http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2967958/W2967958.html
ตอนที่แล้ว
==============
Kenaf Forest
สองมือกอดร่างนั้นเอาไว้แน่น
ไม่อยากให้จากไป ก่อนที่ร่างนั้นจะเลือนลางหายวับ! ไปในที่สุด ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า
ที่ไม่อาจไขว่คว้าจับต้องได้อีกเลย
ท่านพ่อ
ท่านแม่
อย่าทิ้งข้าไป ได้โปรด
พยายามจะวิ่งตามไป แต่งยิ่งวิ่งตาม ก็เหมือนยิ่งห่างไกลออกไปทุกที
ทุกที..
ความรู้สึกเลือนลางค่อย ๆ แจ่มชัดขึ้น จนรู้สึกตัว
เจ้าหญิงเฟรนลี่รู้สึกตัวตื่นจากฝันร้ายแห่งความคิดถึงบุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง
ฝันไป
ความรู้สึกหนึ่งบอกเจ้าหญิง มันเป็นเพียงความฝันไม่ใช่ความจริง แต่มันเป็นความจริงที่เกิดขึ้นในอดีตที่ฝังลึกความเสียใจที่สุดไว้ในก้นบึ้งของจิตใจดวงน้อย ๆ ที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้เลย
เช้าแล้วหรือ
เจ้าหญิงถามตัวเองอีกครั้ง ความรู้สึกยังไม่อยากตื่นเลย รู้สึกกำลังอุ่นสบาย แปลกใจที่ไม่รู้สึกหนาวเหมือนทุกเช้า แต่กลับรู้สึกอบอุ่นเป็นพิเศษสำหรับเช้าวันนี้ เธอยังไม่กล้าลืมตาขึ้นทันที เพราะทุกครั้งที่ฝันถึงท่านพ่อท่านแม่ เมื่อลืมตาขึ้นครั้งใด จะพบตัวเองกอดคนที่นอนข้าง ๆ ไว้ทุกครั้ง รู้สึกละอายใจเหลือเกิน วันนี้ก็เช่นกัน เจ้าหญิงเฟรนลี่ทำใจ และภาวนาขอให้อย่าเป็นเหมือนทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาเลย แล้วตัดสินใจลืมตาขึ้นมาพบกับความจริง
หญิงสาวผงะ!! ด้วยความตกใจ
จึ๋ย! เมื่อมองเห็นแขนของตัวเองโอบตัวของชายหนุ่มที่นอนข้าง ๆ อยู่ และยิ่งกว่านั้น
ยังพบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนอันอบอุ่นของบุรุษหนุ่มผมสีเทาอีกต่างหาก ต่างจากทุกครั้งที่เจ้าชายจะนอนนิ่ง ราวกับเป็นหมอนข้างอย่างดี เจ้าหญิงเฟรนลี่ขยับศีรษะขึ้นจากอกกว้างของชายหนุ่ม ใบหน้าชาร้อนวูบขึ้นมาทันที ทำหน้าตาเหยเกบิดเบี้ยว ปากเบ้ไปทางหนึ่ง ขมวดคิ้วย่นยู่ยี่ กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
ตาย! ตาย! ตาย! ตายแล้ว พลางถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก ก่อนค่อย ๆ ขยับมือของตัวเองที่โอบตัวเจ้าชายอยู่กลับมา
โอ๊ย!!! เจ้าหญิงได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจ
บ้าจริง
!!! เจ้าหญิงบ่นอุบ ราวกับไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน รู้สึกอับอายขายหน้าอย่างบอกไม่ถูก ผงกศีรษะขึ้นมามองหน้าชายหนุ่มอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ใบหน้าเฉยชานั้นยังคงสงบนิ่งเหมือนเคย ไม่อาจโวยวายด้วยถ้อยคำใด ๆ เมื่อมองเห็นน้ำตาไหลซึมออกมาจากเปลือกตาปิดสนิทของเจ้าชายช้า ๆ
อะไรทำให้เจ้า
ร้องไห้ได้
แรร์เน็ส อดนึกแปลกใจไม่ได้ บุคลิคเงียบขรึม องอาจกล้าหาญ ล้วนเต็มไปด้วยความเข้มแข็ง ใบหน้าเรียบเฉย เยือกเย็นจนเย็นชานั้น จะร้องไห้ได้หรือ?
