เป็นเรื่องที่เขียนไว้เมื่อเดือนก่อน ว่าจะเก็บไว้ลงหลังช่วงสอบเสร็จ (2 ต.ค.) แต่ไปๆมาๆก็ลงจนได้ 555
ส่วนนิยายเรื่องสุขาวดีฯภาค๒ ขอเอาไว้ลงช่วงหลัง๒ต.ค.จริงๆนะครับ ^^ ขอปั่นสลับอ่านหนังสือไปพลางๆก่อน
=================================
"รักกันวันแรกพบ.....หรือจบกันแค่ตรงนี้" - ธามาดา -
21 ส.ค. 47 สำนักหอสมุดแถวๆบางเขน
คุณจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าประหลาดใจไหมถ้าหากเช้าวันหนึ่งคุณตื่นขึ้นมาอย่างแจ่มใส ระหว่างที่กำลังอาบน้ำและเปิดตู้เย็นหาอาหารเช้าง่ายๆทานคุณนึกทบทวนสิ่งต่างๆที่จะต้องทำในวันนี้แล้วก็โล่งใจเมื่อรู้ว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ คุณตั้งใจว่าจะไปยืมหนังสือสนุกๆสักสองสามเล่มที่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยมาอ่าน จากนั้นก็ไปดูหนังสักเรื่องตอนบ่ายๆ แล้วค่อยกลับมาลองทำกับข้าวสูตรใหม่ๆที่นึกได้ให้ตัวเองชิมตอนเย็น ก่อนจะนอนหลับไปพร้อมกับเพลงวิทยุและหนังสือเล่มโปรดให้สมกับที่เป็นวันหยุด
ถ้าไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ แสดงว่าผมยังเล่าให้คุณฟังไม่จบ เพราะความบังเอิญของมันคือเมื่อผมกำลังล็อคกุญแจหน้าประตูห้องพักบนคอนโดมิเนียมชั้น ๑๒ ของตัวเองเพื่อจะออกไปข้างนอกตอนสาย ห้องพัก ๑๒๒๑ ที่อยู่ข้างๆกันก็เพิ่งจะเปิดประตูออกมา และนั่นทำให้ผมเพิ่งจะได้เห็นโฉมหน้าของเจ้าของห้องข้างๆเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนตั้งแต่ที่ผมย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่
หล่อนเป็นหญิงสาวหน้าตาค่อนข้างคมและดุคนหนึ่ง เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวและกระโปรงระดับเข่ายังไม่สามารถทำให้ผมคาดเดาได้ว่าหล่อนทำงานหรือเรียนอยู่ที่ไหน ข้าวของหล่อนคงอยู่ในกระเป๋าถือพลาสติกสี่เหลี่ยมลายสก็อตปิดทึบแบบที่ผู้หญิงนิยมใช้ใบนั้น สังเกตจากอายุคงไม่ได้แตกต่างจากผมมากนัก
ชั่วระหว่างที่ผมลอบสังเกตลักษณะของเพื่อนบ้านอยู่นั้นเองหล่อนก็หันมาเห็นผมยืนอยู่หน้าห้อง ๑๒๒๒ เสี้ยววินาทีนั้นผมเห็นริ้มฝีปากของหล่อนยิ้มทักทายเล็กน้อย
ผมยิ้มรับเป็นปฏิกริยาตอบรับอัตโนมัติแล้วแกล้งหันหน้าไปทำวุ่นวายกับเรื่องอื่นเสีย บอกตัวเองไม่ถูกว่ายิ้มของคนแปลกหน้าที่ได้เจอกันครั้งแรกทำไมต้องทำให้รู้สึกแบบนี้ เมื่อผมลงแม่กุญแจประตูห้องเรียบร้อยและรีบเดินไปที่โถงลิฟท์โดยไม่หันไปมองข้างหลังอีก แต่ไม่นานนักเสียงรองเท้ากระทบพื้นถี่ๆและเสียงรูดซิปกระเป๋าถือแบบผู้หญิงทำให้ผมรู้ว่าเจ้าของห้องข้างๆคงกำลังรีบเดินตามมาให้ทันลิฟท์เช่นกัน นาทีต่อมาประตูลิฟท์ก็เปิดออก
ในโลกสี่เหลี่ยมแคบๆนั้น ผู้ชายคนหนึ่ง ผู้หญิงคนหนึ่ง ระยะห่างของเราสองคนคือผนังคนละฟากของลิฟท์ เงียบจนเหมือนจะได้ยินเสียงลมหายใจของอีกฝ่าย สายตาของผมกับหล่อนมองไปยังตัวเลขชั้นที่ลดต่ำลงอย่างใจจดใจจ่อ
เราต่างคนต่างเดินออกจากลิฟท์และคอนโดมิเนียม แม้ว่าทิศทางการเดินของเราจะเหมือนกันคือเดินออกไปยังป้ายรถเมล์ปากซอย แต่ผมเดินตามหลังหล่อนอยู่หลายก้าว และเราไม่ได้พูดอะไรกัน ผมคิดในใจแต่เพียงว่าเอาวะ เดี๋ยวรถเมล์มาก็แยกทางกันไปตัวใครตัวมันแล้ว
แต่ผิดคาดอย่างมหันต์ ผมใช้เวลายืนรอรถเมล์ด้วยระยะห่างห้าเมตรจากหญิงสาวคนนั้นไม่นานนัก รถเมล์สายที่ผมรอก็มาถึง ผมก้าวขึ้นบนรถอย่างโล่งใจและรีบเดินไปนั่งที่นั่งเบาะคู่สุดท้ายด้านท้ายที่ยังว่างอยู่ แต่ไม่กี่วินาทีถัดมาก็มีหญิงสาวคนหนึ่งก้าวมานั่งข้างผมอันเป็นที่นั่งสุดท้ายบนรถพอดี กระเป๋าพลาสติกลายสก็อตสีน้ำตาลที่เอียงมาโดนขาผมนิดหนึ่งทำให้ผมหันไปมองคนร่วมทางข้างๆแล้วแทบสะดุ้ง หล่อนอีกแล้ว
..หญิงสาวห้อง ๑๒๒๑
อะไรกัน อยู่ห้องข้างๆกันบนคอนโดมิเนียมเดียวกันแล้วยังไปทางเดียวกันอีก ที่จริงหล่อนก็คงเคยมาทางเดียวกับผมตลอดหลายเดือนแล้ว เพียงแต่ผมเพิ่งมาสังเกตในวันนี้เอง เพราะจังหวะออกจากห้องพร้อมกันเมื่อเช้าแน่เลยเชียว หายากเหลือเกินที่จะเกิดความบังเอิญแบบนี้ได้
จากคุณ :
ธามาดา
- [
22 ก.ย. 47 23:00:49
]