยอรมัน และเด็กเยอรมันมันรู้ภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ท่านถึงขนาดบรรยายเป็นภาษาอังกฤษเพื่อเราคนเดียวนะเนี่ย และเพื่อนบางคนก็พูดรายงานหน้าชั้นเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อเราเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่เพื่อนทุกคนหรอก อย่างเพื่อนคนเยอรมันบางคน หรือคนเยอรมันทั่วไป พอรู้ว่ามีนักเรียนไทยมา จะถามว่ามาจากไหน ถ้าตอบกรุงเทพฯ ก็จะถามต่อว่ารู้จักพัฒน์พงศ์ (คำนี้สะกดไม่เป็นค่ะ) หรือเปล่า หรือถ้าบอกว่ามาจากชลบุรี ก็จะถามต่อทันทีว่า (คงเดากันได้) รู้จักพัทยาไหม นี่แสดงว่าเมืองไทยเราก็ดังเหมือนกัน เสร็จแล้วยังไม่จบ ยังถามอีกว่า บ้านเรามีโสเภณีเด็กจริงไหม เราตอบว่าจริง เขาพูดต่อเป็นทำนองค่อนข้าง look down ว่า บ้านเธอมีบริการอย่างนี้จริง ๆ ด้วยเหรอ (ขออนุญาต ไม่พูดว่าดูถูก คือพูด look down รู้สึกว่ามันให้ความรู้สึกมากกว่าน่ะค่ะ) เราก็เลยตอบมันไปว่า You เคยเรียนเศรษฐศาสตร์ไหม รู้จัก demand (อุปสงค์) and supply (อุปทาน) ไหม (ตัวไหนอุปสงค์ อุปทาน ชอบสลับกันค่ะ) แล้ว you คิดว่าตัวไหนมีความเป็นสัตว์มากกว่ากัน เท่านั้นแหล่ะ ตั้งแต่วันนั้นมา หมอนี่มันไม่กล้า มาพูดเรื่องแบบนี้กับเราอีกเลย หึ หึ รู้จักคนไทยน้อยไปแล้ว จนมาทุกวันนี้เราเริ่มชาชินกับเรื่องนี้ หรือเรื่องคนมองว่าเป็นพลเมืองชั้นสองไปแล้ว เพราะไม่คิดจะมาอยู่ประเทศที่ได้ชื่อว่า ประเทศที่พัฒนาแล้วไปจนตาย มีคนเคยถามเหมือนกันว่า จบแล้วจะทำอะไร จะทำงานอยู่ที่นี่หรือเปล่า เราตอบทันทีว่า เราจะกลับบ้าน เขาก็คงแปลกใจอยู่บ้างเหมือนกัน ถามว่าทำไม ไม่อยากทำงานที่นี่เหรอ เราตอบว่า อยู่เมืองไทย ฉันมีบ้าน ที่เป็นบ้านจริง ๆ (ที่จริงบ้านพ่อแม่ค่ะ) บ้านที่มีบริเวณ มีสวน มีที่จอดรถ ไม่ใช่อพาร์ทเม้นต์ หรือคอนโดฯ เรามีรถ (รถที่บ้านอีกเหมือนกัน ที่จริงไม่มีอะไรเลย) เรามีการงานที่มั่นคง (ไม่รู้ว่าต่อไปในอนาคตจะมั่นคงหรือเปล่า) อาหารก็สะดวก ถูก หาซื้อทานได้ง่าย มีตลาดโต้รุ่ง เปิด ๒๔ ชั่วโมง ไม่เหมือนร้างรวงที่นี่ อย่างโรงอาหารมหาวิทยาลัยก็เปิดแค่ สิบเอ็ดครึ่ง ถึงบ่ายสอง ร้านค้าเปิดถึงสองทุ่ม วันอาทิตย์ก็ปิด ข้าวของก็ถูก บางครั้งอยากทานไอสครีมนอกบ้าง เช่น Swenzen หรือ Baskin Robbins ซึ่งประเทศนี้ไม่มี เมืองที่เราอยู่ KFC ยังไม่มีเลย นี่เมืองไทยถึงแม้ จะเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา ไม่เจริญกว่าหรือนี่ เพื่อนฟังจนอ้าปากหวอไปเลย เดี๋ยวมาเล่าต่ออีกค่ะ มีเรื่องตลก ๆ อีกเยอะ จนจะไปพิมพ์หนังสือขายได้แล้วล่ะค่ะ อ่าน ๆ ข้อความของคุณสดายุ แล้วมาเจอกระทู้นี้พอดีค่ะ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3036810/W3036810.html แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 47 20:53:33 จากคุณ : รสา รสา - [ 28 ก.ย. 47 20:47:59 ]

