หลังจากที่พัชเวชกลับมาจากงาน ใบหน้าของชายหนุ่ม ดูไม่สดใสคงเป็นเพราะคำพูดสุดท้ายของเจ้าบ่าวในงานเมื่อครู่ ที่เข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นคุ่รักของชนธิสา ดูเหมือนเธอเองก็ตกใจไม่ต่างจากเขาด้วยซ้ำ ภาพแววตาและความรู้สึกของหญิงสาวเมื่อสักพักที่ผ่านมายังติดในความทรงจำของชายหนุ่ม
"เชอรี่ คุณจะทำยังไงถ้ารู้ว่ากั้งไม่ได้ทำตามที่เคยให้สัญญาไว้ได้"
ระหว่างนั้นพิชอรเดินลงมากินน้ำชั้นล่าง เธอเห็นพี่ชายนั่งนิ่งเหมือนคนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง คิ้วที่ขมวดเป็นปมสร้างความสงสัยให้กับหญิงสาว เห็นเมื่อช่วงหัวค่ำบอกไปงานเลี้ยง แต่ทำไมกลับมาทำหน้าเหมือนคิดหนักล่ะ เธอไม่รอช้าตรงเข้าไปถามพี่ชาย
"งานไม่สนุกเหรอคะพี่เวช "
"เปล่าหรอกก็สนุกดี แต่
." พัชเวชเกือบหลุดความคิดคาใจออกมาให้น้องสาวรับรู้
"แต่อะไรเหรอคะ ถึงต้องทำคิ้วผูกเป็นโบว์เชียว"คำพูดของน้องสาวเรียกเสียงหัวเราะจากชายหนุ่มได้นิดหน่อย
"หึ หึ หน้าพี่ดูตลกขนาดนั้นเลยหรืออร"
"อรแซวเล่นน่ะค่ะ อยากให้พี่เวชหัวเราะ เห็นเครียดเหลือเกิน"
"ขอบใจนะน้องรัก ที่คอยสร้างสีสันให้พี่ แล้วทำไมยังไม่นอนอีก ดึกแล้วนะ"ชายหนุ่มลูบศีรษะของหญิงสาวพร้อมกับยิ้มให้
"พอดีอรลงมากินน้ำ เห็นพี่เวชยังเปิดไฟอยู่เลยเดินเข้ามาดู"
"พี่ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องห่วง ขึ้นไปนอนเถอะเดี๋ยวพี่ก็จะขึ้นแล้วเหมือนกัน"ชายหนุ่มบอกกับน้องสาว เขาไม่อยากให้เธอต้องมาเป็นกังวลและเห็นความอ่อนแอของตนเอง รวมถึงเวลากินยาของเขาด้วย เพราะไม่อยากให้พิชอรไม่สบายใจและคิดมาก
"พี่เวชไม่เป็นอะไรอรก็ดีใจค่ะ ถ้าอย่างนั้นอรขึ้นไปก่อนนะคะ อย่านอนดึกมากนะคะพี่เวช"แล้วร่างบางก็ก้าวออกไปจากห้องรับแขก พัชเวชมองตามน้องสาวว่าเธอขึ้นชั้นบนไปแล้วจริงๆ จึงหยิบยาประจำตัวของตนเองออกมาทานก่อนขึ้นนอน ชายหนุ่มต้องทำตามที่หมอสั่งอย่างเคร่งครัด พยายามไม่ให้เครียดมาก และ ทานยาตามเวลาทุกวัน เพื่อยืดชีวิตของเขาให้ยาวนานมากที่สุด
+++++++++
ข้างฝ่ายชนธิสาหลังจากที่งานเลิกเธอก็กลับเข้าห้องพัก หญิงสาวยืนนึกถึงใบหน้าของชายหนุ่มอีกคนที่เป็นเจ้าของเสื้อสูทซึ่งเธอใส่ไว้บนกาย คืนนี้เธอรู้สึกดีใจที่ได้พบกับเขาในภาพของหนุ่มอารมณ์ดี และไม่เคร่งเครียดอย่างทุกครั้งที่ผ่านมา ท่าทางว่าพัชเวชจะทำใจและยอมรับกับความเป็นจริงได้บ้างแล้ว ว่าเวลาไม่สามารถดึงหรือย้อนให้คนรักของชายหนุ่มกลับมาได้อีก ดูเหมือนว่าเวลานี้ความรักทั้งหมดที่เขามีอยู่จะทุ่มเทไปให้น้องสาวคนเดียว ที่ชายหนุ่มทั้งรักและห่วงไยมากกว่าใคร