เจ้าคงฝันร้ายเหมือนกับข้า
ใช่มั้ย? น้ำตาอุ่น ๆ พาลรื้นขึ้นมาเช่นกัน หญิงสาวขยับตัว ดึงแขนของเจ้าชายที่พาดขวางลำตัวอยู่ออกไปแต่ทว่าสองแขนของบุรุษหนุ่มกลับกอดรัดร่างของหญิงสาวเอาไว้แน่น แน่นจนไม่สามารถขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้เลย
เจ้าหญิงนิ่งอึ้งไปชั่วขณะด้วยความตกใจ
อะไรกันเนี่ย? ข้าไม่ใช่หมอนข้างของเจ้านะ ปล่อย!! พยายามขยับตัวออก แต่ทำไม่ได้เลย
คอยดูนะ แรร์เน็ส ข้าฝากไว้ก่อนเถอะ ข้าต้องคิดบัญชีกับเจ้าแน่! จำใจปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามกอดเอาไว้อย่างนั้น
เจ้าหญิงเฟรนลี่รู้สึกถึงคลื่นความรู้สึกบางอย่างแผ่ซ่านมาจากร่างของเจ้าชาย
เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า
แรร์เน็ส
อ้อมกอดของเจ้าชายสัมผัสได้ถึงแห่งกระแสธารของความเศร้า ความสูญเสีย ความพลัดพราก ความเสียใจเหลือเกิน
ความอ้างว้าง ความโดดเดี่ยวในจิตใจ
แรร์เน็ส
เจ้าฝันร้ายหรือ? ตื่นเถอะ เจ้าหลับมา 7 วันแล้วนะ หญิงสาวพยายามปลุกเจ้าชายผมเทาให้รู้สึกตัวตื่นจากฝันร้ายแห่งความสูยเสีย แต่ทว่า ไม่ว่าจะปลุกอย่างไร ชายหนุ่มก็ไม่ตื่น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พยายามจะปลุกให้เขาตื่นจากการหลับไหล แต่ได้พยายามมาหลายครั้งแล้ว เจ้าหญิงได้แต่คิดว่า ร่างกายของเจ้าชายคงเหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้ามากจนต้องการพักผ่อนนานเป็นพิเศษ
ครู่หนึ่ง จึงสามารถขยับแขนของเจ้าชายออกจากตัวได้สำเร็จ เจ้าหญิงลุกขึ้นนั่ง พลางถอนหายใจออกอย่างโล่งอกโล่งใจแล้วเลื่อนผ้าห่ม ๆ ให้เจ้าชายอีกครั้ง มองเจ้าของใบหน้าเรียบเฉยนั้น ตลอด 7 วันที่เจ้าชายนอนหมดสติ ไม่ขยับตัวหรือกระดุกกระดิกเลย วันนี้เป็นวันแรกที่เจ้าชายมีการเคลื่อนไหว สีเทาที่เปลือกตาและริมฝีปากจางลงไปมาก เริ่มมีสีเลือดขึ้นมาบ้างแล้ว เจ้าหญิงเฟรนลี่รู้สึกอุ่นใจเมื่อเห็นอาการของบุรุษผมเทาดูดีขึ้น
แสงแดดยามเช้าเคลื่อนตัวสูงขึ้นตามอำนาจของดวงตะวันสีทอง เปร่งแสงรัศมีแรงกล้าสาดส่องผ่านหน้าต่างกระท่อมเข้ามากระทบดาบเงินที่วางอยู่ข้างตัวเจ้าชาย เกิดแสงสะท้อนเลื่อมเงาวาววับ เจ้าหญิงเฟรนลี่หยีตามองดาบนั้น ก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้
มือเรียวแตะดาบเงินเบา ๆ เกิดแสงวาบขึ้น ราวกับรู้ว่าผู้ที่มาสัมผัสดาบนี้ไม่ใช่เจ้าของ เจ้าหญิงผงะถอยหลังนิดหนึ่ง อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ ที่วันนี้ดาบเงินอาวุธคู่กายของเจ้าชายเปล่งประกายเจิดจ้าเป็นพิเศษ ราวกับการมีชีวิตอยู่หรือแตกดับ สุขหรือทุกข์ ผูกพันกับเจ้าของดาบเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ ดาบเงินจะดูหม่นหมอง เหมือนมีเขม่าควันดำจับอยู่ตามคมดาบ
ดาบนี้ไม่ใช่ดาบของคนธรรมดาแน่ เจ้าหญิงพิจารณาลวดลายของดาบเงินตรงหน้า ด้ามถือมีลวดลายคดเคี้ยวสลักด้วยโลหะทองเส้นบางดูแปลกตา พลอยสีโกเมนประดับบนดาบเป็นรูปดาวเจ็ดแฉก แล้วนึกถึงดาบของบีวาร์องครักษ์ประจำตัว ดาบของเขาทำด้วยโลหะเนื้อดี ด้ามปรากฎลวดลายเป็นตารางคล้ายตาข่าย มีพลอยสีอำพันประดับอยู่มีรูปร่างคล้ายปีกของแมลงผึ้ง
คนที่มีดาบแบบนี้ได้ ต้องเป็นนายทหารชั้นสูง หรือไม่ก็เป็นเจ้าชาย หรือราชาครองเมืองอะไรซักอย่าง เจ้าหญิงมองหน้าเจ้าชายแรร์เน็สอย่างค้นหาคำตอบว่าเขาเป็นใคร? แล้วคิดถึงตำนานดาบล้ำเลิศที่สุด ของดาบทองสีรุ้ง เคยได้ยินตำนานเล่าต่อกันมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก ใจอยากจะยลโฉมดาบทองสีรุ้งสักครั้ง ดาบที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจและความวิเศษต่าง ๆ นา ๆ บ้างว่า คมกริบกว่าดาบใดในปฐพี สามารถตัดโลหะได้ทุกชนิด บ้างว่ามีอำนาจทำลายล้างราวกับระเบิดเมืองได้ทั้งเมือง บ้างว่าสามารถช่วยชุบชีวิตคนตายให้กลับมามีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งได้ ล้วนแต่เล่าขาลกันต่อ ๆ มานานแล้ว
เจ้าหญิงนึกสนุก เอื้อมมือยกดาบสีเงินขึ้นมาด้วยมือขวา กะยืนเต๊ะท่าเท่ ๆ อย่างนักรบ แต่ทว่าดาบกลับยกไม่ขึ้น ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย จนต้องใช้มือซ้ายอีกมือช่วยจึงยกขึ้น
ดาบอะไรเนี่ย หนักชะมัดเลย มองแขนเล็ก ๆ ของตัวเอง ทำไมมันไม่มีกำลังเอาซะเลยนะ! คิดอยู่ในใจว่า หากฝึกเพลงดาบเป็น จะได้ใช้ป้องกันตัวเอง ดูแลตัวเองได้ โดยไม่ต้องให้ใครมาลำบากคอยปกป้องอีกต่อไป แล้วพยายามประคองดาบหมุนไปทางซ้ายทีทางขวาที แบบที่เคยเห็นนายทหารคนสนิทฝึกปรืออยู่เสมอ แต่ทว่าไม่ว่าจะหมุนไปทางไหนก็เซไปตามน้ำหนักของดาบนั้นทุกที
เจ้าหญิงเฟรนลี่วางดาบลงด้วยความเหน็ดเหนื่อย พลางยกแขนเสื้อซับเหงื่อใส ๆ ที่สะท้อนกับแสงตะวันสีทอง ด้วยรู้สึกถึงความไม่ได้เรื่องไม่เอาไหนของตัวเอง แถมท้องเริ่มร้องขออาหารอีกแล้ว
กระรอกตัวน้อยวิ่งป๋อมาตามกิ่งไม้ หางฟู ๆ ด้านหลังชูสลอนเห็นชัดมาแต่ไกล กระรอกหนุ่มน้อยมาหยุดยืนทำจมูกฟุดฟิดกระดุ๊กกระดิ๊กอยู่ข้างหน้าต่างกระท่อมร้าง จ้องมองเจ้าหญิงแสนสวยด้วยดวงตากลมใสแจ๋ว
อ้าว! มาแล้วหรอ มาตามข้าหรอเนี่ย
เจ้าหญิงยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยความดีใจ รี่เดินไปที่หน้าต่างอย่างเบิกบาน เอื้อมมือจับเจ้าตัวน้อยขนหนานุ่มมาอุ้มแนบอกอย่างเอ็นดู พลางลูบหัวกระรอกน้อยเบา ๆ กระรอกน้อยสีน้ำตาลขยับตัวกระดุ๊กกระดิ๊กดิ้นหลุดจากมือเจ้าหญิง กระโดดเกาะขอบหน้าต่างอย่างคล่องแคล่ว รีบไต่กลับไปตามกิ่งไม้อย่างว่องไว เป็นเชิงให้วิ่งไล่ตาม
รอด้วยซี่
เจ้าหญิงรีบวิ่งตามเพื่อนใหม่ออกไป เจ้ากระรอกน้อยแสนซนวิ่งมาชวนเจ้าหญิงไปวิ่งเล่นเก็บผลไม้ทุกวัน หลังจากที่เจ้าหญิงได้ช่วยมันขึ้นจากแม่น้ำที่บังเอิญพลัดตกลงไปเมื่อ 3-4 วันก่อนด้วยความซุกซนและคึกคะนอง
วิ่งไปกินไปเล่นไปเที่ยวเก็บผลไม้จนเต็มตระกร้า เพลิดเพลินกับการเก็บสมุนไพรรูปร่างแปลกตาไปทำยาตามตำราที่เคยอ่านเรียนมาบ้าง เจ้าหญิงเฟรนลี่หยุดนั่งพักใต้ร่มไม้ใหญ่ มองแดดกล้าเลยศีรษะไปแล้ว ก่อนยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดเหงื่อ กระรอกหนุ่มน้อยวิ่งไต่ขึ้นมาตามตัวเจ้าหญิงอย่างซุกซนและคุ้นเคย แล้วหยุดอยู่ที่หัวไหล่
บ่ายแล้วเหรอเนี่ย
แล้วมองซ้ายมองขวา ป่าทึบต้นไม้สูงรูปร่างแปลกตา ทำให้รู้ว่าเที่ยวเล่นมาไกลเกินไปแล้ว ควรจะรีบกลับไปที่กระท่อม
ข้าต้องกลับแล้วล่ะนะ พลางเอียงคอหาเจ้าตัวน้อยบนหัวไหล่ กระรอกหนุ่มน้อยทำจมูกฟุดฟิดกับแก้มนุ่ม ๆ ของเจ้าหญิงเบา ๆ คล้ายแอบหอมแก้ม
โอ๊ย! ไม่เอานะ จั๊กกะจี้ เจ้าหญิงหัวเราะรื่นเริง กับความขี้อ้อนของกระรอกน้อย แล้วใช้สองมือตะครุบตัวมาถือไว้ตรงหน้า
นี่
แอบหอมแก้มข้าเหรอ หญิงสาวมองเจ้าตัวน้อยด้วยรอยยิ้มสดใส
เจ้ากระรอกหนุ่มน้อยตอบเสียงแหลมที่ฟังไม่ออกว่าหมายถึงอะไร ทำหน้าบ้องแบ๊วมองเจ้าหญิงด้วยดวงตากลมใสคู่นั้น
สายตาคมเข้มที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน เฝ้ามองร่างเล็กของหญิงสาวที่กำลังยิ้มแย้มแจ่มใส หยอกล้อกับกระรอกตัวน้อยอยู่ ช่างเป็นภาพน่ามองเหลือเกิน เขาแอบดูเธออยู่หลายวันแล้ว แต่ทำได้เพียงมองอยู่ห่าง ๆ เพราะรู้ตัวเองดีว่าอาจนำอันตรายมาให้เธอได้ ใจหนึ่งรู้สึกเป็นห่วง ที่วันนี้หญิงสาวแสนสวยมาเที่ยวไกลถึงที่นี่
ที่นี่คือป่าเคนาฟ ป่าดงดิบที่ใหญ่ที่สุด กั้นเขตแดนของเมืองตอนใต้สุดของอาณาจักรเรียว กับอาณาจักรเบเนดิค พื้นที่ของป่าแห่งนี้เต็มไปด้วยหุบเขาสูงและเทือกเขาเป็นส่วนใหญ่ มีที่ราบบ้างเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็เป็นที่ซ่องซุ่มกำลังของพวกโจรกบฏริกเกอร์ด้วยเช่นกัน
ไม่ไปนะ ข้าไม่ไป ปล่อย! พ่อจ๋า แม่จ๋า ช่วยด้วย เสียงนั้นเป็นเสียงของผู้หญิง กำลังร้องไห้ดังขึ้นมาจากที่ไหนซักแห่งซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
ปล่อยนะ ไม่
..!!! เสียงกรีดร้อง แตกพร่า แหลมและสูงหายไปในลำคอ บ่งบอกให้รู้ถึงการขัดขืนอะไรบางอย่างอย่างสุดกำลัง
เจ้าหญิงเฟรนลี่ก้มตัวลงต่ำหลบตามพุ่มไม้ทันที มองรอบตัวอย่างระแวดระวังภัย เสียงร้องนั้นดังบาดลึกเข้าไปในหัวใจเหลือเกิน สัมผัสได้ถึงการดิ้นรนต่อสู้ และความหวาดกลัวสุดขีด ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงกรีดร้องนั้น หัวใจของเธอรู้สึกเจ็บปวดไปด้วยเช่นกัน เจ้าหญิงพยายามมองหาที่มาของเสียง
จากคุณ :
ริเศรษฐ์
- [
14 ก.ย. 47 21:57:47
]