ความคิดเห็นที่ 140 มาเล่าต่อนะคะ เพื่อนเห็นเราโม้ดังนั้น ก็เลยถามเราต่อว่า เธอมาจากครอบครัวที่รวยเหรอ เราก็ตอบว่าไม่รวยหรอก พ่อเราเป็นข้าราชการจน ๆ เป็นตงฉิน ไม่ได้ตามน้ำทวนน้ำ จะไปรวยอะไร แต่เราก็พอมีพอกิน ไม่ถึงกับเป็นหนี้สินใคร (ที่จริงใช้หนี้หมดแล้วจากบำเหน็จคุณพ่อค่ะ) กับมีเงินเก็บบ้างไว้สำหรับฉุกเฉินตอนป่วย แต่จะว่ารวยก็ได้ เพราะความรวยหรือจน มันอยู่ที่ความพอไม่ใช่หรือ ใครเป็นคนตัดสินหล่ะ ที่บ้านเราว่าพอแล้ว ไม่เห็นต้องขวนขวาย ไม่ได้ต้องการมีเป็นร้อย ๆ ล้าน หรือยังต้องการเกียรติ กล่องอะไรเพิ่มอีกเลย เท่านี้โอเคแล้ว ก็ถือว่ารวยได้นะ ไป ๆ มา ๆ กับเพื่อนคนนี้ เลยถูกคอกัน คุยแลกเปลี่ยนเรื่องศาสนาไปเลยค่ะ ซึ่งชาวคริสต์จริง ๆ แล้วเขาเคร่งมากกว่า บ้านเราที่ปากบอกว่านับถือพุทธเสียอีกนะคะ อย่างน้อยเรื่องของศีลเป็นต้น ซึ่งของคริสต์นั้นก็มีเหมือนกันค่ะ ทีนี้คุณสดายุพูดถึงเรื่องเสื้อผ้า นั่นไม่ใช่วัฒนธรรมแล้วค่ะ แต่เป็นเพียง ค่านิยม ของคนส่วนใหญ่เท่านั้น ที่จริงคงต้องย้อนถามไปก่อนว่า เราใส่เสื้อผ้าเพื่ออะไร คนยุคหินก็มีเพียงแค่ใบไม้หรือหนังสัตว์เท่านั้น เสื้อผ้ามีไว้เพื่อกันอุจาคตาอันที่หนึ่ง อันที่สองเพื่อป้องกันจากอากาศร้อนหนาว ลม และแสงแดด รวมทั้งฝุ่นควันด้วย แต่บางครั้งเราจำเป็นต้องแต่งตัวสุภาพตามกาละเทศะ เช่น การไปงานศพ การไปงานวันเกิด การไปงานแต่งงาน การไปฟังคอนเสริต์ การไปดูละครมโหรสพ การไปงานรับปริญญา เป็นต้น การที่แต่งตัวสุภาพสวยงามเพื่ออะไร ก็เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่เจ้าภาพงานเลี้ยงนั้น ๆ หรืออย่างงานศพ ก็ให้เกียรติผู้ตาย อย่างงานมโหรสพ ก็ให้เกียรตินักแสดง นักดนตรี เพราะถือว่าการใช้ศิลปะเหล่านี้ย่อมมีครู เป็นต้นค่ะ อันนี้คนเราต้องเข้าใจตรงจุดนี้ก่อน แต่คนเราลืมตัวไป หรือที่เรียกว่าหลงลืมสติไป ก็อาจจะหลงไปตามแฟชั่น ตามเพื่อนฝูงได้ กลัวเพื่อนจะไม่คบบ้าง เป็นต้น ตอนที่ตัวเองอยู่เมืองไทย ก็มักจะโดนมอง ว่าเป็นตัวประหลาดบ้าง ยัยเฉิ่มบ้าง ป้าบ้าง ความที่ไม่ได้ตามแฟชั่น แต่ตามฐานะอันจะกินของเรา แต่คนอื่นคงหน้าหนาไม่เท่าเรา เลยยังแคร์กับสังคมจอมปลอม ที่ใส่หน้ากากเข้าหาเรา สมัยเราเรียนเพื่อนยังแซวเลยว่า กระโปรงเธอเนี่ย เอาไปตัดกระโปรงเด็กสมันนี้ได้ ๓ ตัว เสื้อก็เหมือนกัน เราเห็นชุดนักศึกษาแล้วเสียวแทน ว่าถ้าหายใจแรงไปเนี่ย กระดุมอาจหลุดได้ แล้วแถมคิดด้วยว่า เขาไม่รู้สึกอึดอัดกันบ้างเหรอ ที่เอาเสื้อน้องมาใส่น่ะ อย่างน้องสาวเรา มันต้องไปทำผมครั้งละ ๗๐๐ บาท ในขณะที่เราอยู่นี่เราตัดผมเอง (ค่าตัดผมที่นี่ประมาณ ๒๐ ยูโรค่ะ) อยู่เมืองไทยเราว่า ๒๐๐ บาทก็พอแล้ว มันจะอะไรกันนักกันหนา คุณสดายุเชื่อไหมว่า แม้แต่บัตรเอทีเอ็มหรือมือถือ เรายังไม่คิดจะมีเลยค่ะ แต่ที่มีเพราะเขาให้มา เดี๋ยวมาดูการแต่งตัวของคนที่นี่บ้างค่ะ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 47 21:32:42 จากคุณ : รสา รสา - [ 28 ก.ย. 47 21:14:37 ]