ภาพของพิชอรเข้ามาอยู่ในมโนภาพของชนธิสา หญิงสาวที่มีแต่แววตาเศร้าหมอง มันบ่งบอกถึงชีวิตและเรื่องราวที่เธอได้พบมา แต่ที่ชนธิสาไม่เข้าใจอีกอย่างนั่นก็คือ ใบหน้าของพิชอรดูเหมือนจะมีเรื่องให้ครุ่นคิดตลอดเวลา เธอเคยสังเกตเห็นในยามที่หญิงสาวเผลอตัวบ่อยๆ ภาพนี้จะแสดงออกมาทุกคราวเมื่อเธอแอบมอง
ชนธิสาอดนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาเมื่อครู่ไม่ได้ แววตาและใบหน้าที่แสดงออกถึงความตกใจเมื่อชาลอสถามถึงงานแต่งงานของทั้งสองคน ใช่ว่าชายหนุ่มจะตกใจเพียงฝ่ายเดียว หญิงสาวเองก็เช่นกัน ไม่คิดว่าน้องชายของเพื่อนจะเอ่ยถึงเรื่องนี้ ถ้าเป็นอัคนินทร์ยืนอยู่ ณ เวลานั้น เธอก็คงจะไม่รู้สึกอะไร เพราะเป็นเรื่องปกติที่จะต้องเกิดขึ้น เมื่อความรักของหญิงสาวไม่ค่อยมีปัญหา ทั้งสองเข้าใจในกันและกัน แม้เวลาและความห่างไกลจะแยกเขาทั้งสองให้ห่างกัน แต่เวลานี้ทั้งคู่ได้กลับมาอยู่ใกล้กัน ความเข้าใจและความผูกพันก็ต้องมากกว่าเดิม
แต่ที่เธอไม่สามารถรู้ได้เลยว่า แม้ความห่างไกลของทั้งคู่จะไม่เป็นอุปสรรค แต่ความเข้าใจและความผูกพันที่ทั้งสองจะมีให้กันนั้นต่อไปอาจจะไม่เป็นอย่างเช่นเดิม เมื่อใจและความรู้สึกของเธอและเขามีคนอื่นเข้ามาแทรกอยู่ในจิตใจของทั้งคู่ นั่นคือความอ่อนไหวจากใครบางคนที่ทั้งอัคนินทร์และชนธิสาก็ต่างเกิดขึ้นเช่นเดียวกัน
หญิงสาวถอดเสื้อสูทของพัชเวชใส่ไว้ในไม้แขวนอย่างดี นึกถึงเจ้าของและกลิ่นน้ำหอมของเขา ในฐานะตัวแทนของคนรัก รอยยิ้มและความอบอุ่นที่อยู่รอบตัวเธอ ทำให้ชนธิสาอดยิ้มกับตนเองไม่ได้ เขาก็ไม่ใช่คนเคร่งขรึมเสียทีเดียว หากเวลาหวานก็สามารถทำให้ใจของใครต่อใครแกว่งได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีตัวเธอรวมอยู่ด้วย
ความรู้สึกขัดแย้งกับตนเองใช่ว่าจะเกิดกับชนธิสาฝ่ายเดียว หากแต่เกิดขึ้นกับชายหนุ่มอีกคนด้วยเช่นเดียวกัน ที่รู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกของหญิงสาว ถ้าหากได้รุ้ความจริงว่าคนรักไม่ได้ซื่อสัตย์กับเธอเหมือนอย่างเดิม
ชนธิสาจัดการกับตนเองโดยการอาบน้ำและเปลี่ยนชุดเตรียมตัวเข้านอน เธอเดินมาดับไฟในห้องและเปิดโคมไฟที่หัวเตียง ก่อนจะล้มตัวลงนอนและหลับตาลง
+++++++++++++++
อีกด้านหนึ่งในรถเก๋งราคาแพง ชายหนุ่มใบหน้าคมสันกำลังนั่งทำหน้าเคร่งเครียด มือใหญ่จับไปยังพวงมาลัยพร้อมกับซบใบหน้าของตนกับท่อนแขนแข็งแรง หากว่าใจของเขานั้นไม่เข้มแข็งเหมือนอย่างตอนแรก
กั้งนายเป็นบ้าอะไร ถึงเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับลิซ่าอีก ทำไมไม่รู้จักใจแข็งบ้าง เสียงต่อว่าของตนเองดังขึ้นจากจิตใต้สำนึกของชายหนุ่ม
ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะกระจกด้านนอกทำให้อัคนินทร์ได้สติกลับคืนมา เขากดกระจกลง
"คุณกั้งเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ผมเห็นเข้ามาตั้งนานแล้ว"
"เปล่าไม่เป็นอะไรหรอก ขอบใจนะที่เป็นห่วง"อัคนินทร์เปิดประตูรถก้าวออกมาส่งกุญแจให้คนขับที่บ้าน แล้วเขาก็เดินขึ้นชั้นบนไป ทิ้งไว้แต่เพียงความสงสัยในใจของคนที่มาเรียกเมื่อครู่
ชายหนุ่มย้อนคิดถึงเรื่องราวเก่าๆที่เขาได้พบกับลิซ่าหรืออริษา ในระหว่างที่ไปเรียนต่อ หญิงสาวใบหน้าสวยก็ได้มาพบกับตนเองที่ห้องสมุด เธอมากับเพื่อนสาวที่สนิท แต่เวลานั้นเขากลับไม่รู้สึกอะไรกับหญิงสาวเลย จนกระทั่งเพื่อนของเขาที่เรียนด้วยกันได้แนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกัน
ด้วยนิสัยร่าเริงและเข้ากับคนง่ายทำให้ชายหนุ่มและเธอสนิทกันรวดเร็ว และมีอะไรลึกซึ้งต่อกัน เขายอมรับอยู่อย่างหนึ่งว่า เป็นคนที่แคร์ต่อความรู้สึกของอริษามาก ทั้งสองมีเวลาให้แก่กันเพียงพอกับความสัมพันธ์ที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งกลับมาเมืองไทย เธอและเขาก็ยังติดต่อกันอยู่อย่างสม่ำเสมอ
จนมีเหตุให้ทั้งคู่ต้องห่างกัน ด้วยเพราะความเป็นห่วงเพื่อน ทำให้ความรักของทั้งสองเริ่มคลอนแคลน ถึงแม้ชายหนุ่มจะมีเวลาให้เธอมากมายเพียงใด แต่ก็ไม่พอกับความต้องการของหญิงสาว จนบางครั้งเขารู้สึกกลัวกับการเลิกราที่ใกล้จะมาถึง
เมื่อหญิงสาวไม่เข้าใจในความจำเป็นของเขา ทั้งคู่ก็ทะเลาะกันบ่อยครั้ง และเธอยังไม่ยอมฟังเหตุผลของชายหนุ่มอีก และเวลาที่อัคนินทร์คิดไว้ก็มาถึง เมื่ออริษามาบอกว่าจะไปเรียนต่อ นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่เขาได้ยิน หลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยติดต่อกลับมาหาชายหนุ่มอีกเลย ไม่ว่าเขาจะเพียรติดต่อไปมากเท่าใด มันก็สูญเปล่าเพราะอริษาไม่ตอบรับกลับมาเลยสักอย่างเดียว
จะว่าไปเขาเองก็ไม่รู้จักกับครอบครัวของเธอมาก เพราะหญิงสาวไม่เคยเล่าเรื่องคนในครอบครัวให้ชายหนุ่มฟังเลย รู้แค่เพียงว่าอริษาเป็นเด็กต่างจังหวัดที่พ่อแม่ส่งเธอมาเรียนยังต่างประเทศ เท่านี้จริงๆที่เขาได้รับรู้จากหญิงสาว อัคนินทร์นอนก่ายหน้าผากคิดกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้
มีต่อ
จากคุณ :
tonkho-w
- [
20 ก.ย. 47 11:03:12